สายเปย์เบอร์หนึ่ง – ตอนที่ 593

ตอนที่ 593

บทที่593 ความน่ากลัวของอิทธิพลที่ถูกต้อง

หลีชิงเยียนจ้องเขาด้วยสายตานิ่งสงบ ถามด้วยเสียงทรงเสน่ห์ “หัวหน้าหลัว ชิงเยียนยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคุณสักเท่าไรค่ะ”

หลัวห้าวหรานค่อยๆ ดื่มไวน์แดงอึกหนึ่ง พูดอย่างล้ำลึก “ได้ งั้นผมจะพูดแบบตรงไปตรงมาเลยแล้วกัน…หวังว่าในเรื่องของตระกูลริชาร์ดนี้ ประธานหลีคุณจะให้อภัยได้…ไว้หน้าตระกูลริชาร์ดสักครั้งหนึ่ง…”

ใบหน้าของหลีชิงเยียนแข็งทื่อขึ้นเล็กน้อย “หัวหน้าหลัวอยากให้ฉันทำอย่างไรคะ?”

“ง่ายมาก รับปากเรื่องข้อเรียกร้องของตระกูลริชาร์ด ตระกูลริชาร์ดจะให้ผลประโยชน์ที่น่าพอใจแก่บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป…ทุกคนต่างเป็นนักธุรกิจกันหมด มีมิตรไมตรีต่อกันถึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่เหรอ?” หลัวห้าวหรานพูดจาลุ่มลึก

ใบหน้าที่เพริศพริ้งของหลีชิงเยียนปรากฏรอยยิ้มขึ้นทันใด ยิ้มงดงาม “หัวหน้าหลัว ที่แท้…คุณก็มา…เจรจาให้พวกเขาหรอกเหรอคะ?”

หลัวห้าวหรานหัวเราะขึ้นตาม ชนแก้วกับหลีชิงเยียนอีกครั้ง “หวังว่าประธานหลีคุณจะจัดการเรื่องนี้แบบสันติได้ ขอเพียงไม่รุนแรง นั่นสามารถทำเงินได้…ไม่ใช่เหรอ?”

“ถ้าฉันไว้หน้าตระกูลริชาร์ดสักครั้ง งั้นพวกเขาจะปล่อยฉันไปเหรอคะ?” ดวงตาหลีชิงเยียนดุจเพชรเจียระไน ถามกลับขึ้นอย่างกะทันหัน

หลังจากได้ยินประโยคนี้ หลัวห้าวหรานสีหน้าหยุดนิ่งเล็กน้อย

“ประธานหลี นี่คือคุณ…หมายความว่าอะไร?” หลัวห้าวหรานค่อยๆ ถามขึ้น

ใบหน้าหลีชิงเยียนดูสงบไร้ที่เปรียบ “หมายความว่าอะไร คิดว่าหัวหน้าหลัวคงเข้าใจดี”

…ปล่อยประโยคหนึ่งออกมา ก็แสดงถึงท่าทีของเธอแล้ว…เธอไม่อาจถอยให้ได้

หลัวห้าวหรานพูดไม่ออกไปเลย โดนคำพูดประโยคนี้ของหลีชิงเยียนทำเอาจุกถึงคอ เงียบไปอยู่ตั้งนาน เขาถึงพูดช้าๆ “สนามธุรกิจเหมือนสนามรบ โดยเฉพาะพัวพันไปถึงบริษัทกับตระกูล ประธานหลี คุณอายุยังน้อย อาจจะไม่เข้าใจเหตุผลนี้…มีบางครั้ง สันติภาพถึงจะสามารถเพิ่มเงินได้…ไม่อย่างนั้นคุณกับตระกูลริชาร์ดอาจจะต้องเจอกับความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน…”

หลีชิงเยียนหัวเราะแล้ว เธอหัวเราะอย่างสง่างาม “ได้รับความเสียหายทั้งสองฝ่ายงั้นเหรอ? ตอนนี้บริษัทตระกูลหลีของฉันกำลังไปได้ดีมาก!” วินาทีนี้ ท่วงท่าราชินีของท่านประธานได้แสดงออกมาในชั่วขณะนั้น ราวกับดอกกุหลาบที่งดงามน่าดึงดูด

หลัวห้าวหรานสีหน้าเปลี่ยน เขานึกไม่ถึง…หลีชิงเยียนยัยเด็กคนนี้จะไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์เช่นนี้ ทั้งที่ตนเองเป็นถึงหัวหน้าสโมสรผู้น่าเกรงขาม…เข้ามาพูดโน้มน้าวด้วยตนเอง คาดไม่ถึงจะถูกเธอเพิกเฉยไป?

หลัวห้าวหรานหรี่ดวงตาเล็กน้อย พูดจาลุ่มลึก “ชิงเยียน คนหนุ่มสาวยังต้องถ่อมตนสักหน่อย…ตระกูลริชาร์ดพูดยังไงก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ในฝั่งตะวันตก…อิทธิพลของพวกเขายังยิ่งใหญ่ล้ำลึกมาก…มีบางครั้ง ถอยสักก้าว จะมองเห็นทะเลและท้องฟ้ากว้างไกล…”

ข่มขู่! หลัวห้าวหรานไม่คิดจะรักษาหน้าแล้ว นี่คือกำลังข่มขู่

หลีชิงเยียนดวงตาแข็งทื่อ กำลังอยากเอ่ยปาก…เฉินเป่ยที่อยู่ด้านข้างกลับเอ่ยปากก่อนแล้ว

“หัวหน้าหลัว ในชีวิตนี้สิ่งที่ผมไม่ชอบมากที่สุดคือคนอื่นมาข่มขู่เมียผม…วันนี้การแสดงออกของคุณทำให้ผมรำคาญเอามากๆ นะ…” เฉินเป่ยพูดแบบไม่ใส่ใจ

พอได้ยินคำพูดของเฉินเป่ย เริ่มแรกหลีชิงเยียนยังเห็นด้วยมากๆ นึกไม่ถึงเจ้าหมอนี่มีบางครั้งยังพึ่งพาได้มาก…ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้สามารถออกมายืนพูดแทนตนเองได้…แต่ว่าหลังจากไม่กี่วินาที หลีชิงเยียนพบปัญหาขึ้นทันใด มะ…เมีย? หลีชิงเยียนหันหน้าในชั่วพริบตาหนึ่ง ถลึงตาใส่เฉินเป่ยแบบดุร้าย นั่นคือสายตาที่แม่เสืออยากกินคน

เฉินเป่ยแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น…แกล้งทำหน้าตามึนงง~

หลัวห้าวหรานสีหน้าเปลี่ยนไปดูแย่ลง หรี่ดวงตาขึ้น เหมือนสีหน้าเปลี่ยนไปถึงที่สุดทั้งหมด…ไม่เหมือนกับท่าทีอ่อนโยนแบบเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิง

หลัวห้าวหรานหรี่ดวงตาเล็กน้อย มองหลีชิงเยียนอย่างมีความหมายลึกซึ้ง ค่อยๆ พูดว่า “หลีชิงเยียน พวกเธอคนหนุ่มสาวพวกนี้…ช่างหุนหันพลันแล่นเหลือเกิน ใช้แต่อารมณ์…ฉันหลัวห้าวหรานอยู่ที่เมืองหู้ไห่ถึงจะไม่ใช่พวกนอกกฎหมาย ทำธุรกิจอย่างถูกต้อง…แต่ทางการทุกที่ยังติดต่อมาหมด มีบางครั้ง ทางการ…ยังไร้เหตุผลยิ่งกว่าพวกผิดนอกกฎหมายเสียอีก…”

หลีชิงเยียนดวงตาแข็งทื่อ ไม่ได้หลบเลี่ยงใดๆ พูดไปตามตรง “หัวหน้าหลัว นี่คุณกำลังข่มขู่ฉันเหรอคะ?”

หลัวห้าวหรานหัวเราะแบบล้ำลึก “ถือว่าข่มขู่ไม่ได้หรอก เพียงแค่เตือนสติสักหน่อย…หลีชิงเยียน คนเดินอยู่ชายฝั่ง รองเท้าไม่เปียกได้ที่ไหน? มีบางครั้ง ถอยสักก้าว…” หลัวห้าวหรานยังพูดไม่ทันจบ เฉินเป่ยก็พูดขัดจังหวะทันที

“ถอยกับผีน่ะสิ! หลัวห้าวหราน แกสักเอาแต่พูดไม่ลืมหูลืมตาอยู่ใช่มั้ย? ถ้าชีวิตแกโดนข่มขึ้นมา แกจะถอยได้เหรอ? เชี้ยเอ๊ย ได้ยินแล้วฉันหงุดหงิดโว้ย!” คำพูดของเฉินเป่ยเผด็จการอย่างยิ่ง เต็มไปด้วยท่วงท่าแบบอันธพาล

วินาทีนี้ หลีชิงเยียนชื่นชมมุมมองของเฉินเป่ยแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เวลานี้เธอรู้สึกขึ้นได้กะทันหัน เฉินเป่ยที่อยู่ข้างกายยังหล่อมาก? อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาแบบนี้…

หลัวห้าวหรานสีหน้าเปลี่ยนในชั่วขณะนั้น กลายเป็นเขียวปัดดูแย่

เสียงพูดจาของเฉินเป่ยดังมาก แม้แต่บรรดาแขกผู้มีเกียรติที่อยู่โดยรอบยังได้ยินกันหมด เหล่าแขกผู้มีเกียรติกลุ่มนั้นเบิกตาโต จ้องฉากนี้ไว้ค้าง

“พระเจ้า! เจ้าหมอนี่…อยากเกิดเรื่องไม่คาดฝันเหรอ!! ถึงกล้าพูดจาแบบนี้กับหัวหน้าหลัว?”

“เก่งจริง คาดไม่ถึงกล้าเผชิญหน้าหัวหน้าหลัวต่อหน้าคนอื่นแบบนี้…นี่คือวอนหาที่ตายเลยทีเดียว!”

ผู้คนในที่เกิดเหตุล้วนตาค้างกันหมด มองเฉินเป่ยอย่างอึ้งๆ ในสายตาของทุกคนมีความเห็นใจชนิดที่มึนงงและสงสาร เจ้าหมอนี่…กลัวว่าต้องจบเห่ถึงที่สุดแล้ว เมืองหู้ไห่แห่งนี้ล่วงเกินใครก็ได้ แต่ล่วงเกินหัวหน้าหลัวไม่ได้ หัวหน้าหลัวเป็นหัวหน้าสโมสรหู้ไห่…ใครบ้างไม่รู้สถานะและฝีมือของเขา? นั่นเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งอิทธิพลในและนอกกฎหมายสองทาง บุคคลแบบนี้…แทบจะครอบงำทั้งเมืองหู้ไห่ นั่นคือการมีตัวตนอย่างกับพระเจ้า

“ดี! ดี! คนหนุ่มสาวมีความกล้า” หลัวห้าวหรานค่อยๆ พูดออกมาไม่กี่คำ…สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปลึกลับซับซ้อน คล้ายกับมีกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกนิดๆ พูดข่มขู่อย่างเย็นชา “ฉันเคยบอกว่าอิทธิพลในกฎหมายของเมืองหู้ไห่…มีบางครั้งยังไร้เหตุผลกว่าพวกนอกกฎหมาย…”

เฉินเป่ยหัวเราะแล้ว หัวเราะอย่างเมินเฉยสงบนิ่ง “หลัวห้าวหราน เหยดแม่งมาใช้คำพูดไร้สาระแบบนี้มาข่มขู่ พวกทางการพวกนอกกฎหมายอะไรแกเรียกมาได้ตามใจเลย มาคนหนึ่งฉันก็ต่อยคนหนึ่ง มากลุ่มหนึ่งฉันก็ต่อยกลุ่มหนึ่ง!”

เสียงของเฉินเป่ยเผด็จการไร้ที่เปรียบ สั่นสะเทือนทั้งงาน

ผู้คนที่อยู่ในงานล้วนตื่นตกใจมึนงง มองเจ้าหนุ่มที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดินอะไรเลยคนนี้อย่างงงงวย นี่…เจ้าหมอยังเป็นคนอยู่เหรอ? เขาไม่กลัวตายรึไง? นี่คือความตื่นตกใจและการคาดเดาในใจของแต่ละคน ทุกคนตื่นล้วนตระหนกกับคำพูดที่ไม่กลัวตายเช่นนี้ของเฉินเป่ย

หลัวห้าวหรานสีหน้าซับซ้อนเปลี่ยนผันร้อยแปด “หลีชิงเยียน ดูหมาของเธอให้ดีนะ” เขาพูดประโยคหนึ่งออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นหมุนตัวออกไปทันที ฝีเท้าของเขาหนักแน่นอย่างมาก สามารถจินตนาการได้ถึงความแค้นเคืองของเขา

หลีชิงเยียนใบหน้าแข็งทื่อ ตะโกนไปทางภาพเงาของหลัวห้าวหรานที่ออกไปว่า “ขอโทษนะคะ หัวหน้าหลัว คุณคงตาต่ำเกินไป เขาเป็นเพื่อนของฉัน”

ซู่! ได้ยินคำนี้ เหล่าแขกกลุ่มหนึ่งในงานตะลึงค้างอีกครั้ง หลีชิงเยียนนี่คือ…นี่หมายความว่าอะไร? เพื่อผู้ชายคนนี้แล้ว…เธอยังใช้วิธีแบบที่คนอื่นใช้มาตอบโต้คนอื่นกลับด้วย…ถากถางหัวหน้าหลัวว่าตาต่ำเกินไป? หมายความว่า…เธอกำลังเปลี่ยนวิธีด่าหลัวห้าวหรานว่าเป็นหมา?

หลัวห้าวหรานหยุดชะงักฝีเท้าฉับพลัน สามารถมองออกว่าร่างกายของเขากำลังสั่นเทา สามารถจินตนาการถึงความแค้นเคืองของหัวหน้าสโมสรหู้ไห่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังท่านนี้เวลานี้ได้ดีเลยทีเดียว

มุมหนึ่งของห้องงานเลี้ยง เซวอี้ถือแก้วไวน์ไว้ แววตามองทะลุฝูงชนที่สลับซับซ้อน ดูฉากนี้เข้าไปตรงๆ…มุมปากของเขายกเส้นรัศมีวงกลมที่มีความหมายลึกซึ้ง หลีชิงเยียน…น่าสนใจ

เฉินเป่ยควงแขนของหลีชิงเยียนไว้ ขยับเข้าไปข้างหูเธอเบาๆ พูดเสียงละมุน “ชิงเยียน ขอบคุณที่คุณปกป้องผมนะ~”

“ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้ทำเพื่อนาย…นายอย่าคิดมากเกินไป…” หลีชิงเยียนพูดอธิบายอย่างปากกับใจไม่ตรงกัน สายตาของเธอแวบหลบอยู่บ้าง อารมณ์ปั่นป่วนนิดหน่อย

เฉินเป่ยยิ้มอยู่ ขยับเข้าใกล้เธอยิ่งขึ้น แทบจะแนบชิดที่ใบหูของเธอ “คุณใส่ใจผม ผมรู้…”

ติ่งหูของหลีชิงเยียนถูกลมหายใจร้อนของเขาทำให้จักจี้พอสมควร อารมณ์ยิ่งสับสนขึ้นอีก…เธอยกไหล่เบาๆ อยากหลบเฉินเป่ยโดยจิตใต้สำนึก…

แต่เฉินเป่ยกลับอ้าปากกะทันหัน ถือโอกาสที่เธอไม่ระวัง จูบเข้าไปทีหนึ่งโดยตรง ประทับจูบลงบนแก้มที่ขาวเนียนแวววาวนั้นของหลีชิงเยียน

“อ๊ะ——นาย…นายทำอะไร?” หลีชิงเยียนร้องออกมาด้วยเสียงน่ารัก ร่างกายสั่นรุนแรงเหมือนโดนกระแสไฟ…เธอในชั่วขณะหนึ่ง ผลักเฉินเป่ยออกไปอย่างลนลานไร้ที่เปรียบ ทั้งใบหน้าแดงระเรื่อในชั่วขณะนั้น~

เฉินเป่ยเลียริมฝีปากแล้ว เหมือนว่ากำลังคิดถึงรสชาติหนึ่งวินาทีเมื่อสักครู่นี้…พูดได้ว่าใบหน้าที่งดงามราวกับเจียระไนออกมานั้นของหลีชิงเยียนช่างประณีตเหลือเกิน แทบจะไร้ที่ติ

“โรคจิต!” หลีชิงเยียนถลึงตาอย่างดุร้ายใส่เฉินเป่ย มีความหมายโกรธเคือง

เฉินเป่ยยิ้มเจ้าเล่ห์ขยับเข้าไป ทั้งยังโอบเอวเรียวเล็กของเทพธิดาไว้อย่างกำเริบเสิบสานอีก

หลีชิงเยียนเห็นฉากนี้เข้า ชั่วขณะหนึ่งใบหน้าเปลี่ยนสี ยกรองเท้าส้นสูงขึ้นเหยียบบนรองเท้าหนังของเฉินเป่ยอย่างแรง

“นายปล่อยเลยนะ!” เทพธิดาโกรธเคืองมาก เธอคิดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะทำเกินเหตุเช่นนี้

เฉินเป่ยอดกลั้นความเจ็บที่หลังเท้าไว้ แต่ยังทำคงเกินเหตุอยู่ โอบหลีชิงเยียนเข้ามาในอ้อมอกอย่างแรง

“ชิงเยียน ผู้หญิงไม่ควรดุร้ายขนาดนี้…ต่อไปจะไม่ได้แต่งงานนะ…” เฉินเป่ยยิ้มเจ้าเล่ห์บอก

“แหวะ…ยุ่งอะไรด้วย? ฉันจะได้แต่งไม่ได้แต่งเกี่ยวอะไรกับนายด้วย?” หลีชิงเยียนพูดด้วยเสียงโมโหเดือดดาล “นายรีบปล่อยฉันออกเลยนะ!”

“ช่างเถอะ…ไม่สนุกจริงๆ นั่นแหละ” เฉินเป่ยหมดคำจะพูดอยู่บ้าง ผู้หญิงคนนี้ไม่เข้าใจความสนุกเสียเลย

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

Status: Ongoing

เขาเป็นคนที่ทำให้คนอื่นกลัวและเคารพ แต่กลับกลายเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ต่ำต้อยเหมือนฝุ่น ไม่เอาไหนเหมือนขยะ ราวกับว่าใครๆก็สามารถเหยียบย่ำเขาไว้ใต้เท้าแต่ ในใจเขามีความทะเยอทะยาน…….จะมีสักวันหนึ่ง เขาจะจับมือเธอ มอบโลกทั้งใบให้เธอ!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท