“นี่คือช่องแคบแห่งความสูญสิ้น ฉันยังบอกความหมายกับนายไม่ได้ในตอนนี้ แต่เจำเอาไว้ว่าถ้าไม่ได้เป็นเพราะฉันหรือฉีเซี่ยวฮันนำทางนายมา นายไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้แน่นอน!”
เห็นหลินเฉิงกำลังมองไปยังทางเดินแคบๆยาวกว่า 100 เมตรนี้ด้วยความอยากรู้ เหลียงก็หัวเราะและพูดกับเขาโดยแฝงข้อคิดเอาไว้
“ทางมรณะ?”
หลินเฉิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปยังไฟตามทางเดิน เขาสัมพัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดาจากโคมไฟพวกนั้น!
“อย่ามองมันเดี๋ยวนายจะรู้เองว่าเพราะอะไร ตอนนี้เดินหน้าไปยังสำนักงานอย่างเดียวพอ!” เมื่อหลินเฉิงเหม่อลอยจ้องมองไปยังไฟ LED พวกนั้น ผู้เฒ่าก็ห้ามปรามในทันที
ตอนนี้ผูเฒ่าได้เห็นความเฉียบแหลมของเด็กหนุ่มคนนี้ที่สามารถตรวจจับยามรักษาการณ์ที่ฝึกมาอย่างดีของเขาได้ถึง 6 คน ความคิดและความสามารถของเขาควรค่าแก่การศึกษาอย่างมาก เขาเองก็กลัวว่าชายหนุ่มจะรู้ถึงสิ่งที่เขาคิดเสียก่อนจริงๆ
หลินเฉิงที่ถูกขัดจังหวะก็ได้แต่ส่งยิ้มกลับมาเขาหันหลังกลับไปและแปลกใจในสิ่งที่ตัวเองพบ!
เหมือนที่ผู้เฒ่ากังวลหลังจากที่ได้รับตัวยาเสริมกำลังขั้นพัฒนาแล้วไป หลินเฉิงก็โดดเด่นทั้งด้านพลังภายในและการสังเกตุ ตอนนี้เขาเหนือกว่าระดับทั่วไปมาก คนทั่วไปดูไม่ออกหรอกว่าไฟพวกนี้ไม่ใช่แค่หลอด LED ธรรมดาได้ง่ายๆ หรอก แต่สำหรับหลินเฉิงการมองเพียงแววเดียวทำให้เขารู้ได้เลยว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติเกี่ยวกับหลอดไฟพวกนี้แน่ๆ ! “เลเซอร์อย่างงั้นหรอ?”
หลังจากที่เขาคาดเดาความผิดปกนี้ไปคร่าวๆหลินเฉิงก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาในทันที เขาเคยเห็นอาวุธแบบนี้ในหนังมาก่อน แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นกับตาตัวเองในวันนี้!
ถ้าศัตรูเข้ามาโดยไม่รู้อะไรเลยไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งค้ำฟ้าขนาดไหน เมื่อประตูปิดลง พวกเขาก็สิ้นลมหายใจโดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิด !
ไม่ว่าจะแกร่งขนาดไหนพื้นฐานของผู้ใช้พลังก็เป็นกายเนื้อร่างมนุษย์ เลเซอร์กำลังสูงพวกนี้สามารถตัดอะไรก็ได้ให้ขาดเป็นสองท้อนได้ภายในพริบตา!
“เหมือนที่เดาไว้เลยจนถึงยุคนี้ก็ยังดูถูกเทคโนโลยีของมนุษย์ไม่ได้เลยสักนิด”
แม้จะรู้แล้วว่าทางมรณะสายนี้อันตรายมากขนาดไหนหลินเฉิงก็ได้แต่ถอนหายใจ เขาบ้าบิ่นอยู่บนโลกภายนอกมานานเกินไปอาศัยพลังอันยิ่งใหญ่ของตัวเอง จนลืมไปเลยว่าปัญญาขอมนุษย์นั้นแข็งแกร่งขนาดไหน หลังจากสองจิตสองใจอยู่นานหลินเฉิงก็เดินตามตาเฒ่า ไปอย่างเงียบๆ จนสิ้นสุดทางเดินจนได้ เขาเห็นตาแก่เดินเข้าไปใกล้ๆ แผงควบคุม ก่อนที่จะกดที่แพงควบคุมและแล้วประตูเหล็กเบื้องหน้าก็ถูกเปิดออกจนได้
ประตูบานใหญ่ค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ จนในที่สุดมันก็เปิดออกจนสุดบาน เสียงคุยกันของคนมากมายก็ดังมาถึงใบหูของเขาทันที หลังจากที่เดินตามชายแก่เข้ามา เขาก็พบว่าตัวเองกำลังถูกรายล้อมไปด้วยงานวิทยศาสตร์ และเทคโนโลยีมากมาย!
สำนักงานแห่งนี้กว่ากว่า1000 ตารางเมตร การออกแบบและสถาปัตยกรรมแตกต่างจากสำนักงานทั่วไปอย่างสิ้นเชิง มีจอกว้างสีขาวห้อยลงมาจากเพดานเต็มไปหมดล้อมสุดที่ต่ำสุดเป็นวงกลม และภาพที่จอพวกนั้นแสดงคือบริเวณต่างๆ รอบๆ ฐานทัพทะเลน้ำเงินแห่งนี้!
พนักงานจำนวนมากใส่สูทผูกไทป์ใส่ชุดนักวิทยศาสตร์ ต่างเดินกันให้วุ่น บางคนก็นั่งดูจอพวกนั้นอย่างจริงจัง บางคนก็ใช้โทรศัพท์แจ้งเหตุไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นให้หน่วยปฏิบัติการได้กระทำการอย่างทันท่วงที
“ที่แท้นายทำงานอยู่แผนกตรวจตรากันมาโดยตลอดเลยหรอเนี่ย?”หลังจากที่หลินเฉิงบ่นไป เขาก็แสดงความไม่พอใจออกมา
ตาเฒ่าที่กำลังคุยกับพนักงานคนอื่นอยู่ก็ได้ยินคำพูดนั้นของหลินเฉิง จึนหันหลักมาอธิบาย “งานสอดส่องเป็นแค่งานพื้นฐานที่สุดของพวกเรา ดาบรัตติการ ถ้ามันเป็นแค่งานนั่งอยู่หน้าจอเพื่อตรวจการณ์อย่างเดียวทำไมฉันต้องทำเรื่องยุ่งยากกว่าจะมาถึงในนี้ได้หละจริงไหม?”
พูดจบเขาก็แยกตัวออกมาจากกลุ่มพนักงานก่อนที่จะโบกมือเรียกหลินเฉิง “มานี้เร็ว ถ้ามีอะไรจะพูดก็มาคุยกันที่ห้องทำงานของฉัน อย่าไปรบกวนคนอื่นทำงานเลย!”
หลินเฉิงก้ได้แต่พยักหน้าให้แม้ว่าเขายังคงผิดหวังอยู่ แต่ไหนๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว เขาต้องเก็บเกี่ยวข้อมูลให้ได้มากที่สุดก่อน หลังจากนั้นอีก10 นาที ผ่านโถงทางเดินอีกหลายช่อง เขาก็มาถึงประตูกระจกอัตโนมัติ ผู้เฒ่าหยิบบัตรประจำตัวขึ้นมาแตะที่แผนวงจร
ติ๊ด!
“เข้ามาได้!”
พอประตูเปิดชายแก่ก็โบกมือเรียกหลินเฉิงอีกครั้งก่อนที่จะเดินนำเข้าไป และเปิดประตูไม้ข้างในที่อีกชั้นหนึ่ง
ปั้ง!
หลังจากเดินเข้ามาในห้องแล้วหลินเฉิงก็ปิดประตู และสำรวจสภาพในห้องทำงานแห่งนี้
ห้องนี้ตกแต่งอย่างเรียบง่าย แม้ว่ามันจะโทรมหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้แย่อะไร โต๊ะทำงานที่ทำจากไม้ และคอมพิวเตอร์เก่าๆ เครื่องนึง โซฟาหนังและเครื่องกรองน้ำเล็กๆ
“ดูไม่ฟุ่มเฟือยเลยนะครับ”
หลังจากที่สำรวจสภาพโดยรวมแล้วหลินเฉิงก็เดินเดินไปยังตู้กดน้ำ แล้วหยิบแก้กระดาษขึ้นมากดน้ำเย็นๆ ขึ้นมาดื่มหนึ่งแก้ว ก่อนที่จะพูดพร้อมกับหัวเราะ
หลังจากที่โดนหลินเฉิงพูดเหน็บแหนบเข้าไปผู้เฒ่าก็ส่ายหน้าเบาๆ “ก็ไม่ได้ทำงานในห้องนี้บ่อยนักหรอกนะ แต่ถ้าตกแต่งให้มันหรูหราอย่างไร มันก็เปลืองงบประมาณโดยมิใช่เหตุอยู่ดี! หนุ่มสาวอย่างนายเนี่ย ถ้าใช้ชีวิตอู้ฟู้มานาน เจอสภาพหลังวันสิ้นโลกเข้าไปจะทำตัวไม่ถูกเอานะ คนแก่ที่ปรงได้แล้วก็ปรับตัวได้ง่ายไม่ยากอะไรนัก”
หลินเฉิงก็ยักไหล่คลายความกังวล เขาแต่เล่นมุกนิดหน่อยไม่ได้ตั้งใจที่จะบ่นเรื่องการใช้ชีวิตพอเพียงของผู้เฒ่าคนนี้แต่อย่างไร
“ก็ใช่ครับ…”
เหลียงถอนหายใจอีกครั้ง“บรรยกาศของฐานทัพแห่งนี้เริ่มแย่ลงทุกที และเหตุผลสำหรับปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกโง่เขลาและพวกไร้ฝีมือโดยตรงเลยหละ….” “เอาเป็นว่าเข้าเรื่องเลยแล้วกันครับถ้าคุณเหลียงคิดว่าที่นี่ปลอดภัยหละก็ เราเริ่มคุยเรื่องนั้นกันเลยดีไหมครับ”
เห็นชายแก่กำลังจะพูดถึงเรื่องสถานการณ์ของฐานทัพหลินเฉิงก็พยายามเปลี่ยนหัวข้อทันที
และเมื่อชายแก่เห็นหลินเฉิงรีบร้อนเขาก็พยักหน้าแต่โดยดี “ไม่มีที่ไหนปลอดภัยไปกว่าที่แห่งนี้แล้วหละ ฉันสัญญาเลยว่าไม่มีใครได้ยินเรื่องนี้นอกจากพวกเราสองคน!”
————————-SC: บทที่ 404 อุดมการของดาบรัตติการ
เห็นหลินเฉิงกำลังมองไปยังทางเดินแคบๆยาวกว่า 100 เมตรนี้ด้วยความอยากรู้ เหลียงก็หัวเราะและพูดกับเขาโดยแฝงข้อคิดเอาไว้
“ทางมรณะ?”
หลินเฉิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปยังไฟตามทางเดิน เขาสัมพัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดาจากโคมไฟพวกนั้น!
“อย่ามองมันเดี๋ยวนายจะรู้เองว่าเพราะอะไร ตอนนี้เดินหน้าไปยังสำนักงานอย่างเดียวพอ!” เมื่อหลินเฉิงเหม่อลอยจ้องมองไปยังไฟ LED พวกนั้น ผู้เฒ่าก็ห้ามปรามในทันที
ตอนนี้ผูเฒ่าได้เห็นความเฉียบแหลมของเด็กหนุ่มคนนี้ที่สามารถตรวจจับยามรักษาการณ์ที่ฝึกมาอย่างดีของเขาได้ถึง 6 คน ความคิดและความสามารถของเขาควรค่าแก่การศึกษาอย่างมาก เขาเองก็กลัวว่าชายหนุ่มจะรู้ถึงสิ่งที่เขาคิดเสียก่อนจริงๆ
หลินเฉิงที่ถูกขัดจังหวะก็ได้แต่ส่งยิ้มกลับมาเขาหันหลังกลับไปและแปลกใจในสิ่งที่ตัวเองพบ!
เหมือนที่ผู้เฒ่ากังวลหลังจากที่ได้รับตัวยาเสริมกำลังขั้นพัฒนาแล้วไป หลินเฉิงก็โดดเด่นทั้งด้านพลังภายในและการสังเกตุ ตอนนี้เขาเหนือกว่าระดับทั่วไปมาก คนทั่วไปดูไม่ออกหรอกว่าไฟพวกนี้ไม่ใช่แค่หลอด LED ธรรมดาได้ง่ายๆ หรอก แต่สำหรับหลินเฉิงการมองเพียงแววเดียวทำให้เขารู้ได้เลยว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติเกี่ยวกับหลอดไฟพวกนี้แน่ๆ ! “เลเซอร์อย่างงั้นหรอ?”
หลังจากที่เขาคาดเดาความผิดปกนี้ไปคร่าวๆหลินเฉิงก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาในทันที เขาเคยเห็นอาวุธแบบนี้ในหนังมาก่อน แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นกับตาตัวเองในวันนี้!
ถ้าศัตรูเข้ามาโดยไม่รู้อะไรเลยไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งค้ำฟ้าขนาดไหน เมื่อประตูปิดลง พวกเขาก็สิ้นลมหายใจโดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิด !
ไม่ว่าจะแกร่งขนาดไหนพื้นฐานของผู้ใช้พลังก็เป็นกายเนื้อร่างมนุษย์ เลเซอร์กำลังสูงพวกนี้สามารถตัดอะไรก็ได้ให้ขาดเป็นสองท้อนได้ภายในพริบตา!
“เหมือนที่เดาไว้เลยจนถึงยุคนี้ก็ยังดูถูกเทคโนโลยีของมนุษย์ไม่ได้เลยสักนิด”
แม้จะรู้แล้วว่าทางมรณะสายนี้อันตรายมากขนาดไหนหลินเฉิงก็ได้แต่ถอนหายใจ เขาบ้าบิ่นอยู่บนโลกภายนอกมานานเกินไปอาศัยพลังอันยิ่งใหญ่ของตัวเอง จนลืมไปเลยว่าปัญญาขอมนุษย์นั้นแข็งแกร่งขนาดไหน หลังจากสองจิตสองใจอยู่นานหลินเฉิงก็เดินตามตาเฒ่า ไปอย่างเงียบๆ จนสิ้นสุดทางเดินจนได้ เขาเห็นตาแก่เดินเข้าไปใกล้ๆ แผงควบคุม ก่อนที่จะกดที่แพงควบคุมและแล้วประตูเหล็กเบื้องหน้าก็ถูกเปิดออกจนได้
ประตูบานใหญ่ค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ จนในที่สุดมันก็เปิดออกจนสุดบาน เสียงคุยกันของคนมากมายก็ดังมาถึงใบหูของเขาทันที หลังจากที่เดินตามชายแก่เข้ามา เขาก็พบว่าตัวเองกำลังถูกรายล้อมไปด้วยงานวิทยศาสตร์ และเทคโนโลยีมากมาย!
สำนักงานแห่งนี้กว่ากว่า1000 ตารางเมตร การออกแบบและสถาปัตยกรรมแตกต่างจากสำนักงานทั่วไปอย่างสิ้นเชิง มีจอกว้างสีขาวห้อยลงมาจากเพดานเต็มไปหมดล้อมสุดที่ต่ำสุดเป็นวงกลม และภาพที่จอพวกนั้นแสดงคือบริเวณต่างๆ รอบๆ ฐานทัพทะเลน้ำเงินแห่งนี้!
พนักงานจำนวนมากใส่สูทผูกไทป์ใส่ชุดนักวิทยศาสตร์ ต่างเดินกันให้วุ่น บางคนก็นั่งดูจอพวกนั้นอย่างจริงจัง บางคนก็ใช้โทรศัพท์แจ้งเหตุไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นให้หน่วยปฏิบัติการได้กระทำการอย่างทันท่วงที
“ที่แท้นายทำงานอยู่แผนกตรวจตรากันมาโดยตลอดเลยหรอเนี่ย?”หลังจากที่หลินเฉิงบ่นไป เขาก็แสดงความไม่พอใจออกมา
ตาเฒ่าที่กำลังคุยกับพนักงานคนอื่นอยู่ก็ได้ยินคำพูดนั้นของหลินเฉิง จึนหันหลักมาอธิบาย “งานสอดส่องเป็นแค่งานพื้นฐานที่สุดของพวกเรา ดาบรัตติการ ถ้ามันเป็นแค่งานนั่งอยู่หน้าจอเพื่อตรวจการณ์อย่างเดียวทำไมฉันต้องทำเรื่องยุ่งยากกว่าจะมาถึงในนี้ได้หละจริงไหม?”
พูดจบเขาก็แยกตัวออกมาจากกลุ่มพนักงานก่อนที่จะโบกมือเรียกหลินเฉิง “มานี้เร็ว ถ้ามีอะไรจะพูดก็มาคุยกันที่ห้องทำงานของฉัน อย่าไปรบกวนคนอื่นทำงานเลย!”
หลินเฉิงก้ได้แต่พยักหน้าให้แม้ว่าเขายังคงผิดหวังอยู่ แต่ไหนๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว เขาต้องเก็บเกี่ยวข้อมูลให้ได้มากที่สุดก่อน หลังจากนั้นอีก10 นาที ผ่านโถงทางเดินอีกหลายช่อง เขาก็มาถึงประตูกระจกอัตโนมัติ ผู้เฒ่าหยิบบัตรประจำตัวขึ้นมาแตะที่แผนวงจร
ติ๊ด!
“เข้ามาได้!”
พอประตูเปิดชายแก่ก็โบกมือเรียกหลินเฉิงอีกครั้งก่อนที่จะเดินนำเข้าไป และเปิดประตูไม้ข้างในที่อีกชั้นหนึ่ง
ปั้ง!
หลังจากเดินเข้ามาในห้องแล้วหลินเฉิงก็ปิดประตู และสำรวจสภาพในห้องทำงานแห่งนี้
ห้องนี้ตกแต่งอย่างเรียบง่าย แม้ว่ามันจะโทรมหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้แย่อะไร โต๊ะทำงานที่ทำจากไม้ และคอมพิวเตอร์เก่าๆ เครื่องนึง โซฟาหนังและเครื่องกรองน้ำเล็กๆ
“ดูไม่ฟุ่มเฟือยเลยนะครับ”
หลังจากที่สำรวจสภาพโดยรวมแล้วหลินเฉิงก็เดินเดินไปยังตู้กดน้ำ แล้วหยิบแก้กระดาษขึ้นมากดน้ำเย็นๆ ขึ้นมาดื่มหนึ่งแก้ว ก่อนที่จะพูดพร้อมกับหัวเราะ
หลังจากที่โดนหลินเฉิงพูดเหน็บแหนบเข้าไปผู้เฒ่าก็ส่ายหน้าเบาๆ “ก็ไม่ได้ทำงานในห้องนี้บ่อยนักหรอกนะ แต่ถ้าตกแต่งให้มันหรูหราอย่างไร มันก็เปลืองงบประมาณโดยมิใช่เหตุอยู่ดี! หนุ่มสาวอย่างนายเนี่ย ถ้าใช้ชีวิตอู้ฟู้มานาน เจอสภาพหลังวันสิ้นโลกเข้าไปจะทำตัวไม่ถูกเอานะ คนแก่ที่ปรงได้แล้วก็ปรับตัวได้ง่ายไม่ยากอะไรนัก”
หลินเฉิงก็ยักไหล่คลายความกังวล เขาแต่เล่นมุกนิดหน่อยไม่ได้ตั้งใจที่จะบ่นเรื่องการใช้ชีวิตพอเพียงของผู้เฒ่าคนนี้แต่อย่างไร
“ก็ใช่ครับ…”
เหลียงถอนหายใจอีกครั้ง“บรรยกาศของฐานทัพแห่งนี้เริ่มแย่ลงทุกที และเหตุผลสำหรับปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกโง่เขลาและพวกไร้ฝีมือโดยตรงเลยหละ….” “เอาเป็นว่าเข้าเรื่องเลยแล้วกันครับถ้าคุณเหลียงคิดว่าที่นี่ปลอดภัยหละก็ เราเริ่มคุยเรื่องนั้นกันเลยดีไหมครับ”
เห็นชายแก่กำลังจะพูดถึงเรื่องสถานการณ์ของฐานทัพหลินเฉิงก็พยายามเปลี่ยนหัวข้อทันที
และเมื่อชายแก่เห็นหลินเฉิงรีบร้อนเขาก็พยักหน้าแต่โดยดี “ไม่มีที่ไหนปลอดภัยไปกว่าที่แห่งนี้แล้วหละ ฉันสัญญาเลยว่าไม่มีใครได้ยินเรื่องนี้นอกจากพวกเราสองคน!”
————————-SC: บทที่ 404 อุดมการของดาบรัตติการ