สายเปย์เบอร์หนึ่ง – ตอนที่ 625

ตอนที่ 625

บทที่ 625 ฉันจะไปรู้ได้ยังไง

เฉินเป่ยหัวใจกระตุกวูบ เขาพูดด้วยความไม่เข้าใจ “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าฆาตกรเป็นใคร” เฉินเป่ยมองเธออย่างมึนงง

แววตาของเย่ชวงลุ่มลึก แววตาของเธอเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและเอาแต่จ้องเฉินเป่ยจนจะทะลุออกไป

ขณะนั้นเอง พ่อของเย่ชวงรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เขาเอามือวางไว้ที่ข้างเอวเบาๆ ภายใต้เสื้อของเขามีอาวุธปืนซ่อนอยู่

บรรยากาศเงียบขึ้นมาทันที

“ทำไมถึงมองฉันแบบนั้นล่ะ” เฉินเป่ยยิ่งไม่เข้าใจขึ้นไปอีก เขาโดนเย่ชวงมองจนตกใจ

ผ่านไปนาน เย่ชวงจึงละสายตาออก ความรู้สึกของตำรวจรวดเร็วจนสามารถมองทะลุใจคนได้

เมื่อครู่ราวกับว่าเธอมองทะลุใจของเฉินเป่ยได้ เธอรู้ถึงความคิดในใจเขา ดวงตาที่บริสุทธิ์ไม่วูบไหวแม้แต่น้อย ราวกับคนที่ไม่มีความลับใด

ทันใดนั้นใจของเย่ชวงก็หวั่นไหว หรือว่าเธอคิดมากไปเอง เธอสะบัดหัวเบาๆ เพื่อไล่ความคิดอันวุ่นวายออกไป

บรรยากาศอันน่าอึดอัดถูกทำลายไป ความน่ากลัวอันเย็นยะเยือกค่อยๆ หายไปเช่นกัน

พ่อของเธอค่อยๆ เอามือออกจากเอว สีหน้าของเขาราบเรียบ เหมือนกับคนพิการที่ไม่สามารถสู้อะไรได้ แต่ไม่มีใครรู้ว่ามีปืนซ่อนอยู่ที่เอวของเขา

เฉินเป่ยกวาดตามองไปที่เอวของพ่อเย่ชวงแวบหนึ่ง การกระทำของพ่อเย่ชวงไม่สามารถหลุดรอดสายตาของเขาไปได้ ดูเหมือนว่าตระกูลเย่จะไม่ธรรมดา รวมถึงพ่อของเย่ชวงด้วย เหมือนเขากำลังปิดบังอะไรอยู่

เย่ชวงเหลือบตามองเบาๆ เธอตักข้าวเข้าปากพลางบ่นพึมพำว่า “ฆาตกรคนนี้โหดเหี้ยมมาก เขาตัดหัวของอีกฝ่ายจนหมด โดยไม่ปล่อยให้เหลือรอดไปแม้แต่คนเดียว”

เฉินเป่ยได้ยินดังนั้นหัวใจก็กระตุกวูบ เขาแสร้งถามอย่างตกใจว่า “อะไรนะ ตัดหัวขาดเหรอ นี่มันเหี้ยมโหดมากเลยนะ”

เย่ชวงรู้สึกว่าตัวเองพูดมากไปแล้ว เธอรีบเอามือปิดปาก และจ้องเขาด้วยสายตาเย็นชา “สิ่งที่ไม่ควรถามก็ห้ามถาม!”

เฉินเป่ยพยักหน้าอย่างตกใจ การแสดงของเขาดีมาก ราวกับเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ

แววตาของเย่ชวงนิ่ง ความสงสัยผุดขึ้นมาในหัวของเธออีกครั้ง หรือว่าเธอจะคิดมากไปเองจริงๆ เมื่อกี้ที่เธอพูดว่าโดนตัดหัว มันเป็นเบาะแสที่ไม่ได้นำเสนอในข่าว แต่เป็นเบาะแสวงใน เธอพูดออกไปเพราะอยากให้เฉินเป่ยติดกับ ถ้าเขาทำเป็นเฉยเมย งั้นก็แสดงว่าทั้งหมดก่อนหน้านี้เป็นการเสแสร้งทั้งหมด คนธรรมดาที่ไหนจะสามารถนิ่งอยู่ได้เมื่อได้ยินข่าวตัดหัวที่น่ากลัวเช่นนี้ ถ้าเขาพยักหน้าก็แสดงว่าเขาคือผู้ต้องสงสัย

แต่ทว่าท่าทีของเฉินเป่ยเมื่อครู่ เป็นเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป โดยไม่มีการเสแสร้งใดๆ ความตกใจและตื่นตระหนกมันเหมือนความจริง ราวกับออกมาจากจิตใจของเขาจริงๆ

ขนาดเย่ชวงเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับการฝึกอบรมด้านจิตวิทยาอย่างมืออาชีพ แต่เธอก็ยังมองไม่เห็นพิรุธใดจากท่าทีของเฉินเป่ย

เมื่อทานข้าวเสร็จ เฉินเป่ยก็ไม่ได้อยู่ต่อ เขาลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะบอกลา

เย่ชวงไปส่งเฉินเป่ยที่ประตู ก่อนที่จะกลับเฉินเป่ยบอกลาเธอ แต่เธอกลับมองบนใส่เขา

“ฉันจะบอกอะไรให้นะเฉินเป่ย ทางที่ดีอย่าให้ฉันจับพิรุธของนายได้ ไม่งั้นฉันจะจับนายด้วยมือของฉันเอง” เย่ชวงชี้ไปที่เฉินเป่ย แล้วพูดเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เฉินเป่ยมีสีหน้าเหนื่อยใจ “ฉันเป็นได้แค่คนร้ายในสายตาของเธอเหรอ ไม่สามารถแทนที่ได้ด้วยฐานะอื่นเลยเหรอ”

“นายอยากได้ฐานะอะไรอีกล่ะ” เย่ชวงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ก็อย่างเช่นฐานะแฟนอะไรประมาณนั้น…” เฉินเป่ยพูดกวนประสาท และมองเย่ชวงด้วยสายตาที่ไร้ความกลัว

“ประสาท! อย่าแม้แต่จะคิด!” เย่ชวงโมโหและปิดประตูลงอย่างแรง

เฉินเป่ยยิ้มบางๆ แล้วก็หันหลังเดินออกไป

ดูเหมือนว่าการแวะมาเยี่ยมวันนี้จะลบล้างความสงสัยของเขาต่อคดีนี้ เขามาหาเย่ชวงก็เพราะคดีนี้ การแสดงออกของเขาบนโต๊ะอาหาร ก็เพราะต้องการลบล้างข้อสงสัยของตัวเอง

ที่เขาเข้าใจ เพราะความสามารถของเย่ชวง ทำให้สำนักงานตำรวจจะต้องมอบคดีที่ยุ่งยากนี้ให้เธอ จากนิสัยของเย่ชวง เธอจะต้องสงสัยเขาแน่ การที่เขามาในครั้งนี้ก็น่าจะคลายความสงสัยที่เย่ชวงมีต่อเขาไม่น้อยเลยทีเดียว

ถามหน่อยเถอะ ผู้ต้องสงสัยในคดีจะมีกะจิตกะใจมาทานข้าวที่บ้านตำรวจหญิงไหมล่ะ

รถยนต์มายบัคเคลื่อนตัวออกไป เห็นเพียงไฟสีแดงที่ท้ายรถเท่านั้น

กลางดึกภายในอาคารทงเทียนที่ตั้งอยู่ในเมืองหู้ไห่ หู้ยืนอยู่ที่หน้าต่างขนาดใหญ่ สีหน้าของเขาลุ่มลึก เขาหมุนแก้วเหล้าในมือเบาๆ เหล้าวิสกี้ในแก้วลงไปในคอของเขา เขามองวิวยามค่ำคืนข้างนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

จู่ๆ เขาก็ก้มหน้าหยิบมือถือ เขามองข้อความที่อยู่บนหน้าจอ: “ตระกูลเซียวพ่ายแพ้ เซียวเข้อเซิงบาดเจ็บสาหัส แก๊งยามาโมโตะก็ทำได้ไม่ดี หวางอู๋ตี๋หลบอยู่ในบ้านตระกูลจางไม่กล้าออกมา”

หู้ค่อยๆ แสยะยิ้มออกมาอย่างเย็นชา ตั้งแต่เขาหายจากอาการบาดเจ็บ เขาก็จัดการทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง แต่ทว่าตอนนี้เฉินเป่ยเหนือกว่าสิ่งที่เขาจินตนาการเอาไว้ การล่อลวงของเขาล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงขนาดที่เขาไม่สามารถรู้ตื้นลึกหนาบางของเฉินเป่ยได้เลย

“เกมยิ่งสนุกขึ้นเรื่อยๆ เลยแฮะ” หู้พูดพึมพำ จากนั้นก็กดโทรออกไปหาจิง

ตระกูลเซียวที่ตั้งอยู่ในหรงเฉิง

คนของตระกูลเซียวที่พันด้วยผ้าพันแผลถูกยกออกจากรถอย่างระมัดระวัง เปลหลังแล้วหลังเล่าถูกยกเข้าไปในบ้านตระกูลเซียว

บ้านตระกูลเซียวกำลังระส่ำระสายทั้งคืน เหล่าชายหนุ่มในตระกูลกว่าสิบคน ถูกโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส

เซียวเข้อเซิงถูกทำร้ายที่ศีรษะจนสาหัส แผลเต็มตัว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้น

ใบหน้าของเซี่ยวเฉิงว่างผู้อาวุโสลำดับสามเต็มไปด้วยความโกรธ เขากระทืบพื้นจนแตก เขาเหมือนราชสีห์ที่กำลังโกรธและกำลังจะระเบิดออกมา

“พวกเขาไปเมืองหู้ไห่ทำไม นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” เซี่ยวเฉิงว่างถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“คุณชายบอกว่าได้รับการเชิญจากผู้นำของเมืองหู้ไห่ ว่ากันว่ามีนักสู้ระดับแนวหน้าปรากฏตัวที่สมาคมบู๊หู้ไห่ในเมืองหู้ไห่”

ตระกูลเซียวเป็นตระกูลนักสู้มากว่าร้อยปี มาโดนดูถูกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร

ทำร้ายคนของตระกูลเซียวจนบาดเจ็บขนาดนี้ เหมือนการตบหน้าตระกูลเซียวและบรรพบุรุษชัดๆ ตระกูลเซียวยิ่งใหญ่ในหรงเฉิง จะมาโดนดูถูกอย่างนี้ได้อย่างไร แค้นนี้ต้องชำระ!

“อาสาม จะจัดการเรื่องนี้ยังไง” ชายหนุ่มในตระกูลเซียวพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

เรื่องนี้มันเหมือนการโจมตีชื่อเสียงของตระกูลเซียว ถ้าไม่แก้แค้นศัตรูคนนี้ ชื่อเสียงของตระกูลเซียวต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน ตระกูลนักสู้กว่าร้อยปีต้องพังทลายและเสื่อมเสียชื่อเสียง

เซี่ยวเฉิงว่างกำหมัดแน่นจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น เขาสูดหายใจลึก และพยายามควบคุมสติของตัวเอง

“เฉินเป่ยแห่งเมืองหู้ไห่” สีหน้าของเซี่ยวเฉิงว่างเย็นชา ราวกับกระบี่อันเย็นยะเยือก เขาโมโหมาก แต่เขาไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะจากการที่เขาคาดเดาทักษะการต่อสู้กับเฉินเป่ยเมื่อครั้งก่อน ครั้งนั้นเขาแพ้อย่างราบคาบ จิตใจของเขาเกือบจะถูกทำลาย เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินเป่ย

เซี่ยวเฉิงว่างหายใจรุนแรง เขาเงียบอยู่นาน สุดท้ายจึงพูดออกมาว่า “เข้าไปด้านหลังภูเขา ฉันต้องการให้พี่ใหญ่ออกมาจากภูเขา”

เมื่อได้ยินคำพูดของอาสาม ชายหนุ่มในตระกูลเซียวหน้าเปลี่ยนสี จากนั้นมันก็ถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้น

ผู้อาวุโสลำดับที่สามจะเชิญผู้นำตระกูลเซียวออกมา

ทักษะของเซี่ยวเฉิงว่างระเบิดออกมา เขาเด้งตัวขึ้นไปบนหลังคาและลอยตัวบนหลังคาเบาๆ จากนั้นจึงพุ่งออกไปยังภูเขาหลังกำแพงบ้านตระกูลเซียว

เหล่าชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังพากันตกตะลึง จากนั้นทุกคนก็มุ่งหน้าไปยังด้านหลังภูเขา วันนี้พวกเขาจะเชิญผู้นำตระกูลออกมา

ภูเขาหลังบ้านตระกูลเซียว ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ดวงจันทร์กลมโตลอยอยู่บนท้องฟ้า ทั้งป่าถูกปกคลุมไปด้วยสีเทา

น้ำตกหลังเขามีน้ำไหลลงมาอย่างต่อเนื่องและมันมีพลังที่น่าสะพรึงกลัว

ใจกลางน้ำตกที่ไหลลงมาอย่างรุนแรง ชายชราผมขาวหลับตาลงและทำสมาธิ เขานั่งอยู่ในใจกลางน้ำตก เขาปล่อยให้น้ำตกที่ทรงพลังกระทบตัวเขาโดยไม่ขยับไปไหน

ขณะนั้นเองชายชราก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาสงบนิ่ง เหมือนมีพลังอะไรแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาท่ามกลางความมืดมิด

เขาเด้งตัวขึ้นไปกลางอากาศ เมื่อเขาเขย่งเท้าหินที่อยู่ใต้เท้าของเขาแตกออกทันที

เขาพุ่งตัวขึ้นไปข้างบนผ่านน้ำตกที่ไหลลงมา ราวกับกระบี่ที่แหลมคมกำลังแหวกสายน้ำออก จากนั้นเขาจึงหมุนตัวกลางอากาศ ร่างกายเหมือนเสือชีตาห์ที่ว่องไว เขาเหยียบอยู่บนท่อนไม้ไผ่อย่างมั่นคง

ไม้ไผ่ท่อนนั้นรองรับพละกำลังของเขาจนทำให้มันเหมือนสปริง ค่อยๆ โน้มลงมาข้างล่าง

ผู้อาวุโสเหยียบอยู่บนท่อนไม้ไผ่ เหมือนลอยอยู่กลางอากาศ ราวกับผู้มีฝีมือด้านการต่อสู้อันพลิ้วไหวดั่งสายลม

“เซี่ยวเฉิงว่าง มีเรื่องอะไรถึงมารบกวนการฝึกของฉัน” ผู้อาวุโสพูดด้วยน้ำเสียงยืดยาน จากนั้นจึงตามมาด้วยพละกำลังอันมหาศาลที่กำลังลอยอยู่ในป่า

เซี่ยวเฉิงว่างผู้อาวุโสลำดับที่สามเดินเข้าไป จากนั้นจึงโค้งตัวทำความเคารพ

“พี่ใหญ่ อภัยให้เฉิงว่างที่บุกมายามค่ำคืนเช่นนี้” เซี่ยวเฉิงว่างพูดกับพี่ใหญ่อย่างมีมารยาท

ข้างหลังของเซี่ยวเฉิงว่างคือเหล่าชายหนุ่มของตระกูลเซียว พวกเขารออยู่ข้างๆ อย่างนอบน้อม

พวกเขาทำความเคารพผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม

“มีเรื่องอะไร” ผู้อาวุโสเอามือไพล่หลัง เขายืนอยู่บนท่อนไม้ไผ่ ความเรียบง่ายแผ่ออกมาจากตัวของเขา

เซี่ยวเฉิงว่างคำนับ จากนั้นจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และพูดออกมาอย่างจริงจังว่า “พี่ใหญ่ ตระกูลเซียวโดนดูถูกจากคนหนุ่มในเมืองหู้ไห่ เขาดูถูกตระกูลเซียวครั้งแล้วครั้งเล่า มาวันนี้เขาทำร้ายคนในตระกูลจนบาดเจ็บสาหัส ไม่กี่เดือนก่อนหวาจั่นโดนเขาทำร้าย วันนี้เซียวเข้อเซิงโดนเขาทำร้ายจนสาหัส ศีรษะของเขาได้รับบาดเจ็บรุนแรง”

“สวบบ” ท่อนไผ่ใต้เท้าของผู้อาวุโสโน้มลงอย่างแรง เหมือนโดนของหนักกดทับ ความกดดันในอากาศที่ไร้ตัวตนแผ่ซ่านไปทั่ว

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมนายถึงไม่ไปฆ่ามัน” ผู้อาวุโสเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยพละกำลังอันน่ากลัว เหมือนค่ำคืนนี้จะเย็นยะเยือกลง

เหล่าชายหนุ่มในบ้านตระกูลเซียวจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พวกเขารู้สึกเหมือนถูกโอบล้อมด้วยความกดดัน

ใบหน้าของเซี่ยวเฉิงว่างดูขมขื่น เขาพูดออกมาอย่างทุกข์ใจว่า “ผมเคยคาดเดาจากวิดีโอการต่อสู้ของเขา ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาครับ ผมไม่สามารถเอาชนะทักษะของเขาได้เลยครับ…”

ท่อนไผ่ที่อยู่ใต้เท้าของผู้อาวุโสหักลงทันที

ผู้อาวุโสร่วงลงมาบนพื้นราวกับรูปปั้นที่ตั้งสง่า เมื่อเท้าของเขาสัมผัสกับพื้น พื้นก็แตกกระจายออกทันที

เซี่ยวเฉิงว่างโค้งให้และพูดอย่างจริงจัง “พี่ใหญ่ออกไปเถอะครับ แก้แค้นแทนตระกูลของเรา กอบกู้ศักดิ์ศรีของตระกูลกลับมา

“ผู้นำตระกูลออกไปเถอะครับ กอบกู้ศักดิ์ศรีของตระกูลเซียวกลับมาให้ได้ด้วยเถอะครับ” เหล่าชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังพูดออกมาด้วยความนอบน้อม

น้ำเสียงก้องกังวานในป่าอันเงียบงัน

ผู้อาวุโสสูดหายใจลึก ดวงตาของเขาฉายแววออกมา เขาใช้ชีวิตมาเกือบจะร้อยปี อันที่จริงเขาไม่ควรจะเข้าไปนุ่งกับการต่อสู้ในโลกนี้อีกแล้ว เขาใฝ่หาสุดยอดแห่งศิลปะการต่อสู้และสภาวะไร้ตัวตน แต่มันก็ต้องพังลง ตระกูลถูกดูหมิ่นและมีคนได้รับบาดเจ็บ เขาจะไม่ทำอะไรเลยได้อย่างไร

“ช่างเถอะ ฉันฝึกฝนอยู่ในนี้มานานกว่าสามปี งั้นฉันจะใช้โอกาสนี้ พิสูจน์วิชาการต่อสู้ของฉันก็แล้วกัน” ผู้อาวุโสพูดเนิบๆ

เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยวเฉิงว่างตาเป็นประกาย พี่ใหญ่จะออกจากเขาแล้วจริงๆ

“สวบบ” ตัวของผู้อาวุโสลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า และหายไปในป่าท่ามกลางความเงียบ

เมืองหู้ไห่ ดวงอาทิตย์สีแดงลอยขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออก

เฉินเป่ยบิดขี้เกียจ หลังจากตื่นนอนเขาก็ไปออกกำลังกายยามเช้า

หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ เฉินเป่ยพาหลีชิงเยียนกับซูเหลยไปส่งที่บริษัท เขาก็เข้าไปหมกตัวอยู่ในห้องทำงานของตัวเอง

เฉินเป่ยขลุกตัวอยู่นห้อง เขาสูบบุหรี่และรู้สึกเบื่อ จึงแอบดูหนังใหม่ที่โชว์เรือนร่างของสาวญี่ปุ่น

เขามาหัวเซี่ยนานขนาดนี้ อีกทั้งยังไม่เคยแตะต้องผู้หญิงคนไหน สำหรับราชาหลงผู้อ่อนโยนอย่างเขา นี่มันทุกข์ยิ่งกว่าการฆ่าเขาเสียอีก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงดูเรือนร่างของสาวญี่ปุ่นผ่านภาพยนตร์เพื่อคลายความเบื่อหน่ายเท่านั้น

หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเฉินเป่ยกว้าง 27 นิ้ว อีกทั้งยังติดตั้งด้วยเครื่องเสียงเบสหนักของแมนฮัตตัน ประสิทธิภาพระดับ 3D ขั้นสุดยอด

เฉินเป่ยเปิดเสียงลำโพงให้อยู่ในระดับที่พอดี จากนั้นเขาจึงสูบบุหรี่และเบิกตาโตชมหนังรักอันร้อนแรงของประเทศญี่ปุ่น

ขณะเดียวกันที่นอกห้องทำงาน หลีชิงเยียนที่อยู่ในชุดทำงานแสนสวยเดินผ่านมาทางห้องเฉินเป่ยพอดี

เธอชะงักฝีเท้าลง เธอขมวดคิ้วเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง

เธอเอาหน้าแนบไปที่ประตูห้องทำงานของเฉินเป่ย เมื่อได้ยินเธอก็ตกใจเป็นอย่างมาก ผู้ชายหน้าไม่อาย คิดไม่ถึงว่าจะดูอะไรแบบนั้นในที่ทำงาน

“โครม” หลีชิงเยียนผลักประตูห้องทำงานของเฉินเป่ยอย่างเต็มแรง

เฉินเป่ยตกใจจนสะดุ้งโหยง เขาจ้องร่างสวยที่ยืนอยู่หน้าประตู ผู้หญิงโหด…

ตอนนี้ในห้องทำงานยังคงเปิดหนังอยู่ เสียงร้องของสาวญี่ปุ่น มันน่ากระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก

หลีชิงเยียนเต็มไปด้วยความเย็นชา เธอจ้องเฉินเป่ยเขม็ง ตอนนี้เธอจับผู้ชายคนนี้ได้คาหนังคาเขา ไอ้ผู้ชายเลว เธอต้องเอาคืนเฉินเป่ย!

“คนหน้าไม่อาย ดูหนังลามกในเวลาทำงาน” หลีชิงเยียนสีหน้าเย็นชา เธอพูดออกมาด้วยความโมโหและแฝงไปด้วยน้ำเสียงที่ต้องการเอาคืน

เฉินเป่ยอึ้งไป เขาทำอะไรไม่ถูก นี่มันอะไรกัน

เขาคิดไม่ถึงว่าหลีชิงเยียนจะมาในสถานการณ์แบบนี้

สายตาของหลีชิงเยียนเย็นชา เธอกำลังจะหันหลังเดินออกไป เฉินเป่ยกล้ามากที่ดูหนังแบบนั้นในที่ทำงาน เธอจะไม่ยอมให้ไอ้หมอนี่มาทำลายบรรยากาศของบริษัทให้แย่เด็ดขาด

ทันใดนั้นเฉินเป่ยตั้งสติได้ เขารีบวิ่งเข้ามาหาหลีชิงเยียน แล้วล็อกประตูห้องทำงานทันที

“นายจะทำอะไร” หลีชิงเยียนสีหน้าเย็นชา เธอพูดเตือนออกมา

เฉินเป่ยยิ้มแหยๆ “เอ่อ ชิงเยียน เราเป็นคนกันเอง พูดกันดีๆ ก็ได้ คอมของผมโดนไวรัส ถือซะว่าไม่เห็นก็แล้วกัน”

ถ้าคนอื่นรู้เรื่องที่เขาทำเรื่องตลกในห้องทำงาน เขาก็ไม่สามารถทำได้อีกน่ะสิ

หลีชิงเยียนสีหน้าเย็นชา เธอพูดออกมาด้วยความโมโหว่า “ใครเป็นคนในครอบครัวเดียวกับนายไม่ทราบ ไสหัวไปซะ!”

“ชิงเยียน ไว้หน้าผมหน่อยเถอะ คอมพิวเตอร์ของผมแค่โดนไวรัส ผมไม่ได้คลิกเข้าไปจริงๆ นะ” เฉินเป่ยยังพูดกวนประสาท

ขณะนั้น เสียงร้องไห้ของผู้หญิงยังดังออกมาจากคอมพิวเตอร์ไม่หยุด ได้ยินเสียงลามกเช่นนั้น หลีชิงเยียนถึงกับขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ

“ไสหัวไป” หลีชิงเยียนโมโห ตอนนี้เธอไม่เหลือความรู้สึกดีให้กับผู้ชายตรงหน้าอีกแล้ว เธอแทบอยากจะสับเขาเป็นหมื่นชิ้น

“ถ้าคุณไม่ใส่ใจเรื่องนี้ ผมจะปล่อยคุณไป” เฉินเป่ยพูดกวนประสาท

หลีชิงเยียนหน้านิ่ง เธอพูดอย่างโมโหว่า “นายขู่ฉันเหรอ”

เฉินเป่ยยิ้มกว้าง รอยยิ้มของเขาแฝงไปด้วยความกวนประสาท

เมื่อเห็นเฉินเป่ยในตอนนี้ หลีชิงเยียนรังเกียจเขามาก เธอกระทืบส้นสูงจะเดินอ้อมเฉินเป่ยออกไป

เฉินเป่นเดินเข้ามารวบเอวเธอแล้วอุ้มขึ้นมา

“กรี๊ดดดด” หลีชิงเยียนอุทานออกมา ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เฉินเป่ยก็เหวี่ยงเธอลงบนโต๊ะทำงาน

ร่างอันงดงามของเธอถูกเฉินเป่ยเหวี่ยงลงบนโต๊ะทำงาน จนเจ็บไปทั้งตัว ตอนนี้เธอไม่เพียงแต่จะตื่นตระหนก อีกทั้งยังโกรธมากอีกด้วย สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโมโห ไอ้เวรนี่กล้าทำกับเธอแบบนี้ นายตายแน่!

หลีชิงเยียนกำลังจะอ้าปากด่า แต่วินาทีต่อมา ผู้ชายที่น่ารังเกียจก็คร่อมตัวเธอเอาไว้ จากนั้นก็เอาปากประกบกับปากของเธออย่างไม่มีความเกรงกลัวใดๆ

“อื้อออ” หลีชิงเยียนอึ้งไป เธอใช้แรงขัดขืนเพื่อที่จะผลักผู้ชายคนนี้ออกไป แต่แรงของเฉินเป่ยเยอะจนไม่มีโอกาสให้ผู้หญิงคนนี้ได้ขัดขืน

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

Status: Ongoing

เขาเป็นคนที่ทำให้คนอื่นกลัวและเคารพ แต่กลับกลายเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ต่ำต้อยเหมือนฝุ่น ไม่เอาไหนเหมือนขยะ ราวกับว่าใครๆก็สามารถเหยียบย่ำเขาไว้ใต้เท้าแต่ ในใจเขามีความทะเยอทะยาน…….จะมีสักวันหนึ่ง เขาจะจับมือเธอ มอบโลกทั้งใบให้เธอ!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท