SC:บทที่ 129 ซุปปลา
10 วันต่อมา!
อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างที่ หลินเฉิง คาดเอาไว้ คลื่นความเย็นได้ผ่านไปแล้ว แม้ว่าอุณหภูมิจะสูงขึ้นแต่มันก็คงวนเวียนประมาณ 0 องศาและไม่มีสัญญาณบ่งบอกถึงการเบ่งบานของดอกไม้และต้นไม้ เมื่อเทียบกับอุณหภูมิก่อนหน้านี้ที่ต่ํากว่า 40 ตอนนี้ถือว่ามันเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิอีกแล้ว
หลินเฉิง นั่งอยู่ริมทะเลสาบน้ําแข็ง ในตอนนี้เขานั่งสูบบุหรี่และฟังการเคลื่อนไหวใต้น้ําแข็งเป็นครั้งคราว
โคล่านั่งเบื่อ หูของมันกระดิกเป็นระยะเราก็บอกว่ามันไม่ได้นอนหลับ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในเขตชนกลุ่มน้อยปิงซานจังหวัดฝูเจี้ยน ด้านหลังของเขาเป็นภูเขาที่เรียกว่าภูเขาฟีนิกซ์
สำหรับเหตุผลที่เขามาที่นี่ เมื่อพูดถึงมันทําให้หลินเฉิงรู้สึกเจ็บปวด
เมื่อตอนที่เขามาถึงอุโมงค์ใต้ภูเขาฟีนิกซ์ตามทางหลวงหมายเลข S89 เมื่อเช้านี้เขาพบว่ารถยนต์ต่างอัดแน่นอยู่ภายในอุโมงค์ทําให้อุโมงค์ถูกปิดกันอย่างสมบูรณ์ และสิ่งที่ลําบากที่สุดก็คือถนนสายนี้เป็นเส้นทางเดียวที่จะทะลุไปยังฝั่งตรงข้ามได้
ด้วยความสิ้นหวัง หลินเฉิง จึงหาเส้นทางอื่นโดยการหยิบแผนที่ขึ้นมาและเริ่มขึ้นเขาเพื่อข้ามภูเขาโดยตรง
ภูเขาฟีนิกซ์อยู่เหนือระดับน้ําทะเลประมาณ 2800 เมตร เพราะไม่มีใครบุกเบิกในช่วงก่อนวันสิ้นโลกมีเพียงแค่หนทางคดเคี้ยวสําหรับนักปีนเขาเท่านั้น และเนื่องจากพายุหิมะในครั้งก่อนถนนที่ใช้ปืนเขานั้นยากยิ่งขึ้น
โชคดีที่ตอนนี้ หลินเฉิง ไม่ได้รีบร้อนอะไรเขาค่อยๆปืนขึ้นไปยังบนเนินเขาช้าๆและพบว่าที่นี่มีทะเลสาบน้ําแข็งขนาดใหญ่อยู่
เมื่อเห็นทะเลสาบน้ําแข็งที่เริ่มละลายดวงตาของ หลินเฉิง ตื่นเต้นและเกิดความคิดบางอย่าง
ตึก ตึก..
ในขณะที่ หลินเฉิง กําลังนั่งสูบบุหรี่นั้นเขาก็รู้สึกว่าเบ็ดตกปลาในมือของเขาสั่นอย่างรุนแรง เมื่อเขาสังเกตเขาเห็นว่าเหยื่อปลาของเขาที่ไม่มีการตอบสนองมาเป็นเวลาเกือบครึ่งวันได้จมลงไปใต้น้ําในเวลานี้
เมื่อเห็นดังนั้นหลินเฉิงรู้สึกดีใจเขารีบจับคันเบ็ดตวัดขึ้นอย่างรวดเร็ว และค่อยๆหมุนคันเบ็ดทีละนิด ครึ่งนาทีต่อมาปลาสีดําตัวหนึ่งที่มีน้ําหนักอย่างน้อย 5 กิโลกรัมถูกลากขึ้นมาจากใต้น้ําแข็ง
ทะเลสาบน้ําแข็งบนเนินเขานี้ไม่มีผู้คนผ่านมาสักเท่าไหร่ในช่วงก่อนวันสิ้นโลก และเมื่อเกิดเหตุการณ์วันสิ้นโลกสถานที่แห่งนี้ก็แทบจะไม่เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นๆ หลินเฉิงเองก็ขี้เกียจเกินที่จะหลบซ่อน เขาจึงเปิดใช้งานแคปซูลบ้านของเขาทันที จากนั้นเขาเดินเข้าไปในครัวและเริ่มทําซุปปลาที่ตกได้ในวันนี้
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ซุปปลาที่ดูสดใหม่ก็เสร็จ มองเห็นไขมันปลาที่ลอยอยู่บนสุดในน้ําสีขาวราวกับน้ํานม หลินเฉิงเรียริมฝีปากและอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ําลาย เขารีบตักใส่ชามและกินอย่างรวดเร็ว
ซุปปลาที่ดีจะต้องมีรสหัวหอมและขิงสดหอมกลิ่นกระเทียมที่ขาดไม่ได้ แต่ในสภาพปัจจุบัน หลินเฉิง ตุ๋นซุปปลาโดยการใส่เกลือเล็กน้อยและไม่มีเครื่องปรุงอื่น ถึงแม้รสชาติของมันจะไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับภัตตาคารอาหารระดับสูงแต่ในปัจจุบันมันเป็นอาหารสดที่หาได้ยาก
หลินเฉิงกินมาม่ามาเกือบ 2 เดือนเขาแทบทนไม่ไหว แม้ว่าพวกมันจะมีรสชาติที่ดีแต่พวกมันล้วนเป็นอาหารที่มีส่วนผสมของสารกันบูด เขาไม่ได้กินอาหารสดใหม่อย่างซุปปลามาเป็นเวลานานแล้ว
หม้อซุปปลาแสนอร่อยถูก หลินเฉิง และโคล่าจัดการไม่เหลือแม้แต่หยดน้ําซุปภายในหม้อ หลังจากกินเสร็จแล้ว หลินเฉิง ถูท้องตัวเองด้วยความอิ่มจากนั้นจุดบุหรี่ขึ้นสูงแต่ โคล่า ยังคงพยายามเลียก้นหม้ออย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“ไอ้ตูดหมึก เลียพอหรือยังเถ้าเรื่องกินดูเหมือนนายจะมีพลังมากกว่าใครทําไมนายไม่ทํางานหนักแบบนี้ตอนเจอกับอันตราย?”
เมื่อมองเห็นโคล่าพยายามเลียก้นหม้อ หลินเฉิง สายหัวอย่างไร้ประโยชน์และพูดเหน็บแนม
สําหรับเรื่องการด่าทอของ หลินเฉิงโคล่าค่อนข้างคุ้นเคย และไม่สนใจเขามาเป็นเวลานานแล้ว และเมื่อพบว่าไม่มีอะไรพอที่จะให้มันกินได้อีกแล้วมันจึงหยุด
หลินเฉิง หยิบหม้อและชามไปที่อ่างล้างจาน ของอํานวยความสะดวกเหล่านี้อยู่ในแคปซูลบ้านของเขา หลินเฉิง เพียงแต่นํามันมาวางไว้ยังตําแหน่งและทําความสะอาดเท่านั้น
“เฮ้อ.ฉันชักไม่แน่ใจแล้วสิ ว่าใครกันที่เป็นเจ้านาย!”
หลินเฉิง ถอนหายใจและเริ่มล้างหม้อและทัพพีอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขากลับไปที่ห้องนั่งเล่น และนั่งบนโซฟา
เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยเนื่องจากการปีนเขาในวันนี้เต็มไปด้วยพื้นที่ที่ลื่นบางพื้นที่เต็มไปด้วยโคลนในบางครั้งเขาเกือบจะลื่นไถลลงมาด้านล่างโดยไม่ตั้งใจ ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการกินซุปปลา เขาคงงีบหลับในบ้านก่อนเป็นอันดับแรก
ในตอนนี้ไม่มีอะไรทําอีกต่อไป หลินเฉิง ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างกายของตัวเองและต้องการจะนอน
แต่ทันใดนั้นดูเหมือนมีเสียงบางอย่างจากภายนอกบ้าน!
หลินเฉิง ขมวดคิ้วและลุกขึ้นนั่งบนโซฟาก่อนเดินไปที่ประตูและมองผ่านตาแมว
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงไม่มีลมหรือฝนตกอยู่ข้างนอกไม่มีต้นไม้หนาแน่นที่จะหลบซ่อนสิ่งใดๆ เอาไว้ เมื่อมองแว็บๆทิวทัศน์ภายนอกที่มองเห็นไม่มีความผิดปกติใดๆ
ในขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงคํารามของสัตว์บางอย่าง หลินเฉิง สังเกตอยู่พักหนึ่งและพบว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆจากนั้นเขาจึงส่ายหัวและไม่คิดอะไรอีก จนเดินกลับมา
นอนบนโซฟา
แคปซูลบ้านเปลี่ยนแปลงรูปร่างตามสภาพแวดล้อมโดยรอบเพื่อให้สอดคล้องกับธรรมชาติตอนนี้เขาอยู่ใกล้กับเนินเขารูปร่างของบ้านจึงคล้ายกับบ้านดินที่สามารถมองเห็นทั่วไปในภูเขา
ดังนั้น หลินเฉิง ไม่กังวลเกี่ยวกับคนหรือสัตว์ที่จะมาโจมตีที่นี่ สุดท้ายแล้วใครจะสนใจบ้านดินธรรมดา?
จากนั้น หลินเฉิง พยายามที่จะนอนต่อแต่ทันใดนั้น โคล่า ก็ลุกขึ้นยืนและส่งเสียงครวญครางไปที่ประตู ในขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินเสียงกระแทก “ตูม!” ด้านนอกประตู