บทที่ 657 ความลับในตอนนั้น
“ฉิ้งๆๆๆ”
ซูเหลยถือมีดอยู่ในมือ ชายหนุ่มถือทวนอยู่ในมือ และพุ่งเข้าหากันอย่างบ้าคลั่ง ซูเหลยถอยไปข้างหลังเพราะยากเกินกว่าที่เธอจะต้านทานได้
“ผัวะ!”
พละกำลังของชายหนุ่มน่ากลัวมาก ถึงแม้ซูเหลยจะใช้แรงทั้งหมดในร่างกายก็ไม่สามารถต้านทานได้
ผ่านไปไม่นานก็มีเสียงดังสนั่นขึ้นมา ซูเหลยลอยกระเด็นออกไปเหมือนว่าวสายขาดและกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง
“พรวด!”
ซูเหลยกระอักเลือดออกมา สภาพของเธอกระเซอะกระเซิงเป็นอย่างมาก
“กระจอกแบบนี้ยังกล้ามาขวางอีก” ชายหนุ่มค่อยๆ เดินไปหาซูเหลย สีหน้าของเขาเย็นชา เขามองซูเหลยอย่างเฉยชาราวกับกำลังมองคนกระจอกที่ไม่มีความสำคัญ
ซูเหลยตะเกียกตะกายขึ้นมา แววตาที่เธอมองชายหนุ่มหลงเหลือเพียงแววตาที่ตกตะลึง
เธอคิดไม่ถึงว่าพละกำลังของชายหนุ่มจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ มันเหนือความคาดหมายของเธอเป็นอย่างมาก
ในความเป็นจริงพละกำลังของซูเหลย เรียกได้ว่าเป็นผู้มีฝีมือระดับสูงในต่างแดน แต่ทว่าตอนนี้ซูเหลยคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพละกำลังของชายหนุ่มจะเหนือชั้นขนาดนี้ แข็งแกร่งจนแม้แต่เธอก็ยังอกสั่นขวัญแขวน
“มีอะไรจะพูดก่อนตายไหม” ชายหนุ่มถือทวนอยู่ในมือและเชยคางของซูเหลยขึ้นมาเบาๆ เขาก้มมองซูเหลยเหมือนมองพวกกระจอกที่ไม่มีความสำคัญ
สีหน้าของเขาราบเรียบเป็นอย่างมาก ซูเหลยมองปลายทวน จู่ๆ แววตาของเธอก็นิ่งไป
เธอเพิ่งสังเกตว่าที่ปลายทวนมีของเหลวสีม่วงอยู่บางๆ
มันคือยาพิษ ซูเหลยตั้งสติขึ้นมาทันที ไม่ใช่เพราะว่าเธออ่อนแอเกินไป แต่เพราะมียาพิษอยู่บนอาวุธของชายหนุ่ม ยาพิษแทรกซึมเข้าไปในบาดแผลของเธอ และทำให้พละกำลังของเธอลดลง!
“ในเมื่อไม่มีอะไรจะพูด งั้นก็ตายซะเถอะ” ชายหนุ่มมองซูเหลย หลังจากที่พูดจบเขาก็ง้างทวนขึ้นมาเตรียมที่จะจบชีวิตของซูเหลย
“พรึบ!”
ขณะนั้นก็มีเสียงที่แสบแก้วหูดังขึ้นที่หน้าประตูอาคารตระกูลหลี
จู่ๆ ก็มีบางอย่างผิดปกติ
แววตาของชายหนุ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหมือนเขาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เขาหันไปมองไปที่นอกอาคารตระกูลหลีผ่านหน้าต่าง
ทักษะการมองเห็นของชายหนุ่มดีมาก เพียงแวบเดียวเขาก็เห็นรถยนต์มายบัคจอดอยู่ที่หน้าประตูอาคารตระกูลหลี
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ไม่รู้ทำไมว่าการปรากฏขึ้นของรถยนต์มายบัค ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก เขารู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
“ผัวะ!”
ประตูรถถูกเปิดออก เฉินเป่ยออกมาจากรถยนต์มายบัค
เขาเงยหน้าขึ้นไปมองที่ชั้น 99 ของอาคาร
เหมือนดวงตาทั้งสองจะปะทะกันผ่านเมฆหนาของชั้นบรรยากาศ
แววตาของเฉินเป่ยเปลี่ยนไปทันที วินาทีต่อมา แววตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นแววตาแห่งความอาฆาต
จากนั้นเขาจึงค่อยๆ งอเข่าย่อตัวลง พื้นสั่นสะเทือนไปทั่ว พื้นตรงกลางเท้าของเฉินเป่ยแตกกระจายและลามออกไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นรอยแตกแบบใยแมงมุม
“แกเองเหรอ…” เฉินเป่ยยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ ในรอยยิ้มของเขาแฝงไปด้วยความบ้าคลั่ง
แค่แวบเดียวเขาก็รู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นใคร
“แกยังมีชีวิตอยู่เหรอ เป็นไปไม่ได้!” ชายหนุ่มที่อยู่บนชั้น 99 จ้องเขม็งมาที่เฉินเป่ย แววตาของเขาฉายแววตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ
“พรึบ!”
เฉินเป่ยกระทืบเท้าทั้งสองข้าง ตัวของเขาลอยขึ้นไปข้างบนอากาศเหมือนกับจรวด
“กึกๆๆๆ”
เฉินเป่ยปีนป่ายอยู่บนกระจกอาคารตระกูลหลี แรงอันมหาศาลทำให้กระจกพวกนั้นแตกกระจายออกมา
“พรึบๆๆๆ”
เฉินเป่ยเหมือนจิ้งจกที่ปีนอย่างรวดเร็วและมุ่งหน้าไปยังชั้น 99 เขาไม่ใช่อุปกรณ์ช่วยเหลือใดๆ มีเพียงมีดหลงหยาเท่านั้น
เฉินเป่ยสอดมีดหลงหยาเข้าไปในปูนซีเมนต์ระหว่างสองชั้นของอาคาร เขาเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ความเร็วนั่นน่ากลัวเป็นอย่างมาก
ไม่นานเฉินเป่ยก็มายืนอยู่บนชั้น 99 เขามองชายหนุ่มด้วยสายตาเย็นชา แววตาของเขาเยือกเย็นราวกับเกล็ดน้ำแข็ง
“แกยังมีชีวิตอยู่จริงด้วยสินะ” ชายหนุ่มมองเฉินเป่ยและเอ่ยขึ้น
เฉินเป่ยจ้องชายหนุ่มเขม็ง และพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “คนที่ทำลายครอบครัวของฉันทั้งครอบครัวก็คือแก คนที่บีบบังคับให้ฉันออกไปจากหัวเซี่ยก็คือแก คิดไม่ถึงว่าแกยังกล้าโผล่หน้ามาที่เมืองหู้ไห่อีก!!”
ชายหนุ่มพูดเนิบๆ ว่า “ฉันแค่ทำตามคำสั่ง สำหรับคนในครอบครัวของแก ฉันลืมไปหมดแล้วว่าหน้าตาเป็นยังไง”
“หัวหน้าของแกเป็นใคร” เฉินเป่ยเอ่ยขึ้น
“แกไม่มีสิทธิ์รู้ หน้าที่ของฉันคือทำให้พวกแกตาย” ชายหนุ่มพูดจบก็แผดเสียงออกมา ทวนยาวที่อยู่ในมือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและพุ่งไปที่เฉินเป่ย
เฉินเป่ยยังคงนิ่ง ข้างทั้งสองข้างเคลื่อนไหวเบาๆ เพื่อที่จะหลบทวนของชายหนุ่ม
แววตาของชายหนุ่มฉายแววประหลาดใจและมองเฉินเป่ยอย่างลุ่มลึก เขาพูดอย่างยียวนว่า “คิดไม่ถึงว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ จะมีโอกาสได้เจอกันอีก”
“โอกาสของฉันมันเกิดขึ้นเพราะแก” เฉินเป่ยพูดออกไป มีดหลงหยาปรากฏขึ้นในมือของเขา เขาสะบัดมีดหลงหยาไปมา จากนั้นจึงแผดเสียงออกมา “ตายซะ!”
มีดหลงหยาพุ่งไปที่ชายหนุ่มอย่างบ้าคลั่ง มันเร็วราวกับสายฟ้า แม้แต่ซูเหลยก็มองไม่ทัน เธอเห็นเพียงเงารางๆ เท่านั้น
“ฉิ้ง!”
เฉินเป่ยเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มก็ไม่น้อยไปกว่ากัน แววตาของเขาดุดัน จากนั้นก็เหวี่ยงทวนอย่างแรง เสียงคำรามดังออกมา การโจมตีอย่างรวดเร็วของเฉินเป่ยถูกชายหนุ่มรับมือได้
“ตู้ม”
เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมา ทวนในมือของชายหนุ่มพุ่งเข้าไปหาเฉินเป่ย มันแหวกอากาศออกไป มีเพียงเสียงที่เร็วเกินขนาดถึงจะทำให้เกิดเสียงแบบนั้นได้
“ฉิ้งๆๆๆ”
ทั้งสองคนต่อสู้กันไม่หยุด ซูเหลยที่อยู่ไม่ไกลตะเกียกตะกายลุกขึ้นมามองทั้งสองคน แววตาของเธอสับสนมาก
นี่คือพละกำลังที่แท้จริงของราชาหลงอย่างนั้นเหรอ
ถึงซูเหลยจะมองเพียงแวบเดียวแต่ก็ทำให้เธอใจสั่นอย่างมาก
เมื่อการต่อสู้ของทั้งสองคนดำเนินถึงขั้นรุนแรง แววตาของซูเหลยนิ่งไป เธอมองเฉินเป่ย จู่ๆ เธอก็ตะโกนออกมาว่า “ระวัง มีพิษอยู่ที่อาวุธ!”
ซูเหลยเพิ่งพูดจบ ในเวลาเดียวกันมืออีกข้างที่อยู่ข้างหลังของชายหนุ่มก็พุ่งเข้าไปหาเฉินเป่ย มีดที่พุ่งออกมาอย่างกะทันหัน ปลายแหลมของมีดเหมือนกับปลายของทวนที่มีของเหลวสีม่วงเคลือบอยู่บางๆ
ดวงตาของเฉินเป่ยจ้องเขม็ง ถึงแม้ซูเหลยจะเตือนเขา แต่การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มรวดเร็วมากจนทำให้เขาไม่ทันได้ตั้งตัว และหลบไม่ทัน
เฉินเป่ยยกมีดหลงหยาในมือขึ้นมากันเอาไว้
“ฉิ้งง!”
อาวุธปะทะบนตัวมีดหลงหยาจนทำให้ทิศทางของมันเปลี่ยนไป มันเฉี่ยวข้างแก้มของเฉินเป่ยไป
ทันใดนั้นรอยเลือดก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉินเป่ย
เมื่อชายหนุ่มเห็นรอยเลือด ก็แสยะยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ “เวลาตายของแกมาถึงแล้วสินะ”
“ครั้งก่อนฉันปล่อยให้แกหนีไปได้ ครั้งนี้ฉันไม่ปล่อยแกไปอีกแล้ว”
“นี่เป็นยาพิษที่ฉันปรุงด้วยตัวเอง ไม่มียาที่สามารถถอนพิษได้ ภายในเวลาไม่กี่นาทีแกก็จะค่อยๆ หมดแรงและตายไป” ชายหนุ่มยิ้มอย่างเย็นชา “อีกไม่นานแกก็จะได้รับรู้ว่าจากคนที่แข็งแกร่งกลายเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีเรี่ยวแรงอะไรเลยน่ะมันเป็นยังไง”
สีหน้าของเฉินเป่ยเปลี่ยนไปทันที ไม่รอให้ชายหนุ่มพูด เขาก็รู้สึกว่าพละกำลังของตัวเองหดหายไปอย่างรวดเร็ว
“อ๊ากกก” เฉินเป่ยกัดฟัน ตอนนี้เหมือนว่าเขาใช้พละกำลังที่มีอยู่ในร่างกายทั้งหมดและระเบิดการโจมตีที่รุนแรงออกมา
มีดหลงหยาในมือของเฉินเป่ยพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“ฉึบ” มีดหลงหยาเคลื่อนไหวจนเกิดเงา วินาทีนั้นมันสว่างวาบอยู่บนฟ้าสามสี่ครั้ง วินาทีต่อมา ร่างกายของชายหนุ่มก็กระตุก เขาเบิกตาโพลง ตรงหน้าอกของเขามีรูเลือด
ชายหนุ่มคิดไม่ถึงว่าในขณะที่เขากำลังเตรียมรับมืออย่างสบายใจ เฉินเป่ยจะระเบิดหลังและความเร็วที่น่ากลัวออกมาได้ขนาดนี้
เฉินเป่ยยืนขึ้นและก้าวไปหาชายหนุ่ม เขากำคอเสื้อของชายหนุ่มเอาไว้แน่น เฉินเป่ยมองหน้าที่ซีดเผือดและตื่นตระหนกของชายหนุ่ม และพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ใครกันแน่ที่สั่งให้แกทำแบบนี้”