เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก – ตอนที่ 121: ทำลายความสามัคคี ขอโทษ (2)
ตอนที่ 121: ทำลายความสามัคคี ขอโทษ (2)
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนพูดหน้าตาจริงจัง เธอพูดแบบนี้ออกไปคนส่วนใหญ่พยักหน้า และเชื่อคำพูดเธอ ตอนนี้มีหลายหมู่บ้านที่ไม่มีไฟฟ้า ซื้อหลอดไฟกลับไปก็ไม่มีประโยชน์ เห็นเป็นของใหม่ถามดูไม่ได้หรือ ไม่ถามจะรู้ได้ยังไงว่าซื้อได้หรือไม่ได้ แบบนี้ก็ว่าหาว่าไม่มีปัญญาซื้อ ไล่คนออกไป อีกหน่อยทุกคนก็ไม่อยากจะมาแล้ว
หัวหน้าหยวนได้ยินเฉินเยี่ยนพูดไม่ผิด คนซื้อหลอดไฟไม่ไหวเป็นเรื่องปกติ ซื้อกลับไปก็ไม่ได้ประโยชน์ แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ซื้ออย่างอื่น ไปว่าเขาได้ยังไง
“เธอเป็นคนบอกฉันก่อน เธอบอกว่าฉันเป็นวัยอะไรนั่น แล้วยังถามว่าฉันขายหรือเปล่า? ถ้าขาย เธอก็จะซื้อฉัน หัวหน้าคะ ฟังดู แบบนี้ไม่ใช่ว่าเธอด่าฉันหรอกหรือ? มีที่ไหนขายคน เธอ เธอไม่ใช่ว่ากำลังว่าฉันขายตัวอยู่หรือ”
เอ้อเฟิ่งสีหน้าน่าสงสาร ตอนนี้เธอไม่พูดเรื่องนั้นแล้ว เธอต้องเอาความผิดโยนให้เฉินเยี่ยน
ผู้คนมองเฉินเยี่ยนอีกครั้ง ถ้าพูดแบบนี้จริงก็เป็นความผิดของเฉินเยี่ยน หญิงสาววัยรุ่นทำไมว่าคนอื่นแบบนี้ นี่ถือเป็นการดูถูก นิสัยมีปัญหา
เฉินจงก็มองเฉินเยี่ยน ก่อนหน้านี้เขาไม่อยู่ เลยไม่ได้ยินที่ลูกสาวพูดแบบนี้ ถึงแม้ลูกสาวจะพูด ก็ต้องโดนเอ้อเฟิ่งอะไรนั่นบังคับแน่นอน เขาไม่ยอมให้ลูกสาวลำบาก คิดอย่างนี้เฉินจงก็เดินออกมา เขาต้องปกป้องลูกสาว
“หัวหน้า พ่อ หนูบอกว่าสหายหญิงคนนั้นวัยทองแล้ว นี่คือคำด่าคนหรือ? พวกคุณรู้หรือเปล่าว่าวัยทองหมายความว่าอะไร?”
เฉินเยี่ยนพูดขึ้นมาก่อนเฉินจงพูด เรื่องนี้เธอไม่ต้องให้เฉินจงมาแก้ปัญหาแทนเธอ
“แปลว่าอะไร?”
หัวหน้าหยวนถาม เขาก็ไม่รู้
“ยังไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไรเลย ทำไมถึงมาบอกว่าฉันด่าคน? ฉันกำลังชมสหายหญิงคนนี้อยู่นะ”
เฉินเยี่ยนเบิ่งตากว้าง แสดงให้เห็นความจริงใจ ความบริสุทธิ์เป็นพิเศษ ผู้คนก็เชื่อเฉินเยี่ยน คนยุคนี้ไม่มีใครรู้จักคำว่าวัยทองแปลว่าอะไรจริงๆ
“งั้นที่เธอบอกว่าฉันขายตัวล่ะ”
เอ้อเฟิ่งก็ไม่รู้ว่าวัยทองแปลว่าอะไร เลยดึงประโยคนี้ขึ้นมา
เฉินเยี่ยนหน้าแดงขึ้นมา เธอพูดเสียงเบา แต่ยังอยู่ในระดับที่ทุกคนได้ยินอยู่ ฉัน ฉันไม่ได้บอกว่าสหายหญิงคนนี้ขายตัว ฉันให้เธอขายยิ้ม[1]”
เฉินเยี่ยนพูดคำนี้ออกไป คนตรงนั้นต่างตะลึงกัน หัวหน้าหยวนก็หน้าบึ้งขึ้นมา เอ้อเฟิ่งร้องกระโดดขึ้นมา ขายยิ้มกับขายตัวต่างกันตรงไหน
ตัวเฉินเยี่ยนเองก็อึ้งไป แล้วหลังจากนั้นจงใจมีปฏิกิริยาตอบกลับ เธอรีบพูดเสริม “ขายที่ฉันพูดถึง ยิ้มคือขายรอยยิ้ม สหายหญิงคนนี้หน้าบึ้งตั้งแต่ฉันเข้ามา กับใครก็ทำหน้าเหมือนคนอื่นติดเงินเธอไปหมด เหมือนที่บ้านมีเรื่องอะไร อารมณ์เธอไม่ดี แล้วมาระบายลงที่ฉัน พวกเรามาซื้อของที่นี่ เห็นท่าทางเธอทำแบบนั้นกับพวกเรา พวกเราก็อึดอัดใจ และเสียใจนะ ฉันเลยถามเธอขายยิ้มหรือไม่ ความหมายก็คือให้เธอยิ้มให้พวกเราหน่อยได้ไหม แบบนี้เธอดีใจพวกเราก็ดีใจ ทุกคนก็อารมณ์ดี อีกหน่อยก็จะได้มาบ่อยๆ ปฏิบัติกันเหมือนคนในครอบครัว ไม่ดีหรือคะ? ท่านประธานเหมาไม่ได้สอนพวกเราหรอกหรือ พวกเราล้วนเป็นญาติมิตร เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่แบ่งแยกชนชั้น สามัคคีเป็นหนึ่งเดียว แต่เธอทำแบบนี้คือปฏิบัติกับพวกเราเหมือนเป็นศัตรู ฉันกลัวว่านานไป ทุกคนจะเข้าใจผิดว่าเธอไม่สามัคคีกับผู้คน ดังนั้นเลยได้พูดแบบนี้ออกไป ฉันผิดเหรอ?”
เฉินเยี่ยนผิดเหรอ? ตอนนี้ไม่มีใครบอกว่าเฉินเยี่ยนทำผิด
“เธอ เห็นอยู่ว่าเธอไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น เธอด่าฉันว่าขายตัว ขายยิ้ม เธอ…”
เอ้อเฟิ่งโกรธชี้เฉินเยี่ยนพูดอะไรไม่ออก เห็นอยู่ว่าเฉินเยี่ยนด่าเธอ แต่เฉินเยี่ยนไม่ยอมรับ ตอนนี้เฉินเยี่ยนยังโยนความผิดมาให้เธอ บอกว่าเธอทำลายความสามัคคี แบบนี้กลับผิดให้เป็นถูกนี่
“ฉันไม่เคยด่าเธอ และฉันก็ไม่รู้ว่าที่เธอพูดหมายความว่าอะไร ฉันแค่อยากจะให้เธอยิ้ม ให้เธอเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คน เธอกลับเอาแต่ด่าฉัน ทุกคนก็ได้ยินกันหมด”
เฉินเยี่ยนทำท่าน่าสงสาร แค่เล่นละคร ใครทำไม่เป็น
เอ้อเฟิ่งโกรธจนตัวสั่น เป็นครั้งแรกที่เธอตกที่นั่งลำบากแบบนี้ ตอนนี้ผู้คนรอบด้านต่างเป็นพวกเดียวกับเฉินเยี่ยนมาตำหนิเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ผิด
ใช่แล้ว ผู้หญิงคนนี้มาดูตัวกับเวยหลายชุน ตอนแรกเธอไม่ได้พูด เพราะมีเรื่องส่วนตัวในใจ ตอนนี้โดนเฉินเยี่ยนแย่งไปแล้ว เธอลืมเรื่องนี้ไปเลย เอ้อเฟิ่งขึ้นคิดได้กำลังจะใช้เรื่องนี้ว่าเฉินเยี่ยน ฝั่งหัวหน้าหยวนจ้องมองเธอ และดุเสียงดัง “พอได้แล้ว หยุดพูด สหายน้อยคนนี้พูดไม่ผิด พวกเราเป็นคนในพรรคเดียวกัน ทำงานบริการประชาชน ไม่มีทรัพย์สมบัติมาแบ่งแยกชนชั้น ต่างเป็นครอบครัวเดียวกัน เธอไปว่าคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง เขาให้เธอยิ้มมีตรงไหนไม่ถูกต้อง แล้วยังไปว่าคนอื่นเขา นี่เธอมาสร้างความขัดแย้งให้ทุกคน”
หัวหน้าหยวนตำหนิเอ้อเฟิ่ง เขาผ่านยุคสมัยนั้นมาแล้ว ถ้าเอ้อเฟิ่งอยู่ในยุคนั้นแล้วโดนใส่ร้ายแบบนี้ จะต้องโดนลากไปเดินขบวนแล้ว
“หัวหน้า ไม่ใช่ฉัน ฉันเปล่า อย่าโทษฉัน เธอต่างหาก เห็นอยู่ว่าเธอมากับ…”
เอ้อเฟิ่งรีบร้อน อยากจะอธิบาย เฉินเยี่ยนไม่รอให้เธอพูดจบก็พูดขึ้นมา “หัวหน้าคะ ฉันกับพ่อมาซื้อของ แต่กลับโดนโกรธและโดนดูถูกแบบนี้ ฉันต้องการให้เธอขอโทษฉัน อีกทั้งต้องการให้เธอรับรองว่าต่อไปนี้จะไม่ทำแบบนั้นกับคนอื่นอีก จะไม่ทำลายความสามัคคีของพวกเรา”
ใบหน้าเล็กของเฉินเยี่ยนดูเคร่งขรึมมาก เหมือนกับกำลังพูดเรื่องที่ศักดิ์สิทธิ์มากอยู่
“สหายน้อย เธอพูดถูก เรื่องนี้พวกเราทำไม่ถูกต้อง ฉันจะให้สหายเอ้อเฟิ่งขอโทษเธอ อีกทั้งยังรับประกันด้วยว่าต่อจากนี้พวกเราสหกรณ์จะไม่ทำเรื่องที่ทำให้คนขัดแย้งกัน”
ความคิดเห็นของคนหมู่มากเห็นพ้องต้องกัน หัวหน้าหยวนรู้วาเอ้อเฟิ่งทำผิดให้ผู้คนโกรธ เขารีบพยักหน้า
เอ้อเฟิ่งขอโทษแล้ว โค้งขอโทษเฉินเยี่ยน เฉินจง และทุกคนที่อยู่ในสหกรณ์
เห็นเอ้อเฟิ่งก้มหัวลงด้วยสีหน้าไม่พอใจ ได้ยินเอ้อเฟิ่งพูดว่าเธอผิดไปแล้ว เดี๋ยวก่อน เฉินเยี่ยนไม่สงสารเธอ เอ้อเฟิ่งขอโทษเพราะเธอจำเป็น โทษคนอื่นไม่ได้ ส่วนสายตาอาฆาตของเอ้อเฟิ่ง เฉินเยี่ยนทำเป็นมองไม่เห็น ยังไงถ้าเธอไม่ทำแบบนี้ เอ้อเฟิ่งก็ไม่ชอบเธออยู่ดี ทำไมเธอจะต้องทนคนที่ไม่ชอบเธอด้วย
เวยหลายชุนยืนตัวตรงมองอยู่ เขาเงยหน้ามองเล็กน้อย แววตาที่นิ่งเฉยของเฉินเยี่ยน ในใจเขาสั่นสะท้าย เขาไม่โง่ เขามองก็เข้าใจแล้ว ทั้งหมดนี่เป็นละครของเฉินเยี่ยน ใช่ เอ้อเฟิ่งผิด แต่วันนี้ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ต้องไม่มีจุดจบแบบนี้แน่นอน ผู้หญิงคนหนึ่งต่อกรกับเอ้อเฟิ่งที่โหดร้าย ถึงแม้จะน่าสงสาร แต่ก็ไม่มีที่จะอธิบายเหตุผล เขาจำได้ว่าไม่นานมีผู้หญิงคนหนึ่งอายุยี่สิบปี มาซื้อของที่สหกรณ์กับคุณยาย ไม่รู้ว่าพูดอะไรกัน โดนเอ้อเฟิ่งด่า ถึงแม้สุดท้ายลุงป่าวเอินจะออกมาช่วยยายหลานคู่นั้น แต่ยายหลานคู่นั้นก็ยังตกที่นั่งลำบาก โดนเฉพาะอย่างยิ่งหลานสาว ตอนไปยังไม่กล้าเงยหน้าเลย นัยน์ตาแดงก่ำคู่นั้นทำให้คนเห็นแล้วปวดใจ
ขณะที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน วันนี้เฉินเยี่ยนกลับทำให้เอ้อเฟิ่งก้มหัวขอโทษทุกคนได้ เอ้อเฟิ่งยังโดนสหกรณ์จดบันทึกไว้ด้วย เรื่องนี้เขาไม่เคยคิดมาก่อน
เฉินเยี่ยนคนนี้ไม่ธรรมดา เธอสามารถไม่สนใจคำด่าหยาบคายของเอ้อเฟิ่งได้ เธอยังกลับความหมายหนึ่งไปเป็นอีกความหมายหนึ่งได้อย่างมีเหตุผล คนแบบนี้ ถ้าเธอชอบอยู่ร่วมกับคนอื่น งั้นเธออยู่บ้านใคร ต้องทำงานบ้านได้อย่างราบรื่นแน่ผู้หญิงแบบนี้ เขาจะกล้าขอแต่งหรือ?
[1] โบราณหมายถึงโสเภณี
————————