บทที่632 จู่โจม
เซวอี้จัดเตรียมห้องอาหารที่หรูหราอลังการไว้ห้องหนึ่งแล้ว อาหารก็สั่งเรียบร้อยตั้งนานแล้วเช่นกัน
หลังจากที่หลีชิงเยียนนั่งลง…พนักงานเริ่มเสิร์ฟอาหารทันที
อาหารที่ขึ้นชื่อหรูหราราคาแพงมากแต่ละรายการถูกยกขึ้นมาตั้งโต๊ะ
มองดูอาหารหน้าตาดูดีแต่ละรายการแล้ว ชั่วขณะนั้นดวงตาของเฉินเป่ยก็ประกายขึ้นมา เขาที่เกิดมาเป็นพวกชอบกิน ย่อมปฏิบัติตามหลักการหนึ่ง…ไม่ว่าศัตรูหรือมิตร มีอาหารรสเลิศให้กิน นั่นจะไม่ปฏิเสธเด็ดขาด
แต่ว่าก่อนที่เฉินเป่ยจะเริ่มลงมือกิน ต้องขอยืนยันก่อนว่าไม่มียาพิษ จากนั้นยกตะเกียบขึ้นมา เริ่มลงมือกินอย่างกำเริบเสิบสาน
พนักงานยกไวน์ลาฟิตชาโต้เดอเกวิลล์ที่ราคาแพงชั้นยอดขวดหนึ่งขึ้นมา เปิดจุกไวน์ออก ความเข้มข้นเหมือนจะแพร่ออกมาในชั่วพริบตาเดียว
หลีชิงเยียนนั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหาร ดวงตาแข็งทื่อเบาๆ เหมือนว่าคาดไม่ถึงอยู่บ้าง…การต้อนรับในวันนี้เหมือนจะหรูหราเกินไปพอสมควรมั้ง?
ดูอาหารที่อลังการเต็มโต๊ะ…แต่ละรายการล้วนเป็นของป่ารสเลิศชั้นเยี่ยมทั้งสิ้น…ราคาแพงหูฉี่จนน่าตกใจ…อาหารพวกนี้ล้วนเป็นรายการอาหารต้องห้ามที่ถูกจำกัด แต่กลับปรากฏอยู่บนโต๊ะอาหารเต็มจาน…
ยังมีไวน์ลาฟิตของปี99ที่เพิ่งเปิดขวดเมื่อสักครู่นี้ด้วย…นี่เป็นไวน์ชื่อดังชั้นดีของโลก…ขวดหนึ่งราคาห้าล้าน…มีมูลค่าและไม่มีในท้องตลาด…ทั้งโลกจำกัดปริมาณมีไม่กี่ขวด…แต่วันนี้เซวอี้กลับเปิดไวน์ชวดนี้อย่างไม่เสียดายเลย?
บนหน้าเซวอี้มีรอยยิ้มแบบสุภาพบุรุษ ยกแก้วแล้วพูดว่า “ประธานหลีครับ ขอบคุณมากที่มาร่วมทานข้าวในวันนี้”
หลีชิงเยียนยกแก้วชนตอบเบาๆ ในดวงตางดงามมีความสงสัยและระวังอย่างน่าประหลาดตั้งแต่ต้นจนจบ
เฉินเป่ยสนใจอะไรมากขนาดนั้นที่ไหนกัน? นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารมัวแต่กินมูมมาม รายการอาหารเยอะขนาดนี้ ไม่กินคงน่าเสียดายแย่
เลขาฯจางจื่อหลานนั่งอยู่ด้านข้าง กวาดดวงตาที่ซับซ้อนสับสนผ่านภาพของเฉินเป่ยไป…สมองของหล่อนยุ่งเหยิงอย่างมาก ผู้ชายคนนี้…ทำให้อารมณ์ที่ไม่ง่ายจะสงบลงมาสับสนขึ้นอีกครั้งแล้ว
“ประธานหลี เกี่ยวกับการร่วมงาน ความคิดของผมคือ…นำสิทธิ์ครอบครองหุ้นทั้งหมดของโครงการร่วมกัน มอบให้พวกคุณบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปจัดการทั้งหมด…ส่วนผมเฟยหยางกรุ๊ป ขอแค่แบ่งกำไรของหุ้นที่สมควรได้ไปก็พอ…ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของเมืองหู้ไห่มีไม่กี่เจ้า…ถ้าพวกเราร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง จะต้องขึ้นไปถึงระดับสูงของธุรกิจใหม่ได้อย่างแน่นอน” เซวอี้ดูสุภาพบุรุษอย่างยิ่ง แต่กลับพูดจริงจังที่สุด
ได้ยินคำพูดของเซวอี้ ชั่วขณะนั้นดวงตาของหลีชิงเยียนตกตะลึงแล้ว…เอาสิทธิ์การถือครองหุ้น…มอบให้บริษัทของตนเอง? อย่างนั้นก็หมายความว่าสิทธิ์ควบคุมการร่วมงานโครงการนี้ ไม่ใช่มอบให้ตนเองหมดเลยเหรอ?
หลีชิงเยียนยิ่งสงสัยหนักขึ้น…หากไม่มีเรื่องอะไรคงไม่มาหาถึงที่ แต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยเชื่อว่าบนโลกนี้จะมีเรื่องดีขนาดนั้นเกิดขึ้น…
เห็นว่าหลีชิงเยียนเงียบนิ่งไม่พูดจา เซวอี้จึงหัวเราะนิดหน่อย พูดเสียงอ่อนโยน “ประธานหลี…ผมรู้ครับว่าคุณกำลังกังวลอะไร”
หลีชิงเยียนงุนงงเล็กน้อย มองเขาอยู่
“คุณกังวล…ว่าผมมีเป้าหมายอย่างอื่น ใช่มั้ย?” เวลานี้เซวอี้ไม่หลบเลี่ยงเลยสักนิด พูดออกมาตรงๆ ขนาดนี้เลยทีเดียว
ดวงตาหลีชิงเยียนแข็งทื่อเล็กน้อย ไม่เข้าใจความหมายของเขา และยังจ้องเขาแบบนิ่งสงบแบบนี้
ได้ยินคำพูดประโยคนี้ แม้แต่เฉินเป่ยยังหยุดทานอาหารในมือลง มองเขาอย่างมีความหมายแฝง
“ประธานเซว คุณหมายความว่าอะไรคะ?” หลีชิงเยียนถามกลับด้วยเสียงน่าดึงดูด
เซวอี้จิบไวน์แดงอึกหนึ่ง ค่อยๆ พูดขึ้น “ประธานหลีระแวงผมอยู่บ้างก็เป็นเรื่องที่สมควร…แต่ผมเซวอี้ในวันนี้ในเมื่อเปิดอกพูดคุยกับคุณประธานหลีแล้ว นั่นย่อมแสดงถึงความคิดของผม…ผมไม่มีความคิดอย่างอื่นเด็ดขาด…เป้าหมายง่ายดายมาก เพียงแค่อยากร่วมงานด้วยกัน หาเงินเท่านั้นเอง…”
ดวงตาของหลีชิงเยียนแข็งนิดหน่อย จ้องเขาไปอย่างนั้น เหมือนอยากดูว่า…สรุปแล้วเขากำลังคิดแผนการอะไร
“ฉันจะเชื่อคุณได้อย่างไรกัน?” หลีชิงเยียนถามด้วยเสียงน่าดึงดูด ในดวงตามีความฉลาดเฉียบแหลมที่มีเลศนัยนิดๆ
“ประธานหลี ที่จริงพูดกันตามตรง บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปขนาดใหญ่ ถ้าผมมีเป้าหมายอื่นจริง ท้ายที่สุดก็จะพ่ายแพ้ย่อยยับกันทั้งสองฝ่าย…บางทีอาจจะทำลายผลประโยชน์ของบริษัทผมยิ่งกว่า สุดท้ายถูกคนอื่นฉกฉวยผลประโยชน์ไป…นี่คือสิ่งที่ผมเซวอี้ไม่อยากเห็น…” เซวอี้ค่อยๆ พูด เสียงลุ่มลึกทอดยาว
“การร่วมงานของผมครั้งนี้ คือสนใจขนาดอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ถ้าพวกเราบริษัททั้งสองได้ร่วมงานกัน จะต้องเลื่อนขั้นใหม่ได้แน่ บางทีอาจจะสามารถกลายเป็นยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกได้เลย” เซวอี้พูดจาจริงจังไร้ที่เปรียบ เสียงจริงใจขั้นสุด
ต้องยอมรับว่าท่าทีในเวลานี้ของเซวอี้ประทับใจผู้คนจริงๆ แสดงจุดยืนของตนเองออกมา และมอบสิทธิ์การครอบครองหุ้นทั้งหมดให้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป…เพียงเพื่อขอโอกาสร่วมงานสักครั้งหนึ่ง…ทุกอย่างนี้ ไม่ว่าในด้านอารมณ์หรือเหตุผล วันนี้เหมือนตระกูลหลีได้เปรียบในทางผลประโยชน์อย่างมาก
เพียงแค่ตั้งแต่ต้นจนจบในใจหลีชิงเยียนกลับมีความสงสัย ความข้องใจนั้นคือความฉลาดเฉียบแหลมของเธอ
ต่อให้เซวอี้พูดยืนยันด้วยความสัตย์จริงครั้งแล้วครั้งเล่า ในสายตาของหลีชิงเยียน…เห็นได้ชัดว่ารู้สึกกะทันหันน่าประหลาดขนาดนั้น…นี่อธิบายได้ว่า…คือเรื่องที่ฟ้าประทานรางวัลมาให้ ขอถามหน่อย บนโลกใบนี้ มีฟ้าประทานรางวัลเรื่องดีแบบนี้ให้จริงๆ เหรอ?
“ประธานเซว ขอโทษนะคะ…ฉันคิดว่า…คุณสามารถหาผู้ร่วมงานคนอื่นได้…บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปของฉัน…ตอนนี้ยังไม่อยากมีการเคลื่อนไหวที่ขยายใหญ่เกินไปค่ะ…” หลีชิงเยียนโน้มตัวเบาๆ กล่าวขอโทษ
ได้ยินคำพูดประโยคนี้ เซวอี้ตะลึงค้างไปทั้งตัวในชั่วขณะนั้น
ตนเองเสนอเงื่อนไขแบบนี้ออกมาแล้ว…คาดไม่ถึงเธอยังไม่หวั่นไหว?
“ไม่ทราบว่า…เป็นเพราะอะไรกัน?” เซวอี้ถามอย่างไม่ยินยอมอยู่บ้าง
หลีชิงเยียนกะพริบตาเบาๆ ยิ้มอ่อน “เพราะสาเหตุการวางกลยุทธ์ของบริษัทค่ะ…บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปไม่อยากขยายกว้างเร็วเกินไป…”
เซวอี้หัวเราะแบบไม่เป็นธรรมชาติอยู่บ้าง…เขาในเวลานี้ การแสดงออกบนหน้าดูกระอักกระอ่วนพอสมควร…ตนเองเสนอแผนการออกไปทีละขั้น ย่อมได้ผลกำไร…คาดไม่ถึงไม่มีทางทำให้ผู้หญิงคนนี้หวั่นไหวได้…
นี่ทำให้เขามีความรู้สึกพ่ายแพ้ขึ้นมากะทันหัน…หลายปีมานี้ เขายึดและแทรกเข้าไปในกิจการสารพัดประเภทไม่ขาดสาย นำพาเฟยหยางกรุ๊ปก่อตัวเป็นธุรกิจขนาดใหญ่โตได้จนสำเร็จ…หลายปีมานี้ เขาแทบจะไม่เคยแพ้สักครั้ง…
แต่ว่าวันนี้ เขาถูกท่านประธานสาวสวยของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปคนนี้ปฏิเสธเข้าให้…โดยเฉพาะไม่เพียงครั้งเดียว เขากับหลีชิงเยียนแข่งขันกันมาแบบชัดบ้างไม่ชัดเจนบ้าง พลาดมาหลายครั้งแล้ว
แม้แต่เหยื่อที่ล่อใจขนาดนี้ หลีชิงเยียนยังไม่สนใจเลย เขาไม่เข้าใจ สรุปมีอะไรที่สามารถทำให้ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้สนใจได้?
นัดทานข้าวมื้อนี้ เซวอี้ทานอย่างไม่เป็นธรรมชาติที่สุด…ถึงแม้ว่าบนหน้ายังคงแสร้งทำท่าทางนิ่งเรียบเฉยชา…แต่ภายในใจของเขากลับยุ่งเหยิงพอสมควร…สับสนวุ่นวายแบบพังทลายอย่างนั้น…เขาพลาดไปอีกครั้ง
กลางคันของมื้ออาหาร หลีชิงเยียนนำการ์ดใบหนึ่งยื่นให้เฉินเป่ย ให้เขาแอบไปจ่ายเงินค่าอาหาร
สำหรับหลีชิงเยียนนั้น รับอะไรของคนอื่นมาต้องยอมโอนอ่อนผ่อนตามเขา…อาหารเย็นมื้อนี้เธอไม่สามารถให้เซวอี้จ่ายเงินได้เด็ดขาด…เธอไม่เชื่อว่ามีฟ้าประทานโชคดีมาให้ และจะไม่ให้คนอื่นมาเลี้ยงข้าวฟรีๆ…
เฉินเป่ยรับการ์ดมารูดบัตรคิดเงินที่เคาน์เตอร์ด้านหน้า ทั้งหมดรวมกันเจ็ดล้านกว่า…อาหารเย็นมื้อเดียวแค่นี้เจ็ดล้านกว่า…หรูหราถึงขีดสุดเสียจริงเลย เฉินเป่ยเบ้ปากไม่หยุด หลีชิงเยียนแม่เสือตัวนี้ ในเวลาที่สำคัญแบบนี้ยังใจกว้างมากด้วย…อาหารเย็นเจ็ดล้านกว่ายังยอมจ่ายเงิน ทั้งยังมีท่วงท่าของผู้นำ…
ดูแล้ว…ทรัพย์สินหลายหมื่นล้านภายใต้ชื่อของตนเองนั้น พอจะวางใจมอบให้เธอจัดการได้…เฉินเป่ยได้แต่คิดเกินเลยอยู่เช่นนี้…
หลังมื้ออาหารเสร็จสิ้นสุดลง เซวอี้เรียกพนักงานมาคิดเงิน…ผลปรากฏว่าตอนที่รู้มีคนจ่ายเงินไปเรียบร้อยแล้ว…นี่ทำให้เขายิ่งรู้สึกปวดร้าวเจ็บเสียใจยิ่งขึ้น…ครั้งนี้เขาวางแผนมาสูญเปล่าอีกแล้ว… เขาพลาดท่ายามอยู่ตรงหน้าหลีชิงเยียนมาหลายครั้ง…ประธานหนุ่มของเฟยหยางกรุ๊ปที่น่าเกรงขาม…เซวอี้ที่ถูกเรียกว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านธุรกิจที่สุดของเมืองหู้ไห่…ต่อหน้าหลีชิงเยียนเวลานี้กลับไม่มีฝีมือสักนิด เหมือนกลายเป็นทหารไร้อาวุธในมือคนหนึ่ง
สามสี่คนนี้ค่อยๆ เดินออกมาจากร้านอาหาร เฉินเป่ยเตรียมรถไมบัคไว้เรียบร้อย คุ้มครองหลีชิงเยียนเข้ามาในรถ
ถึงแม้ว่าเซวอี้จะอารมณ์หดหู่อยู่บ้าง แต่ยังคงฝืนยิ้มสู้ กล่าวลากับหลีชิงเยียน
รถไมบัคค่อยๆ ขับออกจากไนต์คลับไปแล้ว…
เฉินเป่ยขับรถอยู่ ค่อยๆ ขับไป หลีชิงเยียนนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ เห็นได้ชัดว่าเงียบสงบพอสมควร
“เซวอี้คนนั้น มีแผนการอะไรอยู่กันแน่?” เฉินเป่ยจุดบุหรี่มวนหนึ่ง ถามขึ้น
หลีชิงเยียนส่ายหน้าแล้ว ในดวงตาเผยความฉลาดล้ำลึกออกมา
“จะสนใจว่าเขามีแผนอะไรทำไม…ทุกเรื่องย่อมมีเหตุผลของมัน ขอเพียงฉันไม่รับผลประโยชน์เขามาฟรีๆ งั้นก็ไม่มีอะไรหรอก” หลีชิงเยียนค่อยๆ ตอบกลับด้วยเสียงที่มีแรงดึงดูด
เฉินเป่ยอดเลื่อมใสหลีชิงเยียนอยู่ในใจไม่ได้…ผู้หญิงคนนี้ ในการแก้ไขปัญหาใหญ่แบบนี้ มักจะทำได้ราบรื่นสมบูรณ์์แบบเช่นนี้เสมอ เดิมทีทำให้คนหาจุดด่างพร้อยไม่ได้แม้แต่น้อย มิน่า…ท่านประธานสาวสวยที่ฝีมือดุเดือดคนนี้ ถึงสามารถรักษาบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปธุรกิจครอบครัวที่ใหญ่โตนี้ไว้ได้
รถไมบัคแล่นมาตลอดทาง ถนนรอบด้านเงียบสงบไร้ที่เปรียบ
“ฟิ้ว—!” ทันใดนั้น กระสุนปืนลูกหนึ่งสั่นสะท้านกลางอากาศด้านนอกหน้าต่าง ยิงมายังหลีชิงเยียนด้วยความรวดเร็ว
ชั่วขณะนั้น…หลีชิงเยียนดวงตาอึ้งทึ่ง ตอบสนองเข้ามาไม่ทันโดยสิ้นเชิง
“ฉึก—!” กระสุนจู่โจมมาอย่างรุนแรง ยิงโจมตีบนกระจกกันกระสุนของรถไมบัคอย่างแรง ชั่วขณะที่กระสุนนั้นกระทบลง กระจกที่แข็งแรงสูงก็ผิดรูปไป ร่วงลงบนพื้นแล้ว
“ปังๆๆ—!” ตามมาด้วยกระสุนนับไม่ถ้วนที่ยิงมาอย่างดุเดือดอีกครั้ง
กระสุนไวดุจสายฟ้าแลบ สั่นสะเทือนคำรามอยู่กลางอากาศไม่หยุด
หลีชิงเยียนนั่งอยู่ในรถเบาะข้างคนขับ ตกตะลึงอึ้งทึ่งถึงที่สุด…ใบหน้าของเธอซีดเซียว วินาทีนี้เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี…
“ไม่ต้องกลัว นิ่งไว้อย่าขยับ” เฉินเป่ยดวงตาแข็งทื่อ พูดปลอบใจ
ได้ยินคำพูดของเฉินเป่ย ความสับสนวุ่นวายในใจของหลีชิงเยียนนั้นถึงสงบลงมาได้บ้าง…เธอพยายามควบคุมความสับสนในใจ…ทำให้ตนเองคงที่ลงมา
ในฐานะเป้าหมายของการสังหาร กำลังถูกคนลอบฆ่า…กระสุนนับไม่ถ้วนจึงยิงโจมตีมานับไม่ถ้วน…ไม่ว่าใครเมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ ล้วนจะตกใจขวัญหนีดีฝ่อกันหมด… แต่หลีชิงเยียนในเวลานี้…กลับสงบนิ่งอยู่บ้างขึ้นมากะทันหัน…เหมือนว่าขอเพียงมีเฉินเป่ยอยู่ข้างกาย เธอก็รู้สึกได้ถึงความปลอดภัยที่น่าประหลาด
ด้านหน้ากระจกรถ ในความมืดที่เงียบงัน…กระสุนดุเดือดแต่ละลูกโจมตีเข้ามา สยองขวัญปานนี้
เฉินเป่ยกวาดสายตาล้ำลึกมองถนนโดยรอบแวบหนึ่ง…กลางถนน…ยามค่ำคืนมืดมิด…เหลือเพียงไฟข้างทางที่สลัวสาดส่องลงมา…อาคารรอบด้านจมสู่ในความมืดมิดยามค่ำถึงที่สุด…เดิมทีไม่มีทางแยกตำแหน่งของฝ่ายตรงข้ามได้ชัดเจนนัก…
มือปืนดักยิง…หนึ่งคน…สองคน…สามคน…เฉินเป่ยรู้สึกว่าด้านนอกหน้าต่างรถมีลูกกระสุนโจมตีมาไม่หยุด สติปัญญาขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง…ว่าตามหลักการยิงของกระสุนปืน…ชั่วพริบตาเดียวเขาก็วิเคราะห์จำนวนคนที่ถูกต้องออกมาได้แล้ว
มือปืนซุ่มยิงเจ็ดคน มือปืนซุ่มยิงเจ็ดคนเต็มๆ หลบซ่อนอยู่ในอาคารยามค่ำคืน เส้นการสังหารที่ซับซ้อนวุ่นวาย เดิมทีไม่มีทางหาตำแหน่งที่แม่นยำเจอ
ในท้องฟ้ายามค่ำดวงดาวระยิบระยับ แสงจันทร์สุกสกาว…กระสุนจู่โจมแหวกผ่านท้องฟ้ามืดมิดมาจำนวนมหาศาล โจมตีที่รถไมบัคฉับพลัน…เกิดเสียงโจมตีที่น่ากลัวในความมืดที่เงียบงัน
รถไมบัคผ่านการดัดแปลงป้องกันกระสุนระดับการทหารขั้นสุดยอด เพียงพอที่จะรับการโจมตีของกระสุนจู่โจมพวกนี้ได้…แต่ก็ยังอยู่ในสภาพที่โดนกระทำ
เฉินเป่ยสีหน้าเคร่งขรึม พูดกับหลีชิงเยียนด้วยเสียงอ่อนโยน “นั่งให้ดี” พูดจบ เขาเปลี่ยนเป็นเกียร์Sโหมดแข่งรถทันที
เครื่องยนต์ไมบัคร้องคำราม ขับแล่นฉิวออกไปดุจจรวดบนพื้นดิน ท่ามกลางฉากยามค่ำที่เงียบงันนี้ รถไมบัคขับหลบหนีด้วยความเร็วสูง
ในขณะนี้ เฉินเป่ยไม่อยากสู้รบติดพัน การหยุดรอสักวินาทีจะยิ่งเพิ่มการคุกคามต่อหลีชิงเยียนมากขึ้น วิธีการที่ปลอดภัยที่สุดก็คือหลบหนี
เฉินเป่ยจึงเหยียบคันเร่งเต็มแรง เครื่องยนต์รถไมบัคคำรามดุเดือดพุ่งทะลุสองร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงไปทันที อยากหลบหลีกการรุมสังหารต่อเนื่องของมือปืนซุ่มยิงกลุ่มนี้
“โป้ง—!” ทันใดนั้นวัตถุดำขลับลูกหนึ่งยิงมาบนหลังคารถไมบัคฉับพลัน
วัตถุนั้นราวกับมีความเหนียว เกาะตัวบนฝากระโปรงเครื่องยนต์ของรถไมบัคแล้ว ตามมาด้วยวัตถุสีดำนั้นเริ่มทำงานกะทันหัน ปลดปล่อยกระแสไฟฟ้าแม่เหล็กยิ่งใหญ่
ชั่วพริบตาเดียว…เครื่องยนต์ไมบัคไม่มีทางรับกระแสไฟฟ้าแม่เหล็กนี้ได้ ชั่วขณะนั้นเครื่องยนต์ดับไปแล้ว
รถไมบัคทั้งคันค่อยๆ หยุดลงมาแล้ว…ท่ามกลางความมืดที่เงียบงัน เห็นได้ชัดว่าแปลกประหลาดเช่นนี้ ทำให้คนตื่นตกใจ
“ปังๆๆ—!” ด้านนอกกระจก ในความมืดที่ทอดยาวไร้ขอบเขต กระสุนแต่ละลูกยิงเข้ามาที่กระจกรถไมบัคอย่างดุเดือด…สยองขวัญไร้ที่เปรียบ
ดวงตาของเฉินเป่ยแข็งทื่อขึ้น…นี่…คือการสังหารที่เตรียมการมาพร้อมฉากหนึ่ง
“รออยู่ในรถ ล็อกประตูรถไว้ อย่าออกมา!” เสียงของเฉินเป่ยเคร่งขรึมอย่างยิ่ง
ใบหน้าหลีชิงเยียนซีดเผือด ออกแรงพยักหน้า
“ซู่—!” ทักษะของเฉินเป่ยไวดุจสายฟ้าแลบ หายออกจากรถไมบัคฉับไว
ชั่วขณะนั้นที่เฉินเป่ยหายออกไปในท้องฟ้ายามค่ำที่เงียบงัน เลนส์ส่องเป้าซุ่มยิงนับไม่ถ้วนก็เล็งไปที่เฉินเป่ยแน่นขนัด
ห่างออกไปพันเมตร บนยอดตึกสูงระฟ้าที่สูงมากแห่งหนึ่ง มือปืนซุ่มยิงคนหนึ่งกำลังนั่งยองอยู่หน้าเลนส์เล็งเป้า ล็อกสถานการณ์ด้านนอกถนนพันเมตรไว้แน่น
“เป้าหมายปรากฏตัวแล้ว! เป้าหมายปรากฏตัว!” ในเครื่องสื่อสารไร้สาย เหล่ามือปืนซุ่มยิงแลกเปลี่ยนกันอย่างเคร่งขรึมน่าสะพรึงกลัว
“ล่าสังหาร!” ตามมาด้วยคำสั่งหนึ่งเข้ามาในเครื่องมือสื่อสารไร้สาย…สนามล่าแห่งนี้ เปิดฉากในที่สุด
ในท้องฟ้ายามค่ำที่เงียบงัน แต่ละช่องว่างหลายร้อยเมตร…มีมือปืนซุ่มยิงคนหนึ่งกำลังหลบซ่อนอยู่… พวกเขาราวกับนักล่ายามค่ำคืน หลบซ่อนอยู่ส่วนบนตึกสูงระฟ้า…ล็อกสถานการณ์ด้านล่างหลายพันเมตรด้วยสายตาสังหารน่าสะพรึงกลัว
“ปังๆๆ—!” กระสุนที่ซุ่มยิงสั่นสะเทือนแหวกทะลุท้องฟ้ายามค่ำ ยิงไปยังบุคคลเป้าหมายที่ห่างพันเมตรด้วยความรวดเร็ว
การล่าสังหารเริ่มต้นขึ้น!!
กระสุนนับไม่ถ้วนราวกับปีศาจร้ายที่สยองขวัญ จู่โจมมารอบด้าน ปิดตายทางถอยหนีทั้งหมดโดยรอบของเฉินเป่ยไว้ นี่…คือสถานการณ์ที่จำเป็นต้องตาย
ชั่วพริบตาเดียว แสงดำในมือเฉินเป่ยประกาย มีดหลงหยาที่ดำขลับน่าครั่นคร้ามแวบขึ้นในชั่วขณะหนึ่ง
“ชิ้งๆๆ—!” มีดหลงหยากลายเป็นสายฟ้าสีดำคุ้มครองที่หน้าอก กระสุนที่โจมตีมารุนแรงโดยรอบปะทะดุเดือดกับมีดหลงหยา ในท้องฟ้ามืดมิดเงียบงันเกิดประกายไฟรุนแรงกระจายขึ้น
ชั่วขณะที่กระสุนซุ่มยิงกับมีดหลงหยาโจมตีปะทะกันนั้น เดิมทีเฉินเป่ยไม่ทางรับแรงมหาศาลนี้ไหว…ทั้งตัวจึงกระเด็นออกไปโดยตรง
“ตึง!” เฉินเป่ยกระแทกบนรถไมบัคอย่างแรง ในเวลานี้มือซ้ายของเขา…กำลังสั่นเทารุนแรง มีดหลงหยาที่มือขวาเริ่มร้อนขึ้น
ลูกตาของเฉินเป่ยเคร่งขรึมไร้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด
ปืนบาร์เรตต์ นี่คืออาวุธซุ่มยิงขนาดน้ำหนักเกิน รัศมีการยิงสยองขวัญ คาดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะครอบครองปืนบาร์เรตต์ โดยเฉพาะ…เกรงว่าไม่ได้มีเพียงแค่เจ็ดกระบอก
เมื่อสักครู่ การประเมินการของเฉินเป่ยผิดพลาดไป จากนั้นชั่วขณะที่เขาลงจากรถ ปริมาณของกระสุนซุ่มยิงดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นมาอีก ปริมาณไม่เพียงแค่เจ็ดกระบอกเท่านั้น ยังมีอีกมากมายแอบซ่อนอยู่ในความมืดยามค่ำคืน
“รายงาน! เหยื่อต่อต้าน! เหยื่อครอบครองความสามารถที่ต้านทานกระสุนซุ่มยิง!!” ในเครื่องสื่อสารไร้สาย เหล่ามือปืนซุ่มยิงรายงานด้วยความตื่นตกใจ
“เหยื่อเกินกว่าขอบเขตการคาดการณ์…เพิ่มแรงกระสุนอีก มุมตะวันตกเฉียงใต้…แรงกระสุนไม่ต้องหลบซ่อน รวมศูนย์ล่าสังหาร!!” ผู้ควบคุมพูดสั่งการอย่างเคร่งเครียด
ในท้องฟ้ายามค่ำ ชั่วพริบตาเดียวก็ปรากฏตำแหน่งของมือปืนซุ่มยิงนับไม่ถ้วนออกมาอีก ตั้งแต่เริ่มเมื่อสักครู่…พวกเขาดักซุ่มอยู่ที่ตำแหน่งยิงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว…รอจู่โจมเงียบๆ
เลนส์เล็งเป้าทั้งหมดเล็งเป้าหมายที่ห่างไปพันเมตรกันทั้งหมด—เฉินเป่ย
“ปังๆๆ—!” อากาศสั่นสะเทือนรุนแรง กระสุนนับไม่ถ้วนราวกับการสังหารสยดสยอง ยิงไปทางศีรษะของเฉินเป่ยอย่างรวดเร็ว
ลูกตาเฉินเป่ยแข็งทื่อฉับพลัน มีดหลงหยาแวบผ่านไปอีกครั้ง
“ชิ้ง ฉึก ฉึก ชิ้ง!” ประกายไฟเปล่งประกายดุเดือด กระสุนนับไม่ถ้วนอยู่ภายใต้มีดหลงหยาที่แวบผ่าน…ชั่วพริบตาเดียวก็ถกฟันร่วง
ส่วนข้อมือของเฉินเป่ยกลับกำลังสั่นเทารุนแรง มีดหลงหยาทั้งเล่ม…เห็นได้ชัดว่าร้อนขึ้นเฉียบพลันเพราะการปะทะด้วยความเร็วสูง
ปืนบาร์เรตต์อาวุธซุ่มยิง…เป็นหนึ่งในอาวุธที่รัศมียิงไกลที่สุด…และแรงโจมตีสยองขวัญที่สุดบนโลก สามารถซุ่มยิงศัตรูจากระยะหลายพันเมตรได้…แรงทะลุสะท้อนกลับที่สยองขวัญ กระทั่งทะลุผ่านเสื้อเกราะที่แข็งแรงสูง
ต่อให้เขาแกร่งแค่ไหน…ก็ไม่มีทางเผชิญหน้ากับกระสุนของอาวุธแข็งกร้าวได้ ยิ่งไปกว่านั้น…เป็นกระสุนเจาะเกราะแบบหนักสยองขวัญของปืนบาร์เรตต์ พลังที่สยดสยองนั้น…ไม่ใช่กำลังของมนุษย์จะสามารถรับไหว…แม้แต่เฉินเป่ย…ล้วนไม่มีทางต้านทาน
ข้อมือของเขากำลังสั่นเทิ้ม…แรงเมื่อสักครู่ระเบิดโจมตีทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายนิดๆ คืนนี้…นี่คือการสังหารนองเลือดฉากหนึ่ง
แต่เฉินเป่ยยังไม่ทันมีการตอบสนองเข้ามา…ในท้องฟ้าสูงยามค่ำคืน…กระสุนนับไม่ถ้วนนั้นสั่นสะท้านเข้ามาอีกครั้ง สยองขวัญอย่างยิ่ง
ลูกตาเฉินเป่ยแข็งทื่อ เปลี่ยนหลงหยามาไว้ที่มือซ้ายทันใด ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นภาพวืดรวดเร็ว ฟันขาดหลบเลี่ยงไม่หยุด
ข้อมือด้านขวาของเขา…ไม่มีทางรับการโจมตีปะทะขอบกระสุนได้อีกครั้ง อาวุธของมือปืนซุ่มยิงกลุ่มนี้…ช่างสยดสยองเกินไป เฉินเป่ยไม่กล้าฝืนดึงดัน
ในรถไมบัค…หลีชิงเยียนนั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับ ใบหน้าซีดเซียวสับสน…มองประกายไฟระเบิดแวบไม่หยุดนั้นในความมืดยามค่ำด้วยความมึนงง…และภาพด้านหลังของผู้ชายที่ใช้ทักษะวาร์ปหายในความมืดยามค่ำ…และหลบไปแบบกระเซอะกระเซิงคนนั้น…วินาทีนี้ อารมณ์ของเธอยุ่งเหยิงไร้ที่เปรียบ…ภาพเงาของผู้ชายคนนี้…ประทับในหัวใจของเธออย่างลึกซึ้งอีกครั้ง…นั้นคือส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจ
ในช่วงที่เธอเจอความยากลำบาก…ในช่วงที่เธอเกิดวิกฤติถึงชีวิต…ภาพเงาของผู้ชายคนนี้พุ่งเข้ามาด้านหน้าในวินาทีแรก…สกัดกั้นอันตรายแทนเธอ…แต่ละฉากนี้…ปรากฏขึ้นอย่างลึกล้ำ ราวกับมีความทรงจำอยู่ในหัวใจของเธอ สลักลงลึกซึ้ง
กระสุนนับไม่ถ้วนสาดกระจาย แสงดำด้านหน้าเฉินเป่ยระเบิดวาร์ป ร่างกายของเขาแทบจะกลายเป็นภาพวืด…พยายามหลบกระสุนที่กำลังสยองขวัญแต่ละลูกนั้น
“ปัง!” ชั่วพริบตาเดียว ในความมืดยามค่ำ กระสุนลูกหนึ่งแหวกผ่านที่ว่างกลางอากาศ โจมตีเข้ามาด้วยพลังที่ดุเดือด แม้แต่อากาศยังสั่นคำรามรุนแรง
ในขณะนี้ เฉินเป่ยรีบฟาดมีดขวางไว้ด้านหน้าฉับไว