บทที่416 ทั้งกองทหารออกโจมตี!
“นายน้อยครับ พวกเราต้องเข้าไปดูหน่อยหรือเปล่าครับ?” คนขับรถที่อยู่ในรถยนต์เอ่ยปากถามอย่างเคารพนอบน้อม
ถึงแม้ว่าวัยรุ่นชายคนนี้จะอายุน้อยกว่าเขาไม่รู้ตั้งเท่าไร แต่คนขับรถชัดเจนในสถานะของวัยรุ่นชายคนนี้เสียยิ่งกว่าอะไรดี
ลูกของเท่อน่า อายุยังน้อยก็มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ สำหรับลูกชายของตนเองวัยรุ่นชายคนนี้ เต๋อกุลาเท่อน่าดูท่าจะฝากความหวังไว้สูงเลยทีเดียว อย่างน้อยสำหรับเท่อน่าแล้ว ลูกชายของตนเองคนนี้ ในอนาคตจะครอบครองความสำเร็จมากยิ่งกว่าตนเอง
แม้ว่าคนขับรถก็เป็นคนของชนเผ่าเลือดเช่นกัน แต่กลับเป็นเพียงผู้ติดตามที่มีตำแหน่งต่ำสุดในชนเผ่าเลือด เทียบกันกับคนรับใช้แล้ว แทบจะไม่มีอะไรแตกต่างกัน
แต่สำหรับคนขับรถผู้นี้แล้ว ถ้าตนเองสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อวัยรุ่นชายคนนี้ ต่อไปวัยรุ่นชายคนนี้น่าจะให้ผลประโยชน์ดีๆ กับตนเองไม่น้อยเลย
วัยรุ่นชายนั่งอยู่ที่นั่งแถวหลังหลับตาครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นลืมตาขึ้นมาทันใด ในแววตาเผยความเด็ดขาดออกมา “ไปดูหน่อย ด้วยความสามารถของท่านพ่อ ถึงแม้เจอราชาหลงเข้า น่าจะพึ่งพาวิชาป้องกันตัวของเขา สามารถเอาตัวรอดออกมาได้ แต่ทำไมถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวสักนิด”
วัยรุ่นชายขมวดคิ้วแน่นมาก และตอนที่เขานึกถึงเต๋อกุลา ภายในใจเกิดอกสั่นขวัญหายอย่างน่าประหลาดใจขึ้นนิดๆ ทำให้ไม่สบายใจอย่างมาก
เขาค่อยๆ เริ่มกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของเต๋อกุลา แม้ว่าเขาและเต๋อกุลาจะมาถึงที่เยี่ยนจิงเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่เลี่ยงที่จะถูกหัวเซี่ยดูออกยาก ถ้าหากโดนสังหาร คงวุ่นวายยกใหญ่แน่
พวกเขาออกมาข้างนอก สิ่งที่แบกเอาไว้บนสุดคือชื่อเสียงของปราสาทเต๋อกุลา…ถ้าหัวเซี่ยเป็นปฏิปักษ์ต่อปราสาทเต๋อกุลาเพราะพวกเขาสองคน นี่แสดงว่าเขากำลังสร้างศัตรูให้ปราสาทเต๋อกุลาอย่างไม่ต้องสงสัย
รถยนต์สีดำขับแล่นอยู่บนถนน บรรยากาศเงียบงัน เพียงแต่ภายใต้ฉากยามค่ำคืนที่เงียบงันและมืดมิดล้ำลึกนี้ ความสงบที่ผิดปกตินี้ เห็นได้ชัดว่ามีความประหลาดที่พูดไม่ถูกอยู่บ้าง
วัยรุ่นชายคนนั้นนั่งอยู่ที่แถวหลังของรถยนต์ หลังจากนั้นระยะห่างของรถยนต์กับโรงแรมก็ใกล้กันเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในใจของวัยรุ่นชายยิ่งไม่สงบแบบน่าประหลาดอยู่บ้าง
ทันใดนั้น รถยนต์จอดลงที่ข้างทางอย่างช้าๆ
หลังคนขับลงจากรถมา เปิดประตูรถออกด้วยความเคารพ ชายวัยรุ่นเดินลงมาจากบนรถ รองเท้าหนังกระทบที่พื้นถนน เสียงดังแกรกๆ กังวานอย่างมาก
“หยุดก่อน คุณเป็นใคร ทำไมผมถึงไม่เคยเจอคุณมาก่อน?” ทันใดนั้น พนักงานรักษาความปลอดภัยที่เฝ้ายามอยู่หน้าประตูขวางชายวัยรุ่นเอาไว้แล้ว
ชายวัยรุ่นท่าทางเคร่งขรึมลุ่มลึก สีหน้าที่สงบเรียบเฉย ในเวลานี้เต็มไปด้วยความไม่พอใจและรีบร้อนจางๆ
หลังโดนพนักงานรักษาความปลอดภัยห้ามไว้ ชายวัยรุ่นเพียงแค่กวาดสายตามองอย่างเย็นชาทีหนึ่ง แสงเย็นโหดร้ายที่หนาวเหน็บอย่างยิ่งนั้น ทำให้พนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้นท่าทางสั่นฉับพลัน สีหน้าซีดเผือดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“ไสหัวไป!” ชายวัยรุ่นไม่พูดอะไรสักนิด เพียงแค่บอกว่าไสหัวไปคำนี้อย่างเมินเฉย ท่วงทีสยองขวัญที่ระเบิดออกจากบนตัววัยรุ่นชาย ราวกับมีพลังอิทธิพลยิ่งใหญ่ไหลทะลักเข้ามา ชั่วพริบตาเดียวก็ปกคลุมพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนี้ไว้
พนักงานรักษาความปลอดภัยสั่นไปทั้งตัว แววตาเผยความหวาดกลัว และหลังจากเขาได้สติกลับมา วัยรุ่นชายก็หายตัวไปจากหน้าประตูโรงแรม เดินไปทางด้านใน ทำให้หลังจากพนักงานรักษาความปลอดภัยหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง ก้นก็กระแทกลงไปที่พื้นเลย
พนักงานรักษาความปลอดภัยมองทางหน้าโรงแรมที่วัยรุ่นชายหายไป ผ่านไปตั้งนานยังคงจิตใจหวาดผวาไม่หายอยู่บ้าง อาการอกสั่นขวัญแขวนไม่สงบ
ในสายตาของพนักงานรักษาความปลอดภัยผู้นั้น ชายวัยรุ่นทำให้พนักงานรักษาความปลอดภัยรู้สึกถึงความสยองขวัญที่ลึกซึ้ง…นี่แม่งเป็นปีศาจร้ายอะไรกัน สำหรับสายตาที่หนาวเย็นโหดร้ายของชายวัยรุ่นนั้น พนักงานรักษาความปลอดภัยจำได้ลึกซึ้งมาก ชาตินี้ยากที่จะลืมเลือน
หลังชายวัยรุ่นเดินเข้าในโรงแรม สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยทันใด จมูกของเขาสูดดมเพิ่มขึ้น แทบจะเป็นตอนที่ก้าวเข้ามาที่ประตูใหญ่ของโรงแรม เขาก็รู้สึกถึงกลิ่นหอมหวนของเลือดสด
ในฐานะชนเผ่าเลือด วัยรุ่นชายย่อมมีความรู้สึกไวเป็นพิเศษต่อเลือดสดเป็นธรรมดา เลือดเป็นแหล่งพลังงานของชนเผ่าเลือด ชนเผ่าเลือดมีความว่องไวต่อเลือดมากเกินกว่าคนทั่วไป
ไม่นานหลังวัยรุ่นชายมองไปรอบทิศทางสักหน่อย จึงเลือกเดินไปทางสนามหญ้าของโรงแรม
เขาสามารถรู้สึกได้ว่ายิ่งตนเองเข้าไปใกล้สนามหญ้าเท่าไร กลิ่นคาวเลือดในอากาศนับวันยิ่งเข้มข้นขึ้น
“ตึกๆๆ…”
ด้านนอกโรงแรม ในบรรยากาศยามค่ำอันเงียบงัน รองเท้าหนังของวัยรุ่นชายกระทบลงบนพื้น เสียงรองเท้าหนังแจ่มชัด ไม่นานสนามหญ้าที่ด้านนอกโรงแรมก็สะท้อนเข้าม่านตา
ฝีเท้าของวัยรุ่นชายเนิบช้า ก้าวเท้าเดินเข้าในสนามหญ้า เขากวาดสายตาไปแวบหนึ่ง ทันใดนั้น สายตาก็ล็อกไว้ที่จุดหนึ่งแล้ว ร่างกายสั่นอย่างแรง
สายตาของวัยรุ่นชายแข็งทื่อฉับพลัน เขามองไปยังจุดนั้น เห็นเพียงบนสนามหญ้าที่ไม่ไกลนัก มีภาพคนคนหนึ่งนอนอยู่
ตอนที่ชายวัยรุ่นมองเห็นภาพคนคนนั้น ลมหายใจแทบจะหยุดลงแล้ว เขารีบร้อนพุ่งไปยังด้านข้างของภาพคนคนนั้น มองเห็นเต๋อกุลาเบิกตาโต บนหน้ายังเต็มไปด้วยความตกใจรุนแรงและหน้าซีดเซียวแบบยากจะเชื่อ
วัยรุ่นชายมองร่างกายที่หนาวเย็นแข็งทื่อร่างนี้ เขาค่อยๆ คุกเข่าลงมา หัวใจใกล้จะหยุดเต้นตั้งหลายที
“ท่านพ่อ……” ชายวัยรุ่นสั่นสะเทือนอย่างแรงไปทั่วตัว เอ่ยปากพึมพำ ร้องเรียกเสียงเบา
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง วัยรุ่นชายยื่นมือที่สั่นเทาออกมา ค่อยๆ ลูบผ่านดวงตาทั้งคู่ของเต๋อกุลาที่เบิกโพลงตายตาไม่หลับลง ปิดดวงตาทั้งคู่ลงแล้ว
ชายวัยรุ่นจะยอมรับความตายของเต๋อกุลาได้อย่างไรกัน
เขาก้มหน้าจ้องมองรูใหญ่ที่หน้าอกบนร่างกายเต๋อกุลานั้นแบบตาไม่กะพริบ ดวงตาเผยความหมายไม่ยินยอมอย่างชั่วร้ายรุนแรงออกมา ความเกลียดชังมหึมา
อย่างไรเสียชายวัยรุ่นก็นึกไม่ถึงว่าบิดาของตนเอง พอเต๋อกุลาออกไปแบบนี้ คาดไม่ถึงจะไม่กลับมา ก่อนหน้านี้เต๋อกุลาเพิ่งลั่นวาจาฮึกเหิม ต่อให้อยู่ต่อหน้าราชาหลงเขาก็สามารถหนีเอาตัวรอดได้ แต่ตอนนี้ล่ะ…เต๋อกุลาตายตาไม่หลับไปขนาดนี้
ตนเองกับเต๋อกุลาอยู่ที่ต่างประเทศเจอคลื่นลมที่ไม่สงบของสังคมมามากเท่าไร เต๋อกุลามีความสามารถทระนงองอาจ ถึงแม้จะมีขุนศึกอิทธิพลบางส่วนที่ไม่เกรงกลัวชนเผ่าเลือด แต่ตอนที่เจอเต๋อกุลายังให้เกียรติอยู่มาก ทว่าตอนนี้เต๋อกุลาที่อยู่ในสถานที่เล็กๆ อย่างหัวเซี่ยกลับมาล้มเหลวกลางคันเข้าให้
นี่มันเท่ากับว่าเกิดความล้มเหลวในสิ่งที่มีความมั่นใจขึ้นแล้ว
วัยรุ่นชายจะรับได้อย่างไรกันที่เต๋อกุลาจากตนเองไปอย่างกะทันหัน
ร่างกายของวัยรุ่นชายสั่นเทาอย่างบ้าคลั่ง โมโหจนใกล้จะเป็นลมล้มไป โกรธแค้นถึงที่สุด
ในเวลานี้ ทันใดนั้นสายตาของวัยรุ่นชายกวาดมอง ก่อนจะตกลงบนสนามหญ้าด้านข้างร่างเย็นเฉียบของเต๋อกุลา ทำให้สายตาของวัยรุ่นชายแข็งตัวทันใด
“นี่คือ……” วัยรุ่นชายนั่งยองลงมา สังเกตตราอันหนึ่งที่เหลือไว้บนพื้นสนามหญ้าโดยละเอียด
ทันใดนั้น วัยรุ่นชายหัวใจสั่น ดวงตาของเขาจ้องตราที่อยู่บนสนามหญ้าเขม็ง…นั่นคือสัญลักษณ์มังกรของจริง
“ราชา…….หลง!” วัยรุ่นชายสีหน้าฝืดแข็ง ตกใจไปอย่างแรง
บรรยากาศเงียบสนิท ทั้งตัววัยรุ่นชายตกใจจนฝืดค้าง แทบงงงวยไปหมด
หลังจากนั้นวัยรุ่นชายเงยหน้าทันใด มองไปรอบด้านอย่างตื่นตระหนก ในใจกังวลไม่สงบเอามากๆ
ผ่านไปอยู่นานวัยรุ่นชายถึงสูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง พยายามทำให้ตนเองสงบลงมา แต่ตอนที่เขามองไปทางตราอันนั้น ในใจยังคงยากจะสงบ สั่นเทาไม่หยุด
“ราชาหลง…ที่แท้เป็นนาย…..” วัยรุ่นชายจ้องตราอันนั้นอยู่ สีหน้าซับซ้อนอย่างมาก ใช่ นี่เป็นราชาหลง นี่คือตราที่เป็นราชาหลงเท่านั้นถึงจะมี เดิมทีคนอื่นไม่มีสิทธิ์กล้าไปเลียนแบบ
“ราชาหลง…ฉันจำนายได้แล้ว……” วัยรุ่นชายกัดฟันแน่น เค้นคำพูดไม่กี่คำออกจากร่องฟัน หลังจากรู้ว่าเป็นราชาหลง เขาเกือบจะใกล้เลิกล้มความคิดแก้แค้นลงเลย
นั่นไม่ใช่คนอื่นหรือหมาแมวอะไร นั่นคือราชาหลง ผู้ชายที่ยืนอยู่ยอดบนของโลกใบนี้ เขาจะแก้แค้นอย่างไรกัน?
ผู้มีอิทธิพลเหนือชั้นมากมายเท่าไรมีเจตนาอยากจะต่อต้านยับยั้งราชาหลงมาโดยตลอด ทว่าล้วนไม่มีประโยชน์ เขาชนเผ่าเลือดคนเดียว ไปหาราชาหลงเพื่อแก้แค้น? นี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่แท้จริง แม้แต่ในฝันยังทำไม่ได้
วัยรุ่นชายสีหน้าซีดเผือด ในใจเกิดความรู้สึกหมดแรงอย่างดุเดือดขึ้น
ถึงเขาคิดอยากแก้แค้น แต่เขาจะไปหาราชาหลงแก้แค้นได้อย่างไรกัน นี่คือการวอนหาที่ตายอย่างยิ่ง
วัยรุ่นชายสีหน้าเขียวปัด ท่าทางดุร้ายโกรธเคือง เขากุมหมัดแน่น ภายในใจเต็มไปด้วยไฟโกรธ แต่กลับไม่มีที่ให้ระบาย
ความเกลียดชังที่มหาศาลทำให้สีหน้าของวัยรุ่นชายบิดเบี้ยวไปหมด เห็นได้ชัดว่าน่ากลัวที่สุด ราวกับปีศาจร้าย
ความเกลียดของวัยรุ่นชายนั้น ทำให้ภายในใจเขาเดือดดาลลุกเป็นไฟ แต่กลับไม่มีทางแก้แค้น
ทันใดนั้นดวงตาทั้งสองข้างของวัยรุ่นชายมืดลง พ่นเลือดสดออกมาฉับพลัน วัยรุ่นชายโมโหจนกระอักเลือดออกมาเลย
“ราชาหลง!”
วัยรุ่นชายเงยหน้ามองฟ้าร้องตะโกน ฉากยามค่ำคืนที่มืดมิดเหมือนจะสั่นขึ้น ราวกับว่าถูกความเคียดแค้นของวัยรุ่นชายทำให้สั่นสะเทือนแล้ว
…………
ที่ชั้นหนึ่งของโรงแรม หลีชิงเยียนกับซูเหลยทั้งสองคนเดินออกจากในลิฟต์ตามกันมา รีบพุ่งไปทางสนามหญ้าที่ด้านนอกโรงแรม
ตอนที่หลีชิงเยียนเดินออกมาจากโรงแรม แวบเดียวก็มองเห็นวัยรุ่นชายที่เงยหน้ามองฟ้าร้องตะโกนอยู่ตรงนั้น
ทั่วตัววัยรุ่นชายคนนั้นแผ่กระจายความเกลียดมหาศาลและแรงอาฆาตแค้นเต็มไปหมด ทำให้ร่างกายของหลีชิงเยียนสั่นเทา บนใบหน้าเปลี่ยนสีนิดหน่อย รีบหมุนตัวกลับเข้าไปในโรงแรมอย่างรู้ตัวดี
“มีอะไรเหรอคะ?” ซูเหลยเดินมาถึงหน้าประตูโรงแรม จากนั้นถูกหลีชิงเยียนดึงไว้แล้ว
ซูเหลยสีหน้าสงสัยอยู่บ้าง ส่วนหลีชิงเยียนส่ายๆ หน้า บอกว่า “อย่าออกไปตอนนี้เลย เชื่อฉัน”
หลีชิงเยียนย่อมไม่บอกซูเหลยเป็นธรรมดา ตอนที่เธอมองเห็นวัยรุ่นชายคนนั้น ในใจสั่นเทาอย่างคลุ้มคลั่ง เกิดความกลัวที่พูดไม่ถูกออกมา
ผ่านประสบการณ์ทำงานอย่างโชกโชนมาหลายปี ทำให้หลีชิงเยียนมีความสามารถในการวินิจฉัยบางส่วนขึ้นในระดับหนึ่ง วัยรุ่นชายที่อยู่ด้านหน้าตกอยู่ในสายตาของหลีชิงเยียน ประธานนางฟ้าเกือบจะมองออกภายในแวบเดียวว่าวัยรุ่นชายคนนี้ไม่ใช่บุคคลที่ยั่วโมโหได้อย่างเด็ดขาด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งศพนั้นที่อยู่ข้างกายของเขา……
หลีชิงเยียนมองเห็นสีหน้าที่สงสัยของซูเหลย จึงพูดเสริมไปอีกประโยคหนึ่ง “พวกเรากลับไปก่อนเถอะ ผู้ลึกลับคนนั้นไปแล้ว”
ซูเหลยพยักหน้าแล้วขึ้นตึกไปกับหลีชิงเยียน พอกลับมาถึงห้องพัก หลีชิงเยียนพิงที่ขอบหน้าต่าง จ้องมองวัยรุ่นชายคนนั้นที่อยู่บนสนามหญ้าด้านนอกโรงแรมมาตลอดจนกระทั่งออกไปแล้ว ถึงโล่งอกทีหนึ่ง
“ประธานหลี สรุปเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?” ซูเหลยชงชาแก้วหนึ่งให้หลีชิงเยียน ถามขึ้น
“ไม่มีอะไร เพียงแค่เมื่อกี้ฉันมองเห็นวัยรุ่นชายคนหนึ่งอยู่ด้านข้างศพนั้น บนตัวเขาทีท่าทีที่น่าประหลาด เหมือนกันกับคนนั้นที่มาโจมตีพวกเรามากๆ ทำให้ฉันกลัวมาก” หลีชิงเยียนถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง พูดอธิบายไปตามความจริง
ซูเหลยพยักหน้าแบบกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ จากในดวงตาของหล่อน มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นฉับพลัน
“เฉินเป่ยล่ะ เขายังอยู่ในห้องของตัวเองอยู่อีกเหรอ?” หลีชิงเยียนสังเกตโดยรอบห้องที่รกรุงรังทีหนึ่ง ทุกที่ล้วนเป็นร่องรอยที่โดนพังเสียหายอย่างหนัก เวลานี้เฉินเป่ยกลับไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นทันท่วงที ทำให้หลีชิงเยียนยักคิ้ว ใบหน้างดงามเผยสีหน้าที่ไม่พอใจออกมา
“ฉันจะไปเรียกเขาตอนนี้ค่ะ” ซูเหลยเข้าใจอย่างฉลาดปราดเปรียว รีบลุกขึ้นมา เดินไปทางห้องพักของเฉินเป่ยที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
………
หน้าประตูโรงแรม รถยนต์สีดำขลับคันหนึ่งจอดอยู่ ทันใดนั้นมีภาพเงาคนหนึ่งโซซัดโซเซพุ่งเข้ามาอย่างกระเซอะกระเซิงสุดจะทน พอพุ่งเข้ามาที่หน้ารถ ใช้มือทุบกระจกรถสุดชีวิต
พอคนขับรถคนนั้นมองดูชัดๆ ก็ตอบสนองเข้าใจทันใด ดึงเปิดประตูรถออก ประคองวัยรุ่นชายที่กระเซอะกระเซิงสุดจะทน และไอเป็นเลือดออกมาเอาไว้แล้วถามว่า “นายน้อย นี่คุณเป็นอะไรกันครับ?”
คนขับรถคนนั้นตกใจยกใหญ่ ภายในใจตื่นตระหนกอย่างยิ่ง ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็นวัยรุ่นชายที่หล่อสง่าอ่อนโยนคนนี้มีวันที่กระเซอะกระเซิงได้เช่นนี้