บทที่ 559 โอกาสสุดท้าย
หวงซานจ้องเฉินเป่ยอยู่นาน จากนั้นจึงถอนหายใจออกมา เขารู้แก่ใจดีว่า เขาไม่สามารถรับมือเฉินเป่ยได้
เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน ทักษะที่เฉินเป่ยแสดงออกมาเมื่อครู่ ขนาดคนที่รู้จักศิลปะการต่อสู้มามากมายอย่างหวงซาน ยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ
ขณะที่หวงซานจ้องเฉินเป่ย จู่ๆ เขาก็พูดออกมาว่า “ฉันสัมผัสได้ว่ามีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาถึงแล้ว พวกเขาคือคู่ต่อสู้ของนาย หวังว่านายจะมีชีวิตรอดนะ”
ชายชราพูดจบก็หันหลังก้าวออกไป ร่างของเขาเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
“คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าอย่างนั้นเหรอ ให้ตายเหอะ พูดอะไรอยู่”
เฉินเป่ยอึ้งไป คำพูดของหวงซานยากแก่การเข้าใจ จนทำให้เขางง
จู่ๆ ก็มีร่างใหญ่พุ่งเข้ามาจากทางด้านหลัง พละกำลังมหาศาลเป็นอย่างมาก
เฉินเป่ยหรี่ตาลง และก้าวถอยหลังไป
“ตู้มมม” ร่างกำยำพุ่งมาบนพื้นอย่างรวดเร็ว พื้นอันแข็งแกร่งถูกเหยียบจนแตก พละกำลังรุนแรงจนไม่สามารถต้านทานได้
“ราชาหลง?” เมื่อร่างกำยำเห็นเฉินเป่ยก็พูดออกมา “ฉันคือจ้าวไท่แห่งอู่ตัง จะมาเอาชีวิตแก”
“จ้าวไท่ ผู้มีฝีมือหนึ่งเดียวในใต้หล้า?” เฉินเป่ยเลิกคิ้วขึ้นมองจ้าวไท่อย่างไม่สบอารมณ์ “นายมาจากไหน”
กล้ามเนื้อบนร่างกายของจ้าวไท่รัดแน่น เขาสวมชุดสูทจงซาน พลังอันน่ากลัวพุ่งออกมาจากใบหน้าของเขา เขาไม่แม้แต่จะเหลียวมองเฉินเป่ย เพราะเขาไม่สบอารมณ์ เพราะเขาคือจ้าวไท่ ผู้มีฝีมือที่มาจากอู่ตัง คนธรรมดาไม่เคยอยู่ในสายตาของเขา!
“เฮ้ย ฉันกำลังคุยกับนายอยู่” เฉินเป่ยเห็นเขาไม่สนใจตัวเอง จึงถามออกไป
จ้าวไท่ลงมืออย่างรวดเร็ว
หมัดสองหมัดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
หมัดของจ้าวไท่พุ่งเข้ามา เหมือนอากาศแยกออกจากกัน เขาไม่ชอบพูดกับคนธรรมดาแบบนี้!
เฉินเป่ยจ้องเขม็งและปล่อยหมัดตอบโต้
“ผัวะ!” สองหมัดปะทะกัน
เหมือนอากาศแยกออกจากกัน
จ้าวไท่ถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว พื้นปูนใต้เท้าของเขายุบลงไป
จ้าวไท่เงยหน้าขึ้นมา มองชายหนุ่มตรงหน้าที่ไม่เคยอยู่ในสายตาด้วยความตกตะลึง สามารถรับหมัดของเขาได้ แถมยังทำให้เขากระเด็นถอยหลังได้อีก ชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งมาก!
“แกมาจากอู่ตังใช่ไหม” เฉินเป่ยถามอีกครั้ง
“ใช่ แล้วจะทำไม” จ้าวไท่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา แฝงไปด้วยความโอหัง เขาคือผู้ที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะยโสโอหัง
“ตาเฒ่าจางอู่อะไรนั่นยังมีชีวิตอยู่ไหม” เฉินเป่ยเอ่ยถาม
เมื่อได้ยินคำว่า ‘จางอู่’ สีหน้าของจ้าวไท่ก็เปลี่ยนไป เพราะจางอู่ที่เฉินเป่ยพูดถึงคือผู้สูงส่งอย่างท่านอาวุโสจางอู่!!
“กะ..แกรู้จักท่านอาวุโสจางอู่??” สีหน้าของจ้าวไท่ตกตะลึงและเอาแต่จ้องเฉินเป่ย
“ใช่ ตาเฒ่านั่นยังมีชีวิตอยู่ไหม” เฉินเป่ยแสยะยิ้มแล้วถามขึ้น
สีหน้าของเฉินเป่ยแปรเปลี่ยนไปหมด คนหนุ่มที่ไม่เคยอยู่ในสายตาที่ยืนอยู่ตรงหน้ารู้จักกับท่านอาวุโสจางอู่
“เฮ้ยฉันถามแกอยู่นะ ยืนเป็นใบ้อยู่ทำไม” น้ำเสียงของเฉินเป่ยเต็มไปด้วยความยียวน
“รนหาที่ตาย” จ้าวไท่เหวี่ยงหมัดด้วยความโมโห จากนั้นก็พุ่งเข้ามา
เฉินเป่ยหรี่ตาลง “เคล็ดวิชาของแกคือ ‘จันทร์ไสไร้เมฆ’ ฝีมือยังไม่ค่อยดีเท่าไรนะ” พูดจบ ทักษะของเขาก็ระเบิดออกมาและเหวี่ยงหมัดออกมา เส้นเลือดปูดขึ้นมา
“ผัวะ” เกิดความสั่นสะเทือน สองหมัดปะทะเข้าหากัน
จ้าวไท่กระเด็นออกไปเหมือนว่าวสายขาด ร่างมหึมากระแทกกับกำแพงจนทำให้กำแพงแตกกระจาย
“แกรู้จักจันทร์ไสไร้เมฆได้ยังไง” สีหน้าของจ้าวไท่น่าเวทนา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง จันทร์ไสไร้เมฆคือวิชาลับแห่งอู่ตัง อีกฝ่ายเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป จะรู้จักวิชาของจ้าวไท่ได้ยังไงกัน
“จันทร์ไสไร้เมฆเป็นแค่วิชาป้องกันตัวขั้นพื้นฐานของอู่ตังเท่านั้น วิชาพื้นฐานแค่นี้แกยังทำได้ไม่ดี คงไม่ใช่ลูกศิษย์ในสำนักสินะ” เฉินเป่ยพูดจายียวน
สีหน้าของจ้าวไท่เปลี่ยนไปทันที!
“ลูกศิษย์นอกสำนักที่ยังไม่ชำนาญด้านศิลปะการป้องกันตัว ยังกล้าเหิมเกริมบอกว่าเป็นคนของอู่ตัง ยโสโอหังจริงๆ!” เฉินเป่ยไม่ได้มีความยียวนอีกแล้ว เขาเคร่งขรึมและเย็นชา
สีหน้าของจ้าวไท่แทบจะดูไม่ได้
“ตายซะเถอะ!” จ้าวไท่ตวาดออกมา ร่างอันกำยำพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว หมัดทั้งสองข้างระเบิดพลังออกมา
เพราะเฉินเป่ยไม่สบอารมณ์จึงจะสู้กลับ เขาเอี้ยวตัวหลบช้าๆ หมัดอันน่ากลัวของจ้าวไท่เฉี่ยวข้างแก้มและพุ่งไปในอากาศ
“ถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งเดียวของอู่ตัง แต่กลับต่อสู้ด้วยเคล็ดวิชาที่อ่อนขนาดนี้ ฉันล่ะเสียใจแทนจงหยูนหลงจริงๆ” เฉินเป่ยเอามือไพล่หลังแล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา
เมื่อได้ยินชื่อจงหยูนหลง ตัวของจ้าวไท่ก็สั่นเทิ้มจนเกือบจะยืนไม่อยู่ จงหยูนหลง…คือเจ้าสำนักอู่ตังในตอนนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งและน่ากลัวที่แท้จริง!
“แกเป็นใครกันแน่” เสียงของจ้าวไท่สั่นรัว เขาไม่เคยหวาดกลัวแบบนี้มาก่อน ในโลกใบนี้น้อยคนนักที่จะรู้ชื่อของจงหยูนหลง เขาคือคนที่แข็งแกร่งและน่ากลัวอย่างแท้จริง อายุกว่าร้อยปี อีกฝ่ายเป็นเพียงคนธรรมดา ทำไมถึงรู้จักชื่อของจงหยูนหลง
“ฉันเป็นใครงั้นเหรอ แกไม่คู่ควรที่จะรู้ชื่อฉันหรอก” เฉินเป่ยมองเขาอย่างโอหัง มันคือการดูหมิ่นอย่างหนึ่ง
“กะ..แกฉันจะฆ่าแก!” จ้าวไท่รับรู้ได้ถึงการดูถูก เขาภาคภูมิใจที่ได้อยู่อู่ตัง ยิ่งตอนที่ศัตรูหวาดกลัวเขาก่อนที่จะลงมือ แต่วันนี้เขาต้องมาเสียหน้าต่อหน้าไอ้เด็กคนนี้ นี่มันตบหน้ากันชัดๆ ความอับอายในวันนี้ต้องได้รับการแก้แค้น!
จ้าวไท่ใช้วิชาจันทร์ไสไร้เมฆของอู่ตัง เป็นเคล็ดวิชาขั้นสุดยอด นั่นคือวิวัฒนาการของแก่นแท้ของศิลปะการต่อสู้ของหัวเซี่ย
หมัดนี้เพียงพอที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง
“ช่างเถอะ งั้นถือว่าวันนี้ช่วยจงหยูนหลงกำจัดศิษย์เนรคุณก็แล้วกัน” เฉินเป่ยมองหมัดที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วพูดออกมาอย่างราบเรียบ
ภายในชั่วพริบตา หมัดของเฉินเป่ยก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นหมัดของเฉินเป่ย สีหน้าของจ้าวไท่ก็เปลี่ยนไปทันที แต่เขาไม่สามารถรับมือและหลบได้อีกแล้ว
“ผัวะ” สองหมัดปะทะเข้าหากัน
ข้อต่อที่แขนของจ้าวไท่ขาดสะบั้น ร่างกายอันมหึมาล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง
“ตึงงง” จ้าวไท่ล้มลงกับพื้นจนฝุ่นตลบอบอวล
บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบ
สีหน้าของจ้าวไท่ดูแทบจะไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าแค่หมัดเดียวจะทำให้เขากระเด็นได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้!
จ้าวไท่ประคองร่างอันสั่นเทาขึ้นมาจากกองฝุ่น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เลือดไหลออกมาจากปากไม่หยุด “แกรู้จัก ไท่-ซาน-แล้ว-ไง ได้ยังไง”
“ที่แท้วิชานี้เรียกว่าไท่ซานแล้วไงงั้นหรือ” เฉินเป่ยก็อึ้งไปเหมือนกัน เขาค่อยๆ ดึงหมัดกลับมา “คิดไม่ถึงว่าวิชาที่ตาเฒ่าจางหยูนหลงใช้ทุกครั้งจะเรียกว่า ‘ไท่ซานแล้วไง’ ชื่อนี้ช่างไม่เพราะเอาเสียเลย”
“พรวด!” จ้าวไท่กระอักเลือดออกมา วิชาไท่ซานแล้วไง เป็นวิชาของอู่ตัง ไม่สามารถถ่ายทอดให้ศิษย์นอกสำนัก ทะ..ทำไมเขาถึงรู้จักเคล็ดวิชานี้ล่ะ เป็นไปไม่ได้!
เฉินเป่ยดึงหมัดของตัวเองกลับมาช้าๆ “วันนี้ฉันใช้เคล็ดวิชาไท่ซานแล้วไงของพวกแก ทำให้แขนของแกพิการ ต่อจากนี้ถ้าแกยังกล้าใช้เคล็ดวิชาของอู่ตังไปหลอกคนอื่นอีก แกตายแน่!”
ร่างมหึมาของจ้าวไท่สั่นเทิ้ม เลือดไหลทะลักออกมาจากปากของเขาอย่างมากมาย เขาไม่สามารถฝืนได้อีกแล้ว ร่างมหึมาล้มลงกับพื้น เขาตายในหมัดเดียว
“นี่เหรอที่ถูกขนานนามว่าผู้ที่แข็งแกร่ง?” เฉินเป่ยก้มหน้ามองจ้าวไท่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
จู่ๆ ก็มีแสงเย็นยะเยือกลอยอยู่ในอากาศ มันพุ่งเข้ามาที่หน้าผากของเฉินเป่ย
“ฉิ้ง!” แสงเย็นยะเยือกจ่ออยู่ตรงหน้าผากของเฉินเป่ย มันห่างจากหน้าผากของเขาเพียงหนึ่งมิลลิเมตร เขาใช้นิ้วคีบแสงนั่นเอาไว้ แสงที่ว่าคือมีดอันแหลมคม
“กรอบบบ” เขาใช้แรงตรงนิ้วที่คีบมีดนั่นเอาไว้ จู่ๆ มีดก็แตกละเอียดจนกลายเป็นชิ้นส่วนโลหะลอยอยู่ในอากาศ
เมื่อเฉินเป่ยเงยหน้าขึ้น
ร่างอันเย็นยะเยือกกว่าสิบร่างกำลังยืนอยู่ที่นี่
“พวกแกเป็นใคร” แววตาของเฉินเป่ยราบเรียบและมองร่างกว่าสิบร่างอย่างนิ่งเฉย
ร่างกว่าสิบร่างยืนนิ่งราวกับรูปสลัก รังสีอันน่ากลัวแผ่ออกมาจากร่างกายของพวกเขา
“กลุ่มนักฆ่าอ้านสือ” ทั้งสิบคนพูดออกมาอย่างพร้อมเพรียง เสียงราวกับชักดาบออกจากฝัก รังสีแห่งความอาฆาตแผ่ซ่านอยู่ท่ามกลางม่านฝน
แววตาของเฉินเป่ยจ้องเขม็ง จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา “พวกแกไปซะเถอะ ฉันไม่อยากฆ่าคน”
พูดจบเขาก็เอามือไพล่หลังและหันหลัง เขาไม่อยากต่อยตีอีกแล้ว
ทันใดนั้นร่างทั้งสิบร่างก็ขยับ
สวบๆๆ ทั้งสิบร่างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและกลืนไปกับม่านฝน
เพียงพริบตาเดียว นักฆ่าสุ่มสังหารทั้งสิบคนก็ล้อมรอบเฉินเป่ยเอาไว้
เฉินเป่ยยืนโดดเดี่ยวอยู่ตรงกลาง รอบตัวของเขาถูกล้อมเอาไว้หมดแล้ว
ทั้งสิบคนปิดทางของเขาเอาไว้ทั้งหมด
นี่เป็นการจู่โจมที่เหี้ยมโหด
เฉินเป่ยกวาดตามองไปรอบๆ จากนั้นจึงถอนหายใจออกมาช้าๆ “ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต กลับใจคือฟากฝั่ง พวกแกทั้งสิบคนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน ยังไม่วางมีดลงอีกเหรอ”
“พูดจาโอหัง ตายซะ!” นักฆ่าคนหนึ่งตวัดมือไปมา มีดในมือของเขาฟาดฟันอยู่ในอากาศและพุ่งมาที่คอของเฉินเป่ย หวังเอาชีวิตของเขา
แววตาของเฉินเป่ยนิ่งเฉย เขายกนิ้วมือขึ้นมา
“ฉิ้ง” มีดอันแหลมคมถูกนิ้วดีดจนแตกกระจาย
“สวบ” มีมีดโผล่มาจากข้างหลังอีกหนึ่งเล่ม
เฉินเป่ยจ้องเขม็งและถอนหายใจออกมา “ในเมื่อพวกแกอยากฆ่าฉันขนาดนี้ งั้นฉันจะสนองความต้องการของพวกแกเอง”
ทันใดนั้น เขาก็ง้างมือขวาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
มีดหลงหยาปรากฏพุ่งออกไป
“พลั่ก” นักฆ่าคนนั้นโดยอานุภาพของมีดกระแทกจนกระเด็นออกไป
“ตุ้บ” ร่างของนักฆ่าล้มลงบนพื้น มีดหลงหยาปักอยู่กลางหน้าผากของเขา
เฉินเป่ยดึงมือของตัวเองกลับมา แววตาของเขาเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
ภายในพริบตาเดียวก็ปลิดชีพนักฆ่าสุ่มสังหารได้ในดาบเดียว
“ฆ่ามัน!” นักฆ่าคนที่เหลืออยู่เก้าคนสีหน้าเย็นยะเยือก แรงสังหารแผ่ซ่านออกมา
‘สวบๆๆๆ’ มีดเก้าเล่มทะลุร่างของเฉินเป่ย
แต่ทว่า วินาทีต่อมา เหล่านักฆ่าก็เบิกตาโต
เพราะว่าร่างที่อยู่ข้างหน้ามันเป็นเพียงภาพลวงตา!
เงาของเฉินเป่ยค่อยๆ หายไปในอากาศ
สิ่งที่เหล่านักฆ่าล้อมเอาไว้เป็นเพียงเงาของเฉินเป่ยเท่านั้น!
“วันนี้มือฉันเปื้อนเลือดมามากมายเหลือเกิน แต่พวกแกยังรนหาที่ตาย…” เฉินเป่ยยืนอยู่ข้างหลังของลาน น้ำเสียงของเขาราบเรียบและเฉยเมย
“อยู่ข้างหลัง! ฆ่ามัน!” เหล่านักฆ่าพากันหันขวับ!