แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่411 นี่ ก็คืออาวุธโค่นแก
เต๋อกุลาจ้องเฉินเป่ยไว้ ภายในแววตาที่หนาวเหน็บ ในที่สุดเผยสีหน้าที่เคร่งขรึมนิดๆ ออกมาแล้ว
อยู่ไกลเกินกว่าหลายสิบเมตร ชั่วขณะหนึ่งเฉินเป่ยสามารถทำลายชุดร่อนของเขาทิ้งได้ เรื่องแบบนี้คนทั่วไปทำไม่ได้แน่
เต๋อกุลาจ้องเฉินเป่ยอย่างเย็นชา ถึงแม้ว่าในใจจะเห็นความสำคัญของเฉินเป่ยมาก แต่ภายนอกยังคงเอ่ยปากบอกแบบนิ่งๆ “ถึงแม้แกจะยังมีฝีมืออยู่หน่อย แต่ก็ไม่มีอะไรแตกต่างกันมากเท่าไรกับขี้โรคแห่งเอเชียพวกนี้”
“ขี้โรคแห่งเอเชีย?” เฉินเป่ยเดินไปทางเต๋อกุลาทีละก้าว พื้นสนามหญ้าที่ใต้เท้าสั่นสะเทือนแตกร้าวทั้งหมด
สีหน้าของเฉินเป่ยยิ่งเย็นเฉียบ ในน้ำเสียงเผยการเยาะเย้ยที่เข้มข้น “พูดอย่างกับชนเผาเลือดของพวกแกเป็นตระกูลที่สูงส่งอะไรอย่างนั้น หลบอยู่ในปราสาทของพวกแก เอาตัวรอดไปวันๆ……”
คำพูดของเฉินเป่ยราวกับเข็มเล่มหนึ่ง ทิ่มแทงเต๋อกุลาจนเจ็บอย่างแรง เต๋อกุลาจ้องมองเฉินเป่ย ค่อยๆ พูดว่า “ฉันไม่สนว่าแกรู้เรื่องพวกนี้มาได้ยังไง แต่วันนี้ แกกับสองคนนั้น ไม่อาจมีชีวิตรอดได้อย่างเด็ดขาด”
“ทั่วทั้งต่างประเทศ ยังไม่มีใครกล้าแตะผู้หญิงของฉัน ดูแล้วตอนนั้นฉันคงลงโทษชนเผ่าเลือดเบาเกินไป ทำให้พวกแกต้องได้รับบทเรียนที่สาสม” เสียงดังของคำพูดแต่ละคำของเฉินเป่ยและฝีเท้าที่ก้าวลงสะเทือนเลื่อนลั่นนั้นดังก้อง บนตัวของเขามีกลิ่นอายหนาวเย็นโหดเหี้ยมรวมตัวคลุ้งกระจายทั่ว ต่อให้เขาไม่ได้ใส่หน้ากากและเสื้อคลุมดำของราชาหลง แต่ท่วงทีของเขายังปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุด ไม่หลงเหลือท่าทีอันธพาลแบบในช่วงปกติเลย ดวงตาสาดส่องแสงอาฆาตแค้นที่ดุเดือดออกมา ทำให้เต๋อกุลายืนอยู่ด้านหน้าของเขา เหมือนกับเผชิญหน้ากับมังกรดุร้ายตัวหนึ่ง
นี่คือราชาหลง เอ่ยปากมาก็เป็นพลังแห่งเจ้าผู้ครอบครองที่คนอื่นไม่มีทางเทียบ เพียงแค่กลิ่นอายที่ส่งออกจากตัวเขา เพียงพอที่จะทำให้คนนับไม่ถ้วนสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ได้
เต๋อกุลารู้สึกถึงกลิ่นอายที่แพร่กระจายจากบนตัวเฉินเป่ยนั้นได้อย่างชัดเจน ชั่วขณะนั้นจิตใจสั่นไหว ในใจแอบพูดว่าถึงแม้คนที่อยู่ต่อหน้าจะต่างกันกับราชาหลงในตำนานอย่างมาก แต่คาดไม่ถึงจะทำให้เขาเกิดความคิดหวาดกลัวนิดๆ แล้ว
เต๋อกุลามองทางเฉินเป่ย เขาไม่ยอมรับไม่ได้ ตอนนี้เขาไม่กล้าประมาทข้าศึกสักนิดเดียว โดยเฉพาะเฉินเป่ย เกินกว่าความคาดหมายของเขา
“การลงโทษของชนเผ่าเลือด แกล้อเล่นบ้าอะไรกัน ชนเผ่าเลือดของฉันสืบทอดมายาวนานพันปี…ไม่เคยมีใครที่ไหนทำให้ชนเผ่าเลือดของฉันยอมแพ้ได้” เต๋อกุลาหัวเราะเสียงดัง เสียงเผยการเสียดสีที่รุนแรง เฉินเป่ยพูดไร้สาระเต็มปากเต็มคำ ทำให้เดิมทีเขาไม่เชื่อ
“นั่นเป็นผู้หญิงของแก…คิดไม่ถึงผู้หญิงแบบนั้นจะโดนพวกต่ำต้อยแบบแกครอบครองไป น่าเสียดายจริงๆ เลย” เต๋อกุลาเอ่ยปากเย้ยหยัน “ถ้าหล่อนอยู่ที่ชนเผ่าเลือดของพวกฉัน ฉันว่าหล่อนก็ไม่เลวดี พวกฉันกำลังขาดสัตว์เลือดที่สวยงามชั้นเลิศคนหนึ่งอยู่พอดี”
“วอนหาที่ตาย!” สีหน้าเฉินเป่ยสงบลงมากะทันหัน เพียงแต่ร่างกายของเขาสั่นไหวอย่างฉับพลัน วาร์ปไปพุ่งโจมตีทางเต๋อกุลา
วินาทีนั้นจากบนตัวของเฉินเป่ยระเบิดแรงอาฆาตแค้นสั่นสะท้านออกมา ทำให้ท้องฟ้าเหมือนมืดมิดหมด เหมือนถูกแรงอาฆาตแค้นของเฉินเป่ยทำเอาหวาดกลัวเข้า
แววตาที่ดูถูกของเต๋อกุลา เขาไม่ได้เอาเฉินเป่ยในเวลานี้มาใส่ใจอะไร เดิมทีเขาไม่รู้ว่าเฉินเป่ยที่อยู่ตรงหน้า ในที่สุดก็โมโหแล้ว
เฉินเป่ยในวินาทีนั้น ภายในใจเกิดเจตนาต้องฆ่าขึ้นแล้ว หลังจากที่เต๋อกุลาเอ่ยปากพูดประโยคนั้นออกมา เท่ากับว่าเต๋อกุลาโดนตัดสินประหารชีวิตเรียบร้อย
ตอนจุดอ่อนของผู้มีอำนาจโดนใครเจอ คนนั้นหาที่ตาย
เต๋อกุลาเหยียดหยามเฉินเป่ย บางทีอาจยังจะไม่เจอผลลัพธ์ที่ร้ายแรงเช่นนี้…แต่เมื่อสักครู่สิ่งที่เต๋อกุลาเหยียบย่ำ เป็นที่หวงแหนของเฉินเป่ย….หลีชิงเยียน
เต๋อกุลาได้แตะโดนขีดจำกัดของเฉินเป่ยที่ห้ามแตะต้องเข้า
“ปึง!” เฉินเป่ยก้าวเท้าบนสนามหญ้า พื้นสนามหญ้าแตกร้าวแกร่กๆ และทั้งตัวของเฉินเป่ยราวกับลูกธนูที่ยิงออกไปจากคันธนู พุ่งจู่โจมไปหาเต๋อกุลา
“ฮู้!” ลมแรงคำรามเข้ามา ทุกที่ที่เฉินเป่ยผ่าน ที่ว่างในอากาศ ปรากฏระลอกคลื่นที่สามารถมองเห็นด้วยเปล่าขึ้นมา
ลูกตาทั้งคู่ของเต๋อกุลาหดลงเท่าเข็ม ความเร็วของเฉินเป่ย คาดไม่ถึงยังสยองขวัญกว่าความเร็วของเขาอีก
ชั่วพริบตาเดียว เฉินเป่ยก็ปรากฏตัวตรงหน้าของเขาแล้ว
แววตาเต๋อกุลาเปล่งประกาย ความเร็วของเฉิยเป่ยช่างไวเหลือเกิน เกินกว่าความคาดหมายของเต๋อกุลาโดยสิ้นเชิง
ในใจของเต๋อกุลาตะลึงยกแขนสองข้างตั้งการ์ดโดยจิตใต้สำนึก ขวางไว้ทันใด
และเวลานี้เฉินเป่ยยกหมัดขึ้นฉับพลัน เส้นเลือดที่แขนขวานูนขึ้น ราวกับงูเขียวที่ดุร้ายหลายตัว
แววตาของเฉินเป่ยเย็นชา จากบนลงล่าง หมัดนั้นแฝงด้วยกำลังมหาศาล ต่อยลงเสียงดังกระหึ่ม
“ปึง!”
เสียงดังสนั่น กำลังสยองขวัญระเบิดออกมา ทั้งร่างกายของเต๋อกุลาล้มกระเด็นออกไปโดยตรง
“ตืดๆๆ!”
ทั้งตัวของเต๋อกุลากระเด็นลอยออกไปอย่างรวดเร็วดุจลูกกระสุนปืนใหญ่ ลอยไปไกลสามสิบกว่าเมตรเต็มๆ กลิ้งตลบบนพื้นนับครั้งไม่ถ้วน จากนั้นถึงล้มลงบนพื้น หน้ามอมแมมไปด้วยฝุ่น
“แค่กๆ……”
เต๋อกุลาปัดๆ ฝุ่นบนตัวแล้วลุกขึ้นยืนอย่างซวนเซ เขาในเวลานี้ หน้าตามอมแมม กระเซอะกระเซิงอย่างยิ่ง ท่วงท่าสูงศักดิ์สง่างามก่อนหน้านี้ ไม่หลงเหลือสักนิดเดียว
“นี่ คือชนเผ่าเลือด? แม้แต่พวกอ่อนแอยังนับว่าเป็นได้เลย!” เฉินเป่ยก้าวเท้าออกมาด้วยสีหน้าสงบ เผยความหมายที่เย็นชา จ้องมองเต๋อกุลา ทำให้เต๋อกุลาจิตใจสั่นเทาอย่างน่าประหลาดใจ
เต๋อกุลาสัมผัสถึงได้อย่างแจ่มแจ้ง จากภายในแววตาของเฉินเป่ย เผยความรู้สึกที่อยู่เหนือมวลชนอันนั้น ไม่เหมือนความรู้สึกเหนือชั้นกว่าแบบนี้ของเต๋อกุลาแบบไกลโข…นั่นเป็นความเกรียงไกรที่ส่งออกมาโดยธรรมชาติ…นั่นเหมือนเป็นสายตาที่ผู้ยิ่งใหญ่จ้องมองพวกต่ำต้อย
ภายในใจลึกๆ ของเต๋อกุลามีเลือดของตระกูลสูงศักดิ์แห่งยุโรปไหลเวียน แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกถึงความรู้สึกกดดันที่ไร้รูปร่าง เขายามอยู่ต่อหน้าผู้ชายหัวเซี่ยคนนี้ ยากจะเชิดหน้า…ยากจะหายใจ
เฉินเป่ยแพร่กระจายความหนาวเหน็บดุเดือด ทำให้ในใจเต๋อกุลาเกิดความปั่นป่วนไปทั่ว เมื่อก่อนหน้านี้ เขารู้สึกไม่ถึงความน่ากลัวเช่นนี้ของเฉินเป่ยเลยสักนิด เหมือนเป็นคนละคนกันอย่างสิ้นเชิง
เฉินเป่ยจ้องเต๋อกุลาอย่างเมินเฉย ในแววตาแฝงด้วยการเหยียดหยาม ทำให้เต๋อกุลาหนังศีรษะชา และในใจเกิดความไม่ยินยอมศิโรราบ
ปราสาทเต๋อกุลา…ชนเผ่าเลือด ตำแหน่งของพวกเขาที่ยุโรปอยู่เหนืออะไรทั้งสิ้น เต๋อกุลาขยับตัวที่ยุโรป ไม่รู้ว่าจะทำให้รัฐมนตรีข้าหลวงมากมายเท่าไรมาต้อนรับอย่างเอาอกเอาใจเคารพนอบน้อม
ในฐานะชนเผ่าเลือด แม้แต่คนที่ธรรมดาอ่อนแอที่สุดในชนเผ่าเลือด ความสามารถยังเพียงพอที่จะบดขยี้มนุษย์ส่วนใหญ่ได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเต๋อกุลา…ด้วยความสามารถของเขา ที่ต่างประเทศสับสนวุ่นวายนั้น ยังคงสามารถรักษาตัวไว้ได้ ย่อมสามารถอธิบายฝีมือแข็งแกร่งของเขาได้แล้ว
ส่วนตอนนี้เขาอยู่ต่อหน้าเฉินเป่ย กลับถูกกดขี่อย่างจัง ถูกกดจนใกล้จะเงยหน้าไม่ขึ้นแล้ว
เต๋อกุลาหน้าแดงขึ้นแล้ว เฉินเป่ยพูดแต่ละประโยค แต่ละคำ ล้วนเหยียดหยามเขาชนเผ่าเลือดคนนี้
“ชนเผ่าเลือดที่น่าเกรงขาม ถึงแม้แกมีความสามารถทระนงองอาจ สำแดงออกมาไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับสวะหรอก!” เฉินเป่ยเอ่ยปากอย่างเย็นชา เต๋อกุลาพึ่งปีนขึ้นมา เฉินเป่ยปรากฏตัวด้านหน้าเขาเรียบร้อย
ในแววตาเต๋อกุลาเผยความหมายอับอายโมโหออกมา เขาโดนต่อยจนอัดอั้นเกินไป เกือบจะหมดแรงโต้กลับไปเลย
“ตายซะเถอะ!” พอเต๋อกุลากัดฟัน เล็บที่ยาวแหลมคมคู่นั้น แทงไปทางเฉินเป่ยอย่างฉับพลัน
ในเวลานี้ บนหน้าเฉินเป่ยประกายการเยาะเย้ยที่หนาวเหน็บแวบผ่าน แวบเดียว แสงดำเส้นหนึ่งแวบผ่านด้านหน้าเต๋อกุลาไป ความหนาวเหน็บปกคลุมเรือนร่างของเต๋อกุลาในชั่วพริบตาเดียว ร่างกายเต๋อกุลาแข็งค้าง เหมือนร่วงลงรูน้ำแข็ง
“แกร่ก!”
แวบหนึ่ง เสียงแตกหักที่กังวานดังขึ้น สีหน้าของเต๋อกุลาเปลี่ยนไป เขาก้มหน้าทันใด ชั่วขณะนั้นมองเห็นเล็บแหลมคมประกายแสงเย็นเฉียบบนนิ้วทั้งสิบนั้นของตนเอง ปรากฏรอยตัดที่เรียบตรงขึ้นแล้ว แสงดำเส้นหนึ่งกรีดผ่าน ตัดขาดเล็บทั้งสิบนิ้วไปอย่างง่ายดาย
“เสือที่ไม่มีกรงเล็บ ดูสิว่าแกจะกำเริบยังไงได้!” เสียงของเฉินเป่ยเย็นยะเยือก เสียงอย่างกับมาจากนรก ดังสะท้อนในอากาศ
“แกตายซะเถอะ!” เต๋อกุลาเล็บหักไปแล้ว ร่างกายสั่นเทาอย่างแรง ในแววตาลึกของเขามีแสงหนาวเหน็บอันไร้เทียมทานคลุ้มคลั่งมากมาย กุมหมัดทันใด โจมตีไปทางเฉินเป่ยอย่างบ้าระห่ำ
หมัดนี้ เต๋อกุลารวบรวมกำลังทั้งหมดปล่อยออกไป พลังสยองขวัญ
เฉินเป่ยสีหน้าไม่เปลี่ยน พอเอียงร่างกายก็หลบหมัดนี้ออกแล้ว
“แกต้องตาย แกจะตายอย่างแน่!” เต๋อกุลาสีหน้าหนาวเย็นโกรธเป็นพิเศษ การจู่โจมยิ่งดุเดือดรุนแรง โจมตีติดต่อกันอย่างคลุ้มคลั่ง แม้กระทั่งแขนทั้งคู่หลงเหลือไว้เพียงภาพวืดกลางอากาศ
เต๋อกุลาที่อยู่ในอารมณ์โกรธมาก ในที่สุดก็ระเบิดฝีมือทั้งหมดของเขาออกมา แต่ละการโจมตีล้วนเป็นพลังสยองขวัญที่แฝงด้วยความดุเดือด แม้แต่เต๋อกุลาจะก้าวเท้าออกมา สนามหญ้าใต้เท้ายังแตกร้าวแกรกๆ
“พรึบ!”
รูปกรงเล็บที่มือทั้งคู่ของเต๋อกุลา คว้าเสื้อสีขาวของเฉินเป่ยอย่างบ้าคลั่ง ชั่วขณะนั้นถูกฉีกลงเป็นชิ้นใหญ่มาก
“ฉันสาบานด้วยสายเลือดของชนเผ่าเลือด วันนี้จะต้องกำจัดพวกต่ำต้อยอย่างแกทิ้งให้ได้ ไม่อย่างนั้นฉันจะเนรเทศตัวเอง!” เต๋อกุลาเอ่ยปากตะโกนอย่างชัดถ้อยชัดคำ ที่ว่างกลางอากาศสั่นไหว ราวกับตอบรับให้เต๋อกุลาแล้ว
“แกจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์วันพรุ่งนี้อยู่แล้ว ยังจะมาเนรเทศตัวเองอีก น่าตลก!” เฉินเป่ยมองเต๋อกุลาอยู่ เสียงพูดเผยความเย็นยะเยือก
ทันใดนั้น มือเฉินเป่ยกุมแสงดำไว้ แววตาเผยความเหี้ยมโหดที่ดุเดือดออกมา แสงดำในมือแฉลบผ่านอย่างรวดเร็ว แทงไปที่หน้าอกของเต๋อกุลาอย่างฉับพลัน
“เฮือก!”
ร่างกายเต๋อกุลาสั่นอย่างแรง สีหน้าแข็งทื่อ
เขาค่อยๆ ก้มหน้า ตอนที่มองเห็นเฉินเป่ยเสียบมีดหลงหยาที่หน้าอกตนเอง สีหน้าแข็งค้างกะทันหัน จากนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปมาก เผยสีหน้าตื่นตระหนกแบบยากจะเชื่อออกมา
“นี่เป็นไปไม่ได้…….” เต๋อกุลาพ่นประโยคหนึ่งออกมาอย่างยากลำบาก เขาเงยหน้ามองทางเฉินเป่ย แววตามีซ่อนความหมายยากจะจินตนาการได้
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้” เฉินเป่ยตอบอย่างเย็นชา