ตอนที่ 84: ก๋วยเตี๋ยวอบเนื้อแพะ
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนไม่รู้ว่าซินห้าวคุ้นเคยกับในเมืองมาก แต่คิดว่าแม่เขาเป็นคนเมือง ซินห้าวต้องมาในเมืองบ่อยๆ รู้จักถนนหนทางก็ไม่แปลก
เพียงแต่…
“คุณไม่คิดว่าที่นี่สกปรกหรือ?”
เฉินเยี่ยนถามซินห้าวเสียงเบา ถึงแม้เสื้อผ้าบนตัวซินห้าวไม่ใช่เสื้อผ้าทันสมัยมากขนาดนั้น แต่สำหรับยุคนี้ก็ถือว่าไม่แย่แล้ว ดูดีกว่าในหมู่บ้านพวกนั้นเยอะหลายเท่าเลย แล้วเขาหน้าตาหล่อด้วย แต่ตอนนี้มานั่งอยู่ในกองขยะที่นี่หาไปป์บุหรี่ เลยรู้สึกว่าไม่เข้ากันอย่างมาก
อย่าว่าแต่ซินห้าวเลย ให้ชายหนุ่มหลายคนในหมู่บ้านมาหาของที่นี่ คิดว่ามีจำนวนไม่น้อยที่ไม่ยอม
ซินห้าวไม่สนใจเลยสักนิดเหรอ?
“สกปรกหรือ?”
ซินห้าวมองขยะที่กองดั่งภูเขา มองตัวเอง แล้วก็มองเฉินเยี่ยนแวบหนึ่ง จากนั้นหัวเราะแล้วพูด “ผมไม่คิดว่ามีอะไรสกปรก ขอแค่ใช้ได้ก็พอแล้ว ไปสถานที่โอ่อ่าระดับสูงแบบนั้น ที่นั่นไม่มีของที่พวกเราต้องการ สะอาดแค่ไหนแล้วมีประโยชน์อะไร?
คำพูดซินห้าวทำเฉินเยี่ยนอึ้งไป คิดดีๆ ที่ซินห้าวพูดก็มีเหตุผล เพียงแต่ฐานะบ้านซินห้าวไม่แย่ ทำไมเขาถึงเข้าใจเรื่องราวได้ดี?
“ตอนคุณเรียนวิชาอยู่วัดเส้าหลินคงลำบากไม่น้อยใช่ไหม?”
เฉินเยี่ยนนั่งลงถามซินห้าว และช่วยซินห้าวหยิบไปป์บุหรี่ขึ้นมา
มือซินห้าวชะงักไป แล้วค่อยเก็บขึ้นมาต่อ
“ตอนไปใหม่ๆ ไม่ชินเลย ถ้าจะบอกว่าลำบาก บางครั้งก็ลำบากมากจริง เป็นความลำบากที่คนปกติไม่มีทางเข้าใจ แต่หลังลำบากแล้วถึงจะได้ประสบการณ์”
เสียงซินห้าวไม่ดัง แต่เฉินเยี่ยนกลับมองเห็นความเด็ดเดี่ยวบนใบหน้าเขา
คิดแล้วซินห้าวคงลำบากมาก เทียบกับที่เขาเล่าแล้ว ตัวเองถือว่าโชคดีแล้ว เฉินเยี่ยนถอนหายใจหน่อยหนึ่ง ในใจแอบสงสารอยู่นิดหน่อย แต่ซินห้าวไม่ได้เหลวไหล เขาไม่ได้ไม่รู้เรื่องอะไร สมองก็ฉลาด เด็กแบบนี้อีกหน่อยต้องไปไกลแน่
ที่จริงตัวเองก็พูดไม่ได้ว่าเขาเป็นเด็กแล้ว ตอนนี้เธอแก่กว่าซินห้าวอยู่ไม่กี่ปีเอง อย่างมากก็เป็นน้องชาย
ซินห้าวและเฉินเยี่ยนเก็บไปป์บุหรี่ขึ้นมา ระหว่างนั้นซินห้าวเล่าเรื่องตอนที่เขาเรียนกังฟูกับเฉินเยี่ยนไม่น้อย ส่วนเฉินเยี่ยน ก็เล่าเรื่องที่น่าสนใจตอนเด็กให้ซินห้าวฟังเหมือนกัน แต่เธอไม่ได้สังเกตว่าที่เธอเล่าไม่ใช่เรื่องของเฉินเยี่ยนร่างเดิม แต่เป็นเรื่องของตัวเธอตอนยังเด็ก
มองดูใบหน้าที่ดีใจสุดขีดของเฉินเยี่ยนในตาซินห้าวเผยให้เห็นรอยยิ้มเหมือนกัน เพียงแต่ศัพท์และคำพูดที่เฉินเยี่ยนใช้บางอันเขาฟังไม่ค่อยเข้าใจ เช่นเรื่องที่เฉินเยี่ยนเล่าว่าตอนเด็กเธอกินของแช่แข็ง ของแช่แข็งคืออะไร? ทำไมเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน? ฟังเฉินเยี่ยนพูดแล้วเหมือนไอศกรีมแท่ง แต่ดูขั้นสูงกว่า แพงกว่าไอศกรีมแท่ง ในหมู่บ้านมีของแบบนี้ขายด้วยหรือ? ทำไมเขาไม่เคยเห็นมาก่อน? จากที่เขารู้ ฐานะบ้านเฉินเยี่ยนไม่ดีเลย ตอนเฉินเยี่ยนยังเด็ก คนในหมู่บ้านยังกินข้าวหม้อเดียวกันอยู่เลย? แล้วยังไม่มีการแบ่งที่นา และมีอาหารแช่แข็งขายที่ไหน ถึงแม้จะมี คนในหมู่บ้านก็คงซื้อไม่ไหวหรอก?
แต่เขาก็เชื่อว่าเฉินเยี่ยนไม่ได้โกหกเขา ที่เล่าคงเป็นเรื่องจริง แต่ทำไมมันดูขัดแย้งกันนะ?
ซินห้าวไม่ค่อยเข้าใจ แต่เขาก็ไม่ได้ถาม เฉินเยี่ยนเล่าจบถึงค่อยรู้ว่าที่เธอเล่าเป็นเรื่องของเธอในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่ของร่างเดิม ตอนร่างเดิมยังเด็กอยู่ที่นี่ไม่มีอะไรเลย แต่จะให้อธิบายตอนนี้ก็คงอธิบายได้ไม่ชัดเจน เธอมองซินห้าว เหมือนซินห้าวไม่ได้สงสัยอะไร อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องตลกก็ได้ เฉินเยี่ยนแอบโล่งใจ ไม่สงสัยก็ดีแล้ว
“เก็บได้เท่านี้แล้ว ฉันว่าน่าจะพอแล้ว พวกเรายังต้องเก็บอยู่อีกไหม?”
เฉินเยี่ยนมองท้องฟ้า ตอนนี้เลยเวลาเที่ยงแล้ว น่าจะใกล้บ่ายสองโมงแล้ว ทั้งสองคนเก็บไปป์บุหรี่มามากมาย เท้าเธอเหน็บกินไปหลายรอบแล้ว
“ได้ ไม่ต้องเก็บแล้ว ของพวกนี้คุณเอาไปใช้ก่อน ไม่พอคราวหน้าค่อยมาใหม่”
ซินห้าวลุกขึ้นยืน ปัดเสื้อผ้าเบาๆ ทั้งสองคนเก็บไปป์บุหรี่ในกองขยะ ทั้งตัวเต็มไปด้วยฝุ่น
เฉินเยี่ยนก็ปัดเสื้อผ้า บนตัวเธอมีแต่ฝุ่น มองดูไปป์บุหรี่ที่พื้นก็กังวล จะแบกไปยังไง
“รอผมก่อน”
ซินห้าวพูดแล้วก็เข้าไปในห้อง สักพักหยิบถุงที่ทำจากหนังปลาออกมา
“นี่ต้องจ่ายเงินให้เขาเท่าไร? ชั่งน้ำหนักขายหรือเปล่า?”
เฉินเยี่ยนถามระหว่างที่เอาไปป์บุหรี่ใส่ลงในถุง
“ไม่ต้อง ไปป์บุหรี่พวกนี้เขาขายไม่ได้เงินเท่าไร ไม่ต้องจ่ายเงิน พวกเราเอาไปเท่าไรก็ได้”
คำพูดซินห้าวทำเอาเฉินเยี่ยนอึ้งไป ไม่ต้องใช้เงิน นั่นก็หมายความว่าแค่มีเวลาก็สามารถมาที่นี่เก็บไปป์บุหรี่ได้เลย แกะเอายาเส้นออกมาก็พันบุหรี่ได้แล้ว แบบนี้ก็ไม่มีต้นทุนแล้ว ได้ฟรีๆ สิ
“ใครๆ ก็มาเก็บได้หรือ?”
เฉินเยี่ยนสงสัย เมื่อก่อนเธอรู้ แต่ตอนนี้ดูแล้ว ทำแบบนี้ถ้าทำได้ดี ก็หาเงินได้ไม่น้อยเลย
“ไม่ใช่ เขาไม่ยอมให้คนไม่รู้จักเข้ามาหรอก อีกอย่างถึงแม้รู้จักกัน แต่เขาก็ไม่มีทางให้คุณฟรีๆ ผมรู้จักคนที่นี่ ดังนั้นผมพาคนมาเก็บเท่าไรก็ไม่มีปัญหา”
ซินห้าวยิ้ม รู้สึกว่าเฉินเยี่ยนน่ารักมาก
“อ้อ ที่แท้อาศัยใบบุญของคุณ”
เฉินเยี่ยนคิดว่าแบบนี้ถึงจะถูก ไม่อย่างนั้นใครสามารถเข้ามาเก็บได้ ที่เก็บขยะนี่ก็คงขาดทุน
“ไปเถอะ ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น ไปป์บุหรี่นี่พอใช้สำหรับคุณ”
ซินห้าวพูดแล้วก็หยิบถุงหนังปลาที่ใส่ไปป์บุหรี่แล้วขึ้นมา เอาถุงมัดไว้บนจักรยาน
“งั้นฉันเลี้ยงข้าวคุณนะ?”
ระหว่างทางที่กลับเฉินเยี่ยนรู้สึกเกรงใจ ซินห้าวพาเธอมา แล้วังช่วยออกแรงอีก จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย ยังไงก็ให้กลับไปแบบนี้ไม่ได้
“ได้สิ”
ซินห้าวตอบตกลงอย่างสบายใจ ขี่รถพาเฉินเยี่ยนมาถึงร้านอาหารเล็กๆ ร้านหนึ่ง
ยุคนี้ร้านอาหารเป็นร้านเล็กๆ ทั้งหมด ไม่สามารถเทียบได้กับร้านใหญ่ๆ ในยุคหลังได้เลย ดูเมนูแล้ว เฉินเยี่ยนส่ายหน้า ไม่มีผัดปัก มีก๋วยเตี๋ยวหลายอย่าง เธอเป็นคนไม่ชอบกินเส้นก๋วยเตี๋ยวเลย แต่ไม่กินก็ไม่ได้ ท้องเอาแต่ร้องแล้ว
ทั้งสองคนสั่งก๋วยเตี๋ยวอบเนื้อแพะคนละชาม
ก๋วยเตี๋ยวอบเป็นเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ เฉินเยี่ยนได้กินเป็นครั้งแรก ก๋วยเตี๋ยวอบจะมีหลายๆ อย่างผสมกัน ในนั้นมีเนื้อแพะ มีเส้น มีสาหร่าย มีวุ้นเส้น แล้วยังเติมต้นหอมซอยและผักชีสีเขียวสดที่ลอยอยู่ เห็นแล้วทำให้คนอยากกินมาก
เฉินเยี่ยนดมแล้ว หอมมาก เนื้อแพะนิ่มมาก ดื่มน้ำซุปไปคำหนึ่งก็รู้สึกสดชื่น อุ่นไปทั้งตัว คล่องกระเพาะมาก เพียงแค่เส้นก๋วยเตี๋ยวที่เธอรู้สึกใหญ่ไปหน่อย เธอไม่ชอบกิน ดังนั้นเธอเลยเขี่ยไปเขี่ยมา กินผัก วุ้นเส้น น้ำซุปหมดแล้ว กินเส้นก๋วยเตี๋ยวไปไม่กี่คำ
ซินห้าวกินไปก็แอบมองดูเฉินเยี่ยนไป ก๋วยเตี๋ยวอบเนื้อแพะนี่ถือว่าเป็นอาหารเลิศรสของคนทั่วไป มีเกษตรกรหลายคนที่ทั้งชีวิตนี้ยังไม่เคยได้กินเลย สำหรับเฉินเยี่ยน ที่เขาไปสืบมาก็สืบมาหมดแล้ว แต่ตอนนี้ดูเฉินเยี่ยนกินของ เขารู้สึกว่าเฉินเยี่ยนไม่เหมือนคนที่ไม่เคยเจอโลกมาก่อน อาหารเลิศรสสำหรับคนทั่วไปมาวางตรงหน้าเฉินเยี่ยนแล้วเหมือนไม่ใช่เลย เหมือนเฉินเยี่ยนไม่มีทางเลือกเลยต้องเลือกก๋วยเตี๋ยวอบ เหมือนเธอเคยกินอาหารเลิศรสมาสารพัด ตอนนี้ให้เธอกินก๋วยเตี๋ยวอบ ไม่ต่างกับให้เธอกินแป้งทอดเลย
———-