บทที่ 499 สุกรอ้วนที่ล่วงเกินไม่ได้!
เสียงของเฉินเป่ยดังมาก โหวกเหวกโวยวายขนาดนี้ก็ดึงเอาความสนใจจากผู้คนที่อยู่รอบๆ เข้า ครู่เดียวทั้งสองก็กลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งงาน
ในเวลานี้ทั้งโกรธทั้งอาย ดวงตาคู่งามจ้องไปที่เฉินเป่ยราวจะกินเลือดกินเนื้อ หลีชิงเยียนปล่อยรังสีเย็นยะเยือกจากนัยน์ตาสวยคู่นั้น
“นาย…” หลีชิงเยียนใช้สายตาที่ดุร้ายจ้องไปที่เฉินเป่ย ฟันขบกัดริมฝีปากสีแดงสด สายตาสังหารนั่น ราวกับจะฉีกร่างเฉินเป่ยเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น
เฉินเป่ยหันกลับมา มองไปที่หลีชิงเยียนแล้วยิ้มบางๆ พูดว่า “ชิงเยียน พวกเราไปกันเถอะ”
“หลีชิงเยียน นี่สามีคุณ?” ผู้ชายคนเมื่อครู่ถามขึ้นอย่างงงงัน
“เป็น…” หลีชิงกำลังจะแก้ตัว ทันใดนั้น เฉินเป่ยก็ออกแรงรั้งเอวน้อยหลีชิงเยียน ในเวลาสั้นๆ ร่างกายอ้อนแอ้นอย่างหลีชิงเยียนก็ควบคุมไม่อยู่เซเข้าไปหาเฉินเป่ย
แล้วริมฝีปากของเฉินก็ขยับเข้ามาใกล้อย่างกระทันหัน!
หลีชิงเยียนเบิกตาโตอย่างไม่ตั้งใจ เธออยากต่อต้านและหลบหลีกตามสัญชาตญาณ แต่มือข้างนั้นเฉินเป่ยกลับโอบเอวเธอไว้อย่างแน่นหนา ทำให้หลีชิงเยียนไม่อาจหลบหลีกได้!
หลีชิงเยียนจึงได้แต่เพียงมองเฉินเป่ยจูบลงมาตาปริบๆ
เมื่อริมฝีปากของทั้งสองกระทบกัน สมองของหลีชิงเยียนก็ขาวโพลนไปหมด
“นี่..” ทั่วทั้งตัวของหลีชิงเยียนตะลึงงัน ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ! ร่างงามแข็งทื่อไปอย่างฉับพลัน!
ทั้งงานเลี้ยงเงียบเสียงลง ตกใจจนนิ่งอึ้งไปในชั่วพริบตา
ในแวดวงสังคมชนชั้นสูง เมื่ออยู่ในงานเลี้ยงตระกูลใหญ่ของเยี่ยนจิง เฉินเป่ยกับหลีชิงเยียนทำกิริยาอย่างนี้ออกมา
ก็ทำให้ได้รับสายตาที่ไม่ดีไม่งามได้อย่างง่ายๆ
“อื้อ…” ดวงตาคู่สวยของหลีชิงเยียนเบิกกว้าง ยังคงจ้องเฉินเป่ย ร่างงามแข็งทื่ออยู่ที่เดิมทว่าสั่นสะท้าน ราวกับกลายเป็นคนเซ่อซ่า ที่จริงแล้วคนที่ทั้งฉลาดทั้งเย็นชาอย่างเธอ ไม่เคยเตรียมมาก่อนเลยว่าต้องเจอสถานการณ์เฉพาะหน้าแบบนี้!
ในช่วงเวลาสั้นๆ แขกที่โดนการกระทำนี้ดึงดูดวามสนใจ สายตาก็ตกลงที่ร่างของเฉินเป่ยและหลีชิงเยียน แววตาค่อยๆ เต็มไปด้วยแววคิดใคร่ครวญ
เมื่อแขกเหล่านั้นมองหลีชิงเยียนที่แววตาเปลี่ยนเป็นแววหยอกล้อ คนส่วนก็เริ่มกระซิบกระซาบกันเสียงเบา พูดคุยเกี่ยวกับฐานะของเฉินเป่ยและหลีชิงเยียน
ตระกูลหลีเป็นตระกูลใหญ่ ทายาทสายตรง สายรอง และตระกูลสาขาก็จำนวนมาก นอกจากสายตรงที่เป็นที่รู้จักแล้ว แม้คนส่วนใหญ่จะแซ่หลี แต่ความสัมพันธ์กับคนในตระกูลล้วนห่างเหิน กลายเป็นบุคคลแปลกหน้าได้ง่ายดาย
การปรากฏตัวของเฉินเป่ยและหลีชิงเยียน ประกอบกับรูปลักษณ์ของคนทั้งคู่ที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว ก็ยิ่งทำให้คนทั้งประหลาดใจขึ้นมา
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดหลีชิงเยียนก็มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมา ใช้แรงที่มีเพียงหยิบมือดันเฉินเป่ยออก จัดการกับผมสีดำเงางามที่ยุ่งเหยิง ใบหน้างามปรากฏสีแดงระเรื่อที่น่าดึงดูดใจ เต็มไปด้วยกลิ่นอายงดงามที่บรรยายไม่ถูก
หน้าอกของหลีชิงเยียนสะท้อนขึ้นลงอย่างรุนแรงและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ติดต่อกันไม่หยุด เมื่อเธอมองไปที่เฉินเป่ย ก็ตาวาวโรจน์เพียงแวบเดียว สายตานั่นเหมือนจะสับเฉินเป่ยเป็นพันเป็นหมื่นชิ้นก็ไม่ปาน ราวกับว่าเกลียดจนไม่รีรอที่นำเฉินเป่ยไปฆ่าให้ตาย!
หลีชิงเยียนในเวลานี้เต็มไปด้วยไอสังหาร ฟันคมกัดลงบนริมฝีปากสีระเรื่อ เดือดดาลไปทั้งตัว โดยเฉพาะใบหน้างามนั่น ร้อนลวกจนเหมือนแกงที่ทั้งเผ็ดทั้งร้อนไม่ไหวแล้ว เธอทั้งโกรธทั้งอายไม่มีใครเกิน
“ไอ้คนเลว! ไร้ยางอาย!” หลีชิงเยียนกัดริมฝีปากแน่น กัดแรงจนเลือดจวนจะไหลออกมาอยู่แล้ว
หลีชิงเยียนตวาดออกมาด้วยน้ำเสียงเบา ไม่ให้แขกรอบข้างได้ยิน ในขณะที่คนรอบข้างเหล่านั้นยิ่งเห็นใบหน้าแดงที่เย้ายวนของหลีชิงเยียน แววหยอกล้อในตาก็ยิ่งเข้มขึ้น
“ชิงเยียน นี่ผมกำลังกู้หน้าแทนคุณอยู่นะ” เฉินเป่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แม้จะพูดอย่างนั้น แต่สีหน้าของเขากลับไม่มีความจริงใจเลยแม้แต่น้อย
ไม่เพียงแค่นี้ ที่ทำให้หลีชิงเยียนรับไม่ได้ที่สุดก็คือ น้ำเสียงนิ่งและไม่แยแสของเฉินเป่ย ทว่าตอนที่เห็นริมฝีปากอวบอิ่มของหลีชิงเยียนนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปากตัวเอง ริมฝีปากของหลีชิงเยียนแดงก่ำเหมือนกับแอปเปิลที่สุกเต็มที่แล้ว ในสายตาของเฉินเป่ย หลีชิงเยียนสง่างามไม่มีใครเปรียบ ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่เย้ายวนใจ
แต่การเลียริมฝีปากของเฉินเป่ย เมื่ออยู่ในสายตาของหลีชิงเยียน กลับกลายเป็นยั่วยุหยอกเย้า ทำให้หน้าของหลีชิงเยียนแดงแจ๋เหมือนแกงเผ็ดร้อน แดงจนเหมือนจะมีเลือดไหลออกมา
“ไอ้คนสารเลว!” หลีชิงเยียนขบริมฝีปากแน่น ถ้าหากว่าตอนนี้อยู่หู้ไห่ เธอคงให้คนจับเฉินเป่ยไปถ่วงน้ำที่แม่น้ำเฉินเป่ยไปนานแล้ว! ทว่าที่นี่คือเยี่ยนจิง เธอไม่มีทั้งอำนาจและอิทธิพล นอกจากจะถูกเฉินเป่ยยั่วให้โมโหจนกระทืบเท้า แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเฉินเป่ยได้เลย!
แต่ที่หลีชิงเยียนไม่ทราบก็คือ ผู้ชายที่เข้ามาพูดคุยก่อนหน้านี้จากไปด้วยเก้อเขินตอนไหนก็ไม่รู้ และละครฉากนี้ก็ทำให้แขกรอบข้างหมดความสนใจไปอย่างรวดเร็ว พากันยิ้มพลางผงกหัวให้ แล้วหันหลังไป
ในขณะเดียวกัน อยู่ๆ เฉินเป่ยก็ยื่นมือออกไป มือที่ใหญ่ราวกับอุ้งมือเสือก็จับมือที่เกลี้ยงเกลาของหลีชิงเยียนได้อย่างง่ายดาย ดึงหลีชิงเยียนที่ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไรแล้วเข้ามา พูดใกล้ๆ ว่า “จูบ ทำให้คนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ถูกง่ายที่สุดแล้ว เข้าใจไหม?”
แววตาของเฉินเป่ยเต็มไปด้วยความหมายบางอย่าง กดเสียงต่ำพูดออกมาทำให้ดวงหน้างามแข็งค้างไปชั่วครู่ ทำให้เธอใจเย็นลงในที่สุด สีหน้าอ่อนลง
ทันใดนั้น หลีชิงเยียนก้มหัวลง มองเห็นมือใหญ่ของเฉินเป่ยข้างนั้น ใบหน้าก็ชะงักไปเล็กน้อย!
“ปล่อย!” หลีชิงเยียนยื่นมือขาวเรียวราวกับหยกออกไปบิดหูเฉินเป่ย
ใบหน้าของเฉินเป่ยชะงักไปชั่วขณะ เพียงครู่เดียวสีหน้าก็บิดเบี้ยว: “อย่าๆๆๆ …เจ็บๆๆๆ …”
เมื่อหลีชิงเยียนปล่อยมือ หลีชิงเยียนโมโหจนหายใจไม่ทันพลางผลักเฉินเป่ยออกไปเต็มแรง ก่อนจะหันหลังจากไปอย่างหอบๆ
ขณะนั้นเอง ความวุ่นวายเล็กที่ทั้งสองทำออกมา ก็ไปดึงดูดความสนใจจากแขกส่วนหนึ่งอีกครั้ง
เฉินเป่ยเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ยังตามไม่ทันหลีชิงเยียน ในอีกด้านหนึ่งของฝูงชน ส่งเสียงอื้ออีงอย่างฉับพลันทำให้หลีชิงเยียนกับเฉินเป่ยหยุดเดินลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลีชิงเยียนหันมาอย่างเชื่องช้า ในชั่วพริบตาเดียวที่เสียงอื้ออึงดังขึ้น ในใจเธอก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา เฉินเป่ยหรี่ตาลงเล็กน้อย มองไปยังกลุ่มศีรษะคนที่สวนกันไปมาอยู่ไกลๆ นัยน์ตาก็เข้มขึ้น ไม่มีใครดูออกว่าในใจเขากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
“คุณชายหลีมาแล้ว!” ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดขึ้นมา เพียงครู่เดียว ข่าวนี้ก็แพร่ไปทั่วห้องโถงรับแขก
ห้องโถงขนาดใหญ่ที่จุคนได้เป็นร้อยคนถูกประดับประดาอย่างหรูหราตระการตา ก็ทำให้แขกเหล่านั้นถอนหายใจด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของหลีเช่าเทียนเองกแฝงความหมายบางอย่างที่อธิบายไม่ได้เพิ่มขึ้นมา
“พูดกันว่า คุณชายหลีเป็นผู้รับช่วงต่อจากหลีหง”
“ผู้สืบทอดที่เจ้าบ้านคนก่อนกำหนดไว้ไม่ใช่หลีเช่าหงหรือ ทำไมเปลี่ยนเป็นหลี่เช่าเทียนล่ะ?”
“หลีหงเคยคิดว่าหลีเช่าเทียนหนักแน่นไม่พอ ถึงกำหนดเป็นการภายในว่าเป็นหลีเช่าหง ใครจะไปรู้ว่าไม่มีหลีเช่าหงแล้ว ไม่มีวิธีอื่นอีก ได้แต่เลือกคุณชายรองคนนี้ เล่ากันว่าเจ้าบ้านยังเป็นคนอบรมคุณชายสองคนนี้ด้วยตัวเอง?”
“เจ้าบ้านอยู่ในสถานะที่เหนือกว่าใครในหัวเซี่ย สามารถทำให้เขามาอบรมหลีเช่าเทียนได้ คิดได้เพียงเขาให้ความสำคัญกับคุณชายสองคนนี้ เห็นทีว่าแท้จริงแล้วคุณชายสองเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการสืบทอดตระกูลหลี ไม่มีอะไรเกี่ยวกับพวกเรา”
“นี่ไม่ใช่คำพูดไร้สาระหรือ พวกเราเป็นคนตระกูลหลี มีชีวิตที่ดีกว่าคนทั่วไปมากมาย ยังจะมีข้อเรียกร้องอะไรอีก คุณชายสองสืบทอดตระกูลคือแนวโน้มที่เป็นไปได้มากที่สุด ช้าเร็วพวกเราก็ต้องก้มศรียอมจำนนต่อเขา!”
ในกลุ่มคนต่างก็พูดคุยกันเซ็งแซ่ หลีชิงเยียนเองก็ได้ยินการสนทนาเหล่านั้นของคนตระกูลหลี ใบหน้างามก็เคร่งขรึมลง เห็นได้ชัดว่าเธอเข้าใจทะลุปรุโปร่ง ตอนที่หลีเช่าเทียนอยู่ที่หู้ไห่ ก็รับมือได้ยากขนาดนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่เยี่ยนจิง แถมยังอยู่ในบ้านหลี ตัวเองในครั้งนี้ อันตรายเป็นอย่างมาก!
หลีชิงเยียนมองซูเหลยแวบหนึ่งอย่างกังวล ซูเหลยจึงส่งสายตาให้หลีชิงเยียน ถึงทำให้หลีชิงเยียนวางใจไปบางส่วน หลังจากซูเหลยปลอบหลีชิงเยียนเล็กน้อยก็มองไปยังเฉินเป่ย ผลปรากฏว่าเฉินเป่ยมองไปรอบๆ อย่างไร้ความหวั่นเกรงใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ได้เคร่งขรึมและระมัดระวังอย่างหลีชิงเยียนเลยสักนิด
“สวัสดีคุณชายหลี!”
“ขอให้คุณชายหลีอยู่เย็นเป็นสุข!”
“เจอคนหลีครั้งแรก หน้าตาหล่อเหลาดูดีมีสง่าจริงๆ ด้วย!”
ทันใดนั้น ฝูงชนก็พากันหลีกทางให้อย่างเคารพ ปลายสุดทางที่หลีกออกนั้นก็ปรากฏเงาร่างหนึ่ง!
เงาร่างที่อยู่ตรงนั้น กลับให้อารมณ์บางอย่างที่อธิบายไม่ถูก ราวกับว่าปรากฏตัวขึ้นที่ไหน ก็กลายเป็นจุดรวมความสนใจของที่นั่น ล้วนเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด!”
เมื่อเงานั้นหันหลังกลับมา สายตาเข้มขึ้นไม่หยุดหย่อน ทำให้ร่างงามของหลีชิงเยียนตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อย อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้! สายตาล้ำลึกคู่นั้นเลวร้ายกว่าเมื่อก่อนอย่างชัดเจน ทำให้ใจสั่นระรัว!
ลมหายใจของหลีชิงเยียนสับสนและถี่กระชั้นขึ้นมา นัยน์ตาคู่สวยของเธอสบเข้ากับหลีเช่าเทียน เกือบจะถูกสายตานั่นทำลายอย่างไม่ลังเล ถึงขนาดที่เงยหน้าขึ้นมาไม่ได้!
หลีเช่าเทียน ที่นี่คืออาณาเขตของเขา พลังของเขาคือพลังที่แทบจะไม่พ่ายแพ้!
หลีชิงเยียนหน้าซีดขาว ฉับพลันเธอก็ตอบสนองขึ้นมา การที่ตนเองมาบ้านหลีคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่แท้จริง!
รนหาที่ตายให้ตนเองแท้ๆ!
หลีเช่าเทียนยืนอยู่ไม่ไกล มองเฉินเป่ยกับหลีชิงเยียนอย่างเงียบเชียบและนิ่งสงบ แววตาลึกล้ำนิ่งเรียบไร้คลื่นลม มีเพียงแค่ตอนที่มองมาที่เฉินเป่ยและหลีชิงเยียน ก็เต็มด้วยแววเยาะหยันและหยอกเย้า
มันคือสายตาที่มองตะพาบที่อยู่ในตู้กระจกอย่างเยือกเย็นและเยาะหยัน!