บทที่ 570 ทางที่ดีอย่าเข้าไป
กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งท่ามกลางความมืด
เฉินเป่ยเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับปีศาจ เขาทอดมองไปยังความมืดในยามราตรี
ตอนนี้เฉินเป่ยเหมือนปีศาจที่น่ากลัวจนไม่มีอะไรเทียบได้
“ฟู่วว” ซูเหลยที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง ถอนหายใจเฮือก ใจที่ร้อนรนของเธอกลับมาสงบอีกครั้ง
ขณะนั้นเอง เฉินเป่ยเงยหน้าขึ้นไปมองซูเหลยราวกับมีกระแสจิต
ซูเหลยใจหล่นไปที่ตาตุ่ม สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ซูเหลยสบตากับเฉินเป่ย เธอมองไปในดวงตาของเฉินเป่ย ในดวงตาของเฉินเป่ยเหมือนแฝงไปด้วยความบ้าคลั่งและความกระหายเลือด แววตาเช่นนี้ทำให้เธอเย็นยะเยือกไปทั้งตัว
เฉินเป่ยเห็นเธอเป็นศัตรูงั้นเหรอ
ซูเหลยใจสั่นขึ้นมา ภายไปครู่หนึ่ง แววตาของเฉินเป่ยค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ ถึงแม้สีหน้ายังคงเย็นชา แต่เขาเก็บมีดหลงหยาไปแล้ว
มีดถูกเก็บเข้าไปในฝัก แววตาของเฉินเป่ยกลับมาเป็นปกติ ความบ้าคลั่งถูกซ่อนเอาไว้ในดวงตาของเขา
ซูเหลยมองลงไปยังเฉินเป่ยที่ยืนอยู่ไกลๆ ในใจของเธอไม่สามารถสงบลงได้ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะมาจากเฉินเป่ย
คนที่น่ากลัวเช่นนี้ ในความทรงจำของซูเหลย มีเพียงคนเดียวที่ไม่มีใครเทียบได้ นั่นก็คือหัวหน้ากองกำลังพิเศษที่ลึกลับคนนั้น คงจะมีแต่เขาเท่านั้นที่จะสู้กับเอ๋อตงเฉินได้ล่ะมั้ง
ซูเหลยพูดในใจ คนที่อยู่ด้านล่างโรงแรมอย่างเฉินเป่ยก้าวเข้ามาในโรงแรม
ไม่นาน ประตูห้องถูกเปิดออก เฉินเป่ยเข้ามาในห้อง เขามองซูเหลย หลีชิงเยียนคือคำถามแรกที่เขาถามออกมา “หลีชิงเยียนเป็นยังไงบ้าง”
“ประธานหลีไม่เป็นอะไรค่ะ ตอนแรกฉันวางแผนว่าจะพาเธอขึ้นรถที่จอดอยู่ตรงประตูด้านหลังของโรงแรม แต่คิดไม่ถึงว่าคุณจะกลับมา เลยทำให้ลดเรื่องวุ่นวายไปเยอะเลย สะสางคนพวกนี้ได้แล้ว เธอคงจะอยู่ในรถค่ะ” ซูเหลยพูดขึ้น
เฉินเป่ยพยักหน้า แล้วมองซูเหลยด้วยท่าทียียวน “ทำได้ไม่เลวนิ”
จากนั้น ซูเหลยก็เดินออกจากห้องแล้วเดินตรงไปสุดทางเดินของโรงแรม
ซูเหลยอึ้งไป เธอกหันหลังเดินออกไปที่หน้าประตู มองแผ่นหลังของเฉินเป่ยอย่างตกตะลึงเล็กน้อย เขาชมเธออย่างนั้นเหรอ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนซูเหลยอาจจะไม่คิดว่าแปลก แต่หลังจากที่รู้ว่าเฉินเป่ยเป็นใคร เธอรู้สึกเหมือนภาพลวงตาที่อยู่อีกโลกหนึ่ง
คิดไม่ถึงว่าราชาหลงผู้ยิ่งใหญ่จะชมเธอ ซูเหลยตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ข้างนอกโรงแรม หลีชิงเยียนพิงอยู่ที่ข้างรถ ใบหน้าอันงดงามซีดเผือด แววตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เธอมองซ้ายมองขวาตลอดเวลา สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
หลังจากที่หลีชิงเยียนหนีออกมาทางประตูหลัง เธอพบว่าตัวเองลืมเอากุญแจรถยนต์จากซูเหลย เธอไม่สามารถเข้าไปในรถได้ หลีชิงเยียนไม่ได้กลัวการออกไปจากที่นี่ แต่เธอกลัวนักฆ่าที่อยู่นอกโรงแรมพร้อมอาวุธครบมือ เธอจึงจำใจต้องหลบอยู่ที่นี่ชั่วคราว
ท่านประธานเทพธิดาที่กำลังตื่นตระหนก เธอจ้องเขม็งไปที่ประตู จิตใจของเธอว้าวุ่นจนไม่อาจสงบได้
ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าซูเหลยเป็นยังไงบ้าง ถึงแม้เธอจะมั่นใจในตัวของซูเหลย แต่นักฆ่าพวกนั้นเตรียมตัวมาอย่างดี ไม่รู้ว่าซูเหลยจะเป็นหรือตาย นี่คือสิ่งที่เธอเป็นกังวลที่สุด
ตอนนี้หลีชิงเยียน ดูโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งอย่าง น้อยมากที่จะเห็นเธอเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ไม่มีใครสามารถช่วยเธอได้ มีแค่ตัวเองเท่านั้น
ถ้าตอนนี้มีชายหนุ่มที่แข็งแกร่งมาที่นี่ ท่านประธานเทพธิดาคงจะหนีไม่พ้น
ภายในค่ำคืนอันเงียบสงัด มีเสียงร้องอันน่าเวทนาดังมาจากประตูหน้าโรงแรม มันเหมือนเสียงร้องโหยหวนของผี นี่ก็เพียงพอที่จะทำให้หลีชิงเยียนตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน
ตอนนี้มีเพียงเสียงลมหายใจหนักๆ ของท่าประธานเทพธิดา หน้าอกของหลีชิงเยียนขยับขึ้นลงอย่างรุนแรง เวลาที่เดินไปเรื่อยๆ ทำให้เธอยิ่งกังวลขึ้นเรื่อยๆ
“แก๊ก!”
จู่ๆ ประตูหลังของโรงแรมถูกเปิดออก หลีชิงเยียนใจเต้นรัว สีหน้าของเธอซีดเผือด
เงาของใครบางคนปรากฏอยู่ที่ประตู
เมื่อหลีชิงเยียนตั้งสติมองเงานั้น มันเป็นเงาร่างของคนที่คุ้นเคย เธอชะงักไป
เมื่อร่างนั้นปรากฏตัว ทำให้คนที่ฉลาดและเย็นชาอย่างเธอทำอะไรไม่ถูก
“ชิงเยียน ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ทุกอย่างจบแล้ว” เฉินเป่ยยิ้มบางๆ ให้หลีชิงเยียนที่กำลังอึ้งอยู่
ผ่านไปสามวินาที หลีชิงเยียนตั้งสติได้ เธอเดินบนรองเท้าส้นสูงเข้ามาหาเฉินเป่ย
เธอกัดริมฝีปาก ดวงตาคู่สวยมองเฉินเป่ยอย่างโกรธเคือง เธอง้างมือขึ้นอย่างน่าตกใจ จากนั้นก็ตบลงไปบนหน้าของเฉินเป่ย
ขณะที่ฝ่ามือของหลีชิงเยียนจะตบลงมาบนใบหน้าของเขา จู่ๆ ท่านประธานเทพธิดาก็ชะงักมือไว้กลางอากาศ แขนอันเรียวงามของเธอถูกมือของเฉินเป่ยคว้าเอาไว้แน่น จนไม่สามารถขยับไปไหนได้
หลีชิงเยียนหน้านิ่ง เธอพยายามขัดขืน แต่ทว่าเฉินเป่ยจับไว้แน่นมาก ถึงเธอจะใช้แรงมากเพียงใดก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้
จู่ๆ หลีชิงเยียนสีหน้านิ่งเฉย เธอยกขาขึ้นมาเหยียบไปที่เท้าของเฉินเป่ย
แต่ทว่าเฉินเป่ยกำลังมองหน้าหลีชิงเยียนด้วยสายตายียวน เมื่อเขาสังเกตว่าสีหน้าของหลีชิงเยียนผิดปกติ มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย แต่กว่าเขาจะตั้งสติได้มันก็สายไปแล้ว
วินาทีต่อมา รอยยิ้มของเฉินเป่ยชะงักไป
ภาพนี้เป็นภาพที่คุ้นเคยมาก มันเกิดขึ้นอีกครั้ง เฉินเป่ยยังคงหนีไม่พ้น!
ใบหน้าของหลีชิงเยียนช่างน่าดึงดูด จนทำให้เฉินเป่ยลืมท่วงท่าที่คุ้นเคยนี้
“สวบบ”
เฉินเป่ยปล่อยมือออก เขาสูดหายใจเฮือก มุมปากกระตุกอย่างรุนแรง
เมื่อเฉินเป่ยก้มหน้าลงไปมอง หลีชิงเยียนไม่มีท่าทีที่จะส้นเท้าขึ้น แทบยังเอาส้นสูงขยี้ลงมาที่เท้าของเฉินเป่ยอีก หน้าของเฉินเป่ยบูดเบี้ยวไปหมด เธอจึงยกเท้าขึ้นแล้วเดินฟึดฟัดไปที่ประตูหลัง
เฉินเป่ยเอามือกุมเท้า เขาเจ็บจนแทบจะร้องออกมา แต่เมื่อเขาเห็นว่าหลีชิงเยียนกำลังจะเดินไปที่ประตูหลัง เขาจึงรีบเอาตัวไปขวางเธอไว้
“หลีกไป” หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยยืนขวางประตูด้วยสีหน้ายียวน เธอทำหน้าขรึม
“ประธานหลี ผมแนะนำว่าทางที่ดีคุณอย่าเข้าไปเลย หลังจากที่คุณรู้ คุณจะไม่อยากเข้าไป” เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียนแล้วพูดเนิบๆ น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมาก