บทที่434 อนาคตของซูเหลย
ถึงแม้หลีชิงเยียนจะฉลาดหลักแหลม ไม่อย่างนั้นคงยากจะแบกภาระหนักของท่านประธานบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปได้ แต่เมื่อเทียบกับเทพธิดาแห่งภูมิปัญญาที่ฉลาดปราดเปรื่องและมีสติปัญญาโด่งดังที่ต่างประเทศขึ้นมาแล้ว หลีชิงเยียนยังห่างไกลอยู่ไม่น้อย
จุดสำคัญที่สุดคือทุกครั้งที่เฉินเป่ยและเทพธิดาแห่งภูมิปัญญาพูดคุยกัน ล้วนเป็นการปะทะที่ไร้รูปร่าง นี่ทำให้เฉินเป่ยกดดันอย่างมาก…ผลปรากฏว่าตอนนี้หลีชิงเยียนและซูเหลยอยู่ด้านข้าง จึงทำให้เฉินเป่ยกังวลมาก การพูดคุยระหว่างเขากับโม่ถีซือจะเกิดเรื่องคาดไม่ถึงอะไร
ถ้าโดนโม่ถีซือจับจุดอ่อนอะไรของเขาไว้อีก งั้นเขาคงเป็นผู้ถูกกระทำเกินไปจริงๆ
“ชิงเยียน คุยโทรศัพท์ที่นี่คงไม่ค่อยดีมั้ง” เฉินเป่ยหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน พยายามทำการต่อสู้
แต่ที่เฉินเป่ยไม่ได้พูดคือหลีชิงเยียนเหมือนสามารถมองความในใจของเขาออกได้ ได้แต่หัวเราะเยาะเย้ยนิ่งๆ “ปกติฉันไม่เห็นนายจะมีความสุขุมขนาดนี้ ทำไมตอนนี้ถึงแกล้งเป็นสุภาพบุรุษกะทันหันแล้วล่ะ?”
เสียงโทรศัพท์ที่เสียดแก้วหูไม่ได้หยุดลง ดังกริ๊งๆๆ อยู่ ทำให้เฉินเป่ยสีหน้าดูแย่
หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยอยู่ ในฐานะผู้หญิงสัมผัสที่หกแม่นยำมากมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอสัมผัสถึงได้อย่างฉับไว ตอนที่เฉินเป่ยเผชิญหน้ากับโทรศัพท์สายนี้ดูไม่เป็นธรรมชาติเอามากๆ คล้ายกำลังปกปิดอะไรมาตลอด
นี่ทำให้หลีชิงเยียนแน่วแน่ในความคิดของตนเองแล้ว
เฉินเป่ยก้มหน้า ตอนที่มองหมายเลขโทรศัพท์บนหน้าจอมือถือนั้น ดวงตาเผยความเด็ดเดี่ยว กดปุ่มรับสายลงแล้ว
“มีอะไร?” เฉินเป่ยนำมือถือมาแนบที่ข้างหูแน่น ภายนอกทำเป็นเอ่ยปากถามอย่างนิ่งเฉย
“ห่วงใยนายนิดหน่อย”
ในตำหนักเหลืองทองอร่ามงามตา ผมสีบลอนด์ของโม่ถีซือคลุมไหล่ ภายใต้ผมยาวคือใบหน้าที่สวยงดงามไร้ที่ติใบนั้น พอจะทำให้ผู้หญิงนับไม่ถ้วนเกิดความรู้สึกอิจฉาขึ้นได้
“เธออยากพูดอะไร?” ในใจเฉินเป่ยเกิดการระวังที่เข้มข้นขึ้นทันใด ครั้งที่แล้วเทพธิดาแห่งภูมิปัญญามาหาเขาถึงที่ นำหัวรบนิวเคลียร์ที่สั่นสะเทือนทุกประเทศและอิทธิพลมากมายลูกนั้นเพียงหนึ่งเดียวในฐานทัพไปด้วย แถมยังรู้ว่าฐานทัพของเขาอยู่ที่พิกัดของเขตต้องห้ามอีก ตอนนี้ยังตามมาอีก เฉินเป่ยย่อมเชื่อเป็นธรรมดา ต้องไม่ใช่เรื่องดีๆ อะไรแน่นอน
เทพธิดาแห่งภูมิปัญญาช่างน่าสยองขวัญเหลือเกิน ฉลาดหลักแหลมดุจปีศาจ นี่คือระยะทางที่ห่างไกลกันมาก ขอเพียงหล่อนคิด เป็นผู้หญิงที่สามารถเอาคุณมาล้อเล่นในกำมือได้อย่างง่ายดาย
นี่คือสาเหตุที่สิบเอ็ดเทพเจ้าที่เหลืออยู่หวาดกลัวเทพธิดาแห่งภูมิปัญญาเช่นนี้ ถ้าหล่อนคิดขึ้นมา มีความเป็นไปได้มากว่าจะเลือกเทพเจ้าไม่กี่คนในนั้นมาฆ่ากันเอง
ราชาหลงเหยียดหยามที่ต่างประเทศ แต่เทพธิดาแห่งภูมิปัญญาเป็นไม่กี่คนที่ราชาหลงต้องระมัดระวัง
“ก่อนหน้านี้ฉันยังช่วยพวกโง่นั้นของนาย ตอนนี้นายมีท่าทีแบบนี้กับฉันเหรอ?”
ในตำหนักหลิวหลี ริมฝีปากแดงที่ยั่วยวนของโม่ถีซือวาดเส้นรัศมีวงกลมขึ้น
“พูดแบบนี้เธอหมายความว่าอะไร?” เฉินเป่ยขมวดคิ้วขึ้น แวบหนึ่งเขาฟังคำพูดของเทพธิดาแห่งภูมิปัญญาไม่เข้าใจอยู่บ้าง
“ถ้าไม่ใช่ฉัน เจ้าเสือขาวคนนั้นคงกลายเป็นหนังเสือบนที่นั่งคนอื่นตั้งนานแล้วล่ะ~” เสียงของโม่ถีซือเต็มไปด้วยความหมายมีมนต์ขลังอย่างประหลาด ถ้าไม่ใช่ราชาหลงจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ลองเปลี่ยนเป็นคนทั่วไป เกรงว่าจะหลงใหลเข้าไปนานแล้ว
ในใจเฉินเป่ยสั่น เสือขาว…หรือว่าก่อนหน้านี้เจออันตรายอะไรเข้า…คาดไม่ถึงว่าโม่ถีซือจัดการให้?
เฉินเป่ยไม่สงสัยในคำพูดของโม่ถีซืออยู่แล้ว ในฐานะเทพธิดาแห่งภูมิปัญญา หล่อนมีศักดิ์ศรีความหยิ่งของตนเอง ไม่จำเป็นต้องพูดจาปกปิดความจริง
“ฉันช่วยนายมากขนาดนี้แล้ว สรุปนายคิดจะตอบแทนฉันยังไง?” ในสายนั้น เสียงของโม่ถีซือที่มีความสนใจค่อยๆ ลอยมา
“เธออยากจะเอายังไงกันแน่?” เฉินเป่ยถามด้วยเสียงทุ้ม
“อือ…ให้ฉันเดา ตอนนี้นายน่าจะอยู่ในร้านอาหารสินะ ดูแล้วด้านข้างยังมีคนที่ทำให้นายไม่สะดวกคุยอยู่ด้วย” โม่ถีซือถามด้วยเสียงน่าดึงดูด
ดวงตาเฉินเป่ยมีแสงกระจ่างแวบผ่าน ภายในเกิดความตกใจนิดหน่อย ที่แท้เทพธิดาแห่งภูมิปัญญาก็คือเทพธิดาแห่งภูมิปัญญา คาดไม่ถึงเพียงเสียงเอะอะในสายนั้นและคำพูดของเฉินเป่ย ยังสามารถตัดสินข้อมูลมากขนาดนี้ได้
เฉินเป่ยไม่ได้เอ่ยปากตอบรับ ถือว่ายอมรับไปโดยปริยายต่อคำพูดเมื่อสักครู่ของโม่ถีซือ
“ถ้าฉันเดาไม่ผิดล่ะก็ ลูกน้องกองทหารหลงพวกนั้นของนาย เวลานี้น่าจะโดนพิษเลือดกันเข้าหมดแล้ว” โม่ถีซือเปลี่ยนหัวข้อ ทำให้ดวงตาของเฉินเป่ยแข็งทื่อ
พอโม่ถีซือพูดถึงพิษเลือดสองคำนี้ขึ้นมา ทำให้เฉินเป่ยควบคุมทั้งตัวไม่อยู่ มีออร่าที่ไร้รูปร่างอย่างหนึ่งระเบิดออกมา
หลีชิงเยียนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเฉินเป่ย จ้องเฉินเป่ยดวงตาไม่ขยับ คำพูดที่เฉินเป่ยคุยในโทรศัพท์ เหมือนว่าไม่มีตรงไหนที่ไม่ปกติ ทำให้หลีชิงเยียนยิ่งสงสัยแล้ว
หรือว่าความรู้สึกของตนเองผิดพลาด?
ทันใดนั้น หลีชิงเยียนใจลอยไป ส่วนเฉินเป่ยที่นั่งอยู่ตรงหน้าของตนเอง บนตัวเพิ่มท่วงท่าที่ไม่ชัดเจนแบบพูดไม่ถูกขึ้นมา ตอนที่หลีชิงเยียนมองไป ดวงตาของเฉินเป่ยล้ำลึกดุเดือด ทำให้ภายในใจท่านประธานเทพธิดาสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่
แต่ไม่นานเฉินเป่ยก็ฟื้นกลับคืนสู่ปกติแล้ว ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ทำให้หลีชิงเยียนสงสัยสักครู่ ตนเองเกิดภาพหลอนแล้วหรือเปล่า
“เธอรู้ได้ยังไง?” เฉินเป่ยค่อยๆ ถามขึ้น แม้ยามเผชิญหน้าอยู่กับซูเหลยและหลีชิงเยียน ภายนอกเขาจะดูสงบนิ่งมาก แต่ในใจกลับเกิดความคิดที่กล้าหาญ
“อยากรู้ข้อมูลนี้ยากมากเหรอ ก่อนหน้านี้ ตอนที่เจ้าเสือขาวนั้นของนายพาคนเข้าไปฆ่า ฉันก็รู้คาถาของเผ่าเลือดแล้ว…โดยเฉพาะฉันยังเดาได้ว่าวินาทีนั้นที่เผ่าเลือดกำลังวิกฤติ จะต้องใช้เฮือกสุดท้ายของเผ่าเลือดโจมตีกลับแน่”
ในตำหนักหลิวหลี เสียงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของโม่ถีซือเผยความเอื่อยเฉื่อย และความเอื่อยเฉื่อยพวกนี้ยิ่งทำให้โม่ถีซือมีความสูงส่งและหยิ่งยโสของเทพธิดาแห่งภูมิปัญญาเพิ่มเข้ามา
เฉินเป่ยที่นั่งอยู่ด้านหน้าหลีชิงเยียน ถึงแม้เวลานี้อยากจะปกปิดแค่ไหน ยังยากจะควบคุมไว้…ชัดเจนว่าเทพธิดาแห่งภูมิปัญญากำลังหยอกเย้าเขา บอกเขาว่าตนเองทายทั้งกระบวนการนี้ออกตั้งนานแล้ว เพียงแค่อยากมองกองทหารหลงโดนพิษเลือดเข้าไปต่อหน้าต่อตา ได้รับความทรมานอันแสนเจ็บปวด
เขาเห็นกองทหารหลงเป็นเหมือนลูกตัวเอง แต่เวลานี้โม่ถีซือมาพูดอย่างนี้ เท่ากับว่ากำลังสาดเกลือมาที่บาดแผลของเขา
สีหน้าของเฉินเป่ยอึมครึมลงมา เขาไม่สงสัยความเป็นจริงที่เทพธิดาแห่งภูมิปัญญาพูดเรื่องพวกนั้นเมื่อสักครู่นี้สักนิดเดียว…เขามีจินตนาการน้อยนิดต่อโม่ถีซืออยู่แล้ว และมันก็ดับลงฉับพลัน
“สรุปเธออยากจะบอกอะไร?” เสียงของเฉินเป่ยเผยความเย็นชา
“ฉันอยากพูดอะไร นายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?” รอยยิ้มมุมปากที่โม่ถีซือฉีกขึ้นยิ่งเต็มไปด้วยเลศนัย “ในเมื่อฉันรู้พิษเลือดของเผ่าเลือดตั้งนานแล้ว ในมือย่อมมียาถอนพิษเป็นธรรมดา”
ลูกตาเฉินเป่ยหดทันใด…ยาถอนพิษ ที่แท้เทพธิดาแห่งภูมิปัญญาครอบครองยาถอนพิษไว้ นี่เหมือนกันกับความคิดก่อนหน้านี้ของเขาไม่มีผิด
“แต่ว่า” โม่ถีซือเปลี่ยนเรื่อง “นายติดหนี้บุญคุณฉันครั้งหนึ่งแล้ว นายคิดว่านายยังจะมีอะไรมาเป็นหลักค้ำประกันกับฉันได้อีกเหรอ?”
เฉินเป่ยไม่ทันได้พิจารณาอะไร เอ่ยปากบอกอย่างไม่ลังเลสักนิด “เธออยากได้อะไร ฉันให้เธอได้ทั้งหมด”
“ถ้าฉันต้องการผู้หญิงคนนั้นล่ะ? ผู้หญิงที่นายหลงใหล ยินยอมทิ้งทุกอย่าง แม้กระทั่งชื่อของราชาหลง?” เสียงของโม่ถีซือมีการหลอกล้อเพิ่มขึ้นมา ค่อยๆ พูดโน้มน้าว “ใช้หนึ่งชีวิตของหล่อนไปช่วยชีวิตนับร้อยนับพันของลูกน้องนายเป็นยังไง?”
เฉินเป่ยสีหน้าแข็งทื่อ คำพูดของโม่ถีซือทำให้หัวใจของเฉินเป่ยสั่นรุนแรงไปหมด
จนกระทั่งเวลานี้เฉินเป่ยถึงเข้าใจเจตนาของโม่ถีซือแล้ว เดิมทีโม่ถีซืออยากจะกำจัดหลีชิงเยียนทิ้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังอยากให้เฉินเป่ยเอ่ยปากเอง…ในใจเฉินเป่ยสั่นสะเทือน ความจริงคำพูดของโม่ถีซือช่างเต็มไปด้วยแรงดึงดูดเหลือเกิน ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น จะต้องรับปากไปอย่างไม่ลังเลเป็นแน่
แต่หลีชิงเยียนและกองทหารหลง…สำหรับเฉินเป่ยสองฝั่งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งที่ไม่อาจสละไปได้ โม่ถีซือมีเจตนาชั่วร้าย นี่หมายถึงการตัดเนื้อชิ้นหนึ่งออกไปจากบนตัวของเฉินเป่ยชัดๆ ไม่ว่าเฉินเป่ยจะเลือกฝั่งไหน ล้วนทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนมีดกรีดหัวใจ
เทพธิดาแห่งภูมิปัญญา ไม่เพียงจะมีสติปัญญาเกินคนอื่น ยามหล่อนชั่วร้ายขึ้นมา ยังเหี้ยมโหดแบบคนใจดำอำมหิต ยาถอนพิษของพิษเลือด…การที่หล่อนครอบครองยาถอนพิษ เท่ากับว่ากุมหัวใจหลักของเฉินเป่ยเอาไว้ สามารถล้อเล่นเฉินเป่ยได้อย่างกำเริบ ที่ต่างประเทศ แทบจะไม่มีอิทธิพลใดๆ กล้าทำขนาดนี้ มีเพียงเทพธิดาแห่งภูมิปัญญา ผู้หญิงที่เขาเคยมีความหลงใหลคนนี้เข้าใจจุดอ่อนของเฉินเป่ยว่าคืออะไรอย่างชัดเจน แล้วโจมตีอย่างรุนแรง
เฉินเป่ยจ้องมองหลีชิงเยียนอยู่ มองอยู่ตั้งนาน ในสายตาประกายความซับซ้อน ผ่านไปสักพักหนึ่ง เฉินเป่ยถึงพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักแน่น บอกกับโม่ถีซือในสายนั้นไป “ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นก็ไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว”
พูดจบ เฉินเป่ยไม่รอโม่ถีซือในสายนั้นพูดอะไร ตัดสายไปทันที
“นาย………”
โม่ถีซือในสายนั้น มึนงงไปแวบหนึ่ง ในฐานะเทพธิดาแห่งภูมิปัญญาที่สูงส่งอย่างยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนเคยเจอว่ามีคนตัดสายโทรศัพท์ของหล่อนอย่างหยาบคายขนาดนี้ มีอย่างนี้ที่ไหนกัน?
“ราชาหลง!”
ใบหน้าของโม่ถีซือที่สงบมาตลอดเย็นลงมาอย่างฉับพลัน บนหน้าราวกับปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งบางๆ โม่ถีซือกัดฟันแน่น มือสวยเรียวคู่นั้นกำอย่างรุนแรงขึ้นมา
จากภายในลูกตาคู่นั้นของหล่อนสาดส่องแสงที่เย็นยะเยือกออกมา แววตาของหล่อนเปล่งประกายไฟโกรธที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาต
โม่ถีซือโมโหจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรง หล่อนโดนเฉินเป่ยทำให้โมโหไม่เบา
ในความเป็นจริง ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น หล่อนย่อมไม่โมโหอะไรขนาดนี้ แต่ครั้งนี้คนที่ตัดสายหล่อนเป็นเฉินเป่ย ผู้ชายที่ติดหนี้บุญคุณหล่อนคนนั้น ไม่เพียงไม่เคารพนอบน้อมและเกรงอกเกรงใจหล่อน คาดไม่ถึงยังหยาบคายเช่นนี้
“แค่กๆๆ……”
โม่ถีซือค่อยๆ กำหมัดไว้แน่นอย่างโมโหเดือดดาล ผ่านไปสักพักหนึ่งถึงไปคลายออกมา
“ไปเอายาน้ำกับส่วนผสมของยาถอนพิษเลือดมา” ผ่านไปตั้งนาน โม่ถีซือเอ่ยปากบอกกับสาวใช้ที่เงียบกริบอยู่ด้านข้างอย่างกะทันหัน
“ยังต้องการให้เตรียมอะไรอีกหรือเปล่าคะ?” สาวใช้คนนั้นเห็นโม่ถีซือหายโกรธไม่น้อย ถามขึ้นด้วยเสียงเบา
“เตรียมอุปกรณ์” โม่ถีซือเอ่ยปากนิ่งๆ น้ำเสียงเย็นชา ฟื้นตัวกลับไปสู่สภาพเทพธิดาที่อยู่สูงเหนือมวลชน “และวัสดุทุกอย่างที่ใช้ผสมยาถอนพิษ”