I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก – บทที่ 481 การกลับมาของหลินเฉิง

บทที่ 481 การกลับมาของหลินเฉิง

  SC:บทที่481 การกลับมาของหลินเฉิง

   ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นโทรศัพท์มือถือที่เปิดได้หรอกนะ… 

  มองไปยังหลินเฉิงที่กำลังมองไปที่ตัวเธอแบบไม่คาดคิดหลิงเหมิงเองก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงและอธิบายไป

  หลังจากที่ได้ยินคำตอบของหลิงเหมิงหลินเฉิงเองก็พยักหน้า  พูดจริง แต่ตอนนี้บนโลกที่ไม่มีพลังงานการสื่อสารทั้งหลายก็เลยกลายเป็นอัมพาตกันหมด ตีเป็นไร้ประโยชน์ไป ฉันคือ 1 ในคนที่สามารถหาและใช้มันได้เหมือนเครื่องมือทั่วๆไป… 

  ความรู้สึกที่กำลังบอกว่าหลินเฉิงนั้นไม่ได้ใส่ใจเจ้าโทรศัพท์มือถือนั้นมากมันทำให้หลิงเหมิงมีความหวังที่จะเอ่ยถามออกไปนิดหน่อย ถ-ถ้างั้น…ฉันขอลองหน่อยได้มั้ย? 

   ลองอะไร?    เมื่อได้ยินดังนั้นหลินเฉิงก็มองไปยังเธอด้วยความประหลาดใจก่อนจะเข้าใจว่าเธอนั้นคงกำลังสนใจในโทรศัพท์เครื่องนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วโยนโทรศัพท์นี้ไปให้เธอ

   อ๋า!! 

  ทันทีที่หลินเฉิงโยนโทรศัพท์มาทางเธอหลิงเหมิงก็ตื่นตูมเหมือนกระต่ายก่อนจะรีบกระโดดคว้าเอาไว้อย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะลงพื้น

   ให้ตายเถอะ!ทำไมนายไม่หัดรักษาสมบัติพวกนี้ให้ดีๆหน่อยเล่า!! 

  หลังจากที่ตรวจดูหลายต่อหลายครั้งแล้วว่าโทรศัพท์เครื่องนี้ไม่มีจุดในเสียหายหลิงเหมิงไม่กล้าบ่นเขาเมื่อเห็นว่ามันไม่ได้เป็นอะไร

  หลินเฉิงนั้นดันกลายเป็นฝ่ายเริ่มบ่นเกี่ยวกับโทรศัพท์ที่พังแล้วและการที่เธอโอ๋เจ้าโทรศัพท์นั่นเหมือนลูกแทนเขาส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะพูดต่อ  ไอ้เจ้านี่น่ะ ถ้าอยากจะหามันล่ะก็ ฉันจะพาเธอไปไล่หาที่เมืองในช่วงเช้าก็ได้นะ น่าจะได้มาเป็นกองเลย 

   นายรู้ด้วยเหรอ!? 

  คำก็โทรศัพท์สองคำก็โทรศัพท์ท้ายสุดเข้าเลยพูดแบบนั้นออกมา หลิงเหมิงนั้นหน้าซีดไปเลยเมื่อเห็นว่าเขาดูจะไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้ของเธอมากๆ  สำหรับคนอย่างพวกนายที่เคยใช้โทรศัพท์กันมาก่อน ก็คงจะไม่สนใจเกี่ยวกับพวกนี้สินะ แต่พวกเราน่ะ ไม่เคยจับโทรศัพท์กันเลยด้วยซ้ำ เพราะงั้นอะไรก็ตามที่จะช่วยมอบประสบการณ์ให้เราได้ มันก็สำคัญหมดนั่นแหละ แต่แน่นอนว่าฉันเคยเห็นโทรศัพท์ แต่ฉันไม่เคยเห็นตอนมันเปิดติด… เพราะงั้นแล้วฉันต้องการที่จะศึกษาพวกมันเพิ่ม 

   ก็ได้ๆ 

  มองไปยังท่าทีที่ตรงไปตรงมาของหลิงเหมิงหลินเฉิงก็โบกไม้โบกมือให้ปล่อยผ่าน

   ถึงเธอจะสนใจไอ้โทรศัพท์นี่ล่ะก็ถ้ายังไงก็ช่วยส่งโทรศัพท์คืนมาก่อนเลย ในนั้นฉันเก็บรูปวาดพวกนี้ไว้ แล้วก็ อย่าโยน เอามาคืนดีๆ จากนั้นเธอจะตามฉันมาก็ได้ เดี๋ยวจะช่วยหาโทรศัพท์แบบนี้ให้อีกเครื่องหนึ่ง แน่นอนว่าจะหาเครื่องที่แบตเต็มๆให้เลย! 

   จริงดิ!? 

  เมื่อได้ยินหลินเฉิงพูดแบบนั้นหลิงเหมิงก็ตาเป็นประกายทันที ท่าทีแบบนั้นของเธอมันทำให้เขาอดสงสัยอะไรบางอย่างไม่ได้จนต้องถามออกไป  ว่าแต่ เธอนี่เป็นเด็กดีขึ้นมาทันตาแบบนี้ เลิกมองฉันเป็น ‘ตัวซวย’ แล้วเหรอ? 

   ฉันไม่ได้คิดว่าฉันจะมองข้ามความขัดแย้งระหว่างนายกับฉันได้เพียงเพราะนายใจดีหรอกนะ? 

  ได้ยินดังนั้นหลิเหมิงก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบตามอง นายยังเป็น ตัวซวยอยู่ ในสายตาของฉัน แต่เพราะผู้เฒ่าหลิงเฟิงได้ช่วยฉันไว้หลายอย่าง ในขณะเดียวกันเขาก็ทิ้งเงื่อนงำไว้หลายอย่างด้วย ฉันเองก็อยากจะตอบแทนอะไรบางอย่างให้พวกเขาด้วย บางทีอาจจะเป็นเพราะรัก หรือไม่ก็คงจะเป็นเหตุผลอะไรซักอย่าง? แต่พอได้คิดถึงเรื่องนี้ ฉันก็พบว่า บางทีการที่ฉันไม่กลับไปปรากฏตัวให้เห็นที่นั่นอีก อาจจะเป็นรางวัลชีวิตที่ดีแก่พวกเขาก็ได้ เพราะงั้นฉันก็จะเป็นอิสระ ส่วนนายถ้าคิดว่าไล่ตามฉันทันก็เข้ามาเลย! 

   ก็รู้ตัวเองดีไม่ใช่เหรอ… 

  ได้ยินคำหยอกล้อนั่นของหลินเฉิงเธอก็อดไม่ได้ที่จะปิดปากแล้วหัวเราะอยู่หลายครั้งก่อนจะหยุดจากนั้นก็กระแอมไอ 2 ครั้งเพื่อพูดต่อ  ฉันตัดสินใจแล้ว นายต้องไปช่วยหาโทรศัพท์ให้ฉัน หลังจากที่นายแก้ปัญหานี่ได้แล้ว แล้วก็ นายห้ามโกหกฉันอีกแล้วนะ! 

   เข้าใจแล้วๆ 

  ด้วยความไม่ใส่ใจหลินเฉิงโบกมือก่อนจะมองหลิงเชิงแล้วพูดขึ้น  โอเค ฉันเก็บภาพอักษรพวกนี้ไว้หมดแล้ว เราแค่ต้องหาใครซักคนที่สามารถเข้าใจสิ่งนี้ได้เพื่อช่วยเราแก้ปริศนานี้ได้ เอาล่ะไปที่ประตูแห่งรูนแล้วดูกันเถอะ 

   โอเค!    หลิงเชิงหยักหน้ากับสิ่งนี้ แต่ฉันหวังว่าถ้านายมีโอกาสที่จะได้รู้ว่ามันหมายความว่ายังไงแล้ว นายจะบอกฉันด้วยนะ ช่วยบอกให้ฉันรู้…เพราะยังไงซะ อักษรพวกนี้ก็คือสิ่งที่ผู้อาวุโสหลิงเฟิงทิ้งไว้ก่อนจะตาย ฉันอยากจะตอบแทนอะไรบ้างและสะสางหนี้ครั้งนี้โดยการหาให้เจอว่าความหมายของมันคืออะไร… 

  เขายิ้มและโบกมือหลินเฉิงรู้สึกอยากจะจุดบุหรี่สูบเลย  ไม่ต้องกังวลหรอกน่า ถ้าใครซักคนที่เข้าใจสิ่งนี้ปรากฏตัวขึ้น บางทีฉันอาจจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง..แล้วก็นะ อักษรภาพพวกนี้ ผู้อาวุโสของพวกนายเป็นคนทำเอาไว้ เพราะงั้นก็มั่นใจได้เลยว่าเรื่องจริงจะหนีไปจากวัดไม่ได้ถ้าไม่มีพระ! 

  มองไปยังหลินเฉิงที่ดูแล้วจะไม่เก็บความลับของความหมายของอักษรภาพเหล่านั้นไว้คนเดียวหลิงเชิงก็โล่งอกขึ้นหน่อยจากนั้นเขาก็พูดขึ้น  ขอความกรุณาด้วย ส่วนพวกเรา เผ่ารัตติกาล จะช่วยยืดเวลาเพื่อให้นายถอดรหัสอักษรภาพเหล่านี้ให้ได้เอง หรือบางที พวกเราเองอาจจะถอดรหัสได้ก่อนที่นายจะทำได้ก็ได้นะ… 

   ถ้าเป็นแบบนั้นก็ถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีสำหรับฉันไม่ใช่หรือไง? 

  ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็หลุดยิ้มออกมาเรื่อยเปื่อยก่อนจะพูดต่อ เอาล่ะ จบการสนทนาไว้เท่านี้ก่อน เพราะยังไงก็แล้วแต่ ฉันไม่ได้มาเพื่อจะหาสิ่งนี้อยู่แล้ว… 

  หลิงเชิงพยักหน้าและพูดขึ้น ฉันเข้าใจแล้ว ตามมาเร็ว!  จากนั้นเขาก็รีบเดินนำเขาไปยังถ้ำที่สูงประมาณ 2 เมตรที่อยู่ตรงหน้าเลย

  เขาที่เดินนำและมีหลินเฉิงเดินตามไปตัวหลิงเหมิงคิดว่าหลิงเชิงจะใช้โอกาสนี้ในการสลัดหลินเฉิงออกไปไกลๆเสียอีก แต่เขาเองก็ดูไม่สนใจตัวเองซักเท่าไหร่เลย เพราะในตอนนี้ เขากำลังเดินเข้าไปในถ้ำที่ครอบครัวของเขาเคยห้ามเข้าไว้ก่อนหน้านี้

  เมื่อเข้ามาในถ้ำนี้หลินเฉิงก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่าอุณหภูมิของที่นี่ค่อนข้างต่างจากข้างนอกมากๆ ราวกับเข้ามาอยู่ในจุดที่ภูมิอากาศหนาวเย็นเสียอย่างงั้น ลมเย็นที่นี่ราวกับมีหิมะผสมอยู่ด้วยเลย จิตใต้สำนึกของเขามันทำให้เขารีบห่อตัวไว้กับเสื้อโดยเร็วจากนั้นก็เดินตามหลิงเหมิงต่อด้วยจิตวิญญาณอันแรงกล้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุดต่อไป

  ขณะที่ใช้ความสามารถของการมองเห็นกลางคืนหลินเฉิงก็เดินอย่างระมัดระวังอยู่ด้านหลังหลิงเชิง ระหว่างนั้นเขาก็สังเกตุโครงสร้างของถ้ำนี้ไปด้วย ทั้งซ้ายและขวา เขาหวังว่าจะได้เจออะไรที่แตกต่างไปกันบ้างระหว่างถ้ำส่วนนี้และส่วนนอก หลังจากที่สังเกตอย่างระมัดระวังมาพักใหญ่ๆแล้ว เขาก็พบว่าที่แห่งนี้ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยเว้นแต่อุณหภูมิที่ยิ่งลึกก็ยิ่งต่ำลงเรื่อยๆ

  บนผนังถ้ำรอบๆนั้นประกอบด้วยหินขรุขระที่ปกคลุมไปทั้งถ้ำในขณะที่บนพื้นที่เดินอยู่นั้นกลับเรียบสนิทเหมือนทางเดินด้านนอก ถ้าไม่รู้ว่ากำลังเดินอยู่ในถ้ำมาเกือบจะกิโลเมตรแล้ว หลินเฉิงคิดว่ากำลังเดินอยู่บนพื้นหินอ่อนมาตลอดทาง เขาเริ่มเจอแผ่นน้ำแข็งเกิดขึ้นมาตามมุมของผนังถ้ำมากขึ้นเมื่อเดินเข้ามาลึกขึ้น และเขาไม่ได้สงสัยเลยว่าหลิงเชิงกำลังถ่วงเวลาเพื่อจะหลอกล่อตัวเขา

  อย่างไรก็ตามมันก็ปรากฏให้เห็นว่าหลิงเชิงไม่ได้ต้องการที่จะหลอกเขาเลย หลังจากนั้นประมาณ 5 นาทีก็เกิดเสียงบู้มตามมา หลิงเชิงที่ถึงปลายทางก่อนหลินเฉิงและหลิงเหมิงเพียงไม่กี่ก้าว ตอนนี้เขาได้วางมือไปบนผนังเรียบด้านหน้าแล้ว และประมาณครึ่งเมตรจากทางฝั่งเขา ประตูหินสี่เหลี่ยมก็ค่อยๆเปิดออก!

  ——————————-

 

I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก

I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing

末世胶囊系统 เรื่องย่อ : หลินเฉิงได้ผูกมัดกับระบบแคปซูล ตราบใดที่เขามีค่าพลังงานเพียงพอ เขาสามารถแลกเปลี่ยนกับของเหล่านี้ได้ เช่น แคปซูลอาวุธ เครื่องป้องกัน  รถ  บ้าน หรือแคปซูลที่เพิ่มความสามารถต่างๆ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้หลินเฉิงดีใจ เพราะมันหมายความว่า เขาจะต้องเอาชีวิตรอดให้ได้ ในวันสิ้นโลกที่จะมาถึง….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท