บทที่637 มาตายถึงที่
“เจียเจียทำงานที่บริษัทมาหลายปีขนาดนี้แล้ว…ไม่มีแฟนมาตลอด…ฉันคิดว่าพวกนายสองคนก็ไม่เลวมาก…เหมาะสมกันมาก…” เพื่อปกปิดอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงนั้นของตนเอง หลีชิงเยียนจึงพูดสับสนอยู่บ้าง
เฉินเป่ยฟังจนปวดหัวแล้ว…ผู้หญิงคนนี้…ทำไมถึงมาอีกแล้ว…
“ชิงเยียน…อย่าล้อเล่นสิ…เจียเจียเป็นผู้หญิงที่ดี…ผมทำลายหล่อนไม่ได้หรอก” เฉินเป่ยรีบพูดอธิบาย
“ดังนั้น…นายต้องดูแลหล่อนดีๆ…นายสบายใจได้ ฉันจะจัดหาโอกาสให้พวกนาย…ให้พวกนายได้เรียนรู้กันมากขึ้น ดูแลหล่อนให้ดี อย่าทำหล่อนเสียใจ” เสียงของหลีชิงเยียนสับสนมาก ตอนที่พูดมาถึงตรงนี้…อารมณ์ของเธอยิ่งลนลานขึ้นอีก…ความปวดร้าววนเวียนไปมาในใจไม่หยุด…นี่ทำให้เธอกังวลมาก สับสนมาก
ตนเองมีอารมณ์แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นจึงยิ่งต้องเพิ่มการยืนยันนิสัยของหลีชิงเยียน เธอต้องจับคู่ให้เฉินเป่ยกับซุนเจียเจีย มีเพียงสองคนนี้คบหากันแล้ว…อารมณ์ของตนเองถึงสงบลงมาได้
“ชิงเยียน…คุณฟังผมพูดก่อน…” เฉินเป่ยรีบอยากอธิบาย…นี่แม่งยิ่งพูดยิ่งสับสน…
“หยุด! ตกลงตามนี้แล้วกัน!” หลีชิงเยียนตะโกนขัดจังหวะคำพูดของเฉินเป่ย
ในรถ…สงบเงียบ…เฉินเป่ยหมดคำจะพูดและงุนงง…รู้สึกแค่ว่าสมองโตผิดปกติ ราวกับจะขยายใหญ่…เฮ้อ ความรู้สึกสลับซับซ้อน…เขาถือว่าเจอเรื่องยุ่งยากเข้าแล้ว…
หลังจากส่งหลีชิงเยียนมาถึงบ้าน เฉินเป่ยกำลังขับรถกลับไปที่โรงแรม…ผลปรากฏว่าซุนเจียเจียกลับส่งข้อความเข้ามากะทันหัน: คนอันธพาล…วันนี้ที่ห้องทำงานเกือบถูกประธานหลีเห็นเข้า…นายมันทุเรศ!!
เฉินเป่ยมองเห็นข้อความของซุนเจียเจีย อดยิ้มที่มุมปากไม่ได้…เขานึกถึงลักษณะอ่อนช้อยของซุนเจียเจียนั้นอีกแล้ว เนียนนุ่มจนทำให้คนหวั่นไหว เขาพิมพ์ข้อความส่งกลับไป: เจียเจีย ฉันคิดถึงเธอแล้ว~
ไม่นานซุนเจียเจียตอบกลับมาแล้ว: นายมันคนผีทะเล! นายคิดถึงร่างกายของฉันน่ะสิ?
เฉินเป่ยยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่งข้อความหนึ่งเข้าไป: เจียเจีย ฉันไปกินข้าวบ้านเธอได้มั้ย?
ผลสุดท้าย…ข้อความของอีกฝ่ายก็เงียบนิ่งลงในชั่วขณะหนึ่ง…ไม่ตอบข้อความกลับมา…
ในใจเฉินเป่ยดูหมดหวัง…ถอนหายใจทีหนึ่ง…เฮ้อ คืนนี้เกรงว่าต้องนอนโดดเดี่ยวไม่หลับอีกแน่
ในเวลานี้ ทันใดนั้นมีข้อความหนึ่งของวีแชทส่งเข้ามาแล้ว
ซุนเจียเจีย: ฉันอยากกินเป็ดน้ำแดง…
ซู่! เห็นข้อความนี้เข้า…เฉินเป่ยหัวใจเต้นฉับพลัน สำเร็จ คืนนี้ เขาต้องฮึกเหิมขึ้นมาใหม่ เอาใจเจียเจียให้ดี
…
เมืองหู้ไห่ ในห้องส่วนตัวผับที่หรูหราแห่งนี้
หยวนเปียวนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าอึมครึม ดื่มเหล้าไปแก้วแล้วแก้วเล่า
ในห้องส่วนตัว ยังมีคนหนึ่งยืนอยู่…ลูกพี่ลูกน้องของหยวนเปียว หยวนซาน
ลูกพี่ลูกน้องหยวนซานดูแลอยู่ด้านข้างด้วยความระมัดระวัง
หยวนเปียวดื่มเหล้านอกไปอึกใหญ่จนหมดแก้วหนึ่ง สีหน้าน่าสะพรึงกลัวมาก
หยวนซานพูดว่า “เฉินเป่ยคนนี้…ที่จริงรังแกคนอื่นเกินไปแล้ว…นี่คือไม่เห็นคุณอยู่ในสายตาเลยสักนิด…ไม่ได้เห็นพวกเราตระกูลหยวนอยู่ในสายตาด้วย!”
หยวนเปียวสีหน้าเย็นยะเยือกอย่างยิ่ง ตะโกนแบบมึนเมา “เฉินเป่ย…สวะคนหนึ่ง…ฉันอยากให้มันหายไปถึงที่สุดตั้งแต่นานแล้ว เชี้ย!”
หยวนเปียวออกแรงที่ฝ่ามือลงไป…แก้วในมือระเบิดแตกในชั่วขณะนั้น สยองขวัญอย่างยิ่ง
“…ไม่อย่างนั้น…คุณถือโอกาสครั้งนี้…เล่นงานมัน…” หยวนซานพูดอยู่ ใช้มือทำเป็นมีดเล่มหนึ่ง ปาดไปตรงคอสักที
ดวงตาหยวนเปียวเคร่งขรึม “ทำไมฉันจะไม่อยาก…แต่ตอนนี้…สถานการณ์เมืองหู้ไห่ไม่สงบ…ถ้าฉันฆ่าเฉินเป่ยไปแล้ว…บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปจะไม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลยเหรอ…นี่หมายความว่าฉันก่อกวนไปทั่วทั้งหมดสินะ!”
ถึงแม้หยวนเปียวตัวใหญ่ไร้สมอง…แต่ยังพอมีความรู้พื้นฐานอยู่บ้าง…รู้ว่าในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ต้องระวัง
“เฉินเป่ยเป็นแค่คนขับรถกระจอกคนหนึ่งเท่านั้น…หลีชิงเยียนคงไม่มาเปิดฉากทำสงครามกับพี่เพื่อคนขับรถคนหนึ่งหรอกมั้ง…ยิ่งไปกว่านั้น…นี่คือโอกาสอันดีที่คุณจะได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองด้วย!” หยวนซานค่อยๆ พูด น้ำเสียงมีความหนาวเย็น
“สร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง?” ดวงตาหยวนเปียวแข็งทื่อ เหมือนอารมณ์ถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว
“ถูกต้อง… คุณชายหยวนคุณคิดว่า…ตอนนี้ทั้งเมืองหู้ไห่ไม่สงบไปหมด…ถ้าในขณะนี้ คุณลงมืออย่างหนัก ฆ่าเฉินเป่ยคนนั้นในที่เกิดเหตุ…ทั้งเมืองหู้ไห่…คุณก็จะมีชื่อเสียงแล้ว ในครั้งนี้ไม่เพียงเชือดไก่ให้ลิงดู….ยิ่งสร้างชื่อเสียงโหดเหี้ยมให้คุณด้วย…สถานการณ์วุ่นวายมีฮีโร่ออกมา…เกรงว่าคุณ…คงเป็นฮีโร่คนนั้นนะครับ” เสียงของหยวนซานอึมครึมเย็นชาอย่างยิ่ง ยิ้มชั่วร้ายบอกไป
“ฮีโร่?” ดวงตาหยวนเปียวแข็งทื่อถึงที่สุด ในแววตาสาดส่องแสงที่ลุ่มลึกออกมา…ฮีโร่…ไม่ผิด…ขอเพียงฆ่าเฉินเป่ยคนนั้นแล้ว…เขา…ก็คือฮีโร่ ที่เมืองหู้ไห่นี้ ชื่อเสียงของเขาหยวนเปียวยิ่งสูงอีกขั้นหนึ่ง
“ได้! งั้นฆ่าเฉินเป่ยคนนี้…ยกอานุภาพตระกูลหยวนของฉัน!!” หยวนเปียวตะโกนออกมา ตบฝ่ามือลงบนโต๊ะกระจกตัวหนึ่งที่ด้านหน้า…ทั้งโต๊ะกระจกแตกร้าวออกในชั่วขณะนั้น
วินาทีนี้ ในแววตาของหยวนเปียวปล่อยเจตนาอาฆาตไร้ขอบเขต เฉินเป่ยคนนี้หาเรื่องตระกูลหยวนของเขามาครั้งแล้วครั้งเล่า…เขาต้องฆ่าฟันให้ได้ สร้างชื่อเสียง…เกรียงไกร
หยวนซานยืนอยู่ด้านข้าง ลูกพี่ลูกน้อง…ในที่สุดยินยอมลงมือแล้ว ลูกพี่ลูกน้องเป็นหนึ่งในอิทธิพลใต้ดินที่น่ากลัวที่สุดของเมืองหู้ไห่แห่งนี้ ฝีมือพี่ชายโหดเหี้ยม ขอเพียงพี่ชายลงมือ…ไอ้สารเลวที่สมควรตายคนนั้นจะต้องตายแบบไม่มีข้อสงสัย
ยามค่ำของเมืองหู้ไห่ทอดยาวไร้ขอบเขต บางคนกำลังคิดแผนการสังหารโหดร้ายอำมหิตอยู่…แต่บางคนก็กำลังพัวพันอย่างอ่อนโยนในห้องพักส่วนตัวของเจียเจียอยู่ เต็มไปด้วยความกำเริบเสิบสาน~
เฉินเป่ยกอดร่างกายของเจียเจียไว้…ทั้งสองเหนื่อยกันมาก แต่กลับตัวติดหนึบกันอย่างกับคู่รักคู่หนึ่ง~ ทั้งสองคนในวินาทีนี้ เหมือนเป็นคู่รักที่หวานชื่นกันจริงๆ แอบอิงซึ่งกันและกัน
มือนุ่มของซุยเจียเจียวาดวงกลมเล็กๆ บนหน้าอกเฉินเป่ย ความรู้สึกนั้นคล้ายกับสาวน้อยที่แสนเชื่อฟังกำลังโมโห
เฉินเป่ยจุดไฟบุหรี่มวนหนึ่ง โอบเจียเจียไว้ในอ้อมอก ทั้งสองเหมือนน้ำผึ้ง พักผ่อนอย่างเงียบๆ…
“เฉินเป่ย…พวกเราสองคนในตอนนี้…ถือว่าเป็นอะไรกันนะ?” ผมยาวของซุนเจียเจียยุ่งเหยิง ถามขึ้นเบาๆ
เฉินเป่ยได้ยิน ชั่วขณะนั้นตะลึงค้างไป…เป็นอะไรกัน? ระหว่างเขากับซุนเจียเจีย…ตอนนี้สรุปว่าเกี่ยวข้องอะไรกันล่ะ? แม้แต่เขาเองยังไม่รู้…
“ถือว่าเป็น…เพื่อนเหรอ?” เฉินเป่ยพูดแบบไม่มั่นใจเท่าไร…เขาไม่รู้จริงว่าจะเผชิญหน้าความรู้สึกอันนี้อย่างไร…ไม่ใช่เขาไม่รับผิดชอบ…แต่ว่าเขาไม่กล้า ด้านหลังเขาแบกรับหนี้เลือดไว้มากเกินไป…สถานะของเขาอ่อนไหวที่สุด…เขาไม่อยากลากเจียเจียมาในการสังหารที่น่ากลัวพวกนี้…
ซุนเจียเจียได้ยินแล้ว มุมปากยกเส้นรัศมีวงกลมที่เหมือนหลุดพ้นขึ้น…รอยยิ้มนั้น…ราวกับมีการปลดปล่อยและผ่อนคลายนิดๆ
“อืม ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน…เฉินเป่ย…ฉันกับนายไม่เหมาะสมกัน…และเป็นไปไม่ได้ด้วย…หวังว่าต่อไปพวกเราอย่าทำแบบนี้อีกเลย” ซุนเจียเจียพูดจาเสียงเบา เสียงไพเราะมาก ไพเราะจนทำให้คนปวดใจ
เฉินเป่ยโอบหล่อนไว้เบาๆ รู้สึกถึงความอ่อนนุ่มหอมหวานของหล่อน…ค่ำคืนนี้ ทั้งสองเงียบสงบเป็นพิเศษ…ใครก็ไม่ได้พูดอะไรขึ้นอีก~
…
แสงแดดที่สว่างสดใสค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากเส้นขอบฟ้าทิศตะวันออก
หน้าประตูบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป จางหยุ่งรีบมาถึงบริษัทตั้งแต่เช้า กำลังยืนที่ด้านหน้าป้อมยาม ประชุมกฎระเบียบช่วงเช้ากับเหล่าลูกน้องบอดี้การ์ดอยู่
ในเวลานี้ ทันใดนั้นนั้นฝูงชนที่หนาแน่นกลุ่มหนึ่งค่อยๆ กรูกันเข้ามาจากมุมหนึ่งของถนนอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร
“ผู้จัดการ…ผู้จัดการจาง…” เหล่าลูกน้องพนักงานรักษาความปลอดภัยกลุ่มนั้นสีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน ชี้ไปยังฝูงชนที่ยิ่งใหญ่ดำมืดมาแต่ไกลกลุ่มนั้นแบบสั่นเทา…เสียงก็เปลี่ยนเช่นกัน
“เรื่องอะไร…ถึงตกใจมากมายขนาดนั้น?” จางหยุ่งตบศีรษะของพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้นเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆ หันหน้าเข้าไป…
จากนั้นจางหยุ่งตะลึงค้างไปทั้งตัว…สายตาเบิกโตอึ้งทึ่ง มองฝูงชนตรงข้ามถนนกลุ่มนั้นที่กรูกันเข้ามาแบบยิ่งใหญ่เกรียงไกรด้วยความงุนงง
ลักษณะท่าทางดุดันกลุ่มใหญ่…ในมือคนกุมอาวุธใหญ่ไว้ กุมอาวุธเหล็กหลายร้อยอันไว้ในมือ…ภายใต้แสงแดดที่ปล่อยแสงเย็นอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
หยวนเปียวถืออาวุธมีดใหญ่ที่หนาไว้ในมือ นำมีดแบกไว้บนไหล่ด้วยท่าทางดุดัน ทั้งตัวเหมือนกวนอู เดินมาด้านหน้าก้าวใหญ่ๆ แบบเต็มไปด้วยความแค้นเคือง… ด้านหลังมีลูกน้องหลายร้อยคนตามมา… วันนี้เขาต้องสังหารครั้งใหญ่
หน้าประตูอาคารตระกูลหลี เหล่าพนักงานรักษาความปลอดภัยกลุ่มนั้นเห็นฉากเข้า…ตกใจขาอ่อนกันแล้ว เหล่าพนักงานรักษาความปลอดภัยยังมีท่าทางเรียบเฉยแบบปกติได้ที่ไหน…ขาทั้งสองของทุกคนกำลังสั่นเทา…นี่แม่ง…วันนี้จะเอาชีวิตคนเหรอ
ถึงแม้จางหยุ่งจะหัวใจเต้นระรัว แต่ยังมีปฏิกิริยาตอบกลับมาแล้ว เขารีบหยิบกระบองอันหนึ่งขึ้นมาจากในป้อมยาม ยืดอกพุ่งเข้าไปโดยตรง
“เฮ้ย! พวกแกเป็นใคร? รีบหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” จางหยุ่งถือกระบองไว้ในมือ ไม่มีความหมายหวาดกลัวแม้แต่น้อย ตะโกนเสียงดุทันที พยายามหยุดยั้งคนที่ดุร้ายโหดเหี้ยมกลุ่มนี้ไว้
“เรียกเฉินเป่ยออกมารับความตาย!” หยวนเปียวแบกมีดไว้ สีหน้าหนาวเย็นไร้ที่เปรียบ น้ำเสียงมีความหมายอาฆาตที่สั่นเครืออย่างยิ่ง
ได้ยินคำนี้ ลูกตาของจางหยุ่งก็แข็งทื่อฉับพลัน
“โอหัง! บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปเป็นบริษัทการค้า ไม่ใช่สถานที่ที่พวกแกนักเลงใต้ดินจะมาก้าวร้าวกำเริบกันได้! รีบออกไปให้ฉันซะ!!” จางหยุ่งตะโกนบอก เหมือนว่าเดิมทีไม่เกรงกลัวสมาชิกอิทธิพลใต้ดินหลายร้อยคนตรงหน้านี้
บรรยากาศเงียบงันแถบหนึ่ง
สมาชิกอิทธิพลใต้ดินหลายร้อยแน่นขนัด…คุมเชิงกันกับจางหยุ่งเพียงคนเดียว…สถานการณ์นี้…สยองขวัญสะพรึงกลัวเกินไป เห็นได้ชัดว่าจางหยุ่งกระจิดริดเช่นนี้
หยวนเปียวแบกอาวุธใหญ่ไว้บนไหล่ ร่างกายสูงใหญ่เมตรเก้าสิบราวกับกวนอูเทพเจ้าแห่งสงคราม สีหน้าเขาดุร้ายอย่างยิ่ง ตะโกนว่า “ฟันให้ฉัน!!”
ซู่! เหล่าลูกน้องนักเลงด้านหลังกลุ่มนั้นโกรธแค้นดุร้ายในชั่วขณะหนึ่ง คนนับร้อยก้าวขึ้นมา ถืออาวุธแหลมคมไว้ในมือ พุ่งเข้ามาหมายจะสังหารโหดเหี้ยม เหตุการณ์นี้โอ่อ่ายิ่งใหญ่เกินไปแล้ว
จางหยุ่งสีหน้าเปลี่ยนกะทันหัน เขาตัดสินใจว่องไว ยกกระบองขึ้นทันที พุ่งโจมตีเข้าไปยังคนหลายร้อยโดยตรง
เขาคือลูกศิษย์ของเฉินเป่ย เขาผ่านการแนะนำแบบมืออาชีพของเฉินเป่ยมา ในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ เขาจำเป็นต้องก้าวออกมาด้วยความกล้าหาญ
คนที่แน่นขนัดกลุ่มหนึ่งพุ่งโจมตีไปยังจางหยุ่ง อากาศเหมือนกำลังแข็งตัวในเวลานี้
จางหยุ่งตัวคนเดียว…ชั่วขณะนั้นถูกคนหลายร้อยคนกลืนกินท่ามกลางฝูงชนไปแล้ว
มีดกวัดแกว่งฉับไว…เสียงร้องฆ่าสยองขวัญดังขึ้น
“ปึงๆๆ—!” แต่ทันใดนั้นสถานการณ์กลับเปลี่ยนฉับพลัน
นักเลงกลุ่มนั้นถูกโจมตีกระเด็นแต่ละคนทันใด…ถูกแรงมหาศาลโจมตีจนกระเด็นออกไปดุจกระสุนปืน
ก่อนที่ในฝูงชนที่แน่นขนัดจะถูกโจมตีออกไปวงหนึ่ง จางหยุ่งถือกระบองไว้ในมือ ราวกับเทพเจ้าแห่งสงคราม โจมตีสังหารอยู่วงใน
พวกนักเลงกลุ่มนั้นถูกเล่นงานลอยถอยไปโดยตรง…คาดไม่ถึงว่าคนหลายร้อยเต็มๆ จะไม่สามารถใกล้เขาได้สักคืบ
“เหยดเข้!! ฉันจะฟันแก!!” หยวนเปียวใช้ทักษะพุ่งโจมตีออกไป มีดใหญ่ในมือยกสูงขึ้นทันที สับฟันลงทีหนึ่ง ฟ้าถล่มดินทลาย
จางหยุ่งยกกระบองขึ้นขวางไว้ทันใด
“ชิ้ง!” มีดฟันลงมาโดยตรง บุกไปทางไหนก็ราบเป็นหน้ากอง ฆ่าไม่หยุดยั้ง
ในขณะนั้นกระบองของจางหยุ่งถูกฟันออกเป็นสองท่อน จางหยุ่งถอยหลังไปทั้งตัวทันที กระบองในมือที่หักร้าวเป็นสองท่อนถูกกวัดแกว่งขึ้นมาจากในมือของเขาอีกครั้ง
“ชิ้งๆๆ——!” เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่นอย่างรุนแรง ประกายไฟแตกกระจาย จางหยุ่งกับหยวนเปียวทั้งสองคนโจมตีปะทะกันดุเดือด แรงอาฆาตน่าสะพรึงกลัว บุกเข้ามายากจะทานไหว
ร่างกายสูงเมตรเก้าสิบของหยวนเปียวราวกับร่างกายเสือที่ยากจะต้านทานได้ โจมตีมาด้วยกำลังมหาศาล มีดเล่มใหญ่น่ากลัวสยดสยองอย่างยิ่ง ฟันแต่ละทีหมายจะเอาชีวิต
หน้าประตูบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป เหล่าลูกน้องพนักงานรักษาความปลอดภัยนั้นต่างตกใจกันค้างไปแล้ว สีหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยกลุ่มหนึ่งซีดเซียว…ลมหายใจแรงยังไม่พ่นออกมา…ทุกคนล้วนจ้องฉากนั้นด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด…
วินาทีนี้…ผู้จัดการจางของพวกเขา…คาดไม่ถึงว่าสยองขวัญเช่นนี้…ราวกับกลายเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามผู้หนึ่ง
กระบองเหล็กสองท่อนที่จางหยุ่งถือไว้ในมือ จากนั้นยื่นมือไวดุจสายฟ้าแลบ…ในสมองของเขา…ตั้งแต่ต้นจนจบจำได้ดี..จำวิชาสังหารที่เฉินเป่ยมอบให้เขาได้
ในขณะนี้ ท่าพวกนั้นที่พี่เฉินสอนให้เขาในตอนแรก…แต่ละฉากปรากฏขึ้นในสมองของเขาอีกครั้ง…ราวกับความทรงจำที่ลึกซึ้ง ส่วนทักษะของเขาก็ระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง ไวดุจฟ้าแลบ
“ปึงๆๆ——!” ทุกที่ที่ทักษะของจางหยุ่งไปถึง เกิดเสียงร้องโหยหวน มีดของเหล่านักเลงกลุ่มนั้นเดิมทีเสียบร่างของเขาไม่เข้า…
นักเลงกลุ่มหนึ่งโดนฟันล้มไปทันที…ไม่อย่างนั้นก็โดนตีจนลอยออกไป…ที่เกิดเหตุมีเลือดแดงกระจายเต็มไปหมด
นักเลงมากขนาดนั้น…ถูกจางหยุ่งจัดการกระเด็นทีเดียว…ราวกับตุ๊กตา…สยดสยองไร้ที่เปรียบเสียจริง
“แม่งเอ๊ย! ฉันจะฆ่าแก!!” หยวนเปียวสีหน้าดุร้ายแค้นเคือง ร่างกายที่สูงเมตรเก้าสิบสั่นรุนแรง อาวุธแหลมน่าสะพรึงกลัวในมือระเบิดแรงอาฆาตเพิ่มขึ้น ฟาดฟันมายังจางหยุ่งอย่างดุเดือด แต่ละท่าโจมตีจะเอาชีวิต
จางหยุ่งสีหน้าเปลี่ยน ถอยตัวออกกะทันหัน…แต่กลับยังคงหลบเลี่ยงได้ไม่มาก…หลายจุดบนตัวจึงโดนแสงมีดกรีดฟัน…เลือดซึมออกจากเสื้อผ้าของเขา…น่าสะพรึงกลัวไร้ที่เปรียบ
หยวนเปียวราวกับปีศาจร้ายที่คลุ้มคลั่ง กระหน่ำกวัดแกว่งมีด อยากฟันผู้ชายที่ขัดขวางเขาคนนี้ให้เนื้อเละ วันนี้เขาจะสังหารใหญ่
จางหยุ่งพยายามฝืนทนบาดแผลบนตัว…ในสมองนึกย้อนถึงทักษะที่เฉินเป่ยสอนตนเองไม่หยุด…ภาพเหล่านั้นกำลังประกายไม่หยุด
ในที่สุดจางหยุ่งก็ลงมือแล้ว เขาเดินมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง ทันใดนั้นใช้ทักษะกลายเป็นเหมือนสายฟ้าแลบ กระบองเหล็กสองท่อนในมือโจมตีออกไปอย่างรุนแรง
“ปึงๆ!” กระบองตีไปบนหน้าของหยวนเปียวอย่างแรง หยวนเปียวสั่นเทาทั้งตัว…โดนโจมตีถอยหลังไปไม่หยุดทันที
วินาทีนี้ เขายิ่งเดือดดาลดุร้ายเพิ่ม…มีดยาวในมือเห็นว่าจะโจมตีกลับ…
แต่ทักษะของจางหยุ่งไวกว่า…พุ่งจู่โจมเข้าไปฉับพลัน
“ปึงๆๆ——!” โจมตีดุเดือดด้วยหลายท่าติดต่อกัน
หน้าอกของหยวนเปียวสั่นสะเทือน…ทั่วทั้งตัวก็ยอมรับไม่ไหวอีก กระเด็นออกไปทันที…ในปากกระอักเลือดสดออกมา
จางหยุ่งใช้ทักษะพุ่งโจมตีเฉียบพลัน เหยียบบนตัวหยวนเปียวอย่างแรง พลังยิ่งใหญ่ บดขยี้ร่างกายที่สูงเมตรเก้าสิบของหยวนเปียวไว้บนพื้น ขยับเขยื้อนไม่ได้
ที่เกิดเหตุเงียบเป็นเป่าสาก
พวกนักเลงกลุ่มนั้นสั่นสะเทือนถึงที่สุด จ้องฉากนี้ด้วยความตื่นตระหนกตกใจ วินาทีนี้ทุกคนล้วนสั่นเทิ้ม…ทุกคนต่างไม่กล้าเข้าไปอีก
หน้าประตูอาคารตระกูลหลี เหล่าพนักงานรักษาความปลอดภัยกลุ่มนั้นอึ้งทึ่งเป็นหินเช่นกัน เชี้ย…ผู้…ผู้จัดการจาง…คาดไม่ถึง…คาดไม่ถึงจะเก่งกาจเช่นนี้? แม่งเป็นการซ่อนไว้ลึกไม่เปิดเผยออกมาจริงๆ
หยวนเปียวโดนจางหยุ่งเหยียบไว้ใต้เท้า พยายามดิ้นรนอย่างหนักไปทั้งตัว…บนหน้าแค้นเคืองดุร้ายไปหมด ดวงตาแดงก่ำ
“แก…เป็นใครกัน!!” หยวนเปียวตะคอกใส่ สามารถจินตนาการความโกรธเคืองของเขาได้ เวลานี้กลับโดนคนอื่นเหยียบย้ำไว้ที่พื้น… ความอัปยศอดสูระดับนี้ น่าอับอายขายขี้หน้ายิ่งนัก นี่ทำให้เขายากจะรับได้
จางหยุ่งสีหน้าเคร่งขรึมไร้ที่เปรียบ เช็ดรอยเลือดที่มุมปากสักหน่อย ค่อยๆ พูดว่า “บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ผู้จัดการยาม จางหยุ่ง”
“เฮือก!” ได้ยินคำพูดนี้ หยวนเปียวพ่นเลือดออกมาอีกครั้ง แม่งเอ๊ย คาดไม่ถึง…คาดไม่ถึงเขาจะโดนหัวหน้ายามกระจอกคนหนึ่งตีเข้าแล้ว? ทั้งยังถูกเหยียบไว้ใต้เท้าอีก? นี่แม่งคือความอัปยศใหญ่หลวงจริงๆ เลย
หยวนเปียวถูกเหยียบไว้ที่พื้น สั่นเทารุนแรงไปทั้งตัว “ฉันเตือนแกไว้…รีบปล่อยฉันไป ไม่อย่างนั้น…ฉันจะฟันแกทั้งบ้าน!!!”
ได้ยินคำขู่ของหยวนเปียว จางหยุ่งยิ่งออกแรงที่เท้าไปอีกระดับ
“เฮือก!” หยวนเปียวสั่นแรงทั่วตัว ไม่มีทางรับกำลังของเขาไหว พ่นเลือดสดออกมาอีกครั้งหนึ่ง…กระเซอะกระเซิงอย่างยิ่ง
…
ตอนเช้า เฉินเป่ยขับรถไมบัคอยู่ ค่อยๆ ขับมาทางอาคารตระกูลหลี
ตอนที่รถขับมาถึงหน้าประตูอาคาร…เฉินเป่ยตะลึงอยู่บ้าง
เขาก้าวออกจากรถ มองภาพที่เกลื่อนกลาดเต็มพื้นนี้…อึ้งทึ่งแบบหน้าตามึนงง
พวกนักเลงกลุ่มใหญ่นอนอยู่บนพื้น ร้องโหยหวนเจ็บใจ…อาวุธน่าสะพรึงกลัวแต่ละชิ้นตกอยู่ที่พื้น…ราวกับเป็นประจักษ์พยานฉากนองเลือดขั้นสุดเมื่อสักครู่นั้น…
หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยจางหยุ่งกำลังเหยียบหยวนเปียวไว้ ทั้งตัวดุจหินแกะสลัก ยืนอยู่ที่เกิดเหตุนิ่งเฉย
“เกิดอะไรขึ้น?” เฉินเป่ยถามด้วยความงุนงง