บทที่481 ตัดมังกรเจ็ดขั้น!
ลูกกระสุนเปลวไฟสี่ดวงนี้ พอจะสามารถแสดงให้เห็นถึงความสยองขวัญต่อฝีมือการยิงปืนของจิงได้
ซึ่งในเวลานี้เอง แสงดำในมือของเฉินเป่ยกวัดแกว่งโดยฉับพลัน แสงไฟเส้นหนึ่งแวบผ่านที่ว่างกลางอากาศฉับไว ตามมาด้วยเสียงกังวานติดต่อกันดังก้องขึ้นในที่ว่างกลางอากาศทันใด
เฉินเป่ยถือมีดหลงหยาไว้ในมือ ขวางไว้ด้านหน้า สกัดกั้นลูกกระสุนเปลวไฟสี่ดวงนั้นลงไว้ได้ทั้งหมด
ลูกกระสุนเปลวไฟแต่ละอันร่วงลงพื้น และในเวลานี้ มุมปากของจิงวาดรอยยิ้มเย็นยะเยือกขึ้น
นี่คือแผนการของเขาอย่างชัดแจ้ง
เฉินเป่ยเลือกที่จะขวางลูกกระสุนเปลวไฟลง อย่างนั้นดาบยาวของหู้คงฟันลงมาที่ศีรษะของเขา
และถ้าเฉินเป่ยเลือกที่จะหลบดาบยาวของหู้ ลูกกระสุนเปลวไฟนั้น ชั่วพริบตาเดียวคงปลิดชีวิตของเขาทิ้ง
ทางเลือกสองแบบ ไม่ว่าเฉินเป่ยเลือกแบบไหน ผลสุดท้ายคือตายทั้งนั้น
นี่คือแผนการที่เปิดเผยของจิง ทำให้เฉินเป่ยไม่มีทางหลบหนีได้ ได้แต่โดนบีบให้เลือกวิธีตายแบบใดแบบหนึ่ง
คาดไม่ถึงเฉินเป่ยเพิ่งจะดักลูกกระสุนเปลวไฟลง หู้ก็กุมดาบยาวไว้ในมือ กระโจนเข้ามาทางเฉินเป่ยแล้ว
“ราชาหลง! วันนี้คือวันตายของนาย!” หู้ยกมีดยาวขึ้น ฟันเข้ามาที่เฉินเป่ยจากด้านบนลงมาข้างล่าง
พอเฉินเป่ยกัดฟัน ตอนที่ตามองเห็นดาบยาวของหู้กำลังฟันหามาทางเขา เขาจึงหลบร่างกายไปด้านข้างทันที หลบดาบนี้ผ่านไป
ดาบยาวของหู้พลาดจากเฉินเป่ย ทันใดนั้นถลอกผ่านแขนของเฉินเป่ยไป เศษของเสื้อผ้าร่วงลงพรึบ เผยให้เห็นเนื้อที่มีเลือดสดไหลออกมา
“ซี๊ด…” เฉินเป่ยเกิดปฏิกิริยาที่คาดไม่ถึงขึ้นอย่างอดไม่ได้ ความเจ็บปวดที่รุนแรงแผ่ซ่าน ดาบยาวของหู้แหลมคมไร้ที่เปรียบ ฟันโดนเนื้อที่แขนของเฉินเป่ยแถบหนึ่งอย่างง่ายดาย
หู้มองเห็นเฉินเป่ยได้รับบาดเจ็บแล้ว จึงกลั้นเสียงหัวเราะฮาๆ ไม่อยู่ “นึกไม่ถึงว่าราชาหลงจะมีตอนที่ได้รับบาดเจ็บด้วย!”
ในเวลานี้เอง ดวงตาเฉินเป่ยเย็นชาฉับพลัน สีหน้าเผยความหนาวเหน็บออกมา ความหนาวเย็นนี้ พอที่จะแสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายได้
หู้สีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง แวบหนึ่งก็คลายความระแวงลง ส่วนจิงแวบหนึ่งกลับขมวดคิ้วขึ้น เฉินเป่ยระเบิดแรงอาฆาตแค้นออกมา แม้แต่เขายังต้องหวาดผวา
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นไม่เล่นเป็นเพื่อนพวกนายแล้ว” เฉินเป่ยเอ่ยปากเสียงเย็นเฉียบ
“ฉันทำให้นายบาดเจ็บได้ ก็ทำให้นายตายได้เหมือนกัน” หู้จ้องเฉินเป่ยแบบเมินเฉย เสียงเผยความหมายอาฆาตที่ไร้ขอบเขต
คำพูดนี้ของหู้ยังไม่ทันจบ เฉินเป่ยก้าวเท้าออกมา พอเท้านั้นเหยียบลงพื้น คาดไม่ถึงจะทำให้ผิดพื้นซีเมนต์แตกร้าวอย่างบ้าคลั่ง โดยมีร่างกายเฉินเป่ยอยู่ตรงกลาง เกิดเป็นรอยร้าวรูปใยแมงมุม แกรกๆ แพร่กระจายไปรอบด้าน
พื้นผิวกำลังสั่นสะเทือน หู้ก้มหน้ากวาดตามองรอยร้าวที่พื้นแวบหนึ่ง ภายในใจอดสั่นไม่ได้
เฉินเป่ยก้าวมาทีหนึ่งจนสามารถทำให้เกิดภาพแบบนี้ได้ สรุปแล้วพลังของเขามีความสยดสยองแค่ไหน?
นี่คือพลังที่สยองขวัญระดับไหนกัน แม้แต่เป็นหู้ ยังเกรงว่าต้องใช้กำลังทั้งหมดที่มี ถึงจะสามารถทำได้แบบเดียวกัน
“ทางรอดชีวิตดีๆ มีไม่ไป ดันพุ่งเข้ามาหาที่ตาย…งั้นวันนี้ฉันจะทำให้นายสมหวังเอง!” แต่ละคำแต่ละประโยคของเฉินเป่ย ราวกับเสียงของAsuraอันหนาวเย็นดังก้องในอากาศ อากาศเหมือนถูกน้ำแข็งปกคลุมไว้ทั้งหมด
“นี่ต่างหากถึงเป็นราชาหลง” ทันใดนั้น จิงถอดเสื้อสูทบนตัวลง พับให้เรียบร้อยเสร็จ ดึงเสื้อเชิ้ตสีขาวบนตัว ก่อนจะเดินไปทางเฉินเป่ยทีละก้าว
สายตาที่จิงมองทางเฉินเป่ยเปลี่ยนไปเคร่งขรึมหนักหน่วงที่สุด…วินาทีนั้นที่เฉินเป่ยระเบิดความหมายอาฆาตออกมา จิงเหมือนกำลังเผชิญศึกใหญ่
เฉินเป่ยในเวลานี้ ถึงเป็นราชาหลงที่ทำให้ต่างประเทศสั่นสะเทือน และล้มล้างโลกชั่วร้ายคนนั้น
นี่ต่างต่างหากที่เป็นการมีตัวตนของคนคนนั้นที่จำเป็นให้เขากับหู้ต้องร่วมมือกันต่อสู้
“พวกนาย เข้ามาพร้อมกันเถอะ” เฉินเป่ยกวาดสายที่เย็นชาแวบหนึ่งไปยังจิงและหู้ทั้งสองคน ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยปาก
หู้ทำเสียงฮึดฮัด ถึงแม้ภายนอกเขายังคงแสดงออกว่าไม่ได้เห็นเฉินเป่ยอยู่ในสายตา แต่ภายในใจเขาไม่กล้ากำเริบเสิบสานไปตั้งแต่แรกแล้ว
ลักษณะท่าทางที่เผด็จการโอหังบนตัวของเฉินเป่ยนั้น แม้แต่เขายังอดไม่อยู่ ต้องเคารพและหวาดกลัว
…………
เวลานี้ ในห้องนอนที่ห้องพักแห่งหนึ่งในโรงแรม หลีชิงเยียนนั่งอยู่บนเตียง ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าซีดเซียวดูไม่ดี เธอที่ดื่มมากไป หลังจากนั้นถูกซูเหลยกรอกนำแก้วหนึ่งเพื่อให้ได้สติ จนกระทั่งตอนนี้ ใบหน้าของท่านประธานเทพธิดายังคงมีสีแดงก่ำยังไม่เลือนหายไประดับหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ามีอารมณ์อยู่
หลีชิงเยียนในเวลานี้ ถ้าถูกเฉินเป่ยมองเห็นเข้า คงยากจะควบคุมตนเองไว้โดยเด็ดขาด สาวงามที่พราวเสน่ห์แสดงอารมณ์ออกมาแบบไร้ขีดจำกัด จะให้เขาควบคุมสัตว์ป่าในใจตนเองอยู่ได้อย่างไรกัน
ส่วนจางเป่าเฉิงพวกเขาทั้งสองคนตัวสั่นระริกอยู่ที่มุมหนึ่ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ทำให้พวกเขายากจะผ่อนคลายลงมา
พวกเขามองทางหลีชิงเยียน สายตากลายเป็นความนับถือเลื่อมใสขึ้นมา หลีชิงเยียนเป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ในเวลาแบบนี้ยังสามารถรักษาความสงบเยือกเย็นไว้ได้ จิตใจที่เข้มแข็งส่วนนี้ทำให้พวกเขาต่างอดเลื่อมใสไม่ได้
พวกเขาย่อมไม่รู้กันเป็นธรรมดา สถานการณ์แบบในตอนนี้ หลีชิงเยียนไม่ได้ประสบพบเจอแค่ครั้งเดียวมาตั้งแต่นานแล้ว
ไม่นาน ประตูห้องนอนถูกผลักออก ซูเหลยเดินเข้ามาจากด้านนอก พูดกับทั้งสามคนว่า “จัดการสองคนที่อยู่หน้าประตูเรียบร้อยแล้ว”
“งั้นพวกเราออกไปจากที่นี่ได้แล้วรึเปล่า?” จางเป่าเฉิงถามแบบลองเชิง
ซูเหลยส่ายหน้า มองซ้ายมองขวาสักหน่อย จากนั้นนำมีดเล่มหนึ่งยื่นให้จางเป่าเฉิง แล้วพูดว่า “ฉันจะไปตรวจดูสถานการณ์ของโรงแรมสักหน่อย พวกคุณล็อกประตูห้องนอนเอาไว้กัน ถ้ายังมีฆาตกรเข้ามา ประธานหลีคะ รีบโทรศัพท์หาฉันทันที”
หลีชิงเยียนพยักหน้าแล้ว ถามซูเหลยว่า “สรุปเกิดอะไรขึ้นกัน?”
ตอนที่ซูเหลยช่วยหลีชิงเยียนออกมา หลีชิงเยียนดื่มจนเมามายไม่ได้สติ หลังสร่างเมาก็มาอยู่ในห้องนอน ย่อมไม่รู้ว่าทำไมถึงกลายมาเป็นแบบนี้ได้
ซูเหลยมองหลีชิงเยียนแวบหนึ่ง ส่ายหน้าไป พลางตอบว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ตอนที่พวกเราทานข้าวกันก็ถูกนักฆ่าอาชีพกลุ่มหนึ่งโจมตีแล้ว ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นยังไง”
“นักฆ่าอาชีพ?” พอจางเป่าเฉิงได้ยินสี่คำนี้ก็หน้าซีดไปหมด
ถึงแม้เขาจะเป็นหัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอย แต่ไม่เคยเจอนักฆ่าอาชีพอะไรมาก่อน สำหรับเขานั้นเรื่องแบบนี้ช่างเลือนรางเหลือเกิน พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะมีสักวันหนึ่ง สามารถเจอนักฆ่าอาชีพกลุ่มหนึ่งมาตามไล่ฆ่าพวกเขาได้
และก่อนหน้านี้เขามองเห็นซูเหลยจัดการลงได้ในแวบเดียว ยิ่งนึกไม่ถึงกันใหญ่ว่าความสามารถของซูเหลยจะน่ากลัวเช่นนี้
“เมื่อกี้สองคนที่อยู่หน้าประตูนั้นน่าจะมาเฝ้า ประธานหลีคะ พวกคุณอยู่ที่นี่แล้วกัน ไม่อันตรายมาก ฉันจะไปตรวจสอบดูก่อนสักหน่อย” ซูเหลยพูดจบ กำลังหมุนตัวไป หลีชิงเยียนลุกขึ้นยืนฉับพลัน เรียกซูเหลยเอาไว้
ซูเหลยหมุนตัว มองทางหลีชิงเยียนด้วยความสงสัย ก่อนจะถามว่า “ประธานหลี ยังมีเรื่องอะไรอีกเหรอคะ?”
หลีชิงเยียนส่ายหน้า มองทางซูเหลย ลังเลอยู่ตั้งนานถึงรวบรวมความกล้าเอ่ยปากพูดขึ้น “ตอนที่เธอไปตรวจสอบดู หาเจ้าหมอนั้นสักหน่อยได้ไหม ฉันกลัวว่าเขาจะเจอเรื่องไม่ดีเข้า……”
ซูเหลยได้ยินคำพูดพวกนี้ของหลีชิงเยียนแล้วตะลึงนิดหน่อย ไม่นานก็ตอบสนองกลับมา ในช่วงเกิดอันตราย หลีชิงเยียนยังนึกถึงเฉินเป่ยด้วย
ซูเหลยพยักหน้าแล้วเดินออกจากห้องนอน เสียงประตูห้องนอนปิดดังปัง จางเป่าเฉิงรีบล็อกประตูห้องขึ้นมาทันที ในมือถือมีดเอาไว้ ฟันกำลังสั่นระริก
ส่วนหลีชิงเยียนถอนหายใจออกมาเบาๆ นั่งกลับไปบนเตียงดังเดิม ในสมองของเธอปรากฏภาพใบหน้าของเฉินเป่ยขึ้นมาโดยอัตโนมัติแบบอดไม่ได้
ซูเหลยช่วยเธอออกมาแล้ว แต่เฉินเป่ยล่ะ? เจ้านักเลงคนนั้นคงจะไม่……
ภายในใจของหลีชิงเยียนพึ่งผุดความคิดหนึ่งขึ้น แต่ถูกเธอลบทิ้งไปเองทันที เฉินเป่ยเจ้าหมอนี่ แต่ไหนแต่ไรหนังเหนียวมาก ทุกครั้งสามารถทำให้เธอเซอร์ไพรส์อยู่บ้าง ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย หลีชิงเยียนเชื่ออย่างเหนียวแน่นว่าเขาจะต้องรอดมาได้แน่
หลังซูเหลยเดินออกจากห้องพัก เดินที่โถงทางเดินอย่างเงียบสงบ ประตูห้องพักนับไม่ถ้วนที่โถงทางเดินสองข้างเปิดอ้าไว้ ด้านในห้องพักระเกะระกะ มองออกว่าหลังนักฆ่าพุ่งเข้าโรงแรมมา แขกบางส่วนรีบร้อนเก็บกระเป๋าเดินทางหนีไปจากโรงแรมแห่งนี้
ส่วนรอยเลือดบนโถงทางเดินน้อยมาก แทบจะไม่มี จนซูเหลยเดินเข้ามาที่โถงใหญ่และบริเวณบริหารงานของโรงแรม ถึงพบศพที่หนาวเย็นตายตาไม่หลับแต่ละร่างนอนจมกองเลือด คล้ายว่ากลายเป็นนรกขนาดย่อมผืนหนึ่ง
พอเดินมาตลอดทาง ซูเหลยยิ่งขมวดคิ้วยิ่งแน่นขึ้น ทั้งโรงแรม คนที่บาดเจ็บและล้มตายกันจริงไม่มากนัก ส่วนมากที่ตายคือพนักงานของทางโรงแรม
นักฆ่าเหล่านี้แค่ฆ่าพนักงานทิ้ง ส่วนแขกที่พักอยู่ในโรงแรมแทบจะมีศพปรากฏขึ้นน้อยมาก……ทันใดนั้น ในใจซูเหลยสั่น หล่อนที่ผ่านการทำงานในทีมรบพิเศษ และครอบครองสติปัญญาที่แหลมคม แวบหนึ่งเหมือนจะตอบสนองเข้ามาได้ นักฆ่าอาชีพเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าพุ่งเป้ามาที่พวกหล่อน ส่วนพนักงานของโรงแรม นักฆ่าเหล่านี้เกรงว่าพวกเขาจะแจ้งตำรวจ จึงฆ่ายกครัวทั้งหมด
ทันใดนั้น ซูเหลยหันหน้า มองไปยังทิศทางหนึ่งด้านนอกโรงแรม ทักษะการฟังของหล่อนเหนือกว่าคนทั่วไป ทำให้หล่อนได้ยินเสียงปะทะที่ด้านนอกโรงแรมได้ชัดแจ๋ว
รอตอนที่ซูเหลยเดินมาที่ริมหน้าต่างของโรงแรมด้วยความระมัดระวัง มองผ่านกระจกออกไป ครู่เดียวก็มองเห็นภาพเงาของเฉินเป่ย
ด้านนอกโรงแรม ด้านข้างน้ำพุแห่งหนึ่ง กำลังมีภาพเงาสามคนปะทะกันอย่างรุนแรง
พื้นผิวแตกร้าวแกรกๆ จิงกับหู้ทั้งสองคน เวลานี้กำลังร่วมมือกัน แสดงการบุกโจมตีที่ดุเดือดคลุ้มคลั่ง
ตอนซูเหลยมองเห็นฉากนี้ หัวใจเกือบจะหยุดเต้นลง
เฉินเป่ยใช้กำลังของคนคนเดียว ต้านทานการจู่โจมของผู้นำเมืองสองคน
ในมือจิงกุมดาบสั้น สู้ประชิดตัวกับเฉินเป่ย ส่วนดาบยาวของหู้ยิ่งเป็นเหมือนงูพิษที่ผิดปกติตัวหนึ่ง ทุกรอบที่จิงรัดตัวเฉินเป่ยไว้ ใช้มุมที่แปลกประหลาด คาดไม่ถึงจะเสียบไปทางหัวใจของเฉินเป่ย ลงดาบแต่ละครั้งล้วนพุ่งไปที่จุดสำคัญ
“ชิ้งๆๆ!”
เฉินเป่ยกุมมีดหลงหยาในมือ ความสามารถทั่วตัวระเบิดออก เผชิญหน้ากับการบุกโจมตีของจิงและหู้ที่เกิดขึ้นไม่ขาดสาย เขาไม่เคยตกเป็นเบี้ยล่างเลย
ซูเหลยสังเกตทุกอย่างนี้อยู่ในระยะไกล มองทางสายตาของเฉินเป่ยที่เผยความซับซ้อน……นี่คือราชาหลงเหรอ? คาดไม่ถึงเขาจะครอบครองความสามารถที่สยองขวัญเช่นนี้ ความรวดเร็วของเฉินเป่ยว่องไว กำลังของปืนเป็นสิ่งที่ซูเหลยไม่มีทางจินตนาการได้ทั้งสิ้น
“ราชาหลง……” ซูเหลยพึมพำกับตนเอง การต่อสู้เข้มข้นของเฉินเป่ยและสองคนนั้นยืดเวลามานานสิบกว่านาทีโดยไม่รู้ตัว เวลาผ่านไปรวดเร็ว ซูเหลยยิ่งรู้สึกตื่นตกใจ ถึงแม้ซูเหลยจะใช้ยาไปสองครั้งแล้ว และความสามารถเพิ่มขึ้นมามหาศาล แต่หล่อนชัดเจนดีมากว่าการต่อสู้ที่เข้มข้นนี้ หล่อนคงยืนหยัดได้ไม่เกินห้านาที
ส่วนภาพเงาสามคนนั้น สู้กันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาเกินสิบนาที สรุปแล้วความสามารถของพวกเขาสยดสยองมากแค่ไหน ถึงสามารถมีกำลังที่เหนือธรรมชาติได้เช่นนี้?
คนเหล่านี้เป็นใครกัน? ล้วนเป็นปีศาจร้ายสินะ?