บทที่493 ไร้ยางอาย!
“ปึง!” ท่อนเหล็กที่หยาบหนาฟาดบนศีรษะเฉินเป่ยอย่างแรง เกิดเสียงกระทบของกระดูกเนื้อและท่อนเหล็กออกมา
“เหยดเข้ ปล่อยให้แกกำเริบ!” อันธพาลคนหนึ่งเอ่ยปากตะโกนอย่างโหดเหี้ยม
ซู่!
บรรยากาศเงียบลงกะทันหัน เวลาราวกับว่าหยุดเดินตามไปด้วย
แต่วินาทีต่อมา ชั่วขณะนั้นคนพวกนี้ก็สีหน้าเปลี่ยนไป
“เฮ้ย ทำไมถึงมาโจมตีล่ะ?” เฉินเป่ยค่อยๆ เงยหน้าด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เหมือนว่าท่อนเหล็กนั้นไม่ได้ทำให้เขามีปฏิกิริยาใดๆ
อันธพาลที่จู่โจมมาคนนั้นมึนงงแล้ว จ้องศีรษะของเฉินเป่ยตาไม่กะพริบ ท่อนเหล็กของตนเอง เขามองเห็นชัดเจนว่าโจมตีไปที่ศีรษะของเฉินเป่ย
แต่ว่า…แต่ว่าเฉินเป่ยกลับเหมือนคนไม่เป็นอะไร ทำให้เขาแทบไม่อยากเชื่อ
เหมือนว่า…เหล็กที่ทรงพลังท่อนนี้ของเขา คาดไม่ถึงไม่ได้ทำให้เฉินเป่ยบาดเจ็บแต่อย่างใด
พวกอันธพาลกลุ่มหนึ่งสีหน้าแข็งค้าง ทั้งหมดตื่นตกใจอย่างยิ่ง ฟาดไปเหี้ยมโหดขนาดนี้…คาดไม่ถึงไม่ได้ทำให้เฉินเป่ยได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
“เชี้ยแม่ง!” นักเลงที่จู่โจมคนนั้นไม่อยากเชื่อเลย ยกท่อนเหล็กขึ้นฉับพลัน ฟาดไปอีกทีอย่างแรง
“ตึง—!” ชั่วขณะหนึ่งที่ท่อนเหล็กฟาดลง แม้กระทั่งเฉินเป่ยยังจุดไฟบุหรี่ สูบเข้าไปแบบเรียบเฉย
ทุกคนเงียบกริบ มองนักเลงคนนั้นถือท่อนเหล็กไว้ด้วยความตกใจ ก่อนจะฟาดลงมาทีหนึ่ง
ท่อนเหล็กเหมือนหวดบนอาวุธ แถมยังมีเสียงก๊องแก๊งดังสะท้อนด้วย ส่วนเฉินเป่ยกลับพ่นควันบุหรี่ออกมาอย่างสบายใจ……
ในที่สุดอันธพาลพวกนี้ก็สีหน้าเปลี่ยนแล้ว สับสนและยากจะเชื่อกันขึ้นมา นี่สรุปมันเรื่องอะไรกัน? ศีรษะของคนนี้ทำมาจากเหล็กเหรอ?
ทำไมไม่เป็นอะไรสักนิดเดียว
“แม่งเอ๊ยฉันไม่เชื่อหรอก!” อันธพาลที่โจมตีมาคนนั้นเดือดดาลแล้ว หมุนควงท่อนเหล็กอย่างบ้าคลั่ง ฟาดทุบไปยังศีรษะของเฉินเป่ยด้วยความโหดร้ายคลุ้มคลั่ง “แม่ง! ฉันจะตีแกให้ตาย! ตายซะเถอะ!”
“ปึงๆๆ……” ท่อนเหล็กหนาหยาบตีกระทบบนศีรษะเฉินเป่ยครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่ากลับไม่มีปฏิกิริยาอันใดแม้แต่น้อย เฉินเป่ยยืนอยู่ตรงนั้นไปแบบนี้ ปล่อยให้เขาฟาดกระแทกแบบกำเริบเสิบสาน……
อันธพาลคนนั้นสีหน้าเปลี่ยนถึงที่สุด กลายเป็นว่าตื่นตระหนกตกใจอย่างยิ่ง “นี่เป็นไปไม่ได้!”
อันธพาลที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนหน้าตาตกใจกันหมด
หลีชิงเยียนในห้องทำงาน มองวงจรปิดในหน้าจอคอมพิวเตอร์ มองเห็นฉากนี้ มึนงงถึงที่สุด…เกือบจะทำหน้างงงวย
ในมืออันธพาลคนนั้นถือท่อนเหล็กไว้ หวดลงไปนับครั้งไม่ถ้วน แม้กระทั่งบนตัวของเขายังมีเหงื่อซึมนิดหน่อย พ่นลมหายใจออกทีหนึ่ง แล้วมองทางเฉินเป่ย
ส่วนเฉินเป่ยก็พ่นควันบุหรี่ออกเป็นวง จ้องอันธพาลคนนั้นด้วยความสนใจ พร้อมพูดว่า “ตีเสร็จรึยัง?”
“ตีเสร็จแล้ว ถึงตาฉันแล้วมั้ง?” เฉินเป่ยเอ่ยปากพูด
“แม่งเอ๊ย! ตายซะเถอะ!” อันธพาลนั้นสีหน้าดุร้าย ถือท่อนเหล็กระเบิดโจมตีอีกครั้ง
แต่ความเร็วของเฉินเป่ยไวกว่าเขาอีก เฉินเป่ยฟาดเท้ามาทีหนึ่ง
“ปึง——!”
ภาพคนคนหนึ่งลอยกระเด็นออกไป กระอักเลือดทีหนึ่ง
“ตึง”ภาพเงาคนกระแทกไปบนรถยนต์คันหนึ่งโดยตรง ชั่วขณะนั้นประตูของรถยนต์บุบลง กระจกแตกละเอียด ทั้งร่างกายอันธพาลคนนั้นติดอยู่ที่กระจกหน้าต่างของรถยนต์ ในปากกระอักเลือดสด……สภาพน่าเวทนา
เงียบงันไปหมดทั้งที่เกิดเหตุ
“เชี้ย! ฟันมันให้ตาย!” อันธพาลที่โจมตีคนนั้น ชั่วขณะนั้นจุดประกายไฟโกรธของอันธพาลทั้งหมดขึ้น
พวกนักเลงเหล่านี้ดุร้ายโกรธเคืองเป็นพิเศษ โบกควงอาวุธฉับพลัน ท่อนเหล็ก มีดยาว พวกมีดที่เย็นเยียบปล่อยแสงที่เย็นยะเยือกออกมา ล้อมรอบเฉินเป่ยไว้อย่างบ้าคลั่ง ระเบิดโจมตีเข้ามา
“ไม่!” ท่านประธานเทพธิดาในห้องทำงานมองเห็นฉากนี้ในภาพวงจรปิดเข้า นั่งไม่ติดอีกต่อไป รีบลุกขึ้นทันที พุ่งออกจากห้องทำงาน
เธอไม่สามารถดูเฉินเป่ยตกอยู่ในอันตรายได้แบบหน้าตาเฉย
“ตายซะเถอะ!”
อันธพาลคนหนึ่งพุ่งเข้ามาตรงหน้าเฉินเป่ยก่อน
ที่มีดยาวในมือนั้นยังมีเลือดที่ยังไม่แห้งติดอยู่ ถ้ามีดนี้แสดงออกมา ต้องได้เลือดเป็นแน่
เฉินเป่ยไม่หวาดกลัวทั้งนั้น แววตามีแสงดุเดือดแวบผ่าน ใช้ทักษะที่ดุจสายฟ้าแลบระเบิดโจมตีเตะออกไปทีหนึ่งโดยตรง ความเร็วที่ฉับไวแทบจะทำได้เพียงมองเห็นภาพวืดที่ใช้ตาเปล่ามอง
ไม่มีใครเห็นการกระทำทั้งหมดของเฉินเป่ยแจ่มแจ้ง เมื่อพวกเขาตอบสนองเข้ามา อันธพาลคนนั้นก็โดนถีบลอยไป กระอักเลือดสด สาดกระจายกลางอากาศ
มีดยาวนับไม่ถ้วนจู่โจมลงมา แสงเย็นเฉียบแต่ละสาย ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน
แต่เฉินเป่ยสีหน้าสงบ เหมือนทั้งหมดนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย มือขวาของเขาล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ มือซ้ายคีบบุหรี่ ทั้งกระบวนการใช้แค่เท้า เท้าทั้งสองอย่างกับบรูซลีที่ไม่เป็นสองรองใคร ยกถีบไม่หยุด ภาพเงาแต่ละคนต่างๆ ล้มกระเด็นออกไป สั่นสะท้านไร้ที่เปรียบ
พวกอันธพาลตื่นตกใจถึงที่สุด ที่เกิดเหตุมีเสียงโหยหวนแถบหนึ่ง เฉินเป่ยราวกับถีบตุ๊กตา ถีบทีหนึ่งลอยไปคนหนึ่ง เดิมทีไม่มีการเคลื่อนไหวมากมายนัก
เฉินเป่ยถีบไปทีเดียวทำอันธพาลคนหนึ่งลอยออกไปไกลสิบกว่าเมตรทันที และสูบบุหรี่ทีหนึ่ง จากนั้นค่อยๆ พูดว่า “ฉันบอกแล้ว คนมาก ไม่แน่ว่าจะได้ผล”
พวกอันธพาลกลุ่มนั้นจ้องเฉินเป่ยด้วยความตกใจหวาดผวา ในใจสั่นเทาไม่หยุด ไฟโกรธพุ่งทะยาน แรงอาฆาตที่หนาวเหน็บโหมพัดกระหน่ำ
“ฟันมันให้ตาย! มันจำเป็นต้องตาย!” อันธพาลนับไม่ถ้วนเดือดดาล มีดเล่มหนึ่งฟันมายังเฉินเป่ยโดยตรง
ส่วนเฉินเป่ยเอียงร่างกาย หลบการโจมตีของมีดเล่มนี้ไปอย่างเฉียบไว
อันธพาลนั้นยังไม่มีการตอบสนองเข้ามา ร่างกายก็ถูกแรงมหาศาลสะบัดขึ้นกลางอากาศ ภาพหมุนเคว้ง ทั้งตัวเขาถูกสะบัดลอยออกไป
พวกอันธพาลเกือบจะพังทลายไปหมด……นี่แม่งเป็นใครกัน……นี่แม่งเป็นคนอยู่เหรอ
หัวหน้ากลุ่มคนหนึ่งในนั้นที่ถูกอันธพาลล้อมรอบจ้องเฉินเป่ยไม่ขยับ แววตาเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เขารวมพลคนมากขนาดนี้ คืออยากหามาผลประโยชน์อันโอชะที่บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? อันธพาลโหดร้ายพวกนี้ยังเอาไม่อยู่?
ตนเองผ่านการตรวจสอบอย่างดีมาตั้งแต่แรก บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป เดิมไม่มีผู้มีฝีมือยอดเยี่ยม แต่ผู้ชายคนนี้ โผล่มาจากที่ไหนกัน?
“เชี้ยแม่ง!” อันธพาลคนหนึ่งไม่หวาดกลัวสักนิด เดือดดาลดุร้าย ควักมีดด้ามหนึ่งกระโจนแทงมายังเฉินเป่ยทันที
“อ่า——!” เดิมทีเฉินเป่ยแม้แต่หลบยังไม่หลบ ยกฝ่ามือตบไปบนหน้าอันธพาลคนนั้นอย่างจัง อันธพาลคนนั้นถูกเฉินเป่ยตบกระเด็น กระอักเลือดสด
“ยังมีใครอยากเข้ามาอีกมั้ย?” เฉินเป่ยคาบบุหรี่ที่มุมปาก ถามขึ้นนิ่งๆ
ทั้งหมดเงียบกริบไร้เสียง เสียงใบไม้ตกยังได้ยิน อันธพาลทั้งหมดค่อยๆ ถอยหลังกัน ถลึงตาจ้องเฉินเป่ยด้วยความตกใจเต็มตา ราวกับเห็นวิญญาณ
เฉินเป่ยก้าวออกมาด้านหน้าช้าๆ พวกอันธพาลกลุ่มนั้นเหมือนเจอข้าศึกใหญ่ ถอยหลังกันหมดในแวบเดียว ตื่นตระหนกอย่างมาก
“ยังมีใครไม่ยอมบ้าง?” เฉินเป่ยหรี่ดวงตา มุมปากฉีกรอยยิ้มขึ้น เพียงแต่รอยยิ้มนี้อยู่ในสายตาของอันธพาลกลุ่มนั้น กลับเห็นได้ชัดว่าน่ากลัวเช่นนี้……
“ยังมีใครอีก!!” ทันใดนั้นเฉินเป่ยตะคอกเสียงดัง คล้ายกับมังกรคำรามจริง ทะลุผ่านทั้งท้องฟ้าด้านบน สั่นสะเทือนสวรรค์
พวกอันธพาลกลุ่มนั้นร่างกายสั่นทันใด ขาทั้งคู่สั่นไม่หยุด เหมือนคนที่หวาดผวา…ในใจตระหนกแบบหาที่เปรียบไม่ได้…คาดไม่ถึงว่าเสียงเฉินเป่ยจะเขย่าจนพวกอันธพาลกลุ่มนั้นสั่นเทิ้มไม่เลิก ขาทั้งคู่สั่นเทา
แม้กระทั่งอันธพาลบางส่วนยังเป้ากางเกงเปียกไปหมด…โดนขู่ขวัญตกอกตกใจกันจนฉี่ราดกางเกง
และเวลานี้ หลีชิงเยียนที่เมื่อสักครู่รีบมาที่ห้องโถง มองภาพด้านหลังของเฉินเป่ยแบบตะลึงค้าง เธอตาค้างถึงที่สุด…เฉินเป่ยในเวลานี้ ลักษณะท่าทางเปลี่ยนไปโดยเฉียบพลัน ดูแปลกหน้าโดยสิ้นเชิง ทำให้ผู้คนหวาดกลัว…แม้กระทั่งรู้สึกสั่นเทา
นี่ยังเป็นเขาอยู่เหรอ นี่ยิ่งเหมือนกับผู้ลึกลับคนนั้น
ปรากฏขึ้นในใจหลีชิงเยียน
เฉินเป่ยยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไปแบบนี้ บนหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก กลับเหมือนปีศาจ ทำให้อันธพาลนับไม่ถ้วนสีหน้าซีดเซียว เกิดความโกรธแค้นสุดๆ
ในที่สุดอันธพาลคนหนึ่งก็รับแรงกดดันสยองขวัญแบบนี้ไม่ไหวอีกต่อไป หมุนตัววิ่งหนีทันใด
ข้อมือเฉินเป่ยสั่น แสงดำเส้นหนึ่งระเบิดยิงออกมา แฉลบผ่านที่ว่างกลางอากาศเฉียบไว
“ซู่!” แสงดำกรีดแหวกที่ว่างกลางอากาศ เสียบบนพื้นด้านหน้าของอันธพาลที่วิ่งหนีคนนั้นอย่างแรง มีดยาวปักเข้าพื้นซีเมนต์ที่แข็งอย่างยิ่ง ตัวมีดครึ่งหนึ่งถูกพื้นบดบังไว้ แต่เห็นได้ว่ามีดที่ลอยไปนี้ มีความสยดสยองของพลังมหาศาล
“ถ้าแกก้าวไปข้างหน้าอีกทีหนึ่ง มีดต่อไป ส่วนที่จะแทงทะลุก็คือร่างของแก!” เสียงที่เย็นเฉียบของเฉินเป่ยค่อยๆ ลอยมาจากด้านหลังของอันธพาลคนนั้น ทำให้ร่างกายเขาสั่นเทาไม่หยุด
ขาทั้งคู่ของอันธพาลคนนั้นสั่นฉับพลัน ของเหลวที่อุณหภูมิอุ่นๆ ไหลออก…ตกใจจนฉี่ราดแล้ว…
“คุกเข่าลงให้ฉันทั้งหมด!” เฉินเป่ยตะคอกใส่
“ตึงๆๆ…” เสียงเข่ากระแทกนับไม่ถ้วนดังขึ้นทันใด ชั่วขณะนั้นอันธพาลทั้งหมดรวมตัวกันคุกเข่าลง ไม่มีการลังเลแต่อย่างใด เฉินเป่ยในเวลานี้ปลดปล่อยลักษณะท่าทางที่แท้จริงของเขาถึงขั้นสุด ทำให้คนสั่นเทิ้ม น่ากลัว
นี่คือท่วงท่าของราชาหลง ออร่าสยองขวัญที่โหมมายากจะต้านทานไหว ชั่วพริบตาเดียวนั้นก็ระเบิดออกทั้งหมด
ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเคยเห็นฝีมือของเฉินเป่ยมา แต่เวลานี้หลีชิงเยียนก็อึ้งค้างเช่นกัน มึนงงโดยสิ้นเชิง…จ้องเฉินเป่ยดวงตาไม่กะพริบ เกือบจะกลายเป็นหิน…
เฉินเป่ยกวาดสายตาเย็นชามองพวกอันธพาลกลุ่มนี้ ค่อยๆ ถามว่า “ตอนนี้ ยังมีใครไม่ยอมอีก?”