I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก – บทที่ 484 ช่องว่าง!

บทที่ 484 ช่องว่าง!

  SC:บทที่484 ช่องว่าง!

   ทำไม?นายคิดจะให้ฉันทำอะไรเหรอ? 

  มันดูกระทันหันเหลือเกินหลินเฉิงนั้นจ้องมาหลิงเหมิงใกล้มากๆจนเธอเองก็เริ่มเกร็งๆขึ้นมาพักนึงแล้ว ตั้งแต่เจอประตูแห่งรูนนี่ เขาก็ดูไม่ปกติขึ้นมานิดหน่อย ซึ่งนั่นทำให้เธอกังวลว่าเขาเป็นโรคจิตอะไรหรือเปล่าขึ้นมาบ้างแล้ว

  เธอพูดอะไรไม่ออกหลินเฉิงนั้นชี้นิ้วไปยังที่ปั้มรอยนิ้วมือนั้นอีกครั้งและพูดขึ้น  เธอ ไปลอง 

   ฉัน? 

  เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงจะให้เธอไปลองหลิงเหมิงก็ดูจะสับสนขึ้นมาทันที จากบทสนทนาของพวกเขาทั้งคู่ เธอรู้ว่าประตูแห่งรูนนี้ค่อนข้างจะลึกลับและสำคัญมากๆ ต้องขอบคุณพ่อของเธอ จริงๆที่ทำให้เธอได้เข้ามาเจอสิ่งนี้และเธอไม่คิดเลยว่าเธอจะได้มามีส่วนร่วมกับมัน

  มองไปยังใบหน้าที่ดูง้องแง้งของเธอหลินเฉิงก็โบกมืออย่างเร่งรีบ  ที่นี่มันมีผู้หญิงคนอื่นอีกหรือไง? อย่าถามอะไรไร้สาระแล้วรีบมานี่เร็วๆ! 

  เมื่อพูดจบเขาก็ลากเธอไปยืนตรงด้านหน้าจากนั้นก็ชี้ไปยังที่ปั้มรอยนิ้วมือบริเวณประตูหินนั้นและบอกกับเธอ ยื่นมือขวาออกไปและสัมผัสไปที่ตัวปั้ม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามตื่นกลัว เข้าใจนะ? 

   นี่… 

  ขณะที่โดนลากไปยังประตูแห่งรูนนั้นหลิงเหมิงก็เริ่มจะตื่นกลัวขึ้นมาแล้ว หลังจากที่หันไปมองหลิงเชิงเพื่อขอความช่วยเหลือ เธอก็พบว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังทำตัวเหมือนพ่อและส่งสายตาสนับสนุนการกระทำของเธอเสียอีกด้วย

  ชัดเจนเลยว่าเขาเองก็อยากให้เธอลองเหมือนกัน  หลังจากรับรู้ความตั้งใจของพ่อแล้วเธอก็ถอนหายใจเบาๆจากนั้นก็เลิกอู้ เมื่อหลินเฉิงเลิกผลักเธอ เธอก็เดินไปยังประตูแห่งรูนคนเดียว ยื่นมือขวาที่เรียวบางออกไปและสัมผัสเข้ากับที่ปั้มรอยนิ้วมือช้าๆ

  *เปรี๊ยๆ*

  ทันทีที่เธอสัมผัสเข้าไปที่บริเวณนั้นกระแสไฟฟ้าก็วิ่งขึ้นจากล่างขึ้นไปยังด้านบน และนั่นทำให้ประตูแห่งรูนเริ่มจะเปิดออกนิดๆหน่อยๆ

   มันได้ผล! 

  มองไปยังแสงสีฟ้าที่แว้บออกมาหลินเฉิงก็ตาเป็นประกายในขณะที่ตัวหลิงเหมิงเองก็กำลังหวาดกลัวกับแสงแว้บๆนั้น ไหล่ของเธอมันเริ่มหดตัวและท้ายสุดเธอก็หยุดตัวเองไว้!

  หลังจากที่หลิงเหมิงตัดสินใจหยุดแล้วหลินเฉิงก็มองไปยังเธอด้วยความเงียบก่อนจะพูดขึ้น  ทำไมรีบจัง? ในเมื่อเธอสามารถทำให้ประตูแห่งรูนเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ นั่นหมายถึงตัวตนของเธอนั้นผ่านการตรวจสอบแล้ว ถ้าเกิดมีอะไรอันตรายล่ะก็ ฉันจะเอาตัวเองเป็นเดิมพันเอง! 

   แต่…แต่… 

  ถึงดูเหมือนว่าหลินเชิงจะพูดถึงแต่หลินเหมิงที่ไม่เคยผ่านอะไรแบบนี้มาก่อนก็ยังรู้สึกผิดอยู่ เธอไม่สามารถยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้ เพราะตั้งแต่ขึ้นมาจากหลุมโดยปราศจากเครื่องมือและเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง แสดงสีฟ้านี้เหมือนกับเรื่องปฏิหาริย์ในสายตาของเธอซึ่งทำให้เธอไม่สามารถเข้าใจได้

   ไม่เธอ… 

  หลังจากที่รับรู้ได้ว่าหลิงเหมิงนั้นตื่นเต้นมากๆหลินเฉิงจึงเดินเข้าไปหาเธอเพื่อที่จะทำให้เธอสบายใจขึ้นบ้างหากแต่เขาได้ยินเสียง ตู้ม ขึ้นมาก่อน ต่อหน้าต่อตาของเธอ ประตูหินแห่งรูนนั้นก็เปิดออกมาประมาณ 2-3 เซนติเมตร!

  หลังจากเห็นช่องว่างดังกล่าวหลินเฉิงก็ล้มเลิกคววามคิดที่จะปลอบใจหลิงเหมิงที่กำลังงุนงงอยู่เลย เขารีบเดินไปดูช่องแคบนั้นพร้อมทั้งมองเข้าไปด้านในด้วยความตื่นเต้นด้วย

  เขาหยิบไฟฉายขึ้นมาและส่องเข้าไปแต่ถึงแม้เขาจะพยายามเพื่อดูว่าข้างในเป็นอย่างไรขนาดไหน แต่นอกจากความว่างเปล่าแล้วเขาก็ยังไม่เจออะไรทั้งสิ้น ดูเหมือนว่าด้านหลังประตูหินแห่งรูนนี้ จะเป็นพื้นที่ว่างเปล่าโล่งๆที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เลย

  หลังจากที่แอบส่องอยู่นานหลินเฉิงที่ไม่เจอหรือไม่ได้ยินอะไรเลยนั้นก็ถอยออกมาด้วยนัยน์ตาแห่งความโกรธ เมื่อปิดไฟฉายลง เขาก็ถอนหายใจด้วยความผิดหวังก่อนจะพูดกับหลิงเฉิงและหลิงเหมิงที่ดูกระตือรือร้นอยู่ตรงหน้าเขา  ช่องว่างนี้เล็กเกินไปที่จะเห็นอะไรข้างในนั้น… 

  ระหว่างที่พูดเขาก็มองไปยังหลิงเหมิงอีกครั้ง ฉันอยากจะให้เธอทำแบบเมื่อครู่อีกครั้ง และจำไว้ว่า อย่าตื่นกลัว เข้าใจไหม? 

   ช่วยรออีกพักนึงไม่ได้เหรอ?    ในตอนนี้หลิงเชิงที่ซึ่งเงียบมาพักใหญ่ๆท้ายสุกก็อดไม่ได้ เขาหยุดหลิงเหมิงที่กำลังจะเดินไปข้างหน้าไว้จากนั้นก็ชี้ไปทางช่องแคบนั้นและถามหลินเฉิง  นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมฉันไม่สามารถเปิดมันได้ทั้งที่ฉันเป็นหัวหน้า แต่เด็กผู้หญิงอย่างหลิงเหมิงกลับทำให้มันเปิดได้ซะงั้น? 

  ได้ยินดังนั้นหลินเฉิงก็ขมวดคิ้วและคิดซักครู่ก่อนจะตอบไป ฉันไม่รู้ชัดเจนนะว่าทำไม ฉันก็แค่คิดว่าหลิงเหมิงควรจะได้ลองแต่ไม่คิดว่ามันจะได้ผลจริงๆ 

  แน่นอนว่าหลินเฉิงนั้นไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆที่เขาขอให้หลิงเหมิงลองก็เพราะว่าตอนอยู่ใต้หุบเขาฟินิกส์นั้นหญิงบ้าเองก็ทำให้ประตูหินแห่งรูนสามารถทำงานได้ เมื่อเปรียบเทียบกับหลิงเชิงที่ไม่สามารภเปิดประตูได้แล้ว หลินเฉิงก็พอจะเข้าใจรางๆได้ว่าความแปลกประหลาดของประตูแห่งรูนนี่ก็คือ มันต้องเป็นเผ่าพันธุ์อื่นที่เป็นเพศหญิงเท่านั้นจึงจะเปิดได้!   ตัวเขานั้นไม่ได้อยากจะพูดถึงอะไรก็ตามที่เขาเห็นจากใต้หุบเขาฟินิกส์

  ระหว่างทางเขาได้พบเจอความลับต่างๆมากมาย และได้พบกับผู้คนที่มีแรงจูงใจลับๆบางอย่าง อย่างในสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้ สิ่งเดียวที่เขาควรทำก็คือเก็บเรื่องพวกนี้ไว้ภายในใจและอย่าพูดถึงมันไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ถึงแม้ว่าตอนนี้เผ่ารัตติกาลจะถือเป็นเผ่าที่เชื่อถือได้มากที่สุด แต่ก็ยังดีไม่พอที่จะให้หลินเฉิงเชื่อใจโดยไม่มีเงื่อนไขอะไร

  แน่นอนว่าหลิงเชิงนั้นไม่รู้ความคิดของหลินเฉิงถึงแม้ว่าเขาจะยังคงสงสัยกับคำอธิบายนั้น แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาอีก หลังจากที่ขมวดคิ้วคิดนู่นนี่นั่นอยู่พักหนึ่ง เขาก็ปล่อยมือที่รั้งหลิงเหมิงไว้ ชั้นเจนแล้วว่าเขาเองก็อยากจะเหตุการณ์ต่อจากนี้เหมือนกัน

  มองปฏิกริยาของหลิงเชิงหลิงเหมิงก็ยิ้มแบบช่วยไม่ได้ มองไปยังหลินเฉิงอีกครั้งก่อนจะกลับมามองที่ตัวเอง เธอเดินตรงไปด้านหน้าและวางมือลงบนรอยประทับนั้นอีกครั้ง   อ่ะ? 

  หลังจากที่รอมาครู่หนึ่งหลินเฉิงก็เริ่มขมวดคิ้วอีก นั่นเพราะว่าครั้งนี้มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนครั้งก่อน และรอยแยกนั่นก็ยังมีขนาดเท่าเดิม

   เกิดอะไรขึ้นน่ะ… 

  เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์มันต่างจากที่เขาคาดการณ์ไว้หลินเฉิงก็รีบตรงเข้าไปยังหลิงเหมิงและค่อยๆสังเกตุท่าทีของเธออย่างระมัดระวัง

  ทันทีที่พบว่ามันไม่มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นเลยห้วงความคิดของเขาก็ลากเขาให้จมดิ่งลงไป!

  ในความจริงก่อนหน้านี้หลินเฉิงก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะมีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นอยู่แล้ว

  หลังจากที่หญิงบ้าที่อยู่ใต้หุบเขาฟินิกส์ทำให้เขาประหลาดใจอยู่ลึกๆก็ไม่คิดว่าจะมีเผ่าพันธุ์อื่นที่แข็งแกร่งพอจะเปิดประตูหินแห่งรูนนี่ได้อีกเพราะงั้นไม่มีเหตุผลอะไรเลยสำหรับเผ่ารัตติกาลที่ซึ่งค่อนข้างอ่อนแอในสายตาเขาที่จะเปิดประตูหินแห่งรูนนี่ได้

  แต่ไม่คาดคิดเลยว่าหลิงเหมิงผู้ที่ต่อต้านผู้ร้าย จะสามารถเปิดช่องแคบๆเล็กๆนี่ได้ ซึ่งมันทำให้หลินเฉิงแทบจะเป็นบ้าไปเลยในตอนแรก แต่หลังจากที่เวลาผ่านมา มันทำให้เขาใจเย็นลงและได้คิดนู่นคิดนี่เพิ่ม เขาก็คิดได้ว่า ทำไมเหตุการณ์แบบนี้ถึงเกิดขึ้น

  ในภูเขาฟินิกส์นั้นหลินเฉิงยังคงเป็นมือใหม่ที่ยังได้รับยาเสริมความแข็งแกร่งประเภท D มาในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ถึงแม้ว่าตอนนั้นเขาคิดว่าตัวเองน่าจะอยู่ยงคงกระพันที่สุดในโลกแล้ว แต่มันกลับกลายเป็นว่าโลกนั้นกำลังจบสิ้น โลกที่เราคุ้นเคยกำลังต้อนรับสิ่งที่อยู่นอกโลกให้เข้ามา และวันเวลาก็เปลี่ยนแปลงไป

  เนื่องจากมันใช้ได้ไม่กี่ครั้งก็แห้งเหี่ยวไปหมดหลังจากนั้น หนทางของหลินเฉิงในมือของหญิงบ้านั้นก็กลายเป็นเงามืดมาเนิ่นนาน แม้แต่ตอนนี้ เขาก็ยังหวาดกลัวเรื่องที่ผ่านมานั้น

  แต่ถ้าเรามองสิ่งนี้ในมุมมองของวัตถุพวกเราก็จะพบว่าหลินเฉิงเพิ่งจะทำอะไรผิดพลาดลงไปเท่านั้น ในตอนนั้น เขาเป็นมือใหม่ที่กินยาเพิ่มพลังประเภท D เข้าไป แต่ตอนนี้เขานั้นได้กลายเป็นมือใหม่ที่กระดกยาเพิ่มพลังประเภท C ที่มาพร้อมพลังในการควบคุมน้ำแข็งไปแล้ว!

  ตัดสินจากความแข็งแกร่งปัจจุบันผู้หญิงที่ควบคุมเส้นสีเงินได้ที่เขาเจอใต้ภูเขาฟินิกส์นั้นทำอะไรเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แม้จะเปรียบเทียบกับหลิงเหมิง คนๆนั้นจะเรียกคู่ต่อสู้ยังไม่ได้เลย เพราะงั้นแล้วนี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเธอถึงเปิดประตูแห่งรูนไม่ได้ แต่หลิงเหมิงสามารภเปิดได้!

  ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่รู้แล้วว่าหลิงเหมิงไม่สามารถอธิบายได้ว่าจะเปิดช่องว่างนี่เพิ่มได้อย่างไร หลินเฉิงก็เริ่มสังเกตแบบระมัดระวังไปด้วย ก่อนที่จะค่อยๆเข้าใจ ว่ามันเป็นเพราะอะไร  ถ้าการคาดเดาของเขาถูกต้องในการที่จะเปิดประตูแห่งรูนนี้ได้ นอกจากเพศแล้วยังต้องคำนึงถึงความแข็งแกร่งของผู้เปิดประตูด้วย หลิงเหมิงนั้นไม่มีความสามารถมากพอที่จะเปิดประตูนี้ได้ แสดงให้เห็นว่าเธอไม่แข็งแกร่งพอ

  เมื่อคิดได้ดังนั้นหลิงเฉิงก็สลัดความรู้สึกผิดหวังนั้นทิ้งไปและแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นแบบสุดๆแทน เขารีบหันกลับไปและจับไหล่ของหลิงเชิงเขย่าเลย  เรียกคุณหยุนเฟิงมาที่นี่ที! 

   หะ—หา?! 

  มองดูท่าทีของหลินเฉิงที่จู่ๆก็ให้เรียกภรรยาของเขามาที่นี่หลิงเชิงนั้นทำอะไรไม่ถูกเลย เขาตามอีกฝ่ายไม่ทันแล้ว ไม่รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร

  หลินเฉิงที่กำลังตื่นเต้นสุดๆนั้นไม่มีอารมณ์มาอธิบายอะไรมากนักในเวลานี้เพราะงั้นเขาจึงพูดย้ำขึ้นมา  รีบพาเธอมาที่นี่ก่อนแล้วจะอธิบายรายละเอียดให้ทีหลัง!    หลังจากพูดไปแล้วเขาก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ก่อนเลยรีบถามอีก  เดี๋ยวก่อน ลืมถามไปเลย คุณหยุนเฟิงแข็งแกร่งขนาดไหน? แข็งแกร่งกว่านายหรืออ่อนแอกว่านาย? 

   ความแข็งแกร่งของหยุนเฟิงเหรอ… 

  จากการเร่งเร้าของหลินเฉิงที่ถามถึงความแข็งแกร่งของหยุนเฟิงหลิงเชิงก็งุนงงและตอบไปเท่าที่ทำได้  ถึงแม้ว่าจะแข็งแกร่งน้อยกว่าฉันนิดหน่อยแต่ก็นับเป็นลำดับหนึ่งของตระกูลเลย… 

   ดี!! 

  ได้ยินหลิงเฉิงตอบความตื่นเต้นของหลินเฉิงบนใบหน้าก็แสดงออกมาชัดเจน เขารีบเร่งเร้าต่อ  รีบๆเรียกเธอมาที่นี่! หากฉันเดาถูก คุณหยุนน่าจะเป็นคนที่เปิดประตูแห่งรูนนี่ได้! 

   นี่จริงเหรอเนี่ย!? 

  ได้ยินดังนั้นท่าทีและอารมณ์ของหลิงเชิงก็เปลี่ยนไปทันที ถ้าเป็นเช่นนั้น ฉันจะรีบไปพาเธอมาเดี๋ยวนี้เลย! 

  เขาไม่สามารถปล่อยให้เวลาไหลเป็นน้ำแบบนี้ต่อไปได้อีกแล้วเพราะงั้นจึงหันหน้าออกและวิ่งออกไปทันที

  มองพ่อของเธอวิ่งออกไปจากสายตาอย่างเร่งรีบโดยไม่แม้แต่จะเรียกหลิงเหมิงนั้นก็พูดไม่ออก เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นกุญแจของเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ก็หมดประโยชน์แล้ว เธอถูกทิ้งโดยชายสองคน แต่กระนั้นเธอต้องไม่โกรธ…

  ——————————

 

I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก

I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing

末世胶囊系统 เรื่องย่อ : หลินเฉิงได้ผูกมัดกับระบบแคปซูล ตราบใดที่เขามีค่าพลังงานเพียงพอ เขาสามารถแลกเปลี่ยนกับของเหล่านี้ได้ เช่น แคปซูลอาวุธ เครื่องป้องกัน  รถ  บ้าน หรือแคปซูลที่เพิ่มความสามารถต่างๆ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้หลินเฉิงดีใจ เพราะมันหมายความว่า เขาจะต้องเอาชีวิตรอดให้ได้ ในวันสิ้นโลกที่จะมาถึง….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท