หญิงวัยกลางคนเคาะประตูน้อยซึ่งกั้นขวางระหว่างสองจวน หลังจากนั้นไม่นานทางนั้นก็แว่วเสียงไขกุญแจเข้ามา ได้ยินเสียงคล้ายมีคนยืนอยู่ข้างทะเลสาบไม่น้อยอย่างเลือนราง โห่ร้องยิ้มพราว เสียงมารยาสาไถย
หญิงวัยกลางคนเอ่ยจุดประสงค์จนชัดเจน พอหญิงรับใช้ที่เปิดประตูอีกฝั่งได้ยินก็พลันยิ้มแย้มออกมา
“เหล่าคุณหนูของจวนข้าต่างเอ่ยว่าอากาศเย็นแล้ว เหตุใดราชครูยังฝึกวรยุทธ์กลางน้ำอีก กำลังสั่งให้คนไปหาอาภรณ์ของนายท่านมาให้เขาสวมใส่ ผู้ใดจะรู้ว่าฮูหยินหรูจะส่งมาให้แล้ว” เอ่ยพลางพินิจ ‘ฮูหยินหรู’ ด้วยดวงตากลอกกลิ้งไปมา
‘ฮูหยินหรู’ ไม่ได้มีจิตสำนึกในการระวังวาจาและการกระทำเฉกเช่นอนุภรรยาด้วยซ้ำ นางกำลังเขย่งเท้าจ้องมองไปทางทะเลสาบนั่นอยู่แน่ะ
ไอ้เวรเอ้ย เหยียลี่ว์ฉีวาสนาดีแท้
หนึ่งสองสามสี่ห้าหกเจ็ด ข้างทะเลสาบแห่งนี้มีสตรียืนอยู่ตั้งเจ็ดนาง!
การแต่งตัวของสตรีผู้เป็นนายเจ็ดนางรวมกับสาวใช้ของพวกนาง พาให้ทั่วทั้งริมทะเลสาบเปี่ยมด้วยเสียงหัวเราะราววิหค อาภรณ์สีสันสดใสล้อมรอบทะเลสาบอย่างพร้อมเพรียง
ในทะเลสาบ บุรุษที่เสนอตัวเข้าจวนคนนั้นยังไม่ได้ขึ้นฝั่ง เขากำลังว่ายน้ำไปมาอย่างคล่องแคล่วท่ามกลางแววตาดุจพยัคฆ์ดั่งหมาป่าของสตรีกลุ่มหนึ่ง
เหล่าคุณหนูยืนหัวเราะคิกคักอยู่ริมฝั่ง บางนางยิ้มพราว แล้วร้องว่า “ราชครูเหยียลี่ว์แรงดียิ่งนัก!” บางนางก็ตะโกนลั่นว่า “ท่านราชครูว่ายน้ำเก่งยิ่งนัก!” อีกทั้งบางนางไม่เอ่ยวาจา ดวงตาวูบไหวแล้ววูบไหวเล่า เวียนวนบนร่างกายเปียกโชกที่โผล่พ้นผิวน้ำของเหยียลี่ว์ฉีอย่างต่อเนื่อง
จิ่งเหิงปัวหัวเราะจนท้องแทบแตก…ฉากนี้งดงามเกินไปนางก็ไม่กล้ามอง
นางรู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ นะ
นึกไม่ถึงเลยว่าเหยียลี่ว์ฉีจะยอมพลีชีพขนาดนี้น่ะ
ที่นี่เป็นจวนเสนาบดีกองขุนนางที่ไหนกัน ที่นี่เป็นถ้ำแมงมุมชัดๆ เลย
พระถังซัมจั๋งแซ่เหยียลี่ว์เดินมาตกหลุมพราง เรือนร่างเปียกโชกยั่วยวน เมื่อเทียบกันแล้ว จิ่งเหิงปัวที่แสดงเป็นอนุภรรยา ไม่นับว่าเสียเปรียบแน่แท้
หญิงวัยกลางคนเอ่ยเสียงแผ่วเบาโดยไม่เจือด้วยอารมณ์ใดข้างหูนางว่า “หลายนางนี้เป็นน้องสาวของฮูหยินเสนากองขุนนาง แม้ว่าฮูหยินเสนากองขุนนางจะมีชื่อเสียงเลวร้ายในตี้เกอ ทว่านับว่าทุ่มเทต่อน้องสาวทั้งหลายนางนี้อย่างเต็มกำลัง บิดามารดาของนางเสียไปตั้งนานแล้ว น้องสาวหลายนางนี้แทบจะพามาเลี้ยงในจวนตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ จึงนับว่าเป็นคุณหนูในจวนแห่งนี้”
“เหตุใดถึงยังไม่ได้ออกเรือนกันเลยเล่า” จิ่งเหิงปัวมองลักษณะท่าทางของสตรีกลุ่มนั้นแล้ว ความประพฤติแบบนี้ในยุคปัจจุบันไม่นับว่าแปลกอะไร แต่ในต้าฮวง…ขายออกด้วยหรือ?
“มีบางนางออกเรือนแล้วทว่าถูกยกเลิกการสมรส ทั้งยังมีบางนางที่สามีเสียแล้ว” หญิงวัยกลางคนเอ่ยตอบ
จิ่งเหิงปัวจิ๊จ๊ะเสียงหนึ่ง ยิ่งรู้สึกว่าเหยียลี่ว์ฉีมีวาสนาไม่น้อยที่ได้เป็นเพื่อนบ้านกับปีศาจแมงมุมฝูงนี้ ถึงว่ากระโดดน้ำพลาดบ่อยเหลือเกิน
เมื่อเห็นนางเดินเข้ามา เหล่าสตรีก็ต่างเบนสายตามาหา สีหน้าเจือด้วยเจตนาร้ายเล็กน้อย เอ่ยถามเสียงสูงขึ้นว่า “ท่านราชครู ไม่ได้ข่าวว่าท่านตบแต่งอนุภรรยาเลย เหตุใดถึงพลันมีน้องหญิงเพิ่มมาอีกนางแล้วเล่า?”
ดวงตาของจิ่งเหิงปัวกลอกกลิ้งอย่างบิดเบี้ยว…น้องสาวแกน่ะสิ! เมียน้อยของเหยียลี่ว์ฉีนับว่าเป็นน้องสาวอะไรของเจ้า หรือว่าเจ้าอยากเป็นเมียน้อยของเหยียลี่ว์ฉีเหมือนกัน?
การสั่งสอนอบรมของจวนเสนาบดีกองขุนนางแห่งนี้ช่างงดงามน่าอัศจรรย์เสียจริง
“อนุภรรยานางเดียว ยังควรค่าให้ป่าวประกาศทั่วโลกหล้าหรือ?” เหยียลี่ว์ฉีหัวเราะเสียงลั่น ไม่มองจิ่งเหิงปัวสักคราเดียว โบกไม้โบกมือแล้วเอ่ยว่า “ไปรอปรนนิบัติข้าสวมอาภรณ์ในห้อง” พลางเอ่ยกับสตรีชุดแดงที่เอ่ยวาจานั้นว่า “คุณหนูสาม พอจะมีห้องว่างเหมาะแก่การใช้ให้ข้ายืมเปลี่ยนอาภรณ์ได้หรือไม่”
“มีๆๆ” คุณหนูสามนั้นแทบอยากจะให้จิ่งเหิงปัวเร่งรีบออกห่างริมทะเลสาบ นางฉวยมือชี้ไปทางหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ทางนั้นคือเรือนรับรองหลีหวา ใกล้ที่แห่งนี้ด้วย เช่นนั้นไปทางนั้นเถิด”
จิ่งเหิงปัวขานรับเสียงหนึ่ง ตนเองมีหญิงรับใช้เดินมานำทาง เหยียลี่ว์ฉีโผล่ออกมาจากน้ำดังตู้ม มองดูเงาด้านหลังของนาง จิ่งเหิงปัวพลันหันหลังกลับมา มุมปากกระหวัดเป็นรอยยิ้มครั้งหนึ่ง นิ้วมือจิ้มลงไปข้างล่าง หันกายจากไปอย่างงดงามอ่อนช้อย
เหยียลี่ว์ฉีฝืนหัวเราะเพียงครั้ง รู้ว่าสัญลักษณ์นี้หมายถึงสตรีนางนี้ต้องการให้เขาว่ายน้ำขายรูปโฉมถ่วงเวลาต่อไป จึงได้แต่ว่ายน้ำอีกรอบหนึ่ง
ผู้ชุมนุมข้างทะเลสาบยิ่งมีมากขึ้น เสียงหัวเราะของสตรีเจ้าชู้กลุ่มนั้นกระเพื่อมจากข้างทะเลสาบไปไกลโพ้น
“ราชครูเร็วหน่อยสิ…”
“ราชครูท่านหนาวหรือไม่”
…
“ราชครูเร็วหน่อยสิ ราชครูท่านหนาวหรือไม่” จิ่งเหิงปัวเลียนแบบด้วยเสียงพิลึกพิลั่น ก่อนจะรีบก้าวเท้าเข้าเรือนหลีหวา
พอนางเข้ามาแล้วก็คิดจะไล่หญิงรับใช้ที่นำทางออกไป ใครจะรู้ว่าเพิ่งจะหันหลัง ข้างหลังก็มีสายลมหอมกรุ่นพัดกำจายเข้ามา เสียงหัวเราะทอดยาว พอมองทะลุผ่านช่องหน้าต่าง โอ้ เหล่าปีศาจแมงมุมตั้งหลายตนเดินตามมาด้วย
ประหลาด ไม่อยู่ริมทะเลสาบเชยชมพ่อรูปงามตกน้ำ แล่นมาจ้องมองนางทำไมกัน?
“น้องหญิงท่านนี้ เมื่อครู่พวกเราอยู่ริมทะเลสาบจึงไม่อาจแสดงความเคารพ คิดแล้วเสียมารยาทยิ่งนัก คราวนี้จึงมาดูแลน้องหญิงสักหน่อย ต้องการสิ่งใดก็ขอให้เอ่ยวาจามาได้เลย” ผู้เอ่ยปากยังคงเป็นสตรีชุดแดงนางนั้นที่ผู้อื่นเรียกว่าคุณหนูสาม
จิ่งเหิงปัวมองสตรีนางนี้แวบหนึ่ง รูปโฉมค่อนข้างงดงามหลายส่วน แต่แต่งหน้าหนาเกินไปหน่อย เป็นถึงคุณหนูสูงศักดิ์แท้ๆ แต่กลับอยากฝืนเป็นเหมือนพวกสตรีตกอับข้างถนนแบบนั้น
“ไม่เป็นไร” นางแสร้งยิ้มเช่นกัน กล่าวว่า “คุณหนูสามมีน้ำใจไมตรีเหลือเกิน ทางข้านี้จะจัดการอาภรณ์ให้ใต้เท้า คงต้องปรนนิบัติเขาบ้างแล้ว”
นางหวังจะไล่แขก แต่สตรีหลายนางนั้นไม่ยอมไป คุณหนูสามเดินเข้ามาอย่างงดงามอ่อนช้อย หางตาชำเลืองมองเสื้อผ้าถาดนั้นครั้งหนึ่ง แววตาจ้องเขม็งอยู่บนกางเกงชั้นในที่วางอยู่ข้างบนสุด หางตาเหลือบมองจิ่งเหิงปัวปราดหนึ่ง สายตาเจือด้วยความไม่พอใจ
จิ่งเหิงปัวยิ้มแย้มดุจมวลผกา…เจ้าจ้องข้าทำอะไรของเจ้า? เจ้าเป็นคุณหนูสมัยโบราณที่ยังไม่ได้ออกเรือนนางหนึ่ง มองกางเกงชั้นในของบุรุษครั้งแล้วครั้งเล่า นี่ก็มีเกียรติศักดิ์ศรีมากหรือ?
คุณหนูสามนั้นพิงโต๊ะอยู่ ยื่นมือออกมาในทันทีคล้ายหวังจัดระเบียบเสื้อผ้าของเหยียลี่ว์ฉีให้ เมื่อมือยื่นมาถึงครึ่งหนึ่งก็พบกับสายตาที่คล้ายยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้มของจิ่งเหิงปัว เช่นนั้นจึงเร่งรีบหดมือกลับไป
“แต่ก่อนคล้ายไม่เคยพบน้องหญิงมาก่อน น้องหญิงเพิ่งสมรสเข้าจวนเหยียลี่ว์หรือ”
จิ่งเหิงปัวยิ้มแย้มครั้งหนึ่ง อืม เริ่มล้วงความลับแล้วหรือ?
“ใช่แล้ว” สายตาสุกสกาวของนางเวียนวน เอ่ยว่า “เพิ่งสมรสได้ไม่นาน”
“น้องหญิงมีวาสนาดีโดยแท้” สตรีชุดเหลืองอีกนางขานรับว่า “ได้ยินว่าเดิมทีราชครูเหยียลี่ว์ควรตบแต่งภรรยาตั้งนานแล้ว ทว่าเพื่อตระกูลจึงสาบานว่า หากตระกูลไม่เจริญรุ่งเรืองจะไม่สมรส ในช่วงที่ตระกูลเสื่อมสลายที่สุด เขารับตำแหน่งราชครูฝ่ายซ้ายได้สำเร็จ คุ้มครองรักษาทรัพย์สินร้อยปีของตระกูลเหยียลี่ว์ไว้ได้ นับเป็นบุรุษอัศจรรย์โดยแท้ คิดไม่ถึงว่าบัดนี้บุรุษอัศจรรย์จะมีความคิดสมรสภรรยา ยามนี้ข้างกายเขามีฮูหยินหรูเคียงข้าง แขนเสื้อแดงหอมรัญจวน ดนตรีหวนร่วมบรรเลง เอ่ยขึ้นมาแล้วนับเป็นวาจางดงามท่อนหนึ่งเชียว”
“นั่นสิ ในเมื่อข้างกายใต้เท้าเหยียลี่ว์มีฮูหยินหรูแล้ว อีกไม่นานคงจะได้สมรสภรรยาอย่างเป็นทางการ ไม่รู้ว่าฮูหยินหรูเคยได้ยินใต้เท้าเปรยถึงเรื่องนี้หรือไม่”
จิ่งเหิงปัวใช้สองมือเท้าคางไว้ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ย่อมเคยได้ยินมาบ้าง”
“โอ้?” แววตาของสตรีหลายนางนั้นสว่างวูบ โน้มกายเข้าใกล้โดยสำนึก เอ่ยว่า “ไม่รู้ว่าใต้เท้าเหยียลี่ว์ถูกตาต้องใจคุณหนูตระกูลใดหรือ”
“มิได้เอ่ยเช่นนั้น” จิ่งเหิงปัวส่ายหน้า มองสายตาที่ผิดหวังของสตรีหลายนาง พลันยิ้มแย้มครั้งหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “เขาเอ่ยว่าเขาชื่นชอบสตรีอ่อนโยนเปี่ยมคุณธรรม ครองคู่สุขสันต์ ยังเคยเอ่ยถึงสตรีจวนตระกูลจ้าวที่อยู่ใกล้กัน…”
นางลากเสียงยืดยาว สตรีหลายนางโน้มกายเข้าหากัน เอ่ยว่า “เอ่ยว่าอะไร” แววตาและเสียงเร่งเร้า
“เอ่ยว่า…” จิ่งเหิงปัวยิ้มแย้มครั้งหนึ่ง ดีดนิ้ว กล่าวว่า “เอ่ยว่าเหล่าคุณหนูตระกูลจ้าวตรงตามความต้องการของเขายิ่งนัก”
“จริงหรือ?” คุณหนูสามคนนั้นดีใจจนออกนอกหน้า
หลายนางที่เหลือ บนใบหน้ามีแสงโชติช่วงสว่างเจิดจ้า แววตาแพรวพราว
“ข้าอยากให้ใต้เท้ารีบเร่งสมรสภรรยาโดยเร็วยิ่งนักเช่นกัน” จิ่งเหิงปัวลดเสียงลงให้ดูลึกลับ กล่าวว่า “เอ่ยตามความจริง ข้าก็สมรสเข้ามาได้ครึ่งเดือนแล้ว จนถึงยามนี้ยังไม่ได้…ยังไม่ได้…” ก้มหน้าทำท่าทางขวยอายเหลือเกิน กล่าวต่อไปว่า “ยังไม่ได้เข้าหอกับใต้เท้า…”
“หา? เป็นไปได้อย่างไรกัน” บนใบหน้าของสตรีหลายนางเปล่งประกายด้วยแสงแวววาวแห่งการนินทา
“ไม่รู้สิ” จิ่งเหิงปัวยักไหล่ กล่าวว่า “อาจจะต้องรอให้ฮูหยินเข้าจวนถึง…หรือเขาอาจจะผิดปกติ…ว้าย…” นางอุดปากไว้อย่างตื่นตระหนก
สตรีหลายนางมีสีหน้าเปลี่ยนไป
“ทว่าคงมิใช่หรอกกระมัง” พริบตาเดียวจิ่งเหิงปัวยิ้มตาหยีอีกครั้งแล้ว กล่าวว่า “ข้ารู้สึกว่านะ ใต้เท้าจวนข้าคงอยากจะมอบครั้งแรกให้ฮูหยินในอนาคตกระมัง แท้จริงแล้ว ที่เขาคนนี้ยังไม่ได้สมรสเสียทีมิใช่เพราะไม่ได้สนใจสตรี เขาเคยเอ่ยกับข้าว่าเหล่าคุณหนูในตี้เกอไม่น่าสนใจเกินไปน่ะ คุณหนูสูงศักดิ์ทุกคนที่อยากสมรสกับเขาเหล่านั้น แต่ละนางต่างเคร่งครัดกฎระเบียบ ระวังวาจาและการกระทำ ดูแล้วประหนึ่งท่อนไม้ไม่น่าสนใจ เขาชื่นชอบสตรีเช่นข้านี้…” ยิ้มแย้มลุกขึ้นมา บิดกายเป็นตัวเอสพลางยืดอกขึ้น ส่งสายตาชำเลืองมองหลังกระชากวิญญาณครั้งหนึ่งให้คุณหนูที่จ้องเขม็งอยู่หลายนางนั้น เน้นเสียงหลายคำออกมาแผ่วเบาว่า “เร่าร้อนดุจเพลิง ทรงเสน่ห์ล้นเหลือ”
สตรีหลายนางจ้องมองทรวดทรงงดงามวิจิตรซ้ำยังเร่าร้อนของนาง จ้องมองนัยน์ตาวูบไหวในคราวเดียวยามชำเลืองมาของนาง จ้องมองท่าทางงดงามแช่มช้าอรชรโดยกำเนิดของนาง ต่างสูดหายใจเฮือกหนึ่งโดยพร้อมเพรียง กลางหว่างคิ้วผลิบานด้วยแสงรุ่งโรจน์แห่งความเข้าใจ
“เฮ้อ ข้าต้องหาโอกาสปรนนิบัติใต้เท้าของพวกเราให้เต็มที่ มิเช่นนั้นรอให้ฮูหยินใหม่เข้าจวนคงไม่สนุกแล้ว…” จิ่งเหิงปัวเท้าแก้มพูดเองเออเอง กล่าวจบแล้วเงยหน้าขึ้น
แหม ข้างหน้าไม่มีคนแล้ว
ไปกันเร็วจริง
จิ่งเหิงปัวลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจครั้งหนึ่ง
คิกๆ เหยียลี่ว์ฉี รอคอยเหล่าคุณหนูผู้ ‘เร่าร้อนดุจเพลิง ทรงเสน่ห์ล้นเหลือ’ หลายนางปรนนิบัติเจ้าให้เต็มที่เถิด!
ส่วนพี่จะไปช่วยคนแล้ว