เห็นคนสูงวัยสองสองคนกำลังตกอยู่ในความกลัวหลินเฉิงก็รีบปลอบพวกเขาในทันที “แต่ลุงกับป้าไม่ต้องกังวลอะไรไปหรอกครับ เพราะพวกเรารู้ถึงปัญหาแล้วในตอนนี้ พวกเราควรรีบติดต่อเขาตรงๆ ในเร็วๆ นี้ ส่วนเรื่องของเสี่ยวเดียก็ไม่ต้องกังวลไปครับ ฉางเวินฉวนรอมานานมากแล้ว เป้าหมายของเขาคงเป็นอะไรที่ซับซ้อน เสี่ยวเดียก็ไม่ตกอยู่ในอันตรายใดๆ แน่นอนครับ ผมจะสืบสวนเรื่องเป้าหมายของเขาให้เจอเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!”
“ดีเลยดีเลย….”
ได้ยินคำมั่นสัญญาของหลินเฉิงหลีเฉิงหยีโล่งใจขึ้นมาบ้างเขาจับมือของหลินเฉิงก่อนจะพูดอย่างพอใจ “โชคดีจริงๆ ที่เธออยู่ที่นี้ น้องส้ม ไม่งั้นป้ากับลงก็ยังคงถูกฉางเหวินฉวนหลอก แต่ถึงยังไงถ้าเธอจะตรวจสอบเรื่องของเขาก็ต้องระวังตัวให้มากๆ นะ ฉางเหวินฉวนมีรากฐานที่มั่นคงในฐานทัพแห่งนี้มาช้านานแล้ว ถ้าไม่ระวังตัวเขาอาจจะรู้ตัวเองได้ง่ายๆ !”
ได้ยินคำแนะนำหลินเฉิงก็พยักหน้าเล็กน้อย“ไม่ต้องกลัวไปครับ ลุงหลี ผมเองก็เคยจัดการกับเรื่องประมาณนี้มาก่อน ผมคำนึงถึงเรื่องนี้อย่างดีเลยหละ! ผมเป็นห่วงลุงมากกว่า เมื่อรู้ความจริงแล้วก็ต้องทำตัวให้ไม่แปลกไปจากเดิมนะครับ แม้ผมจะพึ่งมาอยู่ที่นี่ ผมก็รู้แล้วว่าฐานทัพแห่งนี้มันมีอะไรที่ซับซ้อน ตราบใดที่พวกเรายังใช้ชีวิตแบบเดิมได้ ผมก็จะช่วยจัดการเรื่องนี้เอง!”
หลังจากนั้นหลินเฉิงก็จัดการกับซุปจนเกลี้ยงและถามป้าฉินหากล่องเก็บความร้อนและใส่อาหาร และอธิบายเหตุผลไปในเวลาเดียวกัน “หยูซานก็ออกไปข้างนอกมาทั้งวันแล้ว ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย ผมต้องออกไปช่วยเธอนำอาหารกลับมาแล้วหละ”
“เธอจะเอาอาหารไปให้น้องแค่นี้ได้ยังไงหละเนีย?”
เห็นหลินเฉิงพูดและนำข้าวใส่ไปในกล่องและหยิบปลาไปด้วยสองสามชิ้น ป้าฉินก็ไม่พอใจ เธอหยิบกล่องอาหารไปจากมือของเขา ก่อนที่จะเติมอาหารทุกอย่างเข้าไปอย่างสวยงาม ก่อนที่จะยืนมันคืนให้กับหลินเฉิง “หนูน้อยหยูซานดูผอมไปหน่อย คงจะหิวมากจากการเดินทาง ตอนนี้มีป้าอยู่ที่นี้ ป้าต้องช่วยเหลือคนอื่นให้ได้รับสารอาหารทั้งหมดกลับคืนมา เธอก็รู้หนิ?”
“ผม?กับเธอหิว?”
ได้ยินอย่างนั้นหลินเฉิงก็หัวเราะทั้งน้ำตา“เอาเถอะหน่า ป้าฉิน หยูซานเป็นแม่ครัวให้กับพวกเรามาตลอดทาง เธอเป็นคนกินเยอะด้วย ผมจะไปทำให้เธออดอยากได้ยังไง…”
“หยูซาน…”
หลีเฉิงหยีก็มีอะไรในหัวและถามขึ้นมา“ความสัมพันธ์ของเธอกับหยูซานเป็นยังไงบ้าง น้องส้ม? ลุงยังไม่มีโอกาสให้ถามเรื่องนี้กับใครเลย แม้เธอจะสวย แต่เธอก็ยังเด็กมากใช่ไหมหละ? เธอคงไม่….”
“ลุงหลีคิดมากเกินไปแล้ว!”
เห็นหลีเฉิงหยีถามแปลกๆหลินเฉิงก็ไม่มีคำอธิบายเขาได้แค่ยิ้มแข็งๆ “ผมพบกับเธอ ที่หมู่บ้านระหว่างทาง แม้ว่าเธอจะยังเด็ก แต่เธอก็มีความเป็นผู้ใหญ่ และที่สำคัญที่สุดพลังความสามารถของเธอตรงกับความต้องการของพวกผมมาก ดังนั้นเธอจึงได้รับการยอมรับว่าเป็นพวกพ้อง หลังจากได้ถามความยินยอมจากเธอแล้ว ..”
“เป็นอย่างนี้นี้เอง…”
หลีเฉิงหยีโล่งใจที่ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดแม้ว่าเขาจะไม่อยากบอกสิ่งที่เขารู้สึกกับหลินเฉิง น้องหยูซานยังเด็กอยู่ เขาคิดว่าสาวน้อยคนนั้นตกหลุมรักหลินเฉิงได้ยังไงกันนะ?
หลังจากจัดเตรียมข้าวกล่องสำเร็จหลินเฉิงก็จบการสนมนาในบ้านของป้าฉินและรีบบอกลา เขาทำข้อตกลงกับหยูซานไว้แล้วว่าเธอต้องกลับมาก่อนที่จะถึงเวลา 4 ทุ่ม แต่ตอนนี้ 3 ทุ่มครึ่งแล้ว ด้วยความที่เธอเป็นคนเชื่อฝัง เธอควรจะกลับมาได้แล้ว
เมื่อถึงบ้านหลินเฉิงก็เปิดประตูแล้วเห็นไฟนั้นยังเปิดอยู่ หยูซานนั่งอยู่บนโซฟากับโคล่าและเทียนซือ แบ่งขนมกันกินอยู่
“พี่หลินกลับมาแล้วหรอ?”
เห็นหลินเฉิงกลับมาหยูซานก็กะโดดลงมาจากโซฟาและกล่าวทักทาย โคล่าแล้วเทียนซือรีบวิ่งมาหาข้าวกล่องในมือของหลินเฉิง ไอลีนโนเวล
“หยุดเลยนะ!ไปให้พ้น!”
เมื่อเห็นนักกินทั้งสองได้กลิ่นอะไรบางอย่างที่พวกมันทนไม่ไหวหลินเฉิงก็ไล่พวกมันออกไปก่อนที่จะเดินไปยังห้องนั่งเล่นและยื่นข้าวกล่องให้หยูซานไป “เธอกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย? ฉันเอาของมาฝากดว้ย นี้เป็นมือเย็นจากฝีมือป้าฉิน ฉันเอากลับมาให้ด้วย เอาสิรีบกินซะ!”
“ขอบคุณมากพี่หลิน!” ใบหน้าของหยูซานเต็มไปด้วยความสุขเธอวางถุงขนมไว้ข้างๆ ก่อนที่จะรีบเปิดฝาข้าวกล่องนั้นออก เธอซูดกลิ่นของมันเข้าไปด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสุข “หนูพึ่งกลับมาเมื่อไม่นานนี้เอง…. อาหารฝีมือป้าฉินหอมจริงๆ อะไรจะทรงพลังขนาดนั้น!”
เห็นสีหน้าของสาวน้อยเต็มไปด้วยความพอใจหลินเฉิงก็เร่ง“พูดมากไปแล้ว! รีบกินเข้าซิ ฉันเองก็อยากได้ยินสิ่งที่เธอได้มานะ!”
“ก็ได้ก็ได้เซ้าซี้จัง~”
ได้ยินหลินเฉิงเร่งเธอก็รีบหยิบตะเกียบขึ้นมาและกินข้าวกล้องนั้นขณะที่กิน หยูซานก็พูดสิ่งที่เขาเจอและรวมยอดมาคร่าวๆ “ตั้งแต่ที่หนูแยกกับพี่ไปเมื่อตอนเช้า หนูก็ไปแอบอยู่ในตึกสำนักงานที่ฉางเหวินฉวนทำงานอยู่ แต่….อึก!”
พูดไปกินไปหยูซานก็เหมือนสำลัก เธอรีบหยิบขวดนำขึ้นมาดื่มและพูดต่อ “หนูเห็นเขากำลังยุ่งมาก… อ่า! ในตอนกลางวันเขามีประชุมสามรอบ และใช้เวลาไปกับการจัดการกับเรื่องของกองพันที่หนึ่งอีกครั้ง ตอนที่เขากลับมายังห้องทำงานของตัวเอง เขาก็จัดการกับงานเอกสาร จนหนูกลับออกมาเขาก็ยังไม่หยุด เขายังไม่แสดงอะไรแปลกๆ ออกมาเลยในคราวนี้
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็ขมวดคิ้ว”แน่ใจนะ? ไอ้หมอนี้มนมีกลิ่นอายกระหายเลือด น่าจะต้องฆ่าคนอยู่บ่อยครั้ง แต่ที่เธอบอกมาเขายุ่งกับการทำงานทั้งวัน มันก็…”
เห็นหลินเฉิงไม่พอใจกับข้อมูลที่เธอได้มาเธอก็รีบโบกปัด “แม้จะไม่เจออะไรที่ผิดปกติ แต่หนูก็ไม่ได้กลับมามือปล่าวนะ! ตามที่หนูบอกพี่ไปก่อนหน้านี้ หนูก็พบกับนิสัยแปลกๆ ของเขา!”
ได้ยินแบบนั้นใจของหลินเฉิงก็เต้นตึกตักอีกครั้งเขายังมีความหวัง“อะไรกันหละที่แปลก?”
“แม้เขาจะยุ่งตลอดเวลาหนูฏ็เห็นว่าเขาหยิบเครื่องมือสื่อสารนั้นออกมาเช็คทุกๆ 30 นาทีเลยก็ว่าได้! ตอนแรกหนูก็คิดว่าเขารอให้ใครสักคนโทรมา แต่หลังจากที่รับไปแล้วสองสาย เขาก็ยังคงรอและหยิบมันออกมาเช็คตลอด หนูเลยคิดว่าเขาต้องรออะไรสักอย่างที่สำคัญมากอยู่ มีอะไรสักอย่างในเครื่องมือสือสารนั้นที่เขาเป็นห่วงมันมากเป็นพิเศษ!”
หลังจากที่บอกสิ่งที่คาดการณ์ออกมาหยูซานก็มองมายังหลินเฉิงด้วยสีหน้าเป็นกังวล เธอไม่รู้ว่าข้อมูลที่ได้มาจะทำให้หลินเฉิงพอใจได้มากขนาดไหน
เห็นหยูซานเป็นกังวลหลินเฉิงที่กำลังวิเคราะสถานะการณ์ก็ยิ้ม “เป็นอะไรของเธอหละ? ข้อมมูลนี้สำคัญมากเลยนะ ทั้งหมดตั้งแต่ที่เธอบอกฉันมาตั้งแต่แรกเลย!”
ได้ยินคำพูดของหลินเฉิงหยูซานก็โล่งอก เธอใช้เวลาทั้งเช้ากับฉางเหวินฉวน เธอก็กังวลมาโดยตลอด เพราะคนในฐานทัพนั้นมีมากมายเหลือเกิน เธอเกือบที่จะทำมันพังอยู่สองสามครั้ง ถ้าหลินเฉิงไม่ได้ฝึกให้เธอใช้วิชาพลางตัวมาก่อน เธอคงไม่สามารถกลับมาส่งข่าวแบบนี้ได้เป็นแน่