บทที่ 518 ผิดตรงไหน
เฉินเป่ยยืนอยู่บนหลังคารถด้วยสีหน้าเรียบเฉย เรียบเฉยจนแสดงให้เห็นถึงความเย็นชา
ภายในดวงตาทั้งสองข้างของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง จนทำให้คนหวาดกลัว
ทันใดนั้น เฉินเป่ยก็ล้วงบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อหนึ่งมวน เขาจุดและสูบมันด้วยท่าทางสบายๆ และไม่แยแสอะไร
ราวกับว่าไม่สนใจปืนที่จ่อมายังตัวเขาแม้แต่น้อย!
และท่าทางไม่แยแสของเฉินเป่ยอยู่ในสายตาของหัวหน้า ยิ่งทำให้เขาดูน่ากลัวเข้าไปอีก
นี่เขากำลังยั่วโมโหชัดๆ
จู่ๆ ก็มีออร่าแผ่ออกมาจากตัวของหัวหน้า ออร่าที่มองไม่เห็นแผ่ซ่านไปทั่ว
“ทุกคนพร้อม ยิง!” หัวหน้าแผดเสียงออกมา ขณะเดียวกันก็เหนี่ยวไกปืนและยิงออกมาอย่างไม่ลังเล
เสียงปืนไรเฟิลดังขึ้น!
ทันใดนั้นลูกกระสุนอันน่ากลัวก็พุ่งไปที่ตัวเฉินเป่ยอย่างนับไม่ถ้วน
ปืนที่อยู่ในมือของทหารพวกนั้นเล็งไปที่เฉินเป่ยและยิงออกมาอย่างบ้าคลั่ง ลูกกระสุนสาดไปยังตัวของเฉินเป่ยราวกับเม็ดฝน
แต่ทว่าเฉินเป่ยยังยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับไปไหน
“สวบ!”
ความเร็วของลูกปืนทำให้ก้นบุหรี่ในปากของเฉินเป่ยปลิวออกไป
แววตาของเฉินเป่ยนิ่งไป ตอนนั้นเองออร่าแห่งความน่ากลัวแผ่ออกมาจากตัวของเฉินเป่ย
อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว เหล่าทหารที่อยู่ในเหตุการณ์รับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลง วินาทีนั้นพวกมันยิ่งสาดกระสุนใส่เฉินเป่ย
เมื่อเห็นว่ากระสุนสาดใส่มานับไม่ถ้วน เฉินเป่ยขยับตัว!
ช่วงที่กำลังวุ่นวาย เฉินเป่ยขยับตัวอย่างรวดเร็ว
“ฟึ่บ” ลูกปืนเฉี่ยวลำคอของเขาไป
เขาหลบมันอย่างหวาดเสียว
เสียงลูกปืนนับไม่ถ้วนดังขึ้นมาอีกครั้ง มันรวดเร็วมาก ภายใต้ความมืดมิดยามค่ำคืน เห็นได้เพียงแสงระยิบระยับพาดผ่านไปเท่านั้น ยากที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่า
รอบตัวของเฉินเป่ยทั้งสิบสองทิศทางล้อมรอบไปด้วยลูกกระสุน
สีหน้าของเฉินเป่ยเย็นชา เล็งที่ตำแหน่งสิบสองนาฬิกานี่คือยุทธวิธีที่กองทหารการป้องกันสงครามเยี่ยนจิงสอนมา
เขาคุ้นเคยกับยุทธวิธีนี้มาก เพราะว่ายุทธวิธีนี้เคยได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นด้วยมือของเขาเอง
“ปังง” เสียงลูกปืนถูกส่งออกมาจากกระบอกปืนและพุ่งมายังไหล่ของเฉินเป่ย อีกทั้งรอบๆ ตัวของเขายังล้อมรอบไปด้วยลูกปืนจำนวนมากทำให้ไม่สามารถหลบได้
ตอนนี้เฉินเป่ยตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
“ปึก!” เฉินเป่ยกระโดดขาคู่ ตัวของเขาลอยขึ้นไปกลางอากาศ เขาแสยะยิ้มออกมาตรงมุมปาก
ทหารเหล่านี้คิดจะเอายุทธวิธีที่เขาเป็นคนแก้ไขมาเล่นงานเขา นี่มันสอนจระเข้ว่ายน้ำชัดๆ!
ความเศร้าก่อตัวขึ้นภายในใจของเฉินเป่ย เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าองค์กรที่เขาเคยภักดีและอุทิศตัวให้กำลังยืนล้อมเขาอยู่ นี่มันเหมือนการเยาะเย้ยกันชัดๆ
“ฆ่ามัน!”
เหล่าทหารที่แข็งแกร่งพุ่งเข้ามาล้อมเขาไว้ ปืนในมือของทุกคนดูเหมือนจะกลมกลืนเหมือนจิตวิญญาณ พวกเขาเคยได้รับการฝึกฝนอย่างหนักเกินกว่าที่คนทั่วไปจะรับไหว ทักษะด้านปืนของพวกเขาแม่นยำและบังคับได้อย่างคล่องแคล่ว
กระสุนนับไม่ถ้วนถูกยิงออกมาอย่างน่ากลัว เหล่าทหารที่แข็งแกร่งระเบิดพลังและวิ่งเข้าไปล้อมเฉินเป่ย
ณ เวลานี้เต็มไปด้วยแรงอาฆาตอย่างหาที่สุดไม่ได้
ม่านตาของเฉินเป่ยหดลง เขารู้สึกถึงอันตรายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เผชิญหน้ากับเหล่านักรบที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงเยอะขนาดนี้หลังจากกลับมาที่หัวเซี่ย
“ฉิ้ง” เฉินเป่ยตวัดมีดหลงหยาในมือ คมมีดสีดำพาดผ่านในอากาศ เสียงคำรามดังก้องอยู่ในอากาศ
แสงไฟจากกระสุนกระจายไปทั่ว เฉินเป่ยระเบิดพลังออกมา จนกลายเป็นเหมือนภาพลวงตา
หัวหน้าเห็นเฉินเป่ยพุ่งเข้ามาก็ชะงักไป
“กันเอาไว้!” หัวหน้าแผดเสียงออกมาและรัวกระสุนออกมาจากกระบอกปืนไม่หยุด
เสียงคำรามยังคงดังก้องอยู่ในอากาศ ร่างของเฉินเป่ยถึงจุดสุดยอด ลูกปืนจำนวนมากแล่นผ่านตัวเขาไป ณ ขนาดนี้ เขาวิ่งฝ่าวงล้อมออกไป
เหล่าทหารสิบคนวิ่งตามหลังเขาอย่างรวดเร็ว เสียงปืนในมือของเหล่าทหารดังขึ้นอย่างบ้าคลั่ง กระสุนทุกนัดน่ากลัวและหมายเอาชีวิต
ตอนที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน เฉินเป่ยรีบแยกตัวออกอย่างรวดเร็ว เขาไม่อยากปะทะกับเหล่าทหารพวกนี้ เขาไม่อยากสร้างความบาดหมางกับกองทหารการป้องกันสงครามเยี่ยนจิง
“สวบ”
ในที่สุดเฉินเป่ยก็ฝ่าวงล้อมออกมาได้ เขารีบพุ่งออกจากโรงแรมอย่างรวดเร็ว
เหล่าทหารไล่โจมตีเขาอย่างเต็มกำลัง เมื่อเหล่าทหารมาถึงกันทั้งหมด ก็พบว่าเฉินเป่ยอยู่ข้างนอกรั้วเหล็กสีดำ เขายืนมองพวกมันอย่างเย็นชา
“ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียว ฉันไม่อยากเป็นศัตรูกับพวกนาย แต่ไม่ได้หมายความว่าการที่ฉันมีมิตรภาพเก่าๆ กับกองทหารการป้องกันสงครามเยี่ยนจิง แล้วพวกนายจะมาเหยียบย่ำฉันได้ตามอำเภอใจ” เฉินเป่ยพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือกเป็นอย่างมาก
ความน่ากลัวของแรงสังหารถูกปลดปล่อยออกมา เฉินเป่ยยืนอยู่ตรงนั้น และมองเหล่าทหารพวกนั้นอย่างน่ากลัว
จู่ๆ เหล่าทหารพวกนั้นก็ไม่กล้าเข้าไปหาเฉินเป่ย
“ตอนนี้แกคือคนที่มีค่าหัวอันดับต้นๆ ในหัวเซี่ย ยังจะมาพูดถึงมิตรภาพเก่าๆ กับกองทหารการป้องกันสงครามเยี่ยนจิงอีกทำไม ยิงมัน!” หัวหน้าส่งเสียงหึในลำคอ แล้วมองเฉินเป่ยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยการเยาะเย้ย
……
หลีชิงเยียนยืนอยู่ข้างเตียงในห้องภายในโรงแรม สีหน้าของเธอยังคงซีดเผือด เธอเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดกับตาของตัวเอง ความเคลื่อนไหวของคนพวกนั้นรวดเร็วมาก เธอมองไม่ออกว่าคนพวกนั้นคือใคร
แต่ในเวลานี้ คนพวกนั้นพุ่งออกไปนอกโรงแรม ตอนที่คนพวกนั้นอยู่บนรั้วเหล็กสีดำ ไม่รู้ทำไม ภาพของเฉินเป่ยต่อสู้กับยักษ์น้อยเมื่อครั้งก่อนถึงลอยเข้ามาในหัวของเธอ
ยักษ์น้อยมีส่วนคล้ายกับเหล่าทหารพวกนี้เป็นอย่างมาก
หลีชิงเยียนคิดอยู่ครู่ใหญ่ จู่ๆ เหมือนเธอคิดอะไรได้ เธอรีบสวมชุดนอนสีม่วงและวิ่งออกไปเคาะประตูห้องของซูเหลย
ในขณะนี้ที่ข้างนอกรั้วโรงแรม เต็มไปด้วยการนองเลือด เฉินเป่ยระเบิดพลังออกมา ถึงแม้ว่าทักษะการใช้ปืนของพวกมันจะแม่นยำเพียงใดแต่ก็ไม่สามารถแตะต้องตัวของเฉินเป่ยได้
เหล่าทหารพวกนั้นโดนเฉินเป่ยบดขยี้ราวกับมด
เหล่าทหารวางแผนจะร่วมมือกันซุ่มโจมตีราชาหลง แต่ทว่าภายในระยะเวลาอันสั้นพวกมันก็โดนถีบจนกระเด็นและกระอักเลือดออกมา
พวกมันประเมินกำลังในการสู้รบของราชาหลงต่ำเกินไป
หัวหน้าเอาแต่จ้องเฉินเป่ยจนตาจะถลนออกมา
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าทุกอย่างจะกลับตาลปัตรได้รวดเร็วขนาดนี้
ตอนที่เฉินเป่ยยืนอยู่หน้าประตูโรงแรม เขายังเป็นฝ่ายตั้งรับ แต่ทว่าตอนนี้ราวกับเป็นคนละคน แรงสังหารของเขาน่ากลัวราวกับเป็นเทพสังหาร!
“พรึ่บ” ทหารคนหนึ่งโผล่อยู่ที่ด้านหลังของเฉินเป่ยแบบเงียบๆ ขณะที่มันกำลังจะควักมีดออกมาแทงเฉินเป่ย หมายเอาชีวิตของเขา แต่ทว่าเฉินเป่ยเอี้ยวตัวหลบ และใช้มือบีบคอของทหารคนนั้นและยกตัวของมันขึ้น
ทหารคนนั้นขัดขืนอย่างสุดชีวิต แต่มันก็ไร้ประโยชน์
เฉินเป่ยมองด้วยสายตาเย็นชา ทั้งสองปะทะสายตากัน ทหารคนนั้นตัวสั่นเทิ้ม ใบหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว
“บุก!”
เหล่าทหารพุ่งเข้าไปหน้ารั้วเหล็ก พวกมันกะว่าจะเอารั้วเหล็กเป็นเครื่องป้องกันเฉินเป่ย
เฉินเป่ยถูกปิดล้อมด้วยรั้วเหล็กหนา เพื่อที่จะกันเขาเอาไว้
แต่ทว่ารั้วเหล็กนั่นจะกันราชาหลงได้อย่างไร
รั้วเหล็กหนาถูกเฉินเป่ยหักด้วยมือเดียว!