แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่635 แกกล้าข่มขู่ฉัน
“ไม่ต้อง ผมไม่เป็นไร” เฉินเป่ยพูดอย่างแข็งแกร่งและทรหด
ถึงแม้เป็นอะไรจริง เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร…เขาไม่สามารถให้หลีชิงเยียนแม่สาวคนนี้เป็นกังวลได้
“ไปเถอะ พวกเรากลับบ้านกัน” เฉินเป่ยพูดเสียงละมุน ดึงมือของหลีชิงเยียนอยากออกไป
ใบหน้าหลีชิงเยียนขมวดตึงเบาๆ เหมือนเจ็บปวดอยู่บ้าง
ดวงตาที่แหลมคมของเฉินเป่ยกวาดมอง พบว่าบนเท้าของเธอบวมแดง…
“ยัยโง่…ทำไมคุณถึงไม่ระวังขนาดนี้…” เฉินเป่ยโค้งตัวลงด้วยความปวดใจ บีบถูเท้าที่เปล่าเปลือยของเธอเบาๆ…จากนั้นไม่มัวเหลวไหล โอบเอวเธออุ้มขึ้นโดยตรง อุ้มเธอไว้แบบนี้แล้วเดินไปถึงด้านหน้ารถไมบัค
วางหลีชิงเยียนไว้บนที่นั่งข้างคนขับแบบเบาๆ เฉินเป่ยนั่งยองตัวลง นวดเท้าเปล่าที่เจ็บเคล็ดบวมแดงด้วยความระมัดระวัง…
ในเวลานี้ ทันใดนั้น…แสงไฟรถที่สว่างดวงหนึ่งเปล่งประกายมาแต่ไกล
สายตาของเฉินเป่ยแข็งทื่อกะทันหัน
รถเบนท์ลีย์มูลซานสีดำคันหนึ่งค่อยๆ ขับมาจากระยะไกล เหยียบเบรกทันที…จอดอยู่ที่ข้างถนน
ประตูรถเบนท์ลีย์มูลซานเปิดออก เซวอี้ที่ใส่ชุดสูทก้าวลงจากประตูลงด้วยความตื่นตระหนกตกใจ รีบเดินเข้ามาทางนี้
“ประธานหลี เกิดอะไรขึ้นครับ? คุณไม่เป็นไรนะครับ?” เสียงของเซวอี้มีความตกใจและห่วงใย รีบเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
เฉินเป่ยลุกขึ้นฉับพลัน ดึงคอเสื้อของเขาเอาไว้ คว้าทั้งตัวของเขาขึ้นมา เหมือนกับคว้าเหยื่อไว้อย่างนั้น กดทั้งตัวเซวอี้ไว้บนประตูรถเบนท์ลีย์คันนั้นของเขาเอาไว้อย่างแรก
ประตูรถถูกแรงมหาศาลกดทับจนบุบลงเปลี่ยนรูปไปบ้างแล้ว…
เซวอี้สีหน้าซีดเซียวไปหมด ลูกตาถลึงจ้องเฉินเป่ยเขม็ง
“ปล่อยมือ….!” เซวอี้ถูกเฉินเป่ยจับกดไว้ สีหน้าเย็นยะเยือกพูดเดือดดาล
สายตาเฉินเป่ยจ้องเซวอี้ด้วยสายตาเย็นชา พูดเยาะเย้ยอย่างล้ำลึก “นักฆ่าที่แกส่งมามีความสามารถแค่นี้เองเหรอ?”
ซู่! พอได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของเซวอี้ก็เปลี่ยนฉับพลัน
“ฉันไม่เข้าใจว่าแกกำลังพูดอะไร? นักฆ่ากลุ่มนี้ไม่ใช่คนที่ฉันส่งมา ฉันไม่รู้!” สีหน้าเซวอี้น่าสะพรึงกลัวอึมครึมพูดอธิบาย “ฉันได้ยินเสียงปืนกับเสียงระเบิดรุนแรงมาจากทางนี้ ถึงได้รีบร้อนเข้ามา! แกอย่ามาใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น!”
เฉินเป่ยหรี่ดวงตาขึ้น จ้องเขาแบบล้ำลึกทอดยาว “งั้นเหรอ?”
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” เซวอี้ตะโกนแบบโมโห เห็นได้ชัดว่าทั้งตัวโกรธเคืองอย่างยิ่ง…เหมือนกำลังปกปิดอะไรไว้…แต่การปิดซ่อนของเขาเหมือนจะลึกมาก…แม้แต่เฉินเป่ย…ยังมองเบาะแสจากในแววตาของเขาไม่ออกเลยสักนิดเดียว
“ดูแล้ว คงต้องให้ฉันใช้กำลังสักหน่อยล่ะ…” เฉินเป่ยค่อยๆ ยกหมัดขึ้นมา เส้นเลือดที่แขนปูนนูนขึ้น แรงอาฆาตปลดปล่อยออกมาจากบนตัวเขาในชั่วขณะนั้น
ในที่นั่งข้างคนขับของรถเบนท์ลีย์ เลขาฯจางจื่อหลานวิ่งออกมาด้วยความสับสนทำอะไรไม่ถูก รีบมาห้าม “อย่า!”
“หยุดนะ!” ด้านหลัง เสียงท่านประธานเทพธิดาหลีชิงเยียนก็ดังขึ้นเช่นกัน
ดวงตาเฉินเป่ยแข็งทื่อ ไม่ได้หยุดแต่อย่างใด ปล่อยหมัดหนึ่งออกไปอย่างแรง
“ตึง!” หมัดของเฉินเป่ยต่อยไปบนตัวรถเบนท์ลีย์อย่างรุนแรง ระเบิดโจมตีด้วยพลังมหาศาล ตัวรถเบนท์ลีย์ยุบลงอย่างหนัก กระจกหน้าต่างรถถูกโจมตีรุนแรงจนแตกร้าวไปแถบหนึ่ง
ชั่วขณะนี้ สีหน้าเซวอี้ดูซีดเซียว เหงื่อหยดหนึ่งไหลร่วงลงจากหน้าผาก
เฉินเป่ยกวาดมองเฉินเป่ยแวบหนึ่งด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก ราวกับการจ้องมองของปีศาจจากนรก
หัวใจของเซวอี้เต้นแรงฉับพลัน รู้สึกเพียงว่าสั่นไปทั้งตัว นั่นคือการสั่นเทาที่มาจากจิตวิญญาณ
“เฉินเป่ย กลับมา” เสียงหลีชิงเยียนตะโกนบอกอย่างเคร่งเครียด
เฉินเป่ยถึงค่อยๆ ปล่อยคอเสื้อของเซวอี้ออก ถอยกลับไปที่ข้างกายของหลีชิงเยียนช้าๆ
เซวอี้หายใจหอบเฮือกใหญ่ไปหมด เมื่อสักครู่ตอนที่โดนเฉินเป่ยคว้าไว้นั้น…เขาเหมือนจะหยุดหายใจลงแล้ว ความรู้สึกแบบนั้น…ทำให้เขารู้สึกถึงการคุกคามของความตายนิดๆ
เลขาฯจางจื่อหลานรีบเดินเข้ามาตรงหน้าเซวอี้ ประคองเขาไว้ด้วยความระมัดระวัง
เซวอี้หายใจหอบเฮือกๆ สีหน้าซีดเผือด เขาพูดแบบจริงจัง “ประธานหลีครับ เรื่องนี้…ไม่ใช่ผมทำเด็ดขาด… ผมเซวอี้ขอสาบานต่อฟ้า!”
ใบหน้าหลีชิงเยียนสงบนิ่ง ดวงตาจ้องเขาไปแบบสงบนิ่งขนาดนี้ คล้ายว่าอยากมองบางสิ่งจากในดวงตาเขาให้ออก
เซวอี้จัดเสื้อให้เรียบร้อย ลักษณะที่ดูไม่พูดโกหกเด็ดขาด
“ประธานหลี…ผมขอสาบาน การลอบสังหารครั้งนี้…เป็นเรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน! ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับการที่ผมเชิญคุณมาทานอาหารมื้อเย็นครั้งนี้!!” เสียงของเซวอี้หนักแน่นมาก และล้ำลึกมาก แต่เดิมทีกลับทำให้คนมองข้อเท็จจริงไม่ออก
อาหารเย็นมื้อหนึ่งในวันนี้ เดิมทีเห็นได้ชัดว่าน่าประหลาดใจอยู่บ้าง..เซวอี้เชิญหลีชิงเยียนทานข้าวโดยกะทันหัน…ที่โต๊ะอาหารเจรจาร่วมงานไม่ผ่าน…ต่อมาระหว่างทางที่หลีชิงเยียนกลับไปเจอการลอบสังหารเข้า? โดยเฉพาะส่งมือปืนซุ่มยิงมาสิบห้าคนเต็มๆ การสังหารทั้งหมดถูกจัดเตรียมมาครบครันต่อเนื่องเช่นนี้ นี่…เป็นเพียงเรื่องบังเอิญฉากหนึ่ง?
“เซวอี้ แกเชื่อคำพูดที่ตัวแกเองพูดมาเหรอ?” เฉินเป่ยพันแขนเสื้อขึ้น ท่วงท่าเย็นชาอยากจะมีเรื่อง
เซวอี้สีหน้าลุ่มลึกไร้ที่เปรียบ ค่อยๆ พูดว่า “ฉันบอกแล้ว เรื่องนี้…ไม่เกี่ยวกับฉันเด็ดขาด นักฆ่ากลุ่มนี้เป็นใคร…เดิมทีฉันไม่รู้จัก…ประธานหลี ผมแนะนำให้คุณรีบแจ้งตำรวจ เรื่องนี้ มอบให้ตำรวจจัดการ ถึงปลอดภัยและเหมาะสมที่สุดครับ!”
แจ้งความ? เรื่องนี้ถ้าแจ้งความ…จะมีประโยชน์จริงเหรอ? ดวงตาหลีชิงเยียนจ้องเซวอี้อยู่ตั้งนาน…
“ประธานหลี ขอให้คุณเชื่อใจผมด้วย!” เซวอี้พูดจาแบบจริงจังหนักแน่น สีหน้าของเขาเคร่งขรึม เหมือนไม่ได้พูดโกหกแต่อย่างใด
หลีชิงเยียนพยักหน้าเบาๆ พูดด้วยเสียงน่าดึงดูด “ประธานเซว ฉันเชื่อคุณค่ะ”
เห็นได้ชัดว่าบรรยากาศเงียบสงบอยู่บ้าง
“ประธานหลี ตอนนี้ผมจะติดต่อสถานีตำรวจ ให้พวกเขาเข้ามาตรวจสอบ คุณวางใจได้ ผมจะต้องหาความจริงเรื่องนี้ออกมาให้ได้แน่!” เซวอี้พูดอย่างหนักแน่นไร้ที่เปรียบ จากนั้นล้วงมือถือออกมา เห็นว่าจะต่อสายไปที่โทรศัพท์ของสถานีตำรวจ
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ” หลีชิงเยียนพูดเสียงน่าดึงดูดขึ้นกะทันหัน
“ประธานเซว ไม่ต้องหรอกค่ะ เรื่องนี้…จบตรงนี้เถอะค่ะ…ร่างกายฉันไม่ค่อยสบาย ขอกลับก่อนแล้วกันนะคะ” เสียงหลีชิงเยียนนิ่งเรียบ ค่อยๆ พูดขึ้น
“ประธานหลี…เรื่องนี้…ผมคิดว่ารอตำรวจมา…แล้วลงบันทึกประจำวันไว้…” เซวอี้กำลังอยากพูดเกลี้ยกล่อมหลีชิงเยียน
เฉินเป่ยกลับก้าวขึ้นมาก่อนทันใด สายตาเย็นยะเยือกไร้ที่เปรียบ ราวกับมีเจตนาสังหารที่สั่นเทา
คำพูดของเซวอี้หยุดชะงักในชั่วขณะนั้น…เขาถูกสายตาอาฆาตสั่นเทาแบบนี้ของเฉินเป่ยทำเอาสั่นหวาดกลัวค้างแล้ว
เฉินเป่ยไม่สนใจเขาอีก มุดเข้าในรถไมบัค สตาร์ทรถขึ้น ค่อยๆ ขับออกไป…
เหลือเพียงเซวอี้ที่ยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าอึมครึมไม่สงบ เขากวาดตามองที่เกิดเหตุลอบสังหารทีหนึ่ง…ในแววตามีความล้ำลึกที่ซับซ้อนน่าประหลาดแวบผ่าน…
ในที่สุดเขาก็ค่อยๆ หยิบมือถือขึ้น ต่อสายไปยังโทรศัพท์ของสถานีตำรวจหู้ไห่แล้ว
“ผมอยากแจ้งความ”
…
ช่วงกลางคืน รถไมบัคค่อยๆ ขับอยู่ท่ามกลางถนน
ในรถดูเงียบสงบอยู่บ้าง หลีชิงเยียนเอามือกอดหน้าอก บนใบหน้างดงามมีความซับซ้อนที่ลุ่มลึก
เธอในเวลานี้ผ่อนคลายเข้ามาจากสถานการณ์ลอบสังหารที่อกสั่นขวัญแขวนเมื่อสักครู่นี้…กลับคืนสู่ความสุขุมแบบควรจะเป็นแล้ว
การลอบสังหารในวันนี้ น่าสงสัยอย่างหนัก ทำให้ในใจเธอซับซ้อนตกใจ
“นายคิดว่าการลอบฆ่าครั้งนี้…เป็นเซวอี้บงการเหรอ?” หลีชิงเยียนนั่งอยู่ในเบาะข้างคนขับ ถามขึ้นเสียงเบา
เฉินเป่ยลังเลอยู่ไม่กี่วินาที ค่อยๆ พูดว่า “ผมก็ไม่แน่ใจ”
ได้ยินคำตอบของเฉินเป่ย ใบหน้าหลีชิงเยียนอดตะลึงไม่ได้…ทุกครั้งที่เธอเจอปัญหายุ่งยากใดๆ…ล้วนสอบถามเฉินเป่ย…ส่วนเฉินเป่ยก็จะให้คำตอบที่แม่นยำสร้างสรรค์ออกมาทันใด…
แต่ว่าวันนี้…เฉินเป่ย…คาดไม่ถึงเขาบอกว่าไม่รู้?
“ผมมองไม่ออกจริงๆ…” เฉินเป่ยขับรถไปพลางค่อยๆ พูดอธิบาย “ด้วยเงื่อนไขต่างๆ ในวันนี้…ล้วนพุ่งเป้าไปยังเซวอี้…รวมทั้งฉากหลังจากที่เขาลอบฆ่าล้มเหลวนั้น กลับเข้ามาลบล้างความน่าสงสัยของตัวเอง…”
“นายหมายความว่าเซวอี้คือผู้บงการเบื้องหลัง?” หลีชิงเยียนดวงตาแข็งทื่อ
“ไม่…ความหมายของผมคือ…ผมมองไม่ออก…” เสียงของเฉินเป่ยมีความลุ่มลึกที่ซับซ้อน “จากในตาของเขา ผมมองเบาะแสใดๆ ไม่ออก…ผู้ต้องโทษคนหนึ่ง ถ้าเขาทำความผิดแล้ว ในตาของเขาควรจะเผยความกังวลและการปิดบังอำพรางความจริงออกมา…แต่ดวงตาของเขานิ่งสงบมาก”
“จากในมุมมองด้านจิตวิทยา…เขาเหมือนไม่มีพิรุธในใจ…ไม่มีการกระทำที่หวาดผวาและหลบเลี่ยงใดๆ ดังนั้น…ผมเลยมองไม่ออก” เฉินเป่ยดวงตาเปลี่ยนไปทอดยาวซับซ้อน เซวอี้คนนี้ เขามองไม่ออกจริงๆ เหมือนว่ามีของอะไรที่ก่อกวนความคิดของเขา เพียงแค่…เวลานี้เขาคิดไม่ออกเลย
ใบหน้าหลีชิงเยียนแข็งทื่อ พูดแบบสงสัยประหลาดใจ “นายเรียนความรู้จิตวิทยาพวกนี้มาจากที่ไหนกัน?” เฉินเป่ยกระแอมแบบกระอักกระอ่วน รีบเปลี่ยนหัวข้อ “ไม่ว่าจะพูดยังไง เซวอี้น่าสงสัยมากที่สุด วันหลังคุณต้องระวังเขาไว้”
…
สถานที่ลอบสังหาร รถเบนท์ลีย์ยังคงจอดอยู่ที่เดิม เซวอี้ล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ ยืนอยู่ที่เดิมอย่างล้ำลึกอึมครึม กวาดตามองสถานการณ์ไม่หยุด สายตาของเขาซับซ้อนน่าประหลาดขั้นสุด
เลขาฯจางจื่อหลานยืนอยู่ด้านข้าง ใบหน้าของหล่อนมีความซับซ้อน
ในเวลานี้ มีเสียงคำรามของเครื่องยนต์ลอยมาจากระยะไกล
ช่วงค่ำคืนที่เงียบงัน ไฟรถสว่างไสวปรากฏขึ้นฉับพลัน มีเสียงคำรามของเครื่องยนต์…รถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่คันหนึ่งกำลังคำรามมาอย่างรวดเร็ว แล่นฉิวมาทางรถเบนท์ลีย์ของเซวอี้
ดวงตาเซวอี้แข็งทื่อขึ้นเล็กน้อย ในแววตามีความตะลึงและประหลาดใจเกิดขึ้น…รถคันนี้ปรากฏตัวมากะทันหันเช่นนี้เลยหรือ?
ทันใดนั้น…สายตาก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปเคร่งขรึมตกใจ เพราะรถมอเตอร์ไซค์ใหญ่คันนั้นไม่มีความหมายจะหลบเลี่ยงและเบรกรถเลย พุ่งชนเข้ามาที่รถเบนท์ลีย์อย่างแรงโดยตรง
และที่ทำให้เซวอี้ยิ่งรู้สึกตกใจคือ…บนรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่คันนั้น…คาดไม่ถึงไม่มีคนขับ ไร้ซึ่งผู้คน พุ่งชนเข้ามาด้วยความรวดเร็วดุจวิญญาณขนาดนี้
“ประธานเซว…ระวัง!!” คนขับรถเบนท์ลีย์รีบพุ่งออกจากรถ ผลักเซวอี้ออกไป
“ตึง!” เสียงดังสนั่น รถมอเตอร์ไซค์ไร้คนขับคันนั้นชนเข้าที่ตัวรถเบนท์ลีย์อย่างรุนแรง ทั้งตัวรถเบนท์ลีย์ยุบลงอย่างหนัก
รถมอเตอร์ไซค์ใหญ่ล้มลงบนพื้น โดนชนจนแตกเป็นเสี่ยง…ในซากของรถมอเตอร์ไซค์…เปล่งประกายแสงสีแดงของโลหะไม่กี่ดวง
สายตาเซวอี้แข็งทื่อ ชี้ไปที่จุดแสงสีแดงนั้น ถามว่า “นั่นคืออะไร?”
ดวงตาคนขับรถแข็งทื่อ กวาดตามองจุดแสงสีแดงนั้นแวบหนึ่ง สีหน้าซีดเซียวไปทั้งหมดในขณะนั้น
“ระ…ระเบิด!!” เสียงของคนขับรถมีความตกใจ
“ประธานเซว! รีบหนีเร็วครับ!!” คนขับรถตัดสินใจเร่งด่วน พาเซวอี้พุ่งเข้าไปในรถเบนท์ลีย์ที่ถูกชนยุบลงคันนั้นทันที…ถึงแม้รถจะถูกชนจนผิดรูป แต่ยังคงสามารถสตาร์ทได้
เซวอี้กับเลขาฯจางจื่อหลานหลบเข้าไปในรถเบนท์ลีย์อย่างสับสน…สตาร์ทเครื่องยนต์รถเบนท์ลีย์ ขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“ตู้ม——!” ด้านหลังมีเสียงระเบิดดังสะเทือนเลือนลั่นลอยมา ระเบิดได้ระเบิดขึ้นในชั่วขณะนั้น เปลวไฟทะยานขึ้นสูง
เซวอี้นั่งอยู่ในรถ สีหน้าซีดเซียวแถบหนึ่ง…เขาหันหน้ามองเปลวไฟที่ทะยานขึ้นฟ้าอย่างดุเดือดที่ด้านหลังนั้นด้วยความหวาดวิตก…สีหน้าตื่นตระหนก…
…
หลังจากรถเบนท์ลีย์ขับหนีไปด้วยความเฉียบไว…ภาพเงาคนคนหนึ่งถึงค่อยๆ ปรากฏตัวกลางถนนยามค่ำที่เงียบงัน มุมปากของเขามียิ้มชั่วร้ายที่น่าสะพรึงกลัว
ภาพเงาคนค่อยๆ กวาดตามองรอบด้านทีหนึ่ง ส่งสัญญาณลับอยู่ในความมืดยามค่ำ ตามมาด้วยรถขยะสองคันค่อยๆ ขับมา จอดอยู่ในตรงสถานที่เกิดเหตุลอบสังหาร…
คนชุดดำคลุมหน้าไว้กลุ่มหนึ่งลงรถมารวดเร็ว…ทำความสะอาดสถานที่เกิดเหตุด้วยการกระทำที่ว่องไว…เก็บศพที่ดาดฟ้าอาคารและอาวุธทั้งหมด จัดการทำความสะอาดร่องรอยสะอาดจนเกลี้ยง…
หลังจัดการทุกอย่างสะอาดหมด…รถขยะสองคันค่อยๆ ขับออกไป…หายไปในความมืดยามค่ำคืน
…
หลังจากนั้นยี่สิบนาที รถตำรวจกลุ่มหนึ่งคำรามเข้ามา จอดอยู่ที่“สถานที่เกิดเหตุ”ทันที…
สถานที่เกิดเหตุ…สะอาดหมดจด กลางถนนที่เงียบงัน…ไม่มีร่องรอยเกิดเหตุการณ์ใดๆ…ร่องรอยและกลิ่นหายไป แม้แต่เลือดสักหยดยังไม่มี…
สุนัขตำรวจหลายตัวกำลังตรวจค้นสถานที่เกิดเหตุรอบหนึ่ง สุนัขเงียบเฉยอย่างยิ่ง…แม้แต่จมูกของสุนัขยังไม่มีทางดมอะไรออกมาได้เลย
“เกิดเรื่องอะไรกัน? ไม่ใช่บอกว่ามีคดีสังหารโหดเหรอ? โดนหลอกแล้วหรือเปล่า?” เหล่าตำรวจมองหน้าซึ่งกันและกัน ไม่ตอบสนองเข้ามาเท่าไร…
“น่าจะ…เป็นไปไม่ได้มั้ง? เป็นคุณชายเซวโทรศัพท์เข้ามา…คุณชายเซวไม่น่าจะหลอกพวกเรามั้ง?”
…
ท้องถนนยามค่ำคืน
เซวอี้นั่งอยู่บนรถเบนท์ลีย์ที่แล่นฉิว สีหน้าซีดเซียว เขายังคงไม่ผ่อนคลายลงมาจากเหตุการณ์ระเบิดเมื่อสักครู่นี้…เขาควบคุมทุกอย่างอยู่ที่เมืองหู้ไห่มา…แต่ไหนแต่ไรยังไม่มีใครกล้าโยนระเบิดที่สยองขวัญเช่นนี้…เข้ามาใต้อาณาเขตมาก่อน นี่…มีอย่างที่ไหนกัน อยู่ในเขตอิทธิพลของตนเองที่เมืองหู้ไห่นี้…คาดไม่ถึงโดนคนโยนระเบิดมาข่มขู่แล้ว
ในเวลานี้ โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นกะทันหัน
เซวอี้รับสายโทรศัพท์อย่างสับสน…
“อะไรนะ? สถานที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยอะไรเลย? นี่เป็นไปได้ยังไง!!” เซวอี้ได้ยินการรายงานของตำรวจในสายโทรศัพท์ สะดุ้งขึ้นมาทั้งตัวถึงที่สุด
“ผมไม่ได้หลอกพวกคุณแน่ๆ รถของผมโดนชนพังแล้ว ระเบิดที่เกิดเหตุ…ศพพวกนั้น…รอยเลือดบนพื้น…พวกคุณมองไม่เห็นเหรอ? ถึงแม้ศพจะถูกคนย้ายไปแล้ว…แล้วรอยเลือดบนพื้นล่ะ? รอยเลือดเต็มพื้น หรือว่าพวกคุณมองไม่เห็นเหรอ?” เซวอี้สูญเสียการควบคุมอารมณ์ถึงที่สุด
ในที่สุด เขาก็วางสายโทรศัพท์แบบหมดแรง
เลขาฯจางจื่อหลานหันหน้ามองแบบตกใจ ถามด้วยความระมัดระวัง “ประธานเซวคะ…เกิดอะไรขึ้นคะ?”
เซวอี้อึ้งทึ่งว่างเปล่าไปทั้งตัว เงียบงันอยู่นาน ถึงค่อยเอ่ยปาก “ที่เกิดเหตุ…ถูกคนทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วหมดแล้ว…ไม่มีร่องรอยแม้แต่น้อย…”
“อะ…อะไรนะ…?” ใบหน้าเลขาฯจางจื่อหลานอึ้งทึ่ง ไม่มีทางตอบสนองเข้ามาโดยสิ้นเชิง…นี่…นี่แปลกประหลาดเกินไปแล้วมั้ง?
เซวอี้สีหน้าซีดขาว พิงบนเบาะรถอย่างอ่อนยวบไร้เรี่ยวแรง…วินาทีนี้ เขารู้สึกหมดแรงและหวาดผวาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขา…เหมือนถูกคนคิดวางแผนไว้แล้ว…
“คาดไม่ถึงว่าเป็นใคร…เป็นใครที่กำลังเล่นเล่ห์เพทุบาย…” เซวอี้โกรธเคืองเสียการควบคุม มือทั้งสองทุบบนกระจกรถอย่างแรง ราวกับบ้าคลั่งไปหมดโดยสมบูรณ์์แบบ
ประธานบริษัทผู้น่าเกรงขาม…ในวินาทีนี้แพ้จนกระเซอะกระเซิงเพียงนี้ เขาถูกคนลอบทำร้ายในเขตอิทธิพลของตนเอง…ถูกคนแจ้งเตือนข่มขู่ นี่ทำให้ในใจเขาไม่สงบ
คืนนี้หู้ไห่…คงไม่หลับใหล…
หลังจากเซวอี้กลับมาถึงบ้านในคืนนั้น พุ่งเข้าไปในห้องหนังสือของบิดาโดยตรง ล็อกประตูห้องไว้ รายงานเรื่องราวนี้ไป
บิดาเซวหงเย่ได้ยินลูกชายรายงาน สีหน้าค่อยๆ เคร่งขรึม สุดท้าย…อารมณ์ของเขาเปลี่ยนไปในที่สุด
ดวงตาเซวหงเย่แข็งทื่อขึ้น ในแววตาล้ำลึกซับซ้อนอย่างยิ่ง…เงียบงันตั้งนาน เขาถึงค่อยๆ เอ่ยปากบอก “นี่คือ…แผนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว…”
“พ่อ หมายความว่าอะไร?” เซวอี้ถามอย่างเคร่งเครียดและประหม่า “การลอบสังหารในวันนี้…บางที…อาจหมุนอยู่รอบตัวลูกในฐานะศูนย์กลางมาโดยตลอด…ฝ่ายตรงข้ามคงคุ้นเคยและควบคุมข้อมูลกระบวนการของลูก…” เสียงของเซวหงเย่ลุ่มลึกทอดยาว “ฝ่ายตรงข้ามอยากใช้การลอบสังหารครั้งนี้…โยนหายนะมาที่ลูก…”
“และถ้าการลอบสังหารครั้งนี้สำเร็จ…จะสร้างผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ให้พวกเขา…” ในขณะนี้ สายตาของผู้นำฝ่ายบริหารเมืองหู้ไห่ท่านนี้ก็เย็นยะเยือก
“สารเลว! กล้ามาคุกคามฉันในเขตอิทธิพลเมืองหู้ไห่!! ผมจะลากพวกเขาออกมาแน่นอน” เวลานี้เซวอี้โกรธจนโหดร้าย สั่นเทาไปทั้งตัว
บิดาเซวหงเย่เงียบนิ่งอยู่ด้านข้าง ไม่พูดอะไรตั้งนาน เงียบงันอยู่นานมาก เขาถึงพูดแบบล้ำลึกทอดยาว “ลูกชาย…พวกเราตระกูลเซว…บางที…โดนจ้องเข้าแล้ว…”
ได้ยินคำพูดนี้ ลูกตาของเซวอี้เคร่งขรึมฉับพลัน ความหนาวเย็นผุดออกมาจากกระดูกสันหลัง ที่เมืองหู้ไห่…แต่ไหนแต่ไร มีเพียงพวกเขาตระกูลเซวจัดการคนอื่น… ยังไม่เคยมีคนอื่น…กล้าจัดการตระกูลเซว
ตระกูลเซว…คาดไม่ถึงถูกคนจ้องเข้าแล้ว?
“จะเป็นใครกัน?” เซวอี้กุมหมัดแน่น เย็นยะเยือกไร้ที่เปรียบไปทั้งตัว
เซวเย่หงค่อยๆ ส่ายหน้า ในแววตาล้ำลึกหนาวเย็นไร้ขอบเขต เขาบ่นพึมพำกับตนเอง “มองเห็นแต่สิ่งข้างหน้า…แต่หารู้ไม่กำลังมีอันตรายตามมาด้านหลัง…ดูแล้วมีพวกไม่หวังดี…อยากถือโอกาสนี้ลงมือล่ะ…” สายตาของเซวเย่หงแข็งทื่อ ปลดปล่อยแสงที่น่ากลัว
“พ่อครับ พวกเราจะเดินขั้นต่อไปยังไงกันดี?” เซวอี้สีหน้าเปลี่ยนแปลงและอึมครึมถามขึ้น
ดวงตาเซวเย่หงแข็งทื่อทันใด สาดส่องความน่าสะพรึงกลัวออกมา “รอคอยโอกาส รอคอยอิทธิพลแข็งแกร่งลงมือ เอาบริษัทตระกูลหลีไปครอบครอง ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามอยากเล่น งั้นก็เล่นเป็นเพื่อนเขา ดูว่าใครจะเร็วกว่าโหดกว่าใครกันแน่!!”
…
หลังผ่านค่ำคืนที่ลุ่มลึก แสงแดดที่สว่างเจิดจ้าสาดส่องมาที่เส้นขอบฟ้าทิศตะวันออก
เฉินเป่ยลุกขึ้นวิ่งตอนเช้า วันนี้เขาวิ่งมาถึงสถานที่เกิดเหตุนองเลือดเมื่อคืน…ไปสำรวจตรวจสอบ…แต่ว่าตอนที่วิ่งมาถึงที่เกิดเหตุ เขาต้องตะลึงค้างไป…
สถานที่เกิดเหตุสะอาดเกลี้ยง เดิมทีไม่มีร่องรอยเกิดคดีแต่อย่างใด
ตำรวจทำคดีทำความสะอาดพื้นที่เกิดเหตุ…? ไม่…เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
สายตาของเฉินเป่ยเคร่งขรึม คาดไม่ถึงในสถานที่เกิดเหตุ แม้แต่กลิ่นคาวเลือดยังไม่มีแม้แต่น้อยนิด…ฝีมือการทำความสะอาดที่เกิดเหตุนี้…ไม่เหมือนตำรวจโดยสิ้นเชิง นี่…เป็นการทำลายหลักฐาน
ในสมองของเฉินเป่ยปรากฏภาพเงาของเซวอี้ขึ้นในวินาทีแรก…เมื่อคืน…เขาอยากจะแจ้งตำรวจ…จะเป็นการทำลายหลักฐาน? หรือว่ามีแผนการอีกอย่าง?
การลอบสังหารนี้ มีจุดที่น่าสงสัยมากมาย
ท้ายที่สุดเฉินเป่ยก็ไม่ได้คิดมาก…วิ่งกลับไปที่โรงแรมแล้ว…หลังอาบน้ำล้างหน้า ขับรถไปรับหลีชิงเยียน จากนั้นพาเธอไปส่งที่อาคารตระกูลหลี
หลังหลีชิงเยียนมาถึงบริษัท สั่งการซุนเจียเจียในวินาทีแรก ให้หล่อนนำการประชุมพนักงานภายในสำนักงานทั้งหมด ยกระดับเรื่องระวังความปลอดภัย
ดังนั้นเฉินเป่ยที่เพิ่งนั่งลงมาไม่นาน…ก็ถูกลากมาที่ห้องประชุมด้วยสถานะผู้จัดการคนขับรถกลุ่มพนักงานในสำนักงาน…เข้าร่วมการประชุม
ห้องประชุมใหญ่มาก ผู้นำสำคัญของกลุ่มพนักงานภายในบริษัทหลายสิบคนนั่งที่หน้าโต๊ะประชุม รอคอยการมาถึงของซุนเจียเจีย
ไม่นานนัก ผู้หญิงรูปทรงงดงามก็เดินเข้ามาในห้องประชุมอย่างสง่างาม…ผมยาวดำขลับนุ่มลื่นประบ่า เสื้อเชิ้ตสีขาวที่สวยงามขับให้รูปร่างเซ็กซี่ของหล่อนนั้นโดดเด่นออกมา ด้านล่างเป็นกระโปรงแนบตัวสีดำตัวหนึ่ง…..