ตอนที่ 86: รวมเป็นบ้านเดียวกัน
โดย
Ink Stone_Romance
ตอนที่ซินห้าวพาเฉินเยี่ยนมาถึงหมู่บ้านท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เดิมทีเฉินเยี่ยนอยากจะลงจากจักรยานที่หน้าหมู่บ้าน แต่ซินห้าวรู้สึกว่าเฉินเยี่ยนแบกไปป์บุหรี่ในถุงหนังปลารวมกับกระดาษมากขนาดนั้นไปต้องใช้แรงมาก เลยบอกเฉินเยี่ยนว่จะไปส่ง
เห็นท้องฟ้าแล้ว ตอนนี้คนส่วนใหญ่น่าจะกำลังทำกับข้าวอยู่ คนว่างในหมู่บ้านมีไม่เยอะ ถ้าอย่างนั้นคนที่เห็นพวกเขาก็ไม่เยอะเหมือนกัน
เฉินเยี่ยนพยักหน้า ที่จริงเธอก็ไม่ได้สนใจมาก เพียงแต่คนยุคนี้เห็นอะไรก็จะเอาไปพูดต่อ ซินห้าวไม่สนใจ ตัวเองจะสนใจอะไร
ซินห้าวพาเฉินเยี่ยนมาส่งถึงหน้าบ้านเฉิน เฉินเยี่ยนเชิญให้ซินห้าวเข้าบ้าน ซินห้าวปฏิเสธ พาคนกลับมาแล้ว เขาก็วางใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในบ้าน อีกอย่างตอนนี้น่าจะเป็นเวลามื้อเย็นแล้ว เข้าไปแล้ว เขาต้องเรียกให้อยู่กินข้าวเย็นแน่ กินหรือ? เขากับคนบ้านเฉินไม่ได้สนิมกัน ไม่กินดีกว่า กลัวว่าคนบ้านเฉินจะเกรงใจ ดังนั้นเขาไม่เข้าไปดีที่สุด
ตอนที่ซินห้าวกลับรถจักรยานอยู่ เฉินหู่เพิ่งเลิกเรียนกลับมา เห็นซินห้าวและเฉินเยี่ยนอยู่หน้าบ้านก็อึ้งไป จากนั้นก็พุ่งตรงเข้าไป
“นี่น้องชายฉัน เฉินหู่ พวกเราเรียกเขาว่าหู่จื่อ”
เฉินเยี่ยนแนะนำเฉินหู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ให้ซินห้าว สีหน้าเต็มไปด้วยความรักใคร่
“นี่พี่ซินห้าว”
เฉินเยี่ยนพูดเสียงเบาแนะนำซินห้าวกับเฉินหู่
เฉินหู่เรียกเขา ซินห้าวหยักหน้าให้เฉินหู่ ยิ้ม แสดงความเป็นมิตร จากนั้นเขาขี่จักรยานออกไป
“พี่ ทำไมพี่ถึงรู้จักกับพี่ซินห้าวได้ เขาหล่อมากเลย หล่อกว่าหลิวอี้นั่นเยอะเลย รถที่เขาขี่ก็ทันสมัย ผมอยากจะเป็นแบบพี่ซินห้าว พี่ พี่ว่าผมโตขึ้นจะหล่อเหมือนพี่ซินห้าวได้ไหม”
เฉินหู่มองเบื้องหลังซินห้าวก็อิจฉามาก เด็กรุ่นนี้จะอิจฉาความหล่อ คนกับของที่ทันสมัยที่สุด อยากจะเลียนแบบ
“พี่เชื่อว่าอีกหน่อยเธอจะยิ่งหล่อกว่าพี่ซินห้าวอีก”
เฉินเยี่ยนลูบหัวเฉินหู่ เธอชอบน้องชายคนนี้มาก ในใจเธอ เธอรู้สึกว่าในอนาคตน้องชายคนนี้ต้องโดดเด่น
เฉินหู่ได้รับความมั่นใจจากพี่สาว สีหน้ามีแววดีใจ เขาช่วยเฉินเยี่ยนถือกระดาษและถุง ในใจกลับคิดว่า พี่ซินห้าวคนนี้มาส่งพี่สาวกลับบ้าน ดูไม่เหมือนพวกเขาเพิ่งรู้จักกันเลย พี่ซินห้าวนั่นเป็นคู่หมั้นหมายของพี่สาวหรือ? เขาเหมาะกับพี่สาวจริงๆ ดีกว่าหลิวอี้นั่นเป็นร้อยเท่า
เฉินเยี่ยนไม่รู้ว่าเฉินหู่คิดอะไรในใจ ถ้ารู้คงต้องหัวเราะแน่
เข้ามาในบ้าน หวางนิวและหวางจวนต่างเข้ามารับ หวางนิวเข้าไปช่วยถือไปก็บ่ไป บอกว่าเฉินเยี่ยนไปทั้งวัน กลับมาเย็นขนาดนี้ เธอเป็นห่วง ครั้งหน้าให้เฉินเยี่ยนกลับมาเร็วหน่อย
ตอนกินข้าวเฉินเยี่ยนเล่าคร่าวๆ ว่าวันนี้ไปเจออะไรมา แน่นอน เธอไม่ได้เล่าเรื่องไปหมู่บ้านปู่ซินห้าว บอกว่าบังเอิญเจอซินห้าวระหว่างทาง ซินห้าวพาเธอไป รู้ว่าเธอจะซื้อกระดาษก็บอกว่าในเมืองถูก สุดท้ายก็พาเธอไปเก็บไปป์บุหรี่ เธอเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวอบเนื้อแพะให้ซินห้าว แต่ไม่มีตั๋วข้าว ซินห้าวเลยออกให้ จากนั้นพวกเขาก็กลับมา ส่วนเรื่องที่ใจเธอหวั่นไหวระหว่างทางเธอไม่ได้เล่า นั่นเป็นเรื่องความรู้สึกส่วนตัวของเธอ
“ลูกบ้านซินนี่ไม่ขี้เกียจ ลูกก็ไม่เรียกเขาเข้ามาในบ้าน เขาช่วยเรามาทั้งวัน จนถึงเวลากินข้าวแล้วยังให้เขาท้องร้องกลับไปอีก ไม่ดีนะ”
หวางนิวต่อว่าลูกสาว แน่นอน ไม่ใช่ต่อว่าจริงๆ จังๆ
เฉินจงไม่ได้พูดอะไร ในใจมีภาพใบหน้าแวบเข้ามา หนุ่มซินห้าวคนนั้นเขาจำได้ หล่อมาก พูดจาท่าทางก็ไม่เลวเลย เพียงแต่ ฐานะบ้านตัวเองไม่คู่ควรกับเขาน่ะสิ
“ก๋วยเตี๋ยวอบเนื้อแพะหรือ แม่ยังไม่เคยกินมาก่อนเลย พ่อของลูกยังดี เขาเคยเข้าเมืองอยู่หลายครั้ง เคยได้กินก๋วยเตี๋ยวอบครั้งหนึ่ง รสชาติเป็นยังไง?”
หวางนิวพูดจบก็ไม่ได้พูดเรื่องเฉินเยี่ยนไม่ชวนซินห้าวเข้าบ้านอีก ความคิดเธอเรียบง่าย ในหมู่บ้านเกษตรกร การช่วยเหลือเป็นเรื่องปกติ เหมือนพวกเขา บ้านคนอื่นมีเรื่องก็ไปช่วยวันสองวันถือเป็นเรื่องที่ควรทำ ไม่ได้คิดถึงผลตอบแทนอะไร ตอนนี้เธอถามลูกสาวเรื่องก๋วยเตี๋ยวอบ น้ำเสียงมีแววอิจฉา เธอเคยไปไกลสุดแค่ผ่านอำเภอไป ไปอำเภอก็ไม่ได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหาร แม้แต่ซุปเผ็ดก็ไม่เคยดื่ม อย่าว่าแต่ก๋วยเตี๋ยวอบเนื้อแพะเลย คิดไม่ถึงว่าลูกสาวจะได้กิน
“รอหาเงินได้แล้วพวกเราไปกินกันทั้งบ้าน”
เฉินเยี่ยนเจ็บปวดใจเล็กน้อย เธอไม่เสียดายก๋วยเตี๋ยวอบเลย แม่เธออิจฉาแบบนี้ เธอต้องทำให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้นให้ได้ ไม่คิดเรื่องอื่น อย่างน้อยให้แม่ ให้ครอบครัวอยากกินอะไรก็ได้กิน ไม่ใช่ว่าพูดขึ้นมาแล้วถามอย่างอิจฉาว่ารสชาติเป็นยังไง
“ถ้าหาเงินได้จริง พาพ่อ หู่จื่อและหวางจวนไปกินเถอะ แม่ไม่ไปหรอก แพงน่ะ แม่แก่แล้ว กินมากหน่อย น้อยหน่อยจะมีอะไร ถ้ามีเหลือก็เอาไปให้พี่ใหญ่ แล้วยังมีเสี่ยวเวยพาไปด้วย ให้พวกเขาได้ชิม เฮ้อ ไม่รู้ว่าพวกเขาฝั่งโน้นเป็นยังไงบ้าง พี่สะใภ้ลูกยังว่าเสี่ยวเวยอยู่หรือเปล่าเนี่ย”
หวางนิวพูดความในใจ ตัวเธอเองเป็นยังไงไม่สำคัญ ที่สำคัญคือลูกของพวกเธอ ขอแค่พวกเขาได้ดี เธอก็พอใจแล้ว แต่พูดถึงฝั่งนั้น เธอก็ยังกังวลใจอยู่ แต่แยกกันอยู่แล้ว เธอทำได้แค่เป็นห่วง
เฉินเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร เธอเข้าใจความรู้สึกของแม่ ถ้าเธอเป็นแม่เธอก็คงคิดเพื่อลูกเหมือนกัน ยอมทุ่มเททุกสิ่ง น่าเสียดาย เธอไม่เคยเป็นแม่มาก่อน…
กินข้าวเสร็จ หวางนิวเอาไปป์บุหรี่เทลงที่พื้นในโถงบ้าน แล้วเริ่มแกะไปป์บุหรี่ออกมาภายใต้ตะเกียงน้ำมัน
ตอนแรกเฉินเยี่ยนบอกว่าพรุ่งนี้ค่อยแกะ ยังไงเธอก็ไม่รีบ แต่หวางนิวบอกว่าเธอไม่มีอะไรทำ ตอนกลางคืนแกะออกมา วันรุ่งขึ้นเฉินเยี่ยนก็ได้ใช้แล้ว
ไปป์บุหรี่พูดไม่ได้ถูกวางอยู่บนพื้น ที่จริงมันอยากพูดว่าไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ มันอยากจะอยู่อย่างนี้อีกสักคืนพวกเธอรู้ไหม?
น่าเสียดาย มันพูดไม่ได้ ความคิดมันเลยโดนละเลยไป…
เฉินจงก็ไม่ได้พูดอะไร และใช้มือแกะไปป์บุหรี่ หวางจวนก็มาร่วมด้วย กระทั่งเฉินหู่ย้ายม้านั่งเล็กมาแกะไปป์บุหรี่ด้วยความสนุกสนาน แล้วยังบอกว่าครั้งหน้าถ้าไปสถานีรับทิ้งขยะอีกให้พาเขาไปด้วย เขาจะไปเก็บให้เยอะๆ
คนทั้งบ้านลงมือกันแล้ว ทำเอาเฉินเยี่ยนว่างไปเลย มองดูคนในครอบครัวแกะไปป์บุหรี่ภายใต้ความมืดของโคมไฟน้ำมันตะเกียงไป แล้วพูดคุยกันไป ดูปรองดองกันดี ขอแค่ทุกคนมีความรัก ความสามัคคี ถึงแม้จะทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็มีความสุขได้
คิดแบบนี้ เฉินเยี่ยนก็เข้าร่วมไปแกะไปป์บุหรี่ด้วยเป็นกลุ่มห้าคน
ตกกลางคืน เฉินเยี่ยนนอนบนเตียง หวางจวนนอนหายใจเป็นจังหวะยาวแล้ว เฉินเยี่ยนนอนไม่ค่อยหลับ ไม่ใช่ว่าเธอไม่ง่วง เพียงแต่เธอรู้สึกเจ็บ ถึงแม้เธอจะนั่งเบาะหลัง แต่เบาะหลังจักรยานแข็งมาก ก้นนั่งจนเจ็บ อีกนั่งตอนนั่งยองๆ อยู่ที่พื้นเห็บไปป์บุหรี่อยู่หลายชั่วโมง แล้วตอนกลางคืนมาแกะไปป์บุหรี่อีกตั้งนาน เอวเธอเคล็ดไปหมด
ซินห้าวไปเป็นเพื่อนเธอทั้งขาไปขากลับ ขาเขาคงต้องเจ็บเหมือนกันสินะ?
คิดถึงซินห้าว เฉินเยี่ยนยิ่งรู้สึกนอนไม่หลับ ซินห้าวโดดเด่นมาก เพียงแต่เขาไม่เหมาะกับตัวเอง ไม่อย่างนั้นได้คบกับเขาคงดีมาก
เฉินเยี่ยนคิด แล้วก็ส่ายหน้า นอนอมยิ้มหลับเข้าสู่ความฝัน
————-