บทที่530 การประเมินค่าห้าดาว!
ภาพในคลิปวิดีโอเคลื่อนไปไม่หยุด…ในคลิปวิดีโอ อาวุธในมือของนักฆ่าคนนั้นยิงโจมตีไม่หยุด กระสุนนับไม่ถ้วนราวกับไหลบ่าเข้ามา กระหน่ำยิงไปยังรถยนต์
ทันใดนั้น ภาพเงาของเฉินเป่ยหายวาร์ปเฉียบไว แทบจะกลายเป็นภาพวืดภาพหนึ่ง บินแวบไปด้านหน้ารถยนต์ แสงดำในมือหมุนรอบตัวเบาๆ ดุจสายฟ้าแลบ กระสุนเปลวไฟที่ยิงมานับไม่ถ้วนนั้นถูกดักยิงร่วงทั้งหมด
หลังจากเห็นภาพที่ตื่นตะลึงนี้…นักวิเคราะห์กลุ่มหนึ่งในนั้นสีหน้าเปลี่ยนทันใด กลายเป็นว่าตกใจสั่นสะเทือนสุดๆ นี่…นี่สยดสยองเกินเหตุแล้ว คาดไม่ถึงว่าอาศัยเพียงกำลังคนคนเดียว ชั่วพริบตาเดียวจะสกัดกั้นกระสุนที่กระหน่ำยิงแบบโหดเหี้ยมเช่นนี้ลงได้?
ภาพเล่นไปอย่างเชื่องช้าไม่หยุด ระดับความช้าเป็นหนึ่งร้อยเท่าเต็มๆ ในที่สุดผู้คนก็สามารถพอจะมองเห็นฉากหนึ่งที่น่าตื่นตกใจในภาพได้ชัดเจน
กระสุนเปลวไฟแต่ละลูกนั้นกระหน่ำโจมตีเข้ามา ชั่วพริบตาเดียวนี้ เฉินเป่ยคนนั้นระเบิดพลังที่เรียกได้ว่าสยองขวัญออกมา ทั้งร่างกายพุ่งไปฉับไว ความเร็วของทักษะนี้ เหมือนคงทำได้เพียงใช้ภาพวืดถึงจะสามารถจับเขาได้ ความเร็วนี้…ช่างเร็ว…แทบจะแซงหน้าขีดจำกัดความเร็วของร่างกายคน
“รีบวิเคราะห์ความเร็วตอนนี้ของเขา!”
ข้อมูลในคอมพิวเตอร์เริ่มตรวจสอบวิเคราะห์ไม่หยุด ท้ายที่สุดผลการวิเคราะห์ก็ออกมาแล้ว
ตอนเห็นผลลัพธ์การวิเคราะห์ออกมา นักวิเคราะห์กลุ่มหนึ่งสั่นสะท้านกันหมด
ระดับความเร็วในตอนนั้นของเฉินเป่ยที่พุ่งหาเป้าหมาย ผ่านการเทียบเคียงตรวจสอบที่แม่นยำของคอมพิวเตอร์ คาดไม่ถึงบรรลุความเร็วขีดจำกัดที่500เมตรต่อวินาทีแล้ว นี่คือความเร็วสุดสยองขวัญที่อาจเทียบได้กับความเร็วเสียง นี่คือสุดขีดจำกัดสมรรถภาพร่างกายคน ล้วนเป็นระดับน่ากลัวที่ยากจะบรรลุ
นี่…คือยอดมนุษย์ที่น่ากลัวอย่างยิ่งผู้หนึ่ง
ภาพเคลื่อนไหวเชื่องช้าต่อไป ลึกลงไปไม่หยุด กระสุนนับไม่ถ้วนนั้นยิงมา มีดหลงหยาในมือเฉินเป่ยโลดแล่นดุจฟ้าแลบ ความเร็วของเขาไวถึงขีดสุด ถึงแม้ว่าภาพในคลิปวิดีโอจะถูกเล่นช้าลงหนึ่งร้อยเท่าแล้ว แต่ยังคงทำได้เพียงมองเห็นภาพวืดที่เลือนราง
ในภาพวิดีโอที่ไม่ชัดเจน เห็นเพียงมีดในมือของเฉินเป่ยโลดแล่น ตำแหน่งกระสุนที่ยิงมาแต่ละลูกล้วนถูกเขารู้อย่างทะลุปรุโปร่ง จำนวนกระสุนทั้งหมดโดนเขาใช้อาวุธสกัดร่วงลง
ภายในห้องวิเคราะห์ อากาศแข็งตัวอยู่บ้าง สถานการณ์เงียบงัน ทุกคนไม่มีใครพูดอะไร เหล่านักวิเคราะห์ถลึงตามองภาพในวิดีโอไม่ขยับ หน้าเต็มไปด้วยความตกใจ ฝีมือที่สยองขวัญระดับนี้ สั่นสะท้านถึงขั้นสุดอย่างยิ่ง
เนื่องจากช่วงหลายปีมานี้ พวกเขาผ่านการตรวจสอบวิเคราะห์ คือหนึ่งในบุคคลที่น่ากลัวสุดทั้งเยี่ยนจิง ไม่สิ ทั้งหัวเซี่ยเลยล่ะ
ถ้าพวกเขาอยู่ที่ต่างประเทศ อาจจะบ้าคลั่งยิ่งกว่านี้ต่อการประเมินของเฉินเป่ย
“พวกคุณคิดว่าดัชนีกำลังสู้รบของเฉินเป่ยคนนี้สามารถได้กี่ดาวกัน?” นักวิเคราะห์คนหนึ่งถามด้วยสีหน้าจริงจัง
ทุกคนต่างไม่ได้ให้คำตอบ ปัญหานี้ช่างแก้ยากเหลือเกิน กำลังสู้รบที่น่ากลัวเช่นนี้ เบียดตัวเข้าไปในเมืองเยี่ยนจิงแห่งนี้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่โด่งดังมากๆ
บนหน้าจอแสดงผลของห้องวิเคราะห์ปรากฏตารางระดับของดัชนีกำลังสู้รบของผู้แข็งแกร่งในเยี่ยนจิง
หนึ่งดาว สองดาว สามดาว…แต่ละดาวล้วนแสดงถึงกำลังที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนแบบหนึ่ง
ในกองทัพทหารหัวเซี่ย บุคคลมีชื่อเสียงดังมากส่วนหนึ่งสามารถจัดลำดับในดัชนีกำลังสู้รบของสามดาวนี้ได้
ส่วนเหนือกว่าสามดาวนี้ ยังมีสี่ดาว ดัชนีกำลังสู้รบสี่ดาว นี่คือการมีตัวตนที่น่ากลัว มียกเว้นเพียงทีมรบพิเศษของกองทหารการป้องกันสงคราม ผู้แข็งแกร่งด้านวิทยายุทธของตระกูลเก่าแก่หัวเซี่ย ถึงสามารถจัดอันดับเข้าสู่ผู้แข็งแกร่งสี่ดาวได้
สำหรับเหนือกว่าสี่ดาว…ห้าดาว นั่นคือผู้แข็งแกร่งเหนือชั้นที่สยองขวัญแทบจะไร้ศัตรูกลุ่มหนึ่ง ดัชนีกำลังสู้รบห้าดาว บุคคลระดับนี้จัดอยู่ในเมืองจิง นั่นคือบุคคลที่แข็งแกร่งดุจบุตรพระเจ้า กำลังต่อสู้ห้าดาว นี่แสดงถึงขีดจำกัดสูงสุดของมนุษย์แบบหนึ่ง นั่นคือสู้ได้องอาจห้าวหาญ เกือบจะเป็นความสามารถน่ากลัวที่ไร้ศัตรู
สำหรับห้าดาว…จนกระทั่งตอนนี้ เมื่อไปดูที่หัวเซี่ยยังมีเพียงท่านเดียว ถึงมีสิทธิ์สามารถบรรลุถึงห้าดาว
ท่านผู้นั้นก็คือหัวหน้าทีมรบพิเศษของกองทหารการป้องกันสงครามเยี่ยนจิง
ในห้องวิเคราะห์ นักวิเคราะห์ทั้งหมดสีหน้าเคร่งขรึม ผ่านการถกเถียงตรวจสอบมาหลายครั้ง ท้ายที่สุดการประเมินกำลังต่อสู้ของเฉินเป่ย ถูกเขียนดาวห้าดวงลงไป นั่นคือดาวห้าดวงโดยสมบูรณ์ ความสามารถที่พวกเขาไม่เข้าใจ แต่เพียงมาดูในวิดีโอช่วงหนึ่งนั้น เฉินเป่ยก็มีสิทธิ์อันควรที่จะได้รับดาวห้าดวงนี้ไปโดยสมบูรณ์แบบ
บุคคลที่สยองขวัญยอดเยี่ยมสุดแบบนี้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์เหล่านี้สีหน้าตื่นเต้น ในใจฮึกเหิมไร้ที่เปรียบ เหมือนสามารถดำเนินการประเมินการมีตัวตนแบบนี้ได้ นับเป็นโชคดีในชีวิตของพวกเขา
……
ในบ้านตระกูลหลี เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
“เข้ามา” หลีชิงเยียนยืนอยู่หน้ากระจกชมวิว สีหน้าเรียบเฉยสงบนิ่ง
ในมือลูกน้องตระกูลหลีคนหนึ่งถือเอกสารปึกหนึ่งไว้ รีบร้อนเดินเข้ามา
“คุณชายครับ การประเมินกำลังสู้รบที่เกี่ยวข้องกับเอ๋อตงเฉินออกมาแล้วครับ เชิญท่านดูได้” ลูกน้องของตระกูลหลีคนนั้นเอ่ยปากบอกอย่างเคารพ
ได้ยินคำพูดประโยคนี้ บนหน้าที่ล้ำลึกของหลีเช่าเทียนปรากฏสีหน้าประทับใจออกมา เขาค่อยๆ หมุนตัวกลับ รับเอกสารในมือลูกน้องเข้ามา
ตอนที่เขาพลิกเปิดเอกสาร มองเห็นผลประเมินด้านบนนั้น ทั้งตัวลูกตาหดลง
หลีเช่าเทียนที่แต่ไหนแต่ไรสุขุมเยือกเย็น ภายในใจสั่นรุนแรงเป็นครั้งแรก คาดไม่ถึงกลายเป็นประหม่าขึ้นมา
ดาวห้าดวง เขามองเห็นอะไรแล้ว นั่นคือดาวห้าดวง แต่ละคำแต่ละประโยคในการประเมินล้วนทำให้เขาไม่อยากเชื่อ
เอ๋อตงเฉิน…คาดไม่ถึงบรรลุถึงห้าดาวเลยทีเดียว
สีหน้าของหลีเช่าเทียนยิ่งหม่นหมอง เขาไม่สงสัยในความถูกต้องการประเมินของผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์เหล่านั้นแม้แต่น้อย ในด้านการประเมินกำลังสู้รบของผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น มีฝีมือโดดเด่นเฉียบขาด ไม่ใช่คนทั่วไปจะสามารถเปรียบเทียบได้ตั้งนานแล้ว แทบจะไม่เกิดความผิดพลาด
มีเพียงคำอธิบายเดียว นี่คือความสามารถของเอ๋อตงเฉิน บรรลุขั้นที่สยองขวัญแบบหาที่เปรียบไม่ได้จริงๆ
“เอ๋อตงเฉิน…นี่คือความสามารถแท้จริงของแกเหรอ…” หลีเช่าเทียนกุมรายงานแผ่นนั้นไว้ ค่อยๆ บีบจนยับยู่ยี่ สีหน้าดูแย่ บ่นกับตนเอง
มิน่าแผนการของตนเองถึงไร้ผลกับเขา มิน่าเขาจึงสามารถนิ่งเฉยเช่นนี้ต่อหน้านักฆ่ามากขนาดนี้ได้…เพราะฝีมือของเขาข้ามสู่ระดับที่การต่อสู้ห้าดาวไปตั้งนานแล้ว
ในสมองของหลีเช่าเทียนนึกถึงโทรศัพท์สายนั้นในอดีตขึ้นอีกครั้ง เขาให้ผู้อาวุโสคนหนึ่งค้นหาประวัติของเอ๋อตงเฉิน กลับได้รับเพียงการแจ้งเตือนเฉียบขาดมาเท่านั้น
หลีเช่าเทียนสีหน้าอึมครึมไม่สงบ ในแววตาสาดส่องความล้ำลึกออกมา…ราชาหลง…ที่แท้ไม่ธรรมดาเลย…
……
ในโรงพยาบาลส่วนตัวแห่งหนึ่ง บนเตียงคนไข้สองเตียง ภาพสองคนที่นอนอยู่ถูกผ้าพันแผลสีขาวห่อหุ้มราวกับมัมมี่
มัมมี่สีขาวสองร่างนี้เผยเพียงดวงตาสองคู่ออกมา
หนึ่งในนั้นสีหน้ามัวหมอง ดวงตาแฝงความหมายอาฆาตแค้นที่เย็นยะเยือกน่ากลัวเอาไว้
“ราชาหลง นึกไม่ถึงว่าผ่านมาแค่ไม่กี่ปี ความสามารถของเขาจะพัฒนาขึ้นไปอีก…”
“หลายปีมานี้พวกเราสองคนมัวแต่ยุ่งกับงานบริหาร ประมาทกับเรื่องความแข็งแรงไปตั้งนานแล้ว สู้เขาไม่ได้ย่อมเป็นเรื่องปกติมาก…” อีกคนน้ำเสียงเรียบเฉย เหมือนไม่สนใจโดยสิ้นเชิง
“แต่พลังของเขาเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นบนตัวเขากันแน่ ถึงทำให้เขาเกรียงไกรได้เช่นนี้!” หู้ค่อยๆ เอ่ยปากถาม
“ฉันให้คนไปค้นหาแล้ว ช่วงนี้ที่เยี่ยนจิง คนที่อยากฆ่าเขาไม่ได้มีแค่พวกเราสองคน” จิงพูดขึ้น
หู้สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย มองทางจิง “นี่นายหมายความว่าอะไร?”
“หลีเช่าเทียนของบ้านตระกูลหลี เหมือนว่ามีความคิดอยากจะฆ่าเขาอยู่” จิงเอ่ยปากตอบแบบไม่ใส่ใจ “พวกเราไม่สู้รักษาตัวดีๆ นั่งรอดูสองฝ่ายทะเลาะกันเอง”
……
ในห้องทำงานท่านประธาน
ประตูห้องทำงานโดนผลักออก เฉินเป่ยเดินเข้ามาจากด้านนอก ก้าวมาที่ด้านหน้าของหลีชิงเยียน ในปากคาบบุหรี่ที่ไม่ได้จุดไฟมวนหนึ่ง ถามว่า “ชิงเยียน ตามหาผมมีเรื่องอะไรเหรอ?”
“ช่วยไปรับคนคนหนึ่งให้ฉันที ที่อยู่เดี๋ยวฉันส่งไปในมือถือนายให้” หลีชิงเยียนพูดเสียงน่าดึงดูด
เฉินเป่ยตะลึงนิดหน่อย จากนั้นพยักหน้า “ทราบแล้วครับ”
……
เขตหยินสุ่ยของเยี่ยนจิง เป็นเขตคนรวยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง นอกคฤหาสน์ที่หรูหราอลังการแห่งหนึ่ง รถยนต์สีดำคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูเงียบๆ
ไม่นานหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากในคฤหาสน์ มุดเข้าไปในรถแล้ว
เฉินเป่ยสังเกตดูนิดหน่อย รู้สึกว่าเหมือนคุ้นตาอยู่บ้าง คล้ายว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน แต่คิดอย่างไรกลับคิดไม่ออก
“ไปบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปได้แล้ว” หญิงสาวคนนั้นเอ่ยปากนิ่งๆ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและดูถูก
เหมือนว่าแต่ไหนแต่ไรเธอมักใช้น้ำเสียงแบบนี้สั่งการคนขับรถ
เฉินเป่ยแสยะมุมปากเล็กน้อย ไม่ได้ถือสาอะไรกับเธอ เหยียบคันเร่งลงไป แล่นรถไปยังทางระยะไกล…
บนถนน หญิงสาวคนนั้นนั่งอยู่ที่เบาะด้านหลัง เล่นมือถือมาตลอดทาง บรรยากาศเงียบผิดปกติ
ส่วนเฉินเป่ยไม่มีอะไรก็พินิจพิเคราะห์หญิงสาวคนนั้นอยู่ ทันใดนั้น เฉินเป่ยนึกขึ้นมาได้แล้ว มองผู้หญิงคนนั้น แล้วเอ่ยปากพูดกะทันหัน “เธอคือคนคนนั้นที่จัดงานเลี้ยงเมื่อคืนหรือเปล่า…”
“เกี่ยวอะไรกับนาย?” หญิงสาวคนนั้นมองค้อนเฉินเป่ย เฉินเป่ยมองดวงตาที่งดงามแวววาวคู่นั้น ชั่วขณะหนึ่งสนใจขึ้นมาแล้ว
ผู้หญิงคนนี้อายุไม่เยอะ ไม่นานเฉินเป่ยก็จำขึ้นมาได้แล้ว นี่คือหวาหย่าหรุ่ย “ลูกสาวของหัวหน้าสมาคมจิวเวลรี่เยี่ยนจิง” ที่หลีชิงเยียนพูดถึง