บทที่ 151 ใจได้พบความสงบ + บทที่ 152 หวนคืนบ้าน
Ink Stone_Romance
บทที่ 151 ใจได้พบความสงบ
บัดนี้หนิงเมิ่งเหยาเข้าใจแล้วว่าเซียวฉีเทียนหมายความว่าอย่างไร ที่เฉียวเทียนช่างต้องตกระกำลำบากส่วนใหญ่ล้วนเป็นเพราะเฉียวเจิ้งหงคิดใช้เขาเสริมอำนาจให้ตำแหน่งตัวเอง
“ถูกต้อง ข้าจึงอยากให้เจ้าเตรียมใจไว้ให้ดี ไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาคงจะมาถึงที่นี่” เซียวฉีเทียนกล่าวอย่างเป็นกังวล
ในอดีต สมัยเฉียวเทียนช่างใช้ชีวิตตามลำพัง เขาคอยหลบเลี่ยงสายตาคนอื่นได้เสมอ แต่ตอนนี้ต่างออกไป เขามีหนิงเมิ่งเหยาอยู่ด้วย และทั้งสองวางแผนใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุขในหมู่บ้านเล็กๆ บนภูเขาแห่งนี้ ถ้าเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าทั้งสองจะทำอะไรก็จะเหลือร่องรอยไว้ข้างหลัง แล้วตำแหน่งที่อยู่ของทั้งสองก็จะโดนเปิดเผยในไม่ช้า
นอกจากนี้ ข่าวเรื่องเฉียวเทียนช่างแต่งงานกับหนิงเมิ่งเหยาย่อมไปถึงหูเฉียวเจิ้งหงเข้าสักวัน เมื่อถึงตอนนั้น เขาอาจมาฆ่าหนิงเมิ่งเหยาเพื่อให้เฉียวเทียนช่างยอมกลับไป แล้วทางนั้นจะได้ทำให้ตำแหน่งของตระกูลยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีกด้วยการหาคู่แต่งงานที่เหมาะสมกว่าให้เขา
หนิงเมิ่งเหยาแสยะยิ้มมุมปาก “ข้ารู้ว่าพวกเขาจะไม่ทำร้ายเทียนช่าง ข้าจะไม่ต่อต้านพวกเขาเลย แต่ถ้าคนพวกนั้นทำร้ายเขา หากเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา ก็อย่าได้มาโทษข้าแล้วกัน” นางมีความสามารถจะปกป้องเฉียวเทียนช่าง ดังนั้นนางจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเขาแน่
เซียวฉีเทียนมองหนิงเมิ่งเหยาที่ระเบิดอารมณ์ออกมาแล้วนึกประหลาดใจ แต่ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกตื่นเต้นไปด้วย บางทีหนิงเมิ่งเหยาอาจจะทำอะไรได้อีกมากโดยที่พวกเขาคาดไม่ถึง
“เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องเทียนช่างหรอก ข้าจะดูแลเขาเอง”
“ข้าคอยกังวลเรื่องเขามาตลอด แต่ตอนนี้พอได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าก็โล่งใจเป็นปลิดทิ้ง” เซียวฉีเทียนกล่าวจากใจจริง
หนิงเมิ่งเหยายิ้ม “ได้ยินเช่นนั้นข้าก็ชื่นใจ”
เซียวฉีเทียนอยู่ที่บ้านหนิงเมิ่งเหยาอีกสักพักหนึ่ง หลังกินเสร็จจึงออกจากบ้านของนางพร้อมไหสุราสองถึงสามใบที่ฉกมาได้
“ข้าแทบไม่เหลือแล้ว เจ้าก็ยังกล้าเอาไปตั้งห้าใบ เจ้านี่เหลือเกินจริงๆ” หนิงเมิ่งเหยามองไหที่ตนสูญเสียไปอย่างปวดใจเล็กน้อย
หลังจากเซียวฉีเทียนหวนกลับไปยังเมืองหลวง เขานำสุราไปที่วังหลวงแล้วเข้าพบฮ่องเต้เซียวชวี่เฟิง
“ท่านพี่ ข้ากลับมาแล้ว” ความสัมพันธ์ระหว่างเซียวฉีเทียนกับเซียวชวี่เฟิงค่อนข้างดี เวลาไม่มีคนนอกอยู่ใกล้ๆ พวกเขามักวางตัวต่อกันเช่นนี้
เซียวชวี่เฟิงผู้กำลังทำความเข้าใจจดหมายเหตุเงยหน้าขึ้นมองน้องชายตัวเอง “เป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล เทียนช่างโชคดีมากทีเดียว” เซียวฉีเทียนยิ้มแล้วเล่าเรื่องบทสนทนากับหนิงเมิ่งเหยาให้เซียวชวี่เฟิงฟัง
เซียวชวี่เฟิงพักงานมานั่งฟังแล้วเผยยิ้ม “ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็โล่งใจ ที่ผ่านมา เทียนช่างลังเลเรื่องแต่งงานอยู่เรื่อย ข้าคิดว่าเขาจะตัวคนเดียวไปตลอดชีวิตเสียแล้ว ไม่คิดว่าจะมีหนิงเมิ่งเหยาโผล่มาในชีวิตเขา”
“นี่เป็นสุราที่ข้าฉกมาจากเมิ่งเหยา ข้าจะแบ่งให้ท่านสามไห ให้ตัวเองสองไห ถ้าบ้านของนางมีเก็บไว้เยอะกว่านี้ ข้าคงพยายามเอามามากกว่านี้แล้ว” เซียวฉีเทียนวางไหทั้งสามใบลงบนโต๊ะ สีหน้าเขาเศร้าหมอง
เซียวชวี่เฟิงกล่าวอย่างรำคาญใจ “เจ้าตัวแสบ เจ้าทำเงินได้ตั้งเท่าไรเพราะนางให้ความร่วมมือ แล้วยังจะกล้ามาทำเป็นไม่พอใจอีกรึ”
เซียวฉีเทียนฉีกยิ้ม “เฮ้ ท่านก็ไม่ควรพูดเช่นนั้น ถึงสุราพวกนี้จะเลิศรส แต่ก็ไม่ดีเท่าเหล้าองุ่นของนาง ครั้งแรกที่ได้ลิ้มลอง ข้าไม่มีวันลืมรสชาตินั้นได้เลย ถ้าข้าไม่ได้นำสารไปส่งให้นาง คงไม่มีโอกาสได้เข้าห้องเก็บเหล้าองุ่นของนาง”
“เจ้าฉวยโอกาสจากผลพลอยได้ของนาง แล้วเทียนช่างเป็นอย่างไรบ้าง” เซียวชวี่เฟิงรู้สึกจนปัญญากับน้องชายตัวเอง
เงินสองในสามส่วนที่เขาได้มาส่งเข้าไปเติมท้องพระคลัง เขาไม่ชอบกิจขุนนาง แต่ชื่นชอบการค้าขาย ตัวเขายังเป็นคนเรียบง่าย ขอเพียงเขาชอบใจ ผู้เป็นพี่ชายอย่างเขาก็ไม่ว่าอะไรทั้งนั้น
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เซียวฉีเทียนพลันจริงจังขึ้นมา “เรื่องนี้น่าจะคลี่คลายในไม่ช้า เดิมต้องใช้เวลาทำให้จบลงในไม่กี่วัน แต่มีคนพังแผน เทียนช่างโมโหมากจนเขาจัดการคนผู้นั้นเสียสาหัส”
“โอ้” เซียวชวี่เฟิงประหลาดใจ เทียนช่างมักจะเห็นใจพลทหารอยู่เสมอ แต่ครั้งนี้ถึงกับลงมือเองเลยหรือ
เซียวฉีเทียนหัวเราะ “ตอนท่านพี่ฝากข่าวส่งไปให้เขา เขากำลังจะหมั้น เขาต้องออกเดินทางหลังจากหมั้นหมายเสร็จสิ้น ท่านคิดว่าเขาจะชอบใจหรืออย่างไรเล่า”
“นั่นก็จริง ถ้าหนิงเมิ่งเหยาต้องการอะไร เจ้าช่วยให้ความช่วยเหลือนางด้วยแล้วกัน” เซียวชวี่เฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยออกมา
แท้จริงแล้วเขาไม่พอใจที่เฉียวเทียนช่างจากไปอยู่บ้าง แต่เขาก็เข้าใจ เพราะจะอย่างไร เฉียวเทียนช่างก็ผจญทุกข์มามากนักตลอดหลายปีมานี้ ครั้นได้รับข่าว เขาก็ยอมรับหน้าที่ไปจัดการโดยดี ทำให้ความขุ่นหมองในใจเซียวชวี่เฟิงเลือนหายไป
บทที่ 152 หวนคืนบ้าน
กว่าเขาจะเดินทางไปถึงที่นั่น เส้นทางไม่ใช่ง่ายและต้องมีค่าใช้จ่าย แต่เพราะเขาเป็นกังวลเรื่องฮ่องเต้ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่รีบออกเดินทางไปทันทีหลังเสร็จพิธีหมั้นหมาย
“ท่านพี่ ท่านไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ข้ารู้สึกได้ว่าหนิงเมิ่งเหยาไม่ใช่หญิงธรรมดาอย่างที่เราคิด เทียนช่างอาจได้แรงสนับสนุนครั้งใหญ่จากการแต่งงานกับนาง” เซียวฉีเทียนคิดย้อนไปถึงสิ่งที่เขาประเมินได้จากหนิงเมิ่งเหยาก่อนหน้านี้
เขาชื่นชมที่หนิงเมิ่งเหยาไม่ทำตัวโดดเด่น
“หืม”
“นางชำนาญเรื่องธุรกิจกว่าข้า แล้วจากที่ข้าสืบมา ก่อนเปิดโรงงานกลั่นสุรากับน้ำปรุงรส นางก็เปิดโรงงานผ้าปักมาสองถึงสามแห่งในหลายเมือง โรงงานที่ว่านี้ซ่อนตัวไว้มิดชิด นางเจรจาซื้อขายกับชนชั้นสูงเท่านั้น ถ้านางต้องการจริง ตัวนางควบคุมการเคลื่อนไหวของการค้าในหลายเมืองได้ไม่ยากเลย แล้วนี่ยังเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ข้าคิดว่านางเป็นหญิงสาวที่ลึกลับทีเดียว” เซียวฉีเทียนครุ่นคิดแล้วอธิบาย
กระทั่งตัวเขายังสืบเรื่องของหนิงเมิ่งเหยาไม่ค่อยได้เลย
แม้แต่ข้ารับใช้ของนางก็รับมือด้วยยาก ขณะนี้เขาทราบเพียงว่าชิงจู๋เป็นคนรับผิดชอบโรงงานผ้าปัก ส่วนเรื่องชิงซวงและชิงเสวี่ยรับผิดชอบด้านไหนนั้น เขาทราบเพียงว่าชิงซวงมีพรสวรรค์ด้านการแพทย์ แต่ไม่รู้ว่ามีพรสวรรค์ด้านอื่นอีกไหม แต่เขาตระหนักดีว่าข้ารับใช้กลุ่มนี้ไม่ใช่คนธรรมดา บรรยากาศแปรปรวนที่พวกเขาแผ่ออกมาแตกต่างออกไป
“โอ้ นางทรงอิทธิพลปานนั้นจริงรึ”
“ใช่แล้ว นางเคยมีสัมพันธ์กับหลิงหลัว หลังจากหลิงหลัวแต่งงานกับเซียวจื่อเซวียน แล้วแต่งตั้งนางเป็นชายา นางจึงเผาบ้านใกล้เมืองหลวงแล้วย้ายไปหมู่บ้านเล็กๆ ที่เทียนช่างอาศัยอยู่ ถ้านางไม่ได้ส่งบุตรสาวของหัวหน้าหมู่บ้านไป๋ซานไปที่โรงงานผ้าปัก ข้าคงไม่มีวันรวบรวมข้อมูลทั้งหมดนี้มาได้” เซียวฉีเทียนขมวดคิ้ว
เขาไม่รู้เลย ในวันหน้า หนิงเมิ่งเหยาอาจทำให้ทุกคนประหลาดใจอีก ดังนั้นตอนนี้ที่เขาต้องทำคือสร้างสัมพันธ์อันดีกับนางไว้
เซียวชวี่เฟิงเป็นฮ่องเต้มาหลายปี เขาจึงเข้าใจว่าเซียวฉีเทียนหมายถึงอะไร “ข้าจะส่งต่อเรื่องนี้ให้เจ้า อย่าไปตรวจสอบเรื่องของนางอีก ข้าเชื่อในการตัดสินใจของเทียนช่าง” ถ้าหนิงเมิ่งเหยามีอิทธิพล นางจะเป็นแรงสนับสนุนครั้งใหญ่เมื่อเทียนช่างกลับมา
“ขอรับ ท่านพี่ แต่ข้าคิดว่าเราไม่ควรเข้าหานางแบบมีเจตนาแอบแฝง ไม่อย่างนั้นแล้วผลที่ตามมาจะพังทุกอย่างเอาได้ นางเป็นคนความรู้สึกไวทีเดียว” เซียวฉีเทียนอับจนหนทาง เขารู้จักนางมาหลายเดือนแล้วแต่ไม่ได้เข้าใจนางดีขึ้นหรือน้อยลงเลย
“ตกลง ข้าจะให้เจ้าจัดการ” พวกเขาเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดจึงโตมาด้วยกันและรักใคร่กลมเกลียวต่อกัน เซียวฉีเทียนไม่สนใจขึ้นครองบัลลังก์ เขาทำการค้านอกวังหลวงและช่วยเซียวชวี่เฟิงเติมเงินในท้องพระคลัง บัดนี้ท้องพระคลังมีเงินมั่งคั่งเพื่อที่พวกเขาจะได้จัดการยามมีปัญหาภัยธรรมชาติได้อย่างเหมาะสม
“แน่นอนอยู่แล้ว” เซียวฉีเทียนรับด้วยรอยยิ้ม
“ดีมาก ในเมื่อเจ้าก็มาที่นี่แล้ว ทานอาหารด้วยกันกับข้าเถอะ ข้าจะได้ลองชิมว่าสุรานั่นดีอย่างเจ้าชมหรือไม่” เซียวชวี่เฟิงกล่าวพลางจัดการจดหมายเหตุอีกสองถึงสามฉบับ
“ได้เลย”
หนิงเมิ่งเหยาไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นที่เมืองหลวง หมู่นี้นางไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องนี้
เข้าสู่ช่วงต้นฤดูร้อนแล้ว ฝนตกหนักมาหลายวัน มีเห็ดผุดทั่วภูเขา นางจึงบอกเหล่าเด็กสาวในหมู่บ้านและคนที่ไม่ได้ทำงานว่านางต้องการเห็ดมากที่สุดเท่าที่พวกนางจะเก็บมาได้
ชาวบ้านที่เหลืออยู่จึงพากันขึ้นเขาไปเก็บเห็ด ภายหลัง หนิงเมิ่งเหยายังเอาผักป่าบางชนิดให้พวกเขาดูเพื่อที่พวกเขาจะได้แยกชนิดถูก เมื่อใกล้หมดวัน พวกเขาก็เก็บรวบรวมทั้งเห็ดและผักป่ามาได้
เมื่อมองยังเห็ดและผักที่เก็บมาได้ในแต่ละวัน หนิงเมิ่งเหยาก็พอใจยิ่งนัก นางคิดว่าจะทำผักป่าและเห็ดอบแห้งซึ่งมีรสชาติอร่อยล้ำ
เฉียวเทียนช่างกลับมาในวันที่สิบหลังจากที่นางเริ่มเก็บเห็ด
วันนั้น หนิงเมิ่งเหยาสอนพวกเด็กสาวให้นำเห็ดกับผักป่ามาทำอาหาร พลันนางได้ยินเสียงเกือกม้าจากข้างนอกบ้าน พอนางออกไปดูก็เห็นเฉียวเทียนช่างบนหลังม้า สภาพตัวเขาดูไม่ค่อยได้เท่าไรนัก
“เจ้ากลับมาแล้ว” หลายวันที่เขาไป นางคอยทำให้ตัวเองยุ่งแล้วพยายามไม่คิดถึงเขา บัดนี้นางได้เห็นเขาตัวเป็นๆ พลันเกิดโหยหาเขาขึ้นมาโดยฉับพลัน
เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะแล้วคว้าหนิงเมิ่งเหยามาโอบกอด สูดกลิ่นกายไออุ่นจากร่างของนาง “ข้ากลับมาแล้ว”
“ข้าจะบอกให้ชิงเสวี่ยเตรียมน้ำให้เจ้าอาบ เจ้าควรจะอาบน้ำก่อน ตัวเจ้าสกปรกยิ่งนัก”