ทุกผู้คนจำแนกได้ว่าไม่ใช่การเสแสร้งทำเป็นเยือกเย็น ทว่าเป็นความไม่หวั่นไหวอย่างแท้จริง ตั้งแต่ลักษณะท่าทางสู่ลมหายใจจวบจนใจเต้น นางไม่มีความหวั่นไหวใดๆ ทั้งสิ้น
ท่วงท่าของปรมาจารย์สูงศักดิ์ที่แท้จริงพาให้ผู้คนกริ่งเกรง
ขณะนี้จิ่งเหิงปัวหลับตาอยู่
คราวนี้เป็นการต่อสู้คนเดียวครั้งแรกของนาง นับเป็นการฆ่าคนครั้งแรกของนางด้วยซ้ำ แต่นางไม่มีความตึงเครียดหรือหวาดกลัวแม้เพียงเศษเสี้ยว กระทั่งโลหิตทั่วร่างยังเดือดพล่านแล้ว
โลหิตเดือดพล่านทว่าจิตใจกลับสงบยิ่งนัก ราวดั่งภูเขาไฟที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้หิมะน้ำแข็ง ครู่ต่อมาจะระเบิดออกทะยานสู่ท้องฟ้า
นางรู้สึกขึ้นมาได้ว่าตนเองอาจจะเหมาะกับการสังหารเช่นกัน ความดุร้ายภายในร่างกายถูกปลุกให้ตื่นฟื้น นางชอบเตร็ดเตร่ท่ามกลางทะเลโลหิต
ผู้คนมากมายรอบด้านกำลังจ้องมองนางอย่างระมัดระวัง ค่อยๆ ลดขนาดวงล้อมลง
“ศัตรูไม่ขยับข้าหยุดนิ่ง ศัตรูขยับข้าชิงลงมือ”
เรือนร่างนางกะพริบวูบทันที!
การกะพริบวูบครั้งนี้ไม่มีลางบอกเหตุ ผู้โอบล้อมที่อกสั่นขวัญแขวนทุกคนรีบถอยหลังโดยพลัน ด้วยเพราะไม่รู้ว่าต่อมาจะถึงคราวของผู้ใด
คนที่อยู่ใกล้มากที่สุดตึงเครียด ส่วนคนที่อยู่รอบนอกสุดดูผ่อนคลายเล็กน้อย
จิ่งเหิงปัวกะพริบวูบออกจากวงล้อม!
คนอยู่รอบนอกสุดสองคนรู้สึกเพียงว่าเสียงลมดังก้อง ข้างหลังคล้ายมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ปฏิกิริยาของสองคนนี้นับว่ารวดเร็ว พวกเขาหันกายโดยพลัน
เงาคนที่เจือกลิ่นหอมนั้นพลันกะพริบวูบเปลี่ยนทิศทาง สองคนรีบหันกายตามเงา คราวนี้กลายเป็นว่าทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากันแล้ว
เงาคนเจือกลิ่นหอมกะพริบวูบอีกครั้ง คราวนี้คล้ายเกิดความผิดพลาด กะพริบมาอยู่ตรงกลางระหว่างสองคน!
ระหว่างคนทั้งสองห่างกันเพียงความกว้างของระเบียงยาว พอมีอีกคนหนึ่งยืนอยู่ด้วย ระยะทางก็พลันชิดใกล้จนหายใจรดต้นคอ เพียงยื่นอาวุธออกไปจะแทงทะลุท้องของเงาคนสายนั้นได้โดยพลัน!
โอกาสพลาดไม่ได้!
สองคนที่กำลังดีใจพลันแทงอาวุธในมือออกไปอย่างรุนแรง!
พริบตาหนึ่งนั้นที่อาวุธใกล้จะแทงมาถึงจิ่งเหิงปัวที่อยู่ตรงกลาง
นางกะพริบวูบ
รวดเร็วเหลือเกิน เร็วจนเกิดภาพมายา เร็วจนเงาร่างของนางยังอยู่ตำแหน่งเดิมกลางนัยน์ตาของสองคนนั้น พวกเขารู้สึกว่าคนถูกแทงคือนาง
ฉึก! ฉึก!
ทั้งสองเสียงเกิดขึ้นในขณะเดียวกัน โลหิตแดงฉานพวยพุ่งสู่กันเชื่อมเป็นสะพาน
ความเจ็บปวดรุนแรงจู่โจมเข้ามา สองคนเบิกตากว้าง มองท้องตนเองอย่างไม่เชื่อสายตา
อาวุธที่ต่างคนต่างแทงอีกฝ่าย…
เงยหน้ามองตรงกลางอีกครั้ง เงาคนเมื่อครู่ยังอยู่ที่ใด?
เป็นไปได้อย่างไร?
เพียงชั่วขณะที่รวดเร็วเสียยิ่งกว่ากะพริบตา นางก็เฉียดกายออกไปทันได้อย่างไร?
บนโลกนี้มีท่าร่างแปลกประหลาดขนาดนี้ด้วยหรือ…
“มันไม่ใช่คน!” สองคนพลันร้องเสียงหลงว่า “มันไม่ใช่คน! มันไม่ใช่คน!”
เสียงร้องโหยหวนยังไม่ทันสิ้นลง ก็เงียบสงบโดยพลัน
จิ่งเหิงปัวมอบคมมีดให้แต่ละคน ใช้คอหอยของพวกเขาเช็ดเลือดบนมีดจนสะอาด
กลิ่นคาวโลหิตเข้มข้นมากยิ่งขึ้น
บรรยากาศกดดันตึงเครียดมากยิ่งขึ้น
ผู้คนเริ่มตื่นตระหนกแล้ว ไม่มีผู้ใดมองเห็นเลยว่าเมื่อครู่นี้เกิดเรื่องใดขึ้น รู้เพียงว่าพริบตาเดียวคนภายในวงล้อมพุ่งออกไป จากนั้นสองคนข้างนอกสุดพลันสิ้นชีพ เห็นสภาพศพนั้นแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะเป็นการแทงกันเองจนสิ้นชีพ
เสียงร้องโหยหวนหวาดผวาก่อนที่จะสิ้นใจของพวกเขาคล้ายยังคงดังก้องอยู่ข้างหู ทุกคนขนลุกทั่วร่าง ในใจเกิดความหวาดกลัว แม้คนมากก็ยิ่งแข็งแกร่ง แต่เกิดอาการอยากหันหลังวิ่งหนีเสียได้
การต่อสู้เผชิญหน้าไม่น่ากลัว ทว่าการลอบสังหารที่คาดเดาไม่ได้ประหนึ่งภูตพรายนับว่าอันตรายที่สุด
แต่เดิมคนเหล่านี้คิดจะใช้การล้อมสังหารกลางความมืดมิดมารับมือผู้บุกรุก นึกไม่ถึงว่ายามนี้ตนเองกลับกลายเป็นฝ่ายหนึ่งนั้นที่ถูกล้อมสังหาร
คนผู้เดียวล้อมสังหารคนทั้งกลุ่มหรือ?
ฟังแล้วน่าขันอยู่บ้าง ทว่าไม่ใช่เรื่องตลก ผู้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์จะรับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวในความไม่รู้เช่นนั้น
เดิมทีคนที่อยู่รอบนอกสุดนึกว่าจะสบายใจได้ชั่วคราว นึกไม่ถึงว่าสตรีนางนี้จะเชือดคนที่อยู่รอบนอกสุดเป็นตัวอย่างก่อน ด้วยความตื่นตะลึงฝีเท้าจึงก้าวเข้าไปอย่างเงียบเชียบ
เรือนร่างของจิ่งเหิงปัวกะพริบวูบ กระโดดเข้าไปในวงล้อมกะทันหัน!
ทุกคนมองไม่เห็นเรือนร่างของนาง ทว่ารู้สึกได้ว่ากลิ่นหอมอ่อนๆ หอบนั้นลอยผ่านปลายจมูกตนเองไป จึงอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกคว้าอาวุธไว้แน่น
โคมไฟดวงหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไปถูกลมพัดจนหมุนเวียนวน แสงอ่อนสายหนึ่งหันมาสาดส่องจิ่งเหิงปัวพริบตา
สตรีภายในแสงริบหรี่มีรูปร่างหน้าตาที่งดงามเพริศแพร้ว คาบกริชอยู่มุมปาก สายตาสุกสกาววูบไหว คล้ายยิ้มทว่าไม่ได้ยิ้ม แยกไม่ออกว่านัยน์ตานั้นหรือว่ากริชที่สว่างกว่ากัน
ทุกคนรู้สึกเพียงว่านัยน์ตาถูกส่องสว่างไปด้วย นึกไม่ถึงว่าเทพปีศาจจอมสังหารกลางความมืดมิดตนนี้จะเป็นโฉมสะคราญเช่นนี้ เพียงแต่ไม่เข้าใจเลยว่ายามสู้รบอันตรายเช่นนี้ เหตุใดนางจึงพลันคาบกริชไว้ในปาก
ตะลึงพรึงเพริดเพียงพริบตาเดียว ความมืดมิดกลับมาอีกครั้ง
ก่อนแสงเงาจะหายไป ทุกคนมองเห็นมัวสลัวเลือนรางเพียงว่าสตรีนั้นกางแขนสองข้างต่อท้องฟ้า
ท่วงท่าดุจดั่งอธิษฐานท่วงท่าหนึ่ง
ทุกคนกำลังระแวงสงสัย ไตร่ตรองว่าจะพุ่งเข้าไปล้อมโจมตีหรือไม่ ทว่าไม่อยากพุ่งเข้าไปล้อมโจมตีเป็นคนแรก คนสายตาดีพลันตะโกนเสียงลั่นว่า “กระถางดอกไม้!”
เดิมทีใต้ชายคาระเบียงมีกระถางดอกไม้แถวใหญ่ ปลูกเหมยแคระซึ่งเป็นไม้กระถางพื้นเมืองทนหนาวชนิดหนึ่ง
ยามนี้ท่ามกลางความมืดมิด กระถางดอกไม้เหล่านั้นกำลังลอยทะยานขึ้นไปอย่างเชื่องช้า!
พริบตาหนึ่งก็เงียบสงัดปานหยุดหายใจ จากนั้นเสียงร้องโหยหวนว่า “ผีหลอก!” ดังขึ้น
น่าแปลกว่าผู้คนไม่ได้ถอยหนี ทว่ายามนี้เองพวกเขาก็หวาดกลัวขวัญกระเจิงจนพุ่งมาทางจิ่งเหิงปัวโดยพร้อมเพรียง
เพล้ง! เพล้งๆๆ เพล้งๆ!
กระถางดอกไม้ที่เหินขึ้นอย่างเชื่องช้าพลันลอยสู่กลางอากาศอย่างรวดเร็ว เล็งเหนือศีรษะของทุกคนที่พุ่งเข้ามาแล้วพลันร่วงหล่น!
แต่ละกระถางกระแทกลงบนศีรษะของทุกคน!
ชั่วครู่ที่กระถางดอกไม้กระแทกหมู่นั้น จิ่งเหิงปัวก็กะพริบอย่างต่อเนื่อง! หายตัวออกไปจากฝูงชน
ยามนี้ฝูงชนกำลังรวมกลุ่มกลายเป็นกำแพงหนาแน่น!
กริชในมือนางจ่อแทงกำแพงมนุษย์นั้น เข้าออกต่อเนื่องดั่งสายฟ้า!
ไม่ว่าเป็นกลางหลังของใคร ไม่ว่าสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงหรือไม่ เจอมากฟันครั้งหนึ่งเจอน้อยฟันครั้งหนึ่ง พอมองเห็นกลางหลังแทงทันที!
จัดการแทงให้ได้มากที่สุด!
จะปล่อยให้คนของตระกูลเหยียลี่ว์คนไหนไปส่งข่าวขอความช่วยเหลือไม่ได้ บริเวณใกล้เคียงคือค่ายทหาร!
โลหิตแดงฉานสาดกระเซ็นพรวดๆๆ ทั่วพื้น บนพื้นนั้นลื่นไถลจนแทบจะยืนไม่อยู่ สุดท้ายแล้วชั่วขณะนี้ก็มีคนที่ถูกกระแทกจนสลบไสลไปหลายคน มีคนล้มลงหลายคน มีคนถูกแทงบาดเจ็บสิ้นชีพหลายคน ไม่มีทางคำนวณได้
สุดท้ายจิ่งเหิงปัวก็ยืนฆ่าคนอยู่บนซากศพ บนพื้นนั้นยืนไม่ได้แล้ว
คนที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่มีผู้ใดหวนมาต่อสู้ พวกเขาเริ่มหนีจนได้ หลบหนีพลางเปล่งเสียงเป่าปากแหลมคม เสียงแหลมสะท้อนทั่วคฤหาสน์หลังใหญ่ทั้งหลัง!
จิ่งเหิงปัวรู้ว่านี่คือการส่งสัญญาณว่าจัดการศัตรูไม่ไหว! ครู่ต่อมาที่นี่จะกลายเป็นเป้าหมายสำคัญ จะมีคนมากกว่านี้พุ่งเข้ามา
ส่วนนางแสดงความสามารถพิเศษติดต่อกันจนถึงขีดสุด บังคับกระถางดอกไม้หลายกระถางพร้อมกันเพื่อข่มขวัญศัตรู เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแล้ว
อย่างไรเสียยาพิษยังคงอยู่ นางไม่กล้าใช้เรี่ยวแรงมากเกินไปพิษจะได้ไม่กำเริบ แบบนั้นจะกลับไปไม่ได้ของจริง
ก้นบึ้งหัวใจของนางเริ่มร้อนรนอยู่บ้าง จนถึงตอนนี้ยังไม่มีโอกาสตามหาคน คราวนี้ถ้ายังมีคนมาเพิ่ม นางจะรับมืออย่างไร?
เสียงเป่าปากขอความช่วยเหลือดังขึ้น
เงาคนในจวนเหินกะพริบมุ่งมาทางนี้ทั้งสิ้น เห็นได้ชัดว่ากลุ่มสุดท้ายกลุ่มนี้มีวิชาตัวเบาเลิศล้ำนัก วรยุทธ์ย่อมเลิศล้ำยิ่งกว่า
จิ่งเหิงปัวสูดหายใจเฮือกหนึ่ง เตรียมพร้อมบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย
ไกลออกไปพลันมีแสงสว่างกะพริบวูบ
จากนั้นแสงไฟในที่ซึ่งสว่างไสวมอดดับ ได้ยินเสียงร้องโหยหวนเสียงหนึ่งรำไร เสียงแว่วไปไกลโพ้น
เงาคนที่ห้อตะบึงอยู่กลางอากาศพลันหยุดชะงัก เหลียวหลังด้วยความตกตะลึง
จากนั้นก็มีเสียงตะโกนระเบิดออกไปไกลโพ้น
“คุณชายสามถูกสังหารแล้ว!”
เสียงตื่นตระหนกน่าเวทนา คล้ายว่าการที่คุณชายสามอะไรผู้นี้ถูกสังหารเป็นเรื่องที่น่ากลัวยิ่งนัก
คนกลางอากาศที่พุ่งมาทางจิ่งเหิงปัวหันหน้ากลับมาโดยพลัน บางคนตกตะลึงจนแทบจะร่วงลงไป
แทบจะในทันทีนั้น เงาคนเหล่านั้นก็พลันพุ่งไปทางสถานที่ซึ่งมีเสียงกรีดร้องระเบิดออกมา ไม่มีใครมาทางจิ่งเหิงปัวอีกเลย
จิ่งเหิงปัวมองเห็นเงาคนพุ่งไปทางนั้นแล้วก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างยืดยาว ทางนางปลอดภัยแล้ว
แต่ในขณะเดียวกันในใจก็กระตุกวูบขึ้นมา…เหยียลี่ว์ฉีเป็นคนทำเรื่องทางนั้นแน่นอน เขาพบว่านางถูกล้อมโจมตีอยู่ทางนี้ ไม่ทันได้ตามมาช่วย จึงก่อเรื่องใหญ่เรื่องโตเพื่อดึงดูดทุกผู้คนไปทางนั้นเสียเลย
คุณชายสามอะไรนั่นต้องเป็นบุคคลสำคัญอะไรสักคนอย่างแน่นอน คราวนี้ความแค้นฝังลึกแน่แล้ว
ไม่รู้ด้วยว่าระหว่างเหยียลี่ว์ฉีกับตระกูลของเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่มองออกว่าความอาฆาตแค้นลึกล้ำ พอมาคิดตอนนี้แล้ว เมื่อก่อนที่เหยียลี่ว์ฉีสู้ศึกการเมืองที่ตี้เกอ ความรู้สึกที่ไม่เชิงใกล้ชิดไม่เชิงห่างเหินไม่ได้ทุ่มเทเต็มเรี่ยวแรงแบบนั้นก็ได้รับการอธิบายในที่สุด
จิ่งเหิงปัวคิดว่าวิชาตัวเบาของพวกที่ปรากฏตัวช่วงท้ายกลุ่มนั้นท่าทางไม่ได้ด้อยกว่ากว่าเหยียลี่ว์ฉีมากเท่าไร อดจะรู้สึกไม่สบายใจไม่ได้
แต่นางไม่คิดจะตามไปหาเหยียลี่ว์ฉีทางนั้น
เรื่องราวมีหนักเบามีเร่งด่วน นางเชื่อว่าเหยียลี่ว์ฉีหวังให้นางช่วยสวินหรูออกมามากกว่า มิฉะนั้นการพลีชีพครั้งนี้จะเสียแรงเปล่า
ระเบียงยาวว่างเปล่า นางกำลังเตรียมถีบประตูข้างหลังตามหาทีละห้อง ประตูนั้นเปิดออกอย่างกะทันหัน มีมือเย็นเยียบคู่หนึ่งยื่นออกมาคว้าข้อมือของนางไว้