จิ่งเหิงปัวคิดอยู่ชั่วครู่ ยังคงรู้สึกว่าตัวเองอย่าคิดมากไปดีกว่า คนเจ็บสำคัญ กำลังจะแบกเหยียลี่ว์ฉีขึ้นหลัง พลันได้ยินเสียงที่เดี๋ยวน่าฟังเดี๋ยวไม่น่าฟังนั่นของท่านอาจารย์จื่อเวยโผล่มาเหนือศีรษะอีกครั้ง
“ไม่ผ่านการทดสอบ หักคะแนน เหยียลี่ว์ฉีช่วยโกง หักคะแนน ทำลายกฎเกณฑ์ของข้าผู้ชรา หักคะแนน เพื่อเป็นการลงโทษพวกเจ้า ห้ามกลับไปทั้งกลุ่ม จงไปอยู่รอดในหุบเขาหิมะหนึ่งเดือนแล้วค่อยว่ากัน!”
“เฮ้ๆๆ เจ้าไร้เหตุผลสิ้นดี! เรื่องอยู่รอดในป่าเจ้าให้ข้าไปคนเดียว อย่าลากพวกเขามาเกี่ยวด้วย!” จิ่งเหิงปัวร้อนใจ นี่มันเวลาไหนแล้ว จะให้อยู่รอดในป่าอะไร? เหยียลี่ว์ฉีบาดเจ็บสาหัส เหยียลี่ว์สวินหรูตาบอด ร่างกายก็ไม่ไหว รวมกลุ่มแบบนี้ไปอยู่รอดในป่า? แล้วยังหุบเขาหิมะด้วย? หวังแช่แข็งคนเจ็บจนตาย?
เสียดายว่าเฒ่าเฮงซวยเป็นพวก “เจ้าอยากทำสิ่งใดข้าจะไม่ทำสิ่งนั้น เจ้าไม่อยากทำสิ่งใดข้าจะทำสิ่งนั้น” ตั้งแต่ไหนแต่ไร จิ่งเหิงปัวไม่ทันกล่าวจบก็พลันถูกหิ้วขึ้นมาแล้ว ซ้ำยังมีเหยียลี่ว์ฉีกับเหยียลี่ว์สวินหรูมาพร้อมกับนาง ท่ามกลางเสียงลมฟิ้วๆ เหยียลี่ว์สวินหรูยังหัวเราะเอ่ยว่า “จื่อเวยๆ เมื่อใดเจ้าจะพาข้าเหาะเหินทั่วท้องฟ้าเขาชีเฟิงเช่นนี้บ้าง? เราสองคงคล้ายคู่สรรสวรรค์สร้างยิ่งนักแน่แท้…”
จิ่งเหิงปัวรู้สึกว่าเพียงคนเดียวบนโลกนี้ที่ทำให้ท่านอาจารย์จื่อเวยเกิดกระสับกระส่าย ทอดทิ้งวิธีกลั่นแกล้งเลยเถิดได้ ก็น่าจะเป็นเหยียลี่ว์สวินหรู ฉะนั้นไม่นาน พวกนางก็ถูกโยนลงมา ท่านอาจารย์จื่อเวยทิ้งวาจาหนึ่งวรรคไว้อย่างรวดเร็วแล้วหนีไป
“หุบเขาหิมะบนยอดเขาลูกที่เจ็ด หัวข้อการทดสอบคืออยู่รอดในหุบเขาหิมะเป็นเวลาหนึ่งเดือน ไม่ว่าพวกเจ้าจะใช้วิธีอะไร อย่างไรเสียหนึ่งเดือนข้างหน้าข้าจะมารับพวกเจ้า ข้าสร้างค่ายกลนอกหุบเขาหิมะแล้ว ผู้ใดก็บุกเข้ามาช่วยพวกเจ้าไม่ได้ นี่เป็นหัวข้อใหญ่ครั้งสุดท้าย สิบแต้ม สำเร็จภารกิจแล้วข้าก็ตัดสินใจถอนพิษให้พวกเจ้า ไม่สำเร็จภารกิจก็ขุดโพรงอยู่ที่นี่ตลอดไปเถิด เหอะๆๆ”
“ข้าเต็มใจขุดโพรงอยู่ที่นี่ อยู่กับเจ้าชั่วชีวิต!” เหยียลี่ว์สวินหรูตะโกนลั่น
ไม่มีเสียงตอบกลับ จิ่งเหิงปัวเชื่อว่าไอ้แก่หนังเหนียวนั่นคงเหาะออกไปไกลกว่าสิบลี้ในพริบตาแน่นอน
ลมเจือหิมะระลอกหนึ่งพัดมา จิ่งเหิงปัวหนาวสั่นทั้งตัว ตอนนี้เพิ่งทันได้มองสภาพแวดล้อมรอบด้าน มองแวบเดียวอดจะร้องด่าว่าเฮงซวยไม่ได้
ไม่นึกว่าจะเป็นพื้นที่หิมะน้ำแข็ง ไม่มีหญ้าขึ้นสักต้น
หุบเขานี้เป็นหน้าผาสามฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นทางออก ไม่ต้องมอง ฝั่งที่เป็นทางออกนั้นคงตั้งค่ายกลที่เข้าออกไม่ได้แน่แล้ว ในหุบเขาลมแรงหิมะตกหนัก ป่ารอบด้านมัวสลัว ไกลออกไปคล้ายมีป่าทึบแห่งหนึ่ง ในป่ามีเสียงคำรามน่าครั่นคร้ามแว่วมารำไร สะเทือนจนเกล็ดหิมะบนหน้าผาร่วงลงมาดังซ่า
จิ่งเหิงปัวก้มหน้ามอง หิมะใกล้จะท่วมถึงเข่า อย่างน้อยก็หิมะหนาห้าสิบเซนติเมตร
ฤดูนี้ข้างนอกใกล้เป็นฤดูใบไม้ร่วง แต่ในหุบเขานี้คล้ายเป็นฤดูหนาวตลอดทั้งปี ยอดเขาลูกที่เจ็ดของเขาชีเฟิงคือสถานที่ที่อันตรายและลึกลับที่สุดตั้งแต่ไหนแต่ไร เล่ากันว่ายังมีมนุษย์ภูเขาหิมะที่มีเฉพาะเขาชีเฟิงอยู่ในสถานที่ลับตาสักแห่ง นางคำนวณว่าต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงเข้ามาได้ ไอ้แก่หนังเหนียวนี่ก็โยนนางเข้ามาเร็วขนาดนี้ ถูกอะไรกระตุ้น?
จิ่งเหิงปัวมองป่าหิมะแวบเดียว สูดหายใจเฮือกหนึ่ง หันหน้ากลับมามองเหยียลี่ว์ฉีที่อยู่บนพื้นหิมะกับเหยียลี่ว์สวินหรูที่มีสีหน้าซีดเผือด ในใจรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่ตัวเองจะมาด่าจื่อเวยหรือชะงักงัน ตอนนี้เท่ากับสถานการณ์อันตรายถึงตาย นางเป็นคนแข็งแรงเพียงคนเดียว นางมีหน้าที่ดูแลอีกสองคนให้ดี ทุกคนรอดออกไปด้วยกัน
นางรู้ว่าด้วยนิสัยชั่วร้ายของท่านอาจารย์จื่อเวย ไม่แน่ว่าจะมองพวกนางตายอยู่ที่นี่ แต่ให้พวกนางแข็งจนอวัยวะอะไรหายไป เรื่องนี้ไอ้แก่หนังเหนียวคงไม่ใส่ใจแน่นอน
สามคนสวมเสื้อบาง อันดับแรกก็ต้องรักษาความอบอุ่น ค้นหาสถานที่พักผ่อนที่หลบลมได้
นางอุ้มเหยียลี่ว์ฉีที่อยู่บนพื้นหิมะขึ้นมา สิ่งที่กังวลที่สุดในตอนนี้ก็คือเขาแล้ว บาดเจ็บสาหัสเสียเลือดมากแล้วถูกโยนมาที่นี่ แทบจะเรียกได้ว่ารนหาที่ตาย
เหยียลี่ว์สวินหรูถอนหายใจ สีหน้านึกย้อนเสียใจ เริ่มถอดเสื้อคลุมยาวของตนเองอย่างเงียบเชียบ จิ่งเหิงปัวขวางไว้ หันหลังกลับมา ถอดเสื้อคลุมยาวชั้นที่สองของตัวเอง ห่มบนร่างเหยียลี่ว์ฉี
สีหน้าเหยียลี่ว์สวินหรูคล้ายพอใจยิ่งนัก จิ่งเหิงปัวอดจะแขวะนางสักประโยคไม่ได้ว่า “จะถอดอาภรณ์ของน้องชายท่านจนเปลือยเปล่าให้ได้ ยามนี้นึกย้อนเสียใจแล้วกระมัง?”
“เดิมทีอยากให้เจ้าได้เห็นเรือนร่างที่งดงามของเสี่ยวฉี ผู้ใดนึกถึงเรื่องเหล่านี้” เหยียลี่ว์สวินหรูเอ่ยด้วยสีหน้าที่ไม่ละอายเลยแม้แต่น้อยว่า “เพียงแต่ข้าคิดว่าตัวเขาเองคงยินดีเช่นกัน”
จิ่งเหิงปัวคร้านจะโต้เถียงกับนาง กล่าวว่าเหยียลี่ว์สวินหรูใจกว้างก็ใจกว้าง กล่าวว่าเจ้าเล่ห์ก็เจ้าเล่ห์ นับว่าเป็นพวกหลายบุคลิกที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างอิสระ
จิ่งเหิงปัวแบกเหยียลี่ว์ฉี จูงเหยียลี่ว์สวินหรู ฟันฝ่าพื้นหิมะอย่างลำบาก นางอยากหายตัว แต่พบว่าการหายตัวบนพื้นหิมะเปลืองแรงมาก ซ้ำยังไปได้ไม่ไกลเท่าพื้นราบ นางยังต้องเก็บแรงไว้ ปกป้องสองคนนี้ให้อยู่รอดตลอดหนึ่งเดือน ไม่กล้าสิ้นเปลืองความสามารถของตัวเองเรื่อยเปื่อย
ดูท่าท่านอาจารย์จื่อเวยโยนนางมาที่นี่ คงอยากฝึกฝนความสามารถเคลื่อนที่พริบตาในสื่อกลางที่แตกต่างกันของนางด้วย? ที่นี่มีหิมะ มีน้ำแข็ง มีบึงโคลน ถ้าอยู่ในสถานที่เหล่านี้ก็หายตัวได้อย่างอิสระ นับแต่นี้ไปนางไปได้ทุกที่ที่อยู่บนโลก
เดินบนพื้นหิมะ ซ้ำยังแบกคนหนึ่งคนไว้ ระดับความยากแค่คิดก็รู้แล้ว ทุกย่างก้าวหิมะลึกท่วมเข่า ตอนที่ยกขึ้นมาฝ่าเท้าคล้ายมีแรงดึงดูด ต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมด จิ่งเหิงปัวเหม่อลอยเล็กน้อย นึกได้ว่าคล้ายเมื่อก่อนนานมาแล้ว เคยแบกคนหนึ่งคนไว้เช่นกัน ซ้ำยังติดอยู่ในตาข่ายผืนหนึ่ง แต่การเดินครั้งนั้นไม่ได้ลำบากเท่าครั้งนี้ คนที่อยู่บนหลังเย็นชาเหน็บหนาว แต่ผิวกายที่สัมผัสหน้าอกเขาคล้ายมีกระแสไออุ่น…
นางสั่นเทิ้ม ฝืนยิ้มเล็กน้อย เยาะเย้ยว่าตัวเองอยู่ที่ไหนตอนไหน ล้วนต้องมีความทรงจำที่ไม่ต้องการโผล่ออกมา
บนแผ่นหลัง หน้าอกที่เย็นมากกว่าเดิมของเหยียลี่ว์ฉีก็เตือนสตินาง ความอ่อนแอกับความทรงจำไม่มีประโยชน์ต่อสถานการณ์ในตอนนี้แม้แต่น้อย
ตอนนั้นที่อยู่รอดในป่าเขา ข้างกายนางมีผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งอยู่ด้วยตลอดเวลา ตอนนี้ที่อยู่รอดในพื้นที่หิมะ นางกลับต้องพึ่งพาตัวเองโดยสิ้นเชิง ถึงขนาดต้องรับผิดชอบความเป็นความตายของคนอื่น
นางเร่งฝีเท้า หน้าผากค่อยๆ มีเหงื่อซึมออกมา สวินหรูก็คล้ายมองเห็น ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อให้นาง เอ่ยว่า “เหงื่อออกแล้วถูกลมพัด จะเป็นไข้ได้”
“จะอบอุ่นยิ่งนักตลอดเวลา” จิ่งเหิงปัวเงยหน้า “ที่นี่ก็แล้วกัน”
ตำแหน่งนี้หันหน้าให้ป่าทึบ ค่อนข้างสูง หันหลังชนหน้าผา มองเห็นภูมิประเทศของทั้งหุบเขาอยู่ในสายตา เหนือศีรษะเป็นหน้าผาที่สูงชันเกือบเก้าสิบองศา เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็งลื่นไหล ไม่มีใครปีนลงมาได้ กล่าวได้ว่าค่อนข้างปลอดภัยและเป็นมุมอับ
จิ่งเหิงปัวถูมือของเหยียลี่ว์ฉี สีหน้าเขาซีดเผือดมากยิ่งขึ้น โปร่งแสงมากยิ่งขึ้น หายใจรวยริน สภาพแวดล้อมที่เหน็บหนาวเลวร้ายจะทำให้อาการบาดเจ็บของเขาแย่ลง เขาจะต้องขับไล่ความหนาวทันที
จะสร้างบ้านหิมะก่อนหรือล่าสัตว์ถลกหนังมาห่มให้เขาก่อน?
จิ่งเหิงปัวไม่ได้คิดมาก ล้วงกริชออกมา ค้นหากองหิมะ ตัดอิฐหิมะที่ยาวประมาณหนึ่งเมตร กว้างครึ่งเมตร หนายี่สิบเซนติเมตรออกมา เสียงฉึกๆ ดังต่อเนื่อง ไม่นานนางก็ตัดอิฐหิมะเช่นเดียวกันได้ยี่สิบกว่าก้อน แล้วค่อยใช้กริชฟันแผ่นไม้ที่แข็งแรงออกมาหนึ่งแผ่น อัดอิฐหิมะให้แน่น จากนั้นกวาดพื้นให้มีพื้นที่ว่างที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสามหรือสี่เมตร เรียงอิฐหิมะเป็นฐานให้ดีก่อน แล้วค่อยก่ออิฐหิมะทีละชั้น ทุกหนึ่งชั้นจะต้องเอียงเข้าไปข้างในกว่าชั้นก่อนหน้านิดหน่อย ตอนที่ถึงหลังคาจะกลายเป็นบ้านหิมะรูปครึ่งวงกลม แล้วค่อยใช้หิมะฉาบซอกอิฐหิมะทุกชั้น ใช้เวลาครึ่งชั่วยาม บ้านหิมะสร้างเสร็จแล้ว
จิ่งเหิงปัวไม่ได้ขุดประตู แค่ขุดเส้นทางหนึ่งบนพื้นให้เข้าไปได้ เช่นนี้ในห้องจะได้ยิ่งอบอุ่น
การสร้างบ้านหิมะขั้นพื้นฐานนี้ ตอนนั้นนางเคยอ่านจากหนังสือสารานุกรมเคล็ดลับชีวิตเล่มนั้น เพราะว่าเรียบง่ายก็เลยจำได้ นึกไม่ถึงว่าตอนนี้จะได้เอามาใช้ประโยชน์
ระหว่างขั้นตอนนี้ เหยียลี่ว์สวินหรูเช็ดตัวให้เหยียลี่ว์ฉีตลอดเวลา รักษาอุณหภูมิร่างกายของเขา จิ่งเหิงปัวสร้างบ้านหิมะเสร็จแล้ว ไม่ทันได้สูดหายใจสักเฮือก รีบผลักสองคนเข้าไป พอเหยียลี่ว์สวินหรูเข้าไปก็อุทานว่า “อบอุ่นยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่าองค์ราชินีที่อยู่ดีกินดีเช่นเจ้านี้ จะทำสิ่งนี้ได้ด้วย”
“ข้าทำได้ตั้งหลายอย่างนะ อายุปูนนี้เป็นราชินีไม่ไหว ฆ่าคนวางเพลิงฆ่าสัตว์ประหลาดไล่ปีศาจอยู่รอดในพื้นที่หิมะได้ทั้งนั้น” จิ่งเหิงปัวกำลังคิดว่าไม่รู้ว่าก่อไฟในบ้านหิมะนี้ได้ไหม ก่อไฟไม่ได้เหยียลี่ว์ฉีจะขับไล่ความเย็นอย่างไร จากนั้นก็เห็นเหยียลี่ว์สวินหรูหยิบหินกลมก้อนหนึ่ง ชักกระบี่ของเหยียลี่ว์ฉี ค่อยๆ เจาะหินนั้น เจาะพลางโบกมือไล่นาง “ไปล่าสัตว์เถิด จำไว้ว่าพยายามเลือกสัตว์ที่ไม่ค่อยอันตราย ทว่ารูปร่างใหญ่ไขมันเยอะขนหนา”
จิ่งเหิงปัวหัวเราะเดินออกไป รู้สึกว่ามีเหยียลี่ว์สวินหรูอยู่ด้วย แม้นางไม่ทำอะไรเลย จิตใจของตัวเองก็มั่นคงขึ้นมาก
นางเดินออกมาสองก้าวแล้วยืนนิ่ง กล่าวว่า “พี่สวินหรูอยู่ตระกูลเหยียลี่ว์นานขนาดนั้น เคยได้เทียนเซียงจื่อมาบ้างหรือไม่? หากมีเทียนเซียงจื่อก็ดีสิ เหยียลี่ว์ฉีก็คงไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้ว”
นางรู้สึกเสมอว่าคุณชายสามตระกูลเหยียลี่ว์คล้ายมีความรู้สึกพิเศษต่อสวินหรูด้วย อาจมอบให้สวินหรูสักเม็ดหนึ่ง?
“เคยได้ระดับสูงสุดมาเม็ดเดียว ให้เสี่ยวฉีไปแล้ว” นิ้วมือของเหยียลี่ว์สวินหรูลูบหน้าของเหยียลี่ว์ฉีแผ่วเบา “ก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวฉีใช้ไปหรือยัง”
จิ่งเหิงปัวพลันหันหน้ากลับมา “เพียงเม็ดเดียว?”
“แน่นอน” เหยียลี่ว์สวินหรูยิ้มแย้มเอ่ยว่า “เจ้านึกว่าเทียนเซียงจื่อเป็นถั่วปากอ้าที่ขายกันตามท้องตลาดหรือ? ต่อให้เป็นเทียนเซียงจื่อระดับต่ำสุด ด้วยตำแหน่งของข้ากับเสี่ยวฉีในตระกูลเหยียลี่ว์ ย่อมได้มาไม่ง่ายเลย ระดับสูงสุดเพียงเม็ดเดียวนั้น ข้าให้เขาเก็บไว้รักษาชีวิต เขาอาจเก็บไว้บนร่าง เดี๋ยวหากเขาทนไม่ไหวจริงๆ ก็ให้เขาหยิบออกมากิน”
จิ่งเหิงปัวอ้าปากนิดหน่อย อยากกล่าวอะไร สุดท้ายแล้วกล่าวออกมาไม่ได้ นางคล้ายไม่กล้ามองพี่น้องเหยียลี่ว์อีกแล้วเช่นกัน ก้มหน้ารีบเดินออกไปแล้ว
นางก้าวเท้าเร็วเกินไปจนใกล้โซเซ พายุหิมะพุ่งปะทะใบหน้า นางเงยหน้าขึ้น คล้ายไม่ได้รู้สึกถึงความหนาวเข้ากระดูกนั้น
เทียนเซียงจื่อระดับสูงสุดเม็ดนั้นในตอนแรก ขณะที่มอบให้เขาไม่สนใจไยดีขนาดนั้น นางก็ไม่สนใจไยดีนึกว่าเขาหยิบฉวยสิ่งนั้นมาใช้ โยนมาให้ราวกับถั่วปากอ้าเม็ดเดียว
นางโง่เอง นานขนาดนี้นางก็ควรเข้าใจเขา เรื่องราวที่ใหญ่หลวงถึงตาเขาแล้ว ก็แค่ยิ้มแย้มปล่อยวาง ไม่อยากเพิ่มภาระทางใจให้คนอื่นมากเกินไป สำหรับเขาแล้ว มอบให้หรือได้รับล้วนแล้วแต่ความเป็นไป
นางกระชับสาบเสื้อ วิ่งไปในป่าทึบ นางต้องไปล่าสัตว์หิมะที่ใหญ่ที่สุดหนึ่งตัว