บทที่ 464 เขาก็คือผู้ตัดสินพิเศษคนนั้น?
บรรยากาศในห้องประชุมสงบลง
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ร่างของกานหนิง
พวกเขาทั้งหมดกำลังรอคำอธิบายของกานหนิง
กานหนิงถือโลหะเงินชิ้นนี้ไว้กับมือ เขามองลงไปที่โลหะสีเงินชิ้นนี้และแสดงสีหน้าซับซ้อนมาก
แม้กระทั่งมือของเขาที่ถือโลหะชิ้นนี้ก็ถึงกับสั่นเทา กานหนิงได้แต่อยู่เงียบๆ อย่างที่เฉินเป่ยกล่าวไว้ไม่ผิด เขาประเมินมูลค่าของหินหยาบก้อนนี้ไม่ได้ เพราะเขาเองยังไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาถืออยู่นั้นคืออะไร
กานหนิงกัดฟันไว้แน่นๆ เวลาค่อยๆ ผ่านไป สายตาของผู้ชมที่จดจ่อมาที่เขาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ชมหลายๆ คนเริ่มแสดงความคิดเห็นของ ทำไมกานหนิงไม่ยอมพูดอะไรเลย…หรือว่าเขามีความลับที่บอกไม่ได้งั้นหรือ?
กานหนิงใบหน้าแดงก่ำ เขาพยายามบีบสมองเพื่อค้นหาข้อมูลความทรงจำเกี่ยวกับการพนันเพชรพลอย แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่สามารถหาคำอธิบายของโลหะแปลกประหลาดและลึกลับชิ้นนี้ได้
ความจริงก็คือกานหนิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร
หลังจากนั้นไม่นาน กานหนิงเงยหน้าขึ้น ภายใต้ความสนใจของทุกคน ทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “ผมไม่รู้”
ในช่วงเวลานั้นก็เกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง ไม่มีใครคาดคิดเลยว่ากานหนิงกลับไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร!
“คุณเป็นหัวหน้ากรรมการผู้ตัดสินไม่ใช่เหรอ คุณจะไม่รู้ได้ไงว่าข้างในหินหยาบก้อนนี้คืออะไร?” เฉินเป่ยมองไปที่กานหนิงอย่างสงบ ทุกคำพูดของเขาแม้จะเฉยเมย แต่กานหนิงฟังแล้วกลับรู้สึกถูกประชด!
“ผมไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน” กานหนิงจ้องไปที่เฉินเป่ยด้วยความโกรธ เขาฝืนพูดอย่างลำบากใจมาก เขาไม่คิดเลยว่าสักวันต้องมาพูดเรื่องน่าอัปยศแบบนี้……เขาเป็นถึงหัวหน้าผู้ตัดสินเชียวนะ! หัวหน้าผู้ตัดสินพูดแบบนี้ มันไม่ต่างอะไรกับเอามือตบหน้าตัวเองเลย!
“คุณไม่เคยเห็น?” เฉินเป่ย จ้องไปที่กานหนิงอย่างมีนัย “คุณเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในคณะกรรมการผู้ตัดสินเลยนะ คุณไม่รู้แล้วคุณจะบอกว่าหินหยาบก้อนนี้ไร้ประโยชน์ได้ไง?” เฉินเป่ยพูดเบาๆ
“สรุปคุณต้องการอะไร?” กานหนิงมองไปที่เฉินเป่ยอย่างดุเดือด ในที่สุดเขาก็สุดจะทนไหว จากนั้นพูดต่ออย่างเย็นชาว่า “แล้วคุณรู้หรือว่ามันคืออะไร?”
ในกลุ่มผู้ชม ความสนใจของทุกคนได้เปลี่ยนไปที่เฉินเป่ย พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็น สรุปว่าผู้ตัดสินพิเศษลึกลับในชุดดำผู้นี้คือใครกันแน่ ถึงกล้าพูดจาแบบนี้กับผู้ตัดสินกาน! มันจะมากเกินไปแล้ว!
“ผู้ตัดสินกานไม่เคยได้ยินเรื่องซิลเวอร์พันปีมาก่อนเลยเหรอครับ?” เฉินเป่ยเหลือบมองไปที่ชิ้นส่วนโลหะสีเงินแล้วพูดอย่างใจเย็น
ทันทีที่เฉินเป่ยพูดคำนี้ ผู้ชมทั้งหมดก็เงียบลงจนแทบจะได้ยินเสียงหายใจ ส่วนกานหนิงใบหน้าแข็งทื่อทันที!
เมื่อเขาได้ยินคำว่าซิลเวอร์พันปีสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
ไม่เพียงแค่นั้น จางเป่าเฉิง ตาสีทอง หรือว่าเทพเมถุนที่อยู่ใต้ที่นั่งผู้ตัดสินต่างก็แสดงสีหน้าตกใจเช่นกัน!
“ซิลเวอร์พันปี? เป็นไปได้ไง! นี่มันจะเป็นซิลเวอร์พันปีได้ไง!” กานหนิงรู้สึกน่าทึ่งและส่ายหัวตะโกนพูดอย่างไม่รู้ตัว!
แต่สีหน้าของเฉินเป่ยดูนิ่งสงบมาก เขาได้แต่มองดูกานหนิงอย่างเงียบๆ
“คุณรู้หรือไม่ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่? คุณรู้จักซิลเวอร์พันปีแล้วเหรอถึงกล้าเรียกมันแบบนี้!” กานหนิงพูดอย่างเสียงดังด้วยสีหน้าจริงจัง
และจางเป่าเฉิงที่อยู่ใต้ที่นั่งผู้ตัดสินมองไปที่โลหะสีเงินด้วยความมึนงง เขารู้สึกตะลึงหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเฉินเป่ย…… ซิลเวอร์พันปี หินหยาบของเขากลับกลายเป็นซิลเวอร์พันปี!
ตาสีทองที่มองไปที่ชิ้นส่วนโลหะสีเงินก็ตกใจจนอ้าปากค้างเป็นรูปโอ ส่วนชายชราทั้งสองมองไปที่หินหยาบด้วยสีหน้าซับซ้อนมาก หัวใจของพวกเขาสั่นสะท้านอย่างหยุดไม่อยู่
“ซิลเวอร์พันปี มันคืออะไรกันแน่?” ผู้ตัดสินคนอื่นๆ ได้แต่สับสนมึนงงและบางคนก็ดูตกใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“นั่นคือโลหะที่ไม่มีอยู่จริง แล้วมันจะปรากฏในหินหยาบได้อย่างไร ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก!”
“ถ้าไม่ใช่ซิลเวอร์พันปี แล้วมันจะเป็นอะไรได้” เฉินเป่ยยิ้มอย่างเย้ยหยันแล้วพูดต่อ “ไม่เพียงแค่นั้น ความบริสุทธิ์และปริมาตรของมันยังอยู่เหนือไฟของดวงอาทิตย์อีกด้วย”
“ผมไม่เชื่อหรอก ในโลกนี้ไม่มีใครเคยเห็นซิลเวอร์พันปี แล้วจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่านี่คือซิลเวอร์พันปีจริงๆ!” กานหนิงสีหน้าซีดเซียวและยังคงโต้เถียงอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเฉินเป่ยจะเดาได้ว่ากานหนิงจะตอบแบบนี้ เขาจึงพูดขึ้นว่า “อวี้เฉิงวั่งเป็นหัวหน้าครอบครัวของตระกูลอวี้ เขาควรรู้ว่าตระกูลอวี้นั้นได้รวบรวมหินหยาบมานานหลายชั่วอายุคนแล้ว และถ้าอวี้เฉิงวั่งเคยเห็นประวัติไฟของดวงอาทิตย์ เขาต้องเคยเห็นซิลเวอร์พันปีอย่างแน่นอน”
ขณะที่เฉินเป่ยพูดไปด้วย เขาก็หันมองไปในทิศทางหนึ่ง ณ ขณะนี้อวี้เฉิงวั่งที่ถอนตัวออกไปโดยสมัครใจกำลังนั่งอยู่ในกลุ่มผู้ชมแล้ว อวี้เฉิงวั่งมองไปที่หน้าจอขนาดใหญ่ด้วยความซับซ้อน ในขณะที่เขาเห็นซิลเวอร์พันปี หัวใจของเขาแทบจะพุ่งออกมาจากอกของเขา!
“ถ้าคุณไม่เชื่อ ตระกูลอวี้ก็คือข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด และถ้าหากอวี้เฉิงวั่งจำไม่ได้แม้แต่ไฟของดวงอาทิตย์หรือซิลเวอร์พันปี เขาก็คงไม่จำเป็นต้องรับหน้าที่หัวหน้าครอบครัวตระกูลอวี้อีกต่อไป” เฉินเป่ยยิ้มพูด
“ซิลเวอร์พันปี มันคืออะไรกันแน่?” ท่านประธานเทพธิดาหลีชิงเยียนในที่นั่งผู้ชม เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองไปที่หน้าจอขนาดใหญ่ แม้เธอจะพอมีความรู้ในการพนันเพชรพลอยอยู่บ้าง แต่สำหรับซิลเวอร์พันปีที่ไม่เคยมีใครพบเห็นและได้ยินมาก่อน แล้วเธอจะรู้ได้อย่างไร?
“แปลกจริง ทำไมเขายิ่งดูยิ่งคุ้นหน้า?” เฉินเป่ยดึงดูดความสนใจของหลีชิงเยียน เธอเริ่มสงสัยเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ตัดสินพิเศษลึกลับคนนี้ทำให้ท่านประธานเทพธิดาเริ่มรู้สึกคุ้นเคยมากขึ้น
ซูเหลยที่อยู่ข้างๆ หลีชิงเยียน เธอเห็นหลีชิงเยียนแสดงสีหน้าแปลกประหลาด แต่เธอบอกสาเหตุกับหลีชิงเยียนไม่ได้
“ซิลเวอร์พันปี……” ในกลุ่มผู้ชม สายตาของอวี้เฉิงวั่งจดจ่ออยู่ที่หน้าจอ นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความซับซ้อนและหัวใจของเขาเต้นแรงอย่างไม่หยุด!
อวี้เฉิงวั่งไม่นึกไม่ฝันเลยว่าสุดยอดดาบสามเล่มครั้งนี้จะมีของในตำนานมากมายปรากฏให้เห็น!
อัญมณีสองสี……ไฟของดวงอาทิตย์ ซิลเวอร์พันปี ของหายากเหล่านี้ล้วนจะอยู่ในตำนานเท่านั้น แม้แต่อวี้เฉิงวั่งเองยังจำการดำรงอยู่ของสิ่งของเหล่านี้ไม่ได้เลย แต่วันนี้ทุกอย่างกลับปรากฏต่อหน้าเขา!
ดังที่เฉินเป่ยพูด อวี้เฉิงวั่งเข้าใจมากกว่าใคร เขารู้ดีว่าสิ่งนี่ไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกจากซิลเวอร์พันปี!
“ซิลเวอร์พันปี มันคืออะไรกันแน่?” ผู้ชมที่อยู่ข้างๆ อวี้เฉิงวั่งถามอย่างสงสัย หลายคนไม่เข้าใจ แม้ชื่อซิลเวอร์พันปีจะฟังดูดี แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร
“ว่ากันว่าปืนทวนวิหคคืนรังของจูล่งก็ใช้ซิลเวอร์พันปีประดิษฐ์ขึ้นมาด้วย และปืนทวนวิหคคืนรังยังอยู่ถึงทุกวันนี้ มันยังมีใบอนุญาตถือครองและยังมีการสืบทอดผู้ถือครองจากบรรพบุรุษตระกูลเจ้านับตั้งแต่อดีตมาจวบจนวันนี้……แต่ถึงอย่างไรทุกคนก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าซิลเวอร์พันปีนั้นคืออะไร โลหะแบบนี้ มีเพียงการเล่าขานในตำนานเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะเป็นวันโชคดีที่ได้เห็นมัน……”
จู่ ๆ อวี้เฉิงวั่งก็พูดขึ้นมา ผู้ชมที่อยู่ข้างๆ เมื่อสังเกตเห็นอวี้เฉิงวั่ง สายตาของก็เต็มไปด้วยความเคารพ
ตระกูลอวี้มีสถานะที่สูงมากในโลกแห่งการพนันเพชรพลอย และอวี้เฉิงวั่งยังเป็นถึงหัวหน้าครอบครัวตระกูลอวี้อีกด้วย ดังนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องให้ความเคารพต่อเขา
“แล้วนี่ก็เป็นโลหะที่นำไปประดิษฐ์เป็นปืนทวนวิหคคืนรังเหมือนกันใช่ไหมครับ?” ผู้ชมอีกคนถามเขา
อวี้เฉิงวั่งจ้องไปที่ชิ้นส่วนโลหะสีเงินและพยักหน้าอย่างช้าๆ “แม้ว่ามันจะมีปริมาตรไม่มากเท่าที่ปืนทวนวิหคคืนรังต้องการ แต่มันก็เป็นวัสดุหายากที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้……เพียงแค่นำไปใช้กับโลหะต่างๆ ก็จะสามารถทำเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งกว่าปกติได้……ซึ่งสิ่งนี้แม้แต่อัญมณีสามสีก็ไม่อาจเทียบเท่ากับมันได้”
“ซิลเวอร์พันปี……ซึ่งเป็นธาตุเงินที่ต้องผ่านการตกตะกอนของแร่ธาตุนับพัน ๆ ปีกว่าจะกลายเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ของซิลเวอร์พันปีได้ และชิ้นเล็กๆ นี้ก็เป็นความเข้มข้นที่เหนือจินตนาการของเงินชั้นดีที่ก่อตัวขึ้น……” เฉินเป่ยอธิบายอย่างมีเหตุมีผล และใบหน้าของกานหนิงก็บูดบึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ เฉินเป่ยจะเข้าใจซิลเวอร์พันปีนี้มากเกินไปแล้ว ไม่เพียงแค่นี้เขายังรู้จักไฟของดวงอาทิตย์เป็นอย่างดีด้วย……ดูเหมือนเขาจะรู้ทุกอย่าง!
“ผมไม่เชื่อ สิ่งที่คุณกำลังพูดถึงในตอนนี้ ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ในทันทีว่าสิ่งที่คุณพูดนั้นเป็นความจริง!” กานหนิงกัดฟันไว้แน่นๆ ในขณะนี้สายตาของผู้ชมจำนวนมากตกอยู่ที่เขา ทำให้เขาอดใจสั่นระรัวไม่ได้ เขารับสิ่งนี้ไม่ได้จริงๆ!
“ผมทำได้!”
ในขณะนี้ ทันใดนั้นก็มีเสียงคนคนหนึ่งดังขึ้น!
ทุกคนต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน พวกเขาเห็นเพียงเทพเมถุนเดินเข้ามาตรงหน้าที่นั่งผู้ตัดสินด้วยแววตาซับซ้อน จากนั้นเขามองไปที่เฉินเป่ยแล้วพูดชัดๆ ทีละคำว่า “คุณรู้จักซิลเวอร์พันปีกับไฟของดวงอาทิตย์ได้ไง?”
เฉินเป่ยก้มหน้า จากนั้นกวาดสายตาไปที่เทพเมถุนแล้วพูดเบาๆ ว่า “เรื่องอะไรผมต้องบอกคุณ? ช่วยบอกเหตุผลกับผมที”
ชายชราทั้งสองเหลือบมองกัน จากนั้นหันหน้าไปที่เฉินเป่ย “ผมเป็นพยานให้คุณได้ แต่คุณต้องบอกผมก่อนว่าคุณรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร” เทพเมถุนพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
เฉินเป่ยมองไปที่เทพเมถุน สักพักค่อยพยักหน้าตอบ “ได้สิ”
กานหนิงมองไปที่เทพเมถุน ใบหน้าของเขาซีดลงมากกว่าเดิม คำพูดของเทพเมถุนเมื่อครู่นี้สื่อได้อย่างชัดเจนว่าเขากำลังจะก่อกบฏ!
กานหนิงไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ เทพเมถุนถึงเปลี่ยนใจอย่างกะทันหัน กานหนิงมองไปที่เทพเมถุนแล้วพูดกับเขาด้วยสายตาที่ไม่แยแสอีกต่อไป “ผู้อาวุโสทั้งสองครับ รบกวนพวกคุณอย่างรบกวนเวลาการแข่งขันนะครับ”
กานหนิงตื่นตระหนกอย่างที่สุด เขาไม่คิดเลยว่าเทพเมถุนจะหันหลังให้เขา ถ้าไอ้หมอนี่ไม่ยืนข้างเขาจริงๆ แล้วอนาคตเขาจะยืนอยู่ในโลกแห่งการพนันเพชรพลอยได้อย่างไร!
ชายชราสองคนมองไปที่ชิ้นส่วนโลหะสีเงิน หลังจากนั้นสักพักค่อยๆ พูดขึ้นมาว่า “เหตุผลที่เราเป็นพยานได้ก็เพราะ……เราเคยไปที่บ้านของตระกูลเจ้าและเราเคยเห็นสมบัติจากบรรพบุรุษของตระกูลเจ้ากับตา เรารู้ว่าปืนทวนวิหคคืนรังนั้น……สร้างจากซิลเวอร์พันปีจริงๆ”
“มูลค่าของซิลเวอร์พันปีนั้นประเมินค่าไม่ได้จริงๆ และอัญมณีสามสีของเราก็ไม่สามารถเทียบกับมันได้ ผมขอยอมแพ้”
หืม!
เมื่อชายชราทั้งสองพูดเช่นนี้ ใบหน้าที่บิดเบี้ยวของกานหนิงก็ยิ่งซีดเซียวมากขึ้น ณ ตอนนี้เขาแทบจะกระอักเลือดออกมา!
วินาทีต่อมา ผู้ชมทั้งหมดก็เกิดความโกลาหลอย่างดุเดือดขึ้นมาทันที!
จากนั้นร่างกายของกานหนิงกระตุกไปสองสามครั้ง ทันใดนั้นเขาก็ล้มลงกับพื้น!