บทที่645 ตบหน้า
เย่ชวงจ้องมองผู้ชายคนนั้นที่ก้าวออกมาจากประตูรถตาไม่กะพริบ…วินาทีนี้…ในดวงตาของเธอเปล่งประกายความรู้สึกตื่นเต้นอันน่าประหลาด…
เดิมทีหวางอู๋ตี๋กำลังนิ่งสงบเฉยเมย บนหน้ามีรอยยิ้ม…ทว่า…ตอนที่เห็นผู้ชายท่าทางอันธพาลซึ่งในปากคาบบุหรี่ไว้คนนี้เข้า…รอยยิ้มบนหน้าของเขาแข็งตัวขึ้นในชั่วขณะนั้น
บรรยากาศราวกับเปลี่ยนไปเงียบสงบเดี๋ยวนั้น
เฉินเป่ยค่อยๆ พ่นควันบุหรี่ออกมา กวาดตามองสถานการณ์อย่างมีเลศนัย จากนั้นเพ่งสายตาที่ตัวหวางอู๋ตี๋แล้ว…
“โอ๊ะ…ที่แท้คุณชายหวางนี่เอง…ไม่เจอกันนาน ถึงขั้นคิดถึงเลยล่ะ…” เสียงของเฉินเป่ยล้ำลึกไร้ที่เปรียบ มุมปากยกรอยยิ้มที่ซับซ้อนขึ้น
เฉินเป่ยคาบบุหรี่ไว้ ก้าวมาด้านหน้าทีละก้าว…
ซู่! วินาทีนี้ หวางอู๋ตี๋สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ราวกับกำลังเผชิญศึกใหญ่
“คุณชายหวาง พวกเราไม่ได้เจอกันนาน…ไม่ใช่ควรมาคุยเรื่องของเราหน่อยเหรอ?” เฉินเป่ยพ่นควันบุหรี่ออกมา พูดอย่างเรียบเฉย
หวางอู๋ตี๋สีหน้าเย็นเฉียบอย่างยิ่ง จ้องเฉินเป่ยแบบเย็นชา ตั้งนานถึงพูดออกมาไม่กี่คำ “แก…แกมาทำอะไร?”
“แน่นอนว่ามารับชวงของฉันเลิกงานน่ะสิ” เฉินเป่ยยิ้มให้เย่ชวงนิดนึง จากนั้นเดินเข้ามาอย่างนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้านอย่างนี้
“หยุดนะ!” เหล่าบอดี้การ์ดโดยรอบกลุ่มหนึ่งพุ่งขึ้นมาฉับพลัน สกัดกั้นเส้นทางของเฉินเป่ยไว้แล้ว
ชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูทคนนั้นสายตาล้ำลึกเย็นเฉียบ ยืนอยู่ด้านหน้าเฉินเป่ยตรงดิ่ง ราวกับมีกลิ่นอายที่ทอดยาว
เฉินเป่ยหัวเราะแบบมีความหมายแฝง “แกให้บอดี้การ์ดกลุ่มนี้มาขวางฉันทำไมกัน? กลัวฉันจะต่อยแกเหรอ?”
สายตาหวางอู๋ตี๋แข็งทื่อเล็กน้อย สีหน้าเย็นยะเยือกไร้ที่เปรียบ…เขาไม่ได้พูดอะไร จ้องเฉินเป่ยตรงๆ แบบนี้…ในแววตามีเจตนาอาฆาตแค้น
“พ่อหนุ่ม ถ้านายรู้ตัวเองดี ฉันขอเตือนนายให้ออกไปเอง…” เสียงชายวัยกลางคนผู้นั้นพูดแบบลุ่มลึกทอดยาว ราวกับมีการแจ้งเตือนนิดๆ
เมื่อมีชายวัยกลางคนผู้นี้สกัดขวางอยู่ด้านหน้า ชั่วพริบตาเดียวจิตใจของหวางอู๋ตี๋ก็สงบลงมา…คนผู้นี้เป็นบอดี้การ์ดฝีมือเหนือชั้นที่ตระกูลจัดส่งมา ยังมีผู้คุ้มครองฝีมือเหนือชั้นกลุ่มนี้ที่ข้างกายเขาอีก…เป้าหมายเพียงเพื่อมาปกป้องหวางอู๋ตี๋ หวางอู๋ตี๋ในเวลานี้ราวกับอยู่ในค่ายทหารหุ้มเกราะ ปลอดภัยอย่างมาก
เฉินเป่ยหัวเราะเหยียดหยาม “ฉันจะเตือนแกเหมือนกัน อย่าไม่เจียมตัว…”
ซู่! ได้ยินคำพูดของเฉินเป่ย เหล่าบอดี้การ์ดกลุ่มนั้นสีหน้าเย็นเฉียบไปในชั่วขณะหนึ่ง ท่วงท่าทั่วทั้งตัวชายวัยกลางคนผู้นั้นปลดปล่อยออกมาทันใด เปลี่ยนไปน่ากลัวไร้ที่เปรียบ
“คุณชายหวาง…พวกเราไม่ได้เจอกันนาน จะไม่ให้โอกาสได้รำลึกความหลังหน่อยเหรอ?” เฉินเป่ยยิ้มพูดอย่างล้ำลึกน่าประหลาด
สีหน้าหวางอู๋ตี๋เปลี่ยนเล็กน้อย พ่นสามคำออกไปแบบหนาวเย็น “ไม่จำเป็น”
“แต่ว่า…ฉันอยากคุยกับแกสักหน่อยนะ…” สายตาเฉินเป่ยแข็งทื่อขึ้นนิดนึง มุมปากฉีกยิ้มที่ยั่วยุขึ้น
อากาศแข็งตัว
เฉินเป่ยค่อยๆ ก้าวเท้ามาด้านหน้า…
“ซู่!” ชายวัยกลางคนผู้นั้นระเบิดทักษะออกมาฉับพลัน หมัดหนึ่งซึ่งราวกับวัวดุร้ายตัวหนัก โจมตีสยดสยองเข้ามายังเฉินเป่ย ในเมื่อไม่เชื่อฟัง งั้นคงมีเพียงการลงมือแล้วล่ะ
สายตาเฉินเป่ยแข็งทื่อ จับหมัดสยองขวัญของชายวัยกลางคนผู้นั้นไว้โดยตรง…
การจู่โจมด้วยพลังมหาศาล…ทำให้ทั้งตัวเฉินเป่ยถูกโจมตีจนถอยหลังไปสิบก้าวเต็มๆ พื้นแตกร้าวยุบลงแถบหนึ่ง
เฉินเป่ยคว้าหมัดของเขาไว้ พลังทั่วทั้งตัวผุดขึ้นเฉียบพลัน กำลังยิ่งใหญ่เกรียงไกร
“ฮึบ!” ชายวัยกลางคนผู้นั้นถูกกำลังที่น่ากลัวสะบัดไปกลางอากาศ จากนั้นร่วงลงพื้นอย่างรุนแรง
“ตึง—!” เสียงดังสนั่นทีหนึ่ง ทั้งตัวชายวัยกลางคนกระแทกลงบนพื้นอย่างแรง…ทั้งพื้นยุบลงจนเป็นหลุมใหญ่รูปร่างคนทันที
ฝุ่นฟุ้งกระจาย…ชายวัยกลางคนผู้นั้นมีเลือดสดเต็มปาก…ทั้งตัวล้มไปในหลุมใหญ่รูปร่างคน และปีนขึ้นมาไม่ได้อีกแล้ว…
บรรยากาศเงียบสงบอย่างกะทันหัน
ทีเดียว…จัดการศัตรูภายในทีเดียว
ลูกตาของหวางอู๋ตี๋หดลงเฉียบพลัน… ตื่นตกใจและไม่อยากเชื่อไปทั่วทั้งตัว!!
เหล่าบอดี้การ์ดที่อยู่ในสถานการณ์สีหน้าเปลี่ยนกะทันหัน พุ่งโจมตีเข้ามาทันที อยากใช้กำลังจัดการเฉินเป่ย
เฉินเป่ยสีหน้านิ่งสงบไร้ที่เปรียบ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งยกขึ้นทันใด…ราวกับฝ่ามือพิฆาต
“ป้าบ ป้าบ ป้าบๆ…” เสียงตบหน้าที่กังวานดุเดือดดังไม่หยุด เหล่าบอดี้การ์ดกลุ่มนั้นเลือดสดสาดกระเซ็น โดนตบจนร่างกายลอยไปโดยตรง น่าเวทนากันหมด
ซู่! สีหน้าหวางอู๋ตี๋เปลี่ยนทันใด ถอยตัวไปด้านหลังก้าวหนึ่งแล้ว วินาทีนี้…เขารู้สึกถึงความหวาดกลัวที่ยิ่งใหญ่ นั้น…เหมือนกำลังเผชิญหน้ากับการคุกคามของความตาย
เฉินเป่ยหรี่ดวงตา ค่อยๆ ก้าวเข้ามาด้านหน้า คล้ายว่ามีอารมณ์สนุก
หวางอู๋ตี๋ทนไม่ไหวอีกต่อไป…เขาหมุนตัวรีบวิ่งหนีไปทันที…ดึงประตูรถออกโดยตรงอยากมุดเข้าในรถอาวดี้ วินาทีนี้…คาดไม่ถึงเขาจะอยากหนี
ร่างกายเฉินเป่ยแวบหายว่องไว…ทั้งตัวกลายเป็นภาพวืด จากนั้นพุ่งไปด้านหน้าหวางอู๋ตี๋
เขาจับคอเสื้อของหวางอู๋ตี๋ไว้แน่น พูดจาสงบล้ำลึก “คุณชายหวาง…จะรีบไปขนาดนี้ทำไมกัน? พวกเรา…ไม่ใช่ควรรำลึกความหลังกันหน่อยเหรอ?”
“โอหัง! ยังไม่ปล่อยฉันอีก!” หวางอู๋ตี๋สีหน้าเขียวปัดเย็นเฉียบแถบหนึ่ง วินาทีนี้ ความแค้นเคืองและอาการตื่นตกใจของเขาผสมปนเปกันในชั่วพริบตาเดียว แต่เขายังคงไม่ยอมแพ้ พูดข่มขู่เสียงดุ บุคคลกระจอกของเมืองหู้ไห่เล็กๆ แห่งนี้…จะมาจัดการเขาได้อย่างไร?
มุมปากเฉินเป่ยฉีกยิ้มลุ่มลึกขึ้น “คุณชายหวาง…ครั้งที่แล้ว…แกยังจำสิ่งที่ฉันเคยบอกได้มั้ย?”
ซู่! ได้ยินคำพูดนี้…สีหน้าของหวางอู๋ตี๋เปลี่ยนอีกครั้ง เปลี่ยนไปเขียวปัดผิดปกติ
“แก…แกอยากทำอะไร?” หวางอู๋ตี๋ตะโกนเสียงดุ ข่มขู่แบบน่าสะพรึงกลัว “ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน…ตระกูลหวางของฉันตามฆ่าแกไม่เลิกราแน่…จนกระทั่งแกแหลกเป็นผุยผง…ยังมีทุกคนรอบตัวแกด้วย…จะต้องตายกันหมด!!”
ด้านข้าง ใบหน้าของเย่ชวงอึ้งทึ่งเคร่งขรึม จ้องฉากนี้ไม่ขยับ…หวางอู๋ตี๋คนนี้…คาดไม่ถึงอยู่ต่อหน้าสถานีตำรวจ…กลางวันแสกๆ อยู่ต่อหน้าตนเอง…ยังกล้าพูดจาข่มขู่เหี้ยมโหดเช่นนี้ออกมาได้? นี่คือกำเริบเสิบสานอย่างแท้จริง ไม่เห็นกฎหมายบ้านเมืองอยู่ในสายตา
“อ่อ? คุณชายหวาง นี่แกกำลังข่มขู่ฉันเหรอ?” ดวงตาของเฉินเป่ยแข็งทื่อเล็กน้อย ท่าทีน่ากลัวนิดๆ ค่อยๆ เพิ่มขึ้น…
“แกกล้าทำอะไรฉันก็ลองดู? ฉันรับรองว่าแก…อีกทั้งทุกคนที่อยู่รอบตัวแก…ได้มีชีวิตไม่ถึงพรุ่งนี้แน่!” หวางอู๋ตี๋พูดข่มขู่อย่างเย็นชาเหี้ยมโหด สายตาของเขาเขียวปัดไร้ที่เปรียบ สามารถรู้สึกได้ถึงเจตนาอาฆาตแค้นน่ากลัวในคำพูดของเขาได้
“แกทำกับคนอื่น…ก็เป็นแบบนี้เหมือนกันรึไง? ผิดใจแก…จะต้องโดนลงโทษทั้งครอบครัว? ถูกฆ่ายกครัว?” วินาทีนี้ ในแววตาของเฉินเป่ยสาดส่องเจตนาอยากฆ่าที่น่ากลัวออกมา ดุจสัตว์ป่าดุร้ายหลุดจากกรง
อากาศอึดอัดฉับพลัน เจตนาที่อยากฆ่าทรงพลัง
“ปล่อยฉัน…” ร่างกายหวางอู๋ตี๋กำลังสั่นเทาเบาๆ ในแววตาหวาดวิตกไร้ที่เปรียบ… ในขณะนี้เขาเหมือนรู้สึกได้ถึงความตายแล้ว
“ครอบครัวของเล่ยิง…ก็ถูกพวกแกฆ่ายกครัวไปแล้วใช่มั้ย?” เฉินเป่ยค่อยๆ ถามขึ้น มีแรงอาฆาตแค้นน่ากลัวอย่างหนึ่ง
“รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้…ไม่อย่างนั้น…” คำพูดหวางอู๋ตี๋ยังไม่ทันพูดจบ ทันใดนั้นเฉินเป่ยยกมือขึ้นฉับพลัน
“ป้าบ—!” เสียงดังกังวานดุเดือดทีหนึ่ง
บรรยากาศ…เงียบงันถึงที่สุด
เฉินเป่ยตบบนหน้าหวางอู๋ตี๋อย่างแรง…รอยฝ่ามือที่บวมแดงปรากฏบนแก้มข้างซ้ายของหวางอู๋ตี๋ในชั่วขณะหนึ่ง
“คุณชาย…!!” เหล่าบอดี้การ์ดกลุ่มนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปแล้ว ทุกคนล้วนตื่นตระหนกตกใจ
หวางอู๋ตี๋…คุณชายรองตระกูลหวางผู้น่าเกรงขามท่านนี้ คุณชายอายุน้อยที่ชื่อเสียงโด่งดัง…คาดไม่ถึง…คาดไม่ถึงโดนตบหน้าที่เมืองหู้ไห่แล้วหรือ? นี่…คือการเหยียบย่ำชื่อเสียงของทั้งตระกูลหวางอย่างแท้จริง
เย่ชวงมองฉากนี้แววตาที่ค้างคา…มองภาพเงาของเฉินเป่ยอยู่…วินาทีนี้…อารมณ์ของเธอซับซ้อนอึ้งทึ่ง…ลืมพิจารณาไปโดยสิ้นเชิง…
สีหน้าหวางอู๋ตี๋ซีดเซียว ลูกตาตื่นตกใจแดงก่ำ เลือดค่อยๆ ไหลออกมาตามมุมปากของเขา…
ทั้งตัวเขามีความหวาดผวาและตื่นตกใจแบบไม่อยากเชื่อ
“แก…แกกล้าตบฉัน?” เสียงของหวางอู๋ตี๋กำลังสั่นเครือ หวาดวิตกและโกรธเคือง
“ตบแกแล้วจะยังไง? ฉันยังอยากฆ่าแกด้วยซ้ำไป” ดวงตาเฉินเป่ยล้ำลึกเย็นชา ราวกับการมองของสัตว์ป่าดุร้าย
“พึ่บ!” บอดี้การ์ดในเหตุการณ์ทั้งหมดล้วงอาวุธออกมา อาวุธทั้งหมดเล็งเป้าไปยังเฉินเป่ย แรงอาฆาตแค้นน่าสะพรึงกลัวสยองขวัญ
“รีบปล่อยคุณชายออกเลยนะ!! ไม่อย่างนั้นโดนยิงตายทันทีแน่!!” เสียงของบรรดาบอดี้การ์ดดุดันสั่นสะเทือน ดังก้องอยู่กลางอากาศที่เงียบงัน
คุณชายหวาง…คุณชายรองตระกูลหวาง…วันนี้ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาที่เมืองหู้ไห่…นั่น…เกรงว่าทั้งหู้ไห่ต้องสั่นสะเทือนไปทั่ว สีหน้าบอดี้การ์ดโกรธเคืองสยดสยองขั้นสุด ทุกคนล้วนไม่ยินยอมมองเห็นเหตุการณ์อันนี้… พวกเขาจำเป็นต้องคุ้มครองคุณชาย ถ้าคุณชายตายแล้ว…พวกเขาคนกลุ่มนี้ต้องถูกฝั่งไปด้วยแน่
ในสถานีตำรวจ เหล่าตำรวจกลุ่มหนึ่งได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ค่อยๆ พุ่งพรวดออกมาแล้ว… แต่พอพุ่งออกมา ก็มองเห็นฉากที่น่าสะพรึงกลัวอันนี้เข้า
ในมือบรรดาบอดี้การ์ดกลุ่มนั้นถืออาวุธกันอยู่ เล็งไปยังเฉินเป่ยไม่ขยับ
ที่เมืองหู้ไห่ หัวเซี่ยซึ่งเป็นพื้นที่ต้องห้ามอาวุธแห่งนี้…คาดไม่ถึงช่วงกลางวันเสกๆ บอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่ง…จะถืออาวุธในที่สาธารณะ นี่…คือท้าทายอำนาจกฎหมายเลยทีเดียว
เหล่าตำรวจกำลังอยากจะเข้ามา ทว่าตอนที่อยากจับกุมคนกลุ่มนี้ไปสอบสวน…ทันใดนั้นผู้บัญชาการโล่ก้วนจองก็ตะโกนเสียงดุห้ามพวกเขาไว้
“กลับมา เรื่องนี้ พวกเราไม่ต้องยุ่ง!” โล่ก้วนจองยืนอยู่หน้าประตูสถานีตำรวจ พูดแบบลุ่มลึกทอดยาว
เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มหนึ่งมองหน้าซึ่งกันและกัน…พวกเขาสามารถมองเห็นความตื่นตกใจในแววตาของกันและกันได้
“ผู้บัญชาการ…พวกเขาถืออาวุธในที่สาธารณะ..” เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งพูดเสียงเคร่งเครียด
สีหน้าโล่ก้วนจองอึมครึมไร้ที่เปรียบ “ฉันบอกแล้วไงว่าเรื่องนี้พวกนายไม่ต้องยุ่ง! กลับไปกันให้หมด!”
เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มนั้นถูกผู้บัญชาการตวาดใส่ ใครก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก…ลังเลอยู่ตั้งนาน…ทุกคนต่างถอยกลับไปแล้ว…ถอยเข้าไปในสถานีตำรวจ…ไม่มีใครมาถามอะไรอีก
เห็นฉากนี้เข้า…เฉินเป่ยก็หัวเราะแล้ว หัวเราะอย่างเสียดสี…ผู้มีอำนาจน่าเกรงขามอย่างองค์กรรัฐบาล หน่วยงานที่คุ้มครองรักษาความสงบ คาดไม่ถึงปล่อยให้คนกลุ่มหนึ่งที่ถืออาวุธเลวร้ายไว้…โดยเฉพาะยังอยู่ที่หน้าประตูสถานีตำรวจ… นี่…คือการเยาะเย้ยที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน
“ฟึ่บ—!” แสงดำสายหนึ่งยิงลอยออกมาฉับพลัน
เย่ชวงยืนค้างอยู่ตรงนั้น ใบหน้าซีดเผือด…เธอกุมหมัดทั้งสองไว้แน่น…ในแววตาซับซ้อน…ฉากเมื่อสักครู่นั้น…เธอมองเห็นอยู่ในสายตาอย่างแจ่มชัด…คำพูดประโยคนั้นของเฉินเป่ย…ก็ดังก้องอยู่ในหูของเธอไม่หยุด…
สถานีตำรวจที่น่าเกรงขาม…ช่วยคนทำผิดเช่นนี้…
คำพูดประโยคนี้ราวกับเข็มแหลมคม ปักเข้าในหัวใจของเย่ชวงอย่างรุนแรง…ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดเสียใจแบบพูดไม่ถูก…เศร้าสลด…นี่…คืออำนาจยิ่งใหญ่ของเมืองหู้ไห่เหรอ?
“รีบปล่อยคุณชายเดี๋ยวนี้! ได้ยินหรือเปล่า?” เหล่าบอดี้การ์ดกลุ่มนั้นสีหน้าเย็นเฉียบไร้ที่เปรียบ มีจิตสังหารที่น่าครั่นคร้าม
อาวุธทั้งหมดปลดสลักพร้อมยิงเรียบร้อย เล็งเป้าที่เฉินเป่ยไม่ขยับ
แรงอาฆาตน่าสะพรึงกลัวไปทั่ว
สีหน้าเฉินเป่ยนิ่งสงบอย่างยิ่ง ไม่มีหวั่นไหวแม้แต่น้อย…แม้แต่เจตนาสังหารสยองขวัญในแววตายังบันยะบันยังไปมาก…แต่…มีเพียงคนที่เข้าใจเขาอย่างแท้จริงถึงรู้ว่า…ราชาหลง…ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแล้ว ราชาหลงฆ่าคนอย่างไม่มีหวั่นไหวสักนิด…ยิ่งเขาสุขุมเยือกเย็น ยิ่งน่ากลัว
ในชั่วพริบตาเดียว เฉินเป่ยบีบคอของหวางอู๋ตี๋ไว้ทันใด ฝ่ามือของเขาดุจคีมปากเสือที่สยดสยอง…ปล่อยพลังสยองขวัญออกมา
หวางอู๋ตี๋สีหน้าซีดเซียวแถบหนึ่ง…ลูกตาเบิกโตไม่กะพริบ… ชั่วขณะนั้นคอของเขาเปลี่ยนรูป… ถูกพลังที่น่ากลัวบีบไว้ หลอดลมทั้งหมด…ล้วนกำลังเปลี่ยนรูปทีละนิด…กระดูก…ราวกับกำลังเข้าใกล้การดิ้นรนเฮือกสุดท้าย…
ในขณะนี้ คุณชายตระกูลหวางคนนี้…คล้ายกับมองเห็นเสียงเรียกของยมทูต…เขา…กำลังตกลงถึงขั้นนี้
“ปังๆๆ—!” กระสุนนับไม่ถ้วนยิงเข้ามา เหล่าบอดี้การ์ดกลุ่มนั้นสีหน้าซีดเผือดตื่นตกใจถึงที่สุด ทุกคนยิงปืนติดๆ กัน
คุณชาย…จะต้องเป็นอะไรไปไม่ได้ ชีวิตของคุณชาย…จำเป็นต้องรักษาไว้ ถ้าเกิดเรื่องกับคุณชาย…ทั้งเมืองหู้ไห่…เกรงว่าต้องสั่นสะท้านถึงที่สุดแน่
“ฟึ่บ—!” แสงดำสายหนึ่งแวบออกจากในมือเฉินเป่ย มีพลังสังหารที่สยองขวัญ
“ชิ้งๆๆ—!” กระสุนนับไม่ถ้วนถูกฟันจนร่วงทั้งหมด แสงดำแฉลบผ่านกลางอากาศรวดเร็ว…อาวุธในมือของเหล่าบอดี้การ์ดกลุ่มนั้น…ถูกฟันหักเป็นสองท่อนหมดแล้ว
บอดี้การ์ดทุกคนสีหน้าสั่นสะเทือน นั่นคือความหวาดวิตก…ตื่นตระหนก…สั่นสะเทือน
“เฉินเป่ย…!” ทันใดนั้นเสียงตะโกนที่ชัดแจ๋วดังขึ้น
ใบหน้าของเย่ชวงซับซ้อนและเคร่งขรึม จ้องเฉินเป่ยดวงตาไม่กะพริบ…ตะโกนบอกเสียงใส
ดวงตาเย่ชวงสับสนอย่างยิ่ง พยายามส่ายหน้าให้เฉินเป่ย…
“ไม่เอา…” เสียงของเย่ชวงเหลือเพียงคำร้องขอสุดท้าย…ในขณะนี้อารมณ์ของเธอยุ่งเหยิงขั้นสุด
ถ้าวันนี้เฉินเป่ย…ลงมือฆ่าคน…อย่างนั้น…เขาคงกลายเป็นฆาตกรเข้าจริงๆ… โทษฐานที่ได้กระทำผิดทั้งหมดของเขา…ล้วนสอดคล้องกับความเป็นจริง
เย่ชวง…จะไม่ยอมมองเห็นฉากนี้… หวางอู๋ตี๋สมควรตาย…แต่…ทุกอย่างนี้ต้องเกิดขึ้นในระบบของกฎหมาย การตัดสินของกฎหมายถึงเป็นวิธีการที่ยุติธรรมมากที่สุด… วิธีการที่ขัดกับกฎหมายใดๆ…ล้วนผิดกฎหมายทั้งนั้น
ได้ยินเสียงตะโกนของเย่ชวง…สายตาที่สงบนิ่งเย็นยะเยือกนั้นของเฉินเป่ยถึงค่อยเลือนหายไป…ความหมายอาฆาตที่สยองขวัญดุร้ายนั้น…ราวกับถูกเสียงตะโกนนี้ของเธอสลายไป…
เฉินเป่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นค่อยๆ ปล่อยมือออกแล้ว…
“แค่กๆ…” เสียงหวางอู๋ตี๋ไออย่างเจ็บปวด…เขาอุดมือไว้ที่คอ หายใจเอาอากาศเต็มที่…วินาทีเมื่อสักครู่นั้น…เขาขาดออกซิเจนถึงที่สุด…ราวกับเข้าใกล้การโจมตีของนรกความตายไปทั้งตัว
สีหน้าของเขาจากที่ซีดเซียวเปลี่ยนเป็นแดงมีเลือดฝาดในเวลานี้…เขาไอโขลกอย่างรุนแรง ในดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย…ทั่วทั้งตัวน่าเวทนากระเซอะกระเซิงอย่างยิ่ง
นี่…คือความอัปยศอดสูอันใหญ่หลวงสุดที่หวางอู๋ตี๋เคยประสบมาในชีวิตนี้เลยทีเดียว เป็นความอัปยศอดสูของทั้งตระกูลหวาง…ไม่เคยประสบมาก่อนในหลายสิบปีมานี้
ตระกูลหวางของเขาประกาศตัวเป็นใหญ่ที่เมืองจิง แทรกเข้าไปในเขตปกครองของผู้นำ…พื้นที่อิทธิพลหนาแน่นของเยี่ยนจิงแห่งนั้น ไม่เคยมีใครกล้าจัดการคนของตระกูลหวางเช่นนี้…ยิ่งไม่มีใครกล้าข่มขู่คุณชายรองตระกูลหวางอย่างไม่กลัวตายเช่นนี้ด้วย…นี่…คือการทลายฟ้าเลยทีเดียว
ในขณะนี้ สีหน้าของบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งในเหตุการณ์ล้วนตื่นตระหนกตกใจ หัวใจของทุกคนพะวักพะวน…ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวสมองของพวกเขา…ท้องฟ้าของเมืองหู้ไห่นี้…เกรงว่าจะต้องโดนทำลายลงแน่
หวางอู๋ตี๋สงบสติอารมณ์ลงมา สีหน้าดูแย่และซีดเซียว หมุนตัววิ่งไปทันใด…พุ่งเข้าไปในรถอาวดี้คันนั้นของตนเองอย่างโซซัดโซเซกระเซอะกระเซิง…แล้วปิดประตูรถทันใด
“ชนมันตาย…ให้ฉัน!!” สีหน้าหวางอู๋ตี๋แดงก่ำทันที นั่นคือความโกรธแค้นที่ดุร้ายสยองขวัญ วันนี้เขาต้องทำให้เฉินเป่ยตาย เขาอยากฆ่าเจ้าสารเลวคนนี้ให้ถึงที่สุด
คนขับรถสีหน้าเย็นยะเยือก เลี้ยวรถทันใด…หันหน้ารถพุ่งเป้าที่เฉินเป่ย…เหยียบคันเร่งอย่างแรง
“หึ่ม…!” เครื่องยนต์รถอาวดี้A6ร้องคำรามกระหึ่มดุเดือด รถยนต์ขนาดใหญ่พุ่งชนมายังเฉินเป่ยอย่างดุเดือด ความเร็วว่องไว ทำให้เดิมทีคนไม่มีทางตอบสนองทัน
“อย่า…!” ชั่วขณะนั้นใบหน้าเย่ชวงซีดขาว ในช่วงเวลานั้นทั่วทั้งตัว…ราวกับเสียการควบคุมถึงที่สุด…ร่างกายเธอทนไม่ไหวอีกต่อไป พุ่งเข้าไปทันที…พยายามขัดขวางทุกอย่างนี้…แต่ว่า…เดิมทีก็ไม่ทัน
รถอาวดี้A6ผ่านการปรับแต่งมาเป็นพิเศษ…ไม่เพียงปรับเป็นกระจกหุ้มเกราะกันกระสุนที่แข็งแรงเท่านั้น…ยังปรับแต่งกำลังเครื่องยนต์ให้ทรงพลังเหนือชั้นยิ่งขึ้นอีกด้วย ความเร็วเฉียบไว…แม้กระทั่งยังเหนือกว่าเครื่องยนต์ของรถแข่ง
หวางอู๋ตี๋นั่งอยู่ในรถ สีหน้าแดงก่ำดุร้าย แววตาของเขาถลึงใส่เฉินเป่ยไม่กะพริบ…เหมือนว่ามีความแค้นโหดเหี้ยมไร้ที่เปรียบ…เขาอยากให้เฉินเป่ยตาย อยากให้เจ้าสารเลวคนนี้โดนชนจนเนื้อเละไปหมด ถึงที่สุด ในเวลานี้…เขาสามารถจินตนาการถึงสภาพที่เฉินเป่ยโดนชนอย่างแรง…ถูกรถอาวดี้บดขยี้ไปมา…จนกลายเป็นสภาพที่อัปลักษณ์เนื้อเละเลือดสาด…สภาพนั้น…ทำให้เขากุมหมัดแน่น นั่นคือความสุขของการแก้แค้น
รถอาวดี้ราวกับจรวดที่ส่งเสียงคำราม…พุ่งทะยานจากพื้น…ก่อนจะพุ่งชนมาทางเฉินเป่ยอย่างดุเดือด…นี่…คือเกมที่ต้องตาย
ลูกตาเฉินเป่ยหดตัว ชั่วพริบตาเดียวแขนทั้งคู่ของเขาก็รวบรวมกำลังทันใด ชั่วขณะหนึ่งกล้ามเนื้อเส้นเลือดปุดขึ้น…
รถอาวดี้A6ชนเข้ามาด้วยพลังสามร้อยแรงม้าที่สยองขวัญ…
“ตึง—!” เสียงดังสนั่นฟ้าทีหนึ่ง
มือทั้งสองของเฉินเป่ยตบลงบนหน้ารถของรถอาวดี้อย่างแรง…ฝากระโปรงเครื่องยนต์หุ้มเกราะของทั้งรถอาวดี้บุบเบี้ยวเปลี่ยนรูป มือทั้งสองของเขากำลังดันต้านหน้ารถของรถอาวดี้อย่างแรง
เครื่องยนต์ของรถอาวดี้คำรามดุเดือด…ใช้พลังไร้ขอบเขตทั้งตัวรถระเบิดชนบดขยี้เข้ามา
เดิมทีเฉินเป่ยไม่มีทางขัดขวางพลังที่สยดสยองนี้ได้…ชั่วขณะนั้นระเบิดกล้ามเนื้อขาออก…มือทั้งสองของเขาต้านหัวรถของรถอาวดี้ไว้อย่างรุนแรง…ร่างกายของเขา…เคลื่อนไปบนพื้นด้านหลังไม่หยุด…พื้นที่อยู่ใต้เท้าแตกร้าวพังทลายในชั่วขณะนั้น…ฝุ่นดินลอยคละคลุ้งอย่างหนัก
นี่…การแข่งขันต้านทานของร่างกายมนุษย์และเครื่องยนต์ฉากหนึ่ง
เครื่องยนต์ของรถอาวดี้คำรามกระหึ่มไม่เลิก พลังที่มหาศาลจู่โจมมาแบบสยองขวัญ
มือทั้งสองของเฉินเป่ยกดหน้ารถไว้แน่น ทั้งหน้าฝากระโปรงเครื่องยนต์โดนกดจนยุบลง…เขาพยายามใช้แรงร่างกายคนฝืนสกัดการพุ่งชนของรถอาวดี้ไว้
ที่พื้น…ยังคงแตกร้าวไม่ขาดสาย ร่างกายของเฉินเป่ยกำลังเคลื่อนถอยหลังไม่หยุด…กล้ามเนื้อขาของเขาระเบิดแตกในชั่วขณะนั้น…เส้นเลือดที่แขนเขานูนขึ้น…แม้แต่ผิวหนังยังถูกพลังกล้ามเนื้อที่สยดสยองผุดขึ้นฉับพลันจนแตกออก…เลือดสดค่อยๆ ไหลออกมาตามแขนของเขา…เปื้อนเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาจนแดงขึ้นมาแล้ว…