SC:บทที่519 พลังที่ยิ่งใหญ่ จะมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง
ดีเลยครับคุณฟ่างถ้ายังไงเดี๋ยวเบียร์จะมาเสิร์ฟในทันทีเลยครับ!
มองไปยังท่าทีของผู้อาวุโสฟ่างที่ราวกับเขาได้กลับมาบ้านตัวเองและเด็กเสิร์ฟเองก็ไม่ได้ตกใจอะไรนอกจากนั้นยังยิ้มแล้วก็ไปเตรียมเบียร์มาให้อีก
อ่าตาเฒ่าฟ่าง ดูเหมือนว่านายจะมาที่นี่บ่อยล่ะสิ
ขณะที่รอเด็กเสิร์ฟพาพวกเขาไปยังห้องส่วนตัวหลินเฉิงมองไปรอบๆและรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตากับห้องส่วนตัวนี้มากๆจึงได้พูดกับผู้อาวุโสฟ่างไป
ได้ยินดังนั้นเขาก็ยิ้มออกมา ใช่แล้ว มีไม่กี่คนหรอกที่จะมาที่นี่ ถึงแม้ว่าสภาพแวดล้อมจะดี ราคาอาหารก็ไม่ได้แพงด้วยแถมเจ้าของที่นี่ก่อนที่วันสิ้นโลกจะมาถึงน่ะ ยังเป็นเชฟอีกนะ แต่ว่าพอหลังวันสิ้นโลกมาแล้ว พลังในตัวเขาก็ตื่นขึ้น เขาเคยบอกไว้ว่า เขาแค่สนใจที่จะเปิดร้านอาหารเท่านั้น อยากทำอาหารแต่ละมื้อออกมาให้ดีๆ จะเงินมากเงินน้อยนั่นแทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย…
ใช่มั้ยล่ะ?
หลังจากได้ฟังคำแนะนำของผู้อาวุโสฟ่างหลินเฉิงก็เห็นชายอ้วนวัยกลางคนผู้ที่ซึ่งช่วยเขาเมื่อครั้งสุดท้ายและโดนบังคับให้จ่ายบิล เขานั้นประหลาดใจมากๆ ถ้าเขาจำไม่ผิด ลุงอ้วนนี่น่าจะเป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ เขารู้จักชื่อมาจากคนอื่นอีกที ว่าชื่อ หง ในตอนนั้น เขายังเป็นเพียงทาสเมื่อครั้นได้พบกับชูฉิง แต่หลังจากนั้น เขาก็พูดถึงรัฐมนตรีหวาง ด้วยเหตุผลนี้ มันทำให้หลินเฉิงคิดว่าคนๆนี้เป็นแค่พวกช่างประจบเท่านั้น
แต่หลังจากที่ได้ยินผู้อาวุโสฟ่างอธิบายเกี่ยวกับเขาคนนั้นหลินเฉิงก็พบว่าเขาคนนั้นก็น่าเกลียดจริงๆนั่นแหละ ในตอนนี้เฉินฉีกำลังประหลาดใจกับเขาอยู่ บอสแห่งร้านหงเองก็ประหลาดใจกับเขาเช่นกัน ซึ่งนั้นทำให้เขาเข้าใจได้ถึงบางครั้งมันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะด่วนสรุปอะไรซักอย่างเพียงแค่ได้มอง
เบียร์ของคุณครับคุณฟ่าง!
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่เด็กเสิร์ฟคนเดิมก็เข้ามาพร้อมกับกล่องเบียร์ 2 กล่องในมือ วางมันลงบนพื้นและปาดเหงื่อที่หน้าผาก จากนั้นก็รีบหยิบเอาเมนูมาจากในตู้เพื่อให้พวกเขาใช้เป็นเครื่องมือช่วยตัดสินใจในการสั่งอาหารด้วย
มองไปยังเมนูที่เด็กเสิร์ฟถือผู้อาวุโสฟ่างก็กวักมือเรียกให้หลินเฉิงเป็นคนจัดการ น้องหลิน ในเมื่อนายมาที่นี่แล้ว เชิญเลือกเอาเลยว่าอยากจะสั่งอะไร
เบาเสียงหน่อยไม่ได้หรือไง!
หลินเฉิงพูดแบบไร้เยื่อใยด้วยความใจร้อนก่อนจะหยิบเมนูมาและจ้องมองอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะได้จัดการเรื่องนี้ได้ หลังจากที่สั่งอาหารที่น่าเอร็ดอร่อยไปบ้างแล้วหลินเฉิงก็ส่งเมนูคือให้เด็กเสิร์ฟและพูดขึ้น นายห้ามเข้ามาห้องนี้ยกเว้นตอนจะเสิร์ฟอาหาร เข้าใจนะ?
เข้าใจครับ!
ได้ยินดังนั้นเด็กเสิร์ฟที่รู้สึกว่าคนๆนี้ไม่ง่ายที่จะตอแยด้วยจึงได้รีบพยักหน้าและเดินออกไปพร้อมกับถือเมนูออกไปด้วย จากนั้นก็ปิดประตูให้สนิท
หลังจากที่เด็กเสิร์ฟออกไปแล้วหลินเฉิงก็หยิบเบียร์ขึ้นมา 3 ขวดจากกล่องนั้น เปิดขวดด้วยนิ้วโป้ง และส่งมันให้เฉินฉีและผู้อาวุโสฟ่าง จากนั้นก็พูดขึ้น โอเค ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ด้านนอกแล้ว มาดื่มให้ชื่นคอกันก่อนไหม?
เอาสิมาเลย!
ลุย!
หลินเฉิงยกขวดขึ้นเฉินฉีและผู้อาวุโสฟ่างก็ยกขวดขึ้นตามเช่นกัน จากนั้นก็ชนขวดกันเบาๆ พวกเขารีบกระดกเบียร์ในขวดนั้นอย่างรวดเร็ว!
ฟู่…
หลังจากที่กระดกเบียร์ไปจนเต็มไปหลินเฉิงก็พักหายใจเบาๆ จากนั้นก็ยังกระดกเบียร์เรื่อยๆและพูดแบบสบายๆ วันนี้ ที่ชวนมาดื่มก็เพราะว่ามีเรื่องจะบอกพวกนายน่ะ…
เรื่องอะไรกันล่ะน้องหลิน?นายเกือบจะเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของฐานสมุทรสีครามนี้แล้ว มีเรื่องอะไรให้อึดอัดใจล่ะ?
เมื่อเห็นหลินเฉิงเริ่มจะพูดถึงงานขึ้นมาผู้อาวุโสก็ถือเบียร์ไว้เฉยๆและถามกลับไป
ได้ยินดังนั้นหลินเฉิงก็ส่ายหน้าช้าๆและพูดด้วยเสียงดัง มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น แต่ในอีกไม่กี่วันนี้ ฉันจะออกจากที่นี่!
หา?นายพูดอะไรออกมาน่ะ!?
ออกจากฐานสมุทรสีคราม!?
ผู้อาวุโสฟ่างและเฉินฉีรีบมองหน้ากันก่อนจะถามด้วยเสียงอันดังเลย
ทำไม!?
มันมีหลายเหตุผลแต่ฉันยังบอกพวกนายไม่ได้อีกซักพัก ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม ฉันต้องไปหยางจิงเพื่อดูสถานการณ์บางอย่าง!
ดูสีหน้าของทั้งสองที่ดูตกใจสุดๆโดยเฉพาะผู้อาวุโสฟ่างนั้นดูจะเคร่งเครียดไปเลย หลินเฉิงนั้นทำได้แค่พูดช้าๆอีกครั้ง มันมีหลายเหตุผล แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ฉันต้องไปหยางจิงเพื่อที่จะดูอะไรบางอย่าง!
ได้ฟังหลินเฉิงอธิบายผู้อาวุโสฟ่างก็ยังคงงุนงงก่อนจะพูด แต่…แต่ ไม่ใช่ว่านายเองก็เพิ่งจะกลับมาหลังจากออกไปนานหรอกเหรอ? แล้วก็หลังจากที่จบสงครามกับด้านนอกนั่น นายน่ะจะไปที่ไหนก็ได้แล้วนะในฐานแห่งนี้ นายเลือกที่จะไม่อยู่ที่นี่แล้วไปยังหยางจิงโดยที่ไม่รู้ว่าที่จะนั่นมีที่ให้พวกคนเป็นอยู่ไหมน่ะเหรอ!?
ท่าที่ที่ดูร้อนใจของผู้อาวุโสฟ่างนั้นแสดงให้เห็นว่าเขากำลังเริ่มพูดอะไรไร้สาระแล้วหลินเฉิงรีบหยุดเขาไว้ก่อนและพูดดัก ฉันไปหยางจิงเพราะมีเรื่องที่สำคัญมากๆที่ต้องทำ อย่ามาว่าฉัน!
ในตอนนั้นเฉินฉีเองก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา แต่ถ้าฉันจำไม่ผิด หยางจิงกับที่นี่มันห่างกันเป็นพันๆกิโลเมตรเลยนะ? ต่อให้นายเคยเดินทางมาที่นี่ได้จากซงโจว แต่หลังจากช่วงเวลาแห่งการวิวัฒนาการ ข้างนอกนั่นมันอันตรายขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลยนี่? ถ้าเกิดนายกลับไปที่นั่น ฉันกลัวว่ามันจะไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อนน่ะสิ รู้แบบนี้ยังจะไปอีกเหรอ?
เฉินฉีที่ดูกังวลนั้นทำให้หลินเฉิงต้องโบกมือและพูด ฉันมีความคิดมากมายเกี่ยวกับวิธีไปอยู่แล้ว เพราะงั้นไม่ต้องกังวล
หลังจากที่พูดสิ่งนี้ออกไปหลินเฉิงก็กระดกเบียร์ไปอีกอึกใหญ่จากนั้นก็เช็ดเบียร์ที่มุมปากและพูดด้วยความรู้สึกบางอย่าง จริงๆตอนแรกฉันก็ไม่อยากไปจากที่นี่หรอก… งั้นก็ไม่ต้องไป!
ได้ยินแบบนั้นผู้อาวุโสฟ่างก็สั่นไปทั้งตัวและตะโกนขึ้นมาทันที
ฟังฉันก่อนสิ!ฉันกำลังรีบที่จะไปเจอเฒ่าฟาง เลยจะฝืนตัวเองให้มาจัดการเรื่องนี้ที่นี่ก่อน หลินเฉิงโบกมือช้าๆ แต่มันมีคำบางคำที่พวกนายน่าจะเคยได้ยิน ‘พลังอันยิ่งใหญ่ จะมาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง’ ถึงแม้ว่าฉันจะเคยดูถูกไอ้ประโยคนี้ด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจความหมายที่แท้จริงของมันแล้ว…
ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาดวงดาวสีฟ้านี้เริ่มจะกลายเป็นดวงดาวแห่งความตาย แต่ด้วยพลัง ณ ปัจจุบันของฉัน ฉันทำได้แค่ดูแลตัวเองเท่านั้น ฉันมั่นใจแล้วว่า ฉันสามารถอยู่อาศัยบนโลกที่กำลังเจอจุดจบนี้ได้! แต่ทว่าในชีวิตนี้ ก็ยังมีเรื่องที่ต้องให้ห่วงอยู่บ้าง สำหรับฉัน เงื่อนงำบางอย่างที่โผล่ขึ้นมา ซึ่งถูกขับเคลื่อนด้วยโอกาสและเหตุบังเอิญมากาย มันทำให้ฉันต้องออกไปเพื่อหาเงื่อนงำเพิ่มขึ้น… ได้ยินเช่นนี้เฉินฉีก็รีบเปลี่ยนสีหน้าและมองหลินเฉิงแบบไม่น่าเชื่อพร้อมกับถามด้วยเสียงอันดังทันที นายหมายถึงเงื่อนงำ—
ใช่!