บทที่ 550 สายลมและหมู่เมฆ
SC:บทที่550 สายลมและหมู่เมฆ
นายอาศัยอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?
หลังจากที่ตามหลินเฉิงเข้ามาแล้วหลินหยงเจี่ยนก็มองไปรอบๆบ้านนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มถามออกไป
ได้ยินเช่นนั้นหลินเฉิงผู้ที่กำลังขึ้นบันไดก็หยุดและขมวดคิ้วช้าๆก่อนจะหันมามอง มีอะไร? เขาถาม
ไม่..ไม่มี
เพราะว่าไม่เคยมีใครพาเขาไปที่อื่นมาก่อนหลินหยงเจี่ยนในตอนนั้นจึงเกรงกลัวหลินเฉิงมากๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายขมวดคิ้ว เขาจึงรีบโบกมือปัดไป
ดูเหมือนว่าหลินหยงจินจะมีความกังวลใจน้อยๆและหลินเฉิงเองก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร ชายคนนี้เป็นเพียงมือใหม่ที่เพิ่งได้พลังมาผู้ทึ่ซึ่งแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปนิดหน่อย มันเป็นเรื่องปกติสำหรับอีกฝ่ายที่จะต้องช็อคเมื่อเห็นศักยภาพของโคล่า เพราะงั้นเขาจึงไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นพวกใจเสาะ
คิดถึงเรื่องนี้หลินเฉิงก็ไม่เดินต่อ เขาเดินลงไปที่บันไดและบอกให้หลินหยงเจี่ยนนั่งลงก่อน หลังจากที่ส่งบุหรี่ให้อีกฝ่ายแล้วเขาก็พูดขึ้น ฉันจะบอกความจริงกับนายเลยนะ ก่อนที่วันสิ้นโลกจะมาถึงน่ะ พวกเราเองก็น่าจะอยู่ในสภาพเดียวกันนั่นแหละ ไม่สิ ฉันเดาว่าชีวิตนายน่าจะหรูกว่าฉันในตอนนั้นเสียด้วยซ้ำ! แต่พอหลังวันสิ้นโลก ฉันนั้นก็เริ่มเปลี่ยนแปลงนิสัยที่ไม่ดีของฉันออกไป นั่นคือ ไม่ว่าฉันจะไปที่ไหน ฉันก็มักจะหาบ้านแพงๆบ้านหรูเพื่อที่จะอยู่ที่นั่น ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยมาตลอดพร้อมคิดถึงช่วงก่อนที่จะถึงวันสิ้นโลกไปด้วย
ได้ยินดังนั้นหลินหยงเจี่ยนก็โล่งใจแต่เขาเองก็ไม่คาดคิดว่าหลินเฉิงจะอธิบายเรื่องนี้ด้วยความใจเย็นเช่นนั้น ดูเหมือนตัวเขาเองตามปกติแล้วก็คงจะเป็นคนนุ่มนวลคนหนึ่งเลย หลังจากที่สูบบุหรี่อยู่ที่ทางขึ้นบันไดหลินเฉิงก็ปรบมือเพื่อเรียกให้หลินหยงเจี่ยนรวมไปถึงโคล่าให้ขึ้นไปชั้นบน
เมื่อเห็นหลินเฉิงเดินขึ้นไปหลินหยงเจี่ยนก็ไม่กล้าที่จะชักช้า เขารีบโยนก้นบุหรี่ทิ้งและปัดก้นก่อนจะตามขึ้นไปเลย
หาที่นั่งก่อนฉันจะไปเตรียมอาหาร เราจะกินไปพร้อมกับเริ่มไปด้วย เดี๋ยวมันจะมืดเสียก่อน จะเสียเวลาไปกว่านี้ไม่ได้
พักใหญ่ๆพวกเขาก็เดินไปยังชั้นที่ 10 ที่ๆซึ่งหลินเฉิงอยู่และเปิดประตูเข้าไป เขาอธิบายหลินหยงเจี่ยนด้วยถ้อยคำนิดๆหน่อยๆจากนั้นก็เดินตรงไปยังห้องครัวและปิดประตูไว้เลยไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
ยืนอยู่ในห้องครั้วและคิดอยู่ครู่หนึ่งหลินเฉิงก็ดีดนิ้วและคิดออกว่าจะกินอะไรสำหรับเที่ยงนี้ดี!
ด้วยความชำนาญเขาหยิบหม้อและกะทะออกมาจากคลังแคปซูล เขาเอาเครื่องใช้ภายในครั้วออกมาวางบนเขียง จากนั้นก็เริ่มจะเอาพวกฟาสฟู้ดที่แช่แข็งไว้ออกมาจากคลังแคปซูลด้วย
คลังของแปซูลนั้นเป็นสถานที่ซึ่งทุกอย่างคงที่ในทางทฤษฏี ไม่ว่าจะเป็นอาหารแบบไหนที่ถูกเก็บเข้าไป มันจะไม่เน่าเสีย และมันมีค่ามากๆ เพราะว่าหลินเฉิงใช้มันเก็บอาหารต่างๆไว้มากมาย ซึ่งในสายตาคนอื่นๆมันไม่ได้มีค่าอะไรมาก อย่างเช่น เกี๊ยวแช่แข็ง หรือไม่ก็สิ่งต่างๆที่เอาไว้ต้มกิน
ท้ายสุดเขาก็เอาเตาแอลกอฮอลออกมาหลินเฉิงเทน้ำแร่ลงไปในหม้อที่จะใช้ทำหม้อไฟ จากนั้นก็จุดเตาแอลกอฮอลนั้น เมื่อน้ำเริ่มเดือด เขาก็เทถุงวัตถุดิบที่ใช้ทำหม้อไฟลงไปทันที หม้อไฟนี้มีสีสันขึ้นมาแล้ว กลิ้นหอมและรสชาติของมันก็พร้อมแล้วด้วย
หลังจากโยนลูกชิ้นที่แช่แข็งไว้ลงไปเนื้อวัวและเนื้อแกะก็ถูกเตรียมไว้ในครัวนั้น หลินเฉิงเดินออกไปพร้อมหม้อที่มีเนื้อกำลังต้มอยู่ เมื่อเห็นว่าหลินหยงเจี่ยนยังคงนั่งอยู่จากในครัว เขาก็หัวเราะเบาๆและตะโกนเรียก โอเคใกล้ได้เวลามื้อเที่ยงแล้ว!
หม้อไฟเหรอ!?
มองไปยังมือที่ถือหม้อร้อนๆพร้อมกลิ่นหอมที่มาจากทางที่หลินเฉิงเดินออกมาหลินหยงเจี่ยนก็มองตรงไปทันที เขาคิดว่าหลินเฉิงนั้นอย่างมากก็ชวนเขามากินแฮมกับไส้กรอก ไม่ได้คิดเลยว่าจะได้กินอะไรอย่างหม้อไฟเช่นนี้!
ฉันคิดไม่ถึงเลย!
ใบหน้าของหลินหยงเจี่ยนนั้นทำเอาหลินเฉิงอดที่จะหัวเราะไม่ได้แล้วก็พูดขึ้น จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้กินอะไรแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน ใจหนึ่งก็เพราะมันทำความสะอาดลำบาก อีกใจหนึ่งก็เพราะว่ามันมีวัตถุดิบจำกัด…
พูดเสร็จเขาก็วางหม้อลงไปบนโต๊ะหยิบตะเกียบขึ้นมาและคีบเนื้อเข้าปากไป จากนั้นสีหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความสุขเปี่ยมล้นออกมา! หลินหยงเจี่ยนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไปหลังเห็นหลินเฉิงมีความสุขอยู่กับตัวเองเป็นอย่างมากเขากำลังจะพูดแต่ก็เคาะไปที่ปากหม้อด้วยตะเกียบเสียก่อน นายรออะไรน่ะ? ลืมแล้วหรือไงว่าฉันพูดอะไรไป? รีบกินจะได้ไปทำอย่างอื่นต่อ! ในเวลาเดียวกันเขาก็ส่งตะเกียบอีกคู่ให้กับหลินหยงเจี่ยนด้วย
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงนั้นชวนให้เขามากินหม้อไฟนี่จริงๆหลินหยงเจี่ยนก็ไม่สามารถห้ามใจได้อีก เขารับตะเกียบมาและจัดการกินหม้อไฟตรงหน้าแบบแทบไม่เคี้ยวเลย!
กินช้าๆมันเผ็ดนิดๆหน่อยๆ เดี๋ยวจะสำลักเอา
เห็นหลินหยงเจี่ยนรีบกินราวกับเป็นผีที่ขาดของเซ่นไหว้มานานหลินเฉิงก็อดที่จะหัวเราะจนน้ำตาไหลไม่ได้ เขาหยิบเอาเบียร์ออกมา 2 ขวดจากใต้โต๊ะและยื่นให้อีกฝ่ายขวดหนึ่ง
ฮึ่มมมไม่มีปัญหา! มันอร่อยมากๆเลย!
ได้ยินหลินเฉิงเตือนแต่กระนั้นหลินหยงเจี่ยนก็ไม่ได้กินช้าลงเลย เขายังคงกินอาหารตรงหน้าอย่างดุเดือดในขณะเดียวกันก็ตอบไปยางคลุมเครือด้วย
อ่า…
ดูท่าคนตรงหน้าจะหิวจริงๆหลินเฉิงก็เลยเลิกที่จะชวนคุยและกลับไปคีบเนื้อมากินต่อแทน เขากินช้าๆพร้อมกับดื่มเบียร์ไปด้วย
20นาทีผ่านมา มันไม่มีเสียงอื่นๆบนโต๊ะอาหารเว้นเสียแต่เสียงเคี้ยวอาหารที่มีมาตั้งแต่ต้น โคล่าเองก็ต้องการที่จะกินด้วย แต่หลินเฉิงก็เตะมันออกไปทางชามข้าวสำหรับหมาก่อนและให้มันกินอาหารหมาให้หมด
ด้วยเสียง เคร้ง ของตะเกียบที่กระทบกับหม้อเหล็ก หลินเฉิงผู้ที่สูบบุหรี่ขณะดูแผนที่อยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองและพบว่าวัตถุดิบต่างๆที่แทบจะล้นหม้อนั้น ตอนนี้มันหมดเกลี้ยงไปแล้ว แม้แต่น้ำซุปและน้ำเปล่าเองก็เกือบจะหมดแล้วเช่นกัน
สหายนายจะกินแบบนี้ตลอดตอนหิวไม่ได้นะ นายจะตายเอาง่ายๆเลยนะ! เมื่อเห็นว่าอาหารทุกอย่างนั้นถูกจัดการโดยหลินหยงเจี่ยนเพียงผู้เดียวหลินเฉิงก็มองไปที่อีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่พูดไม่ออก เขามองอีกฝ่ายที่นั่งอืดหายใจพะงาบๆอยู่บนเก้าอี้อยู่ครู่หนึ่ง ถึงจะรู้สึกไม่ดีเล็กน้อยแต่ก็ทำได้แค่พูดบอกอีกฝ่ายไป
ได้ยินดังนั้นหลินหยงเจี่ยนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็เอ่ยขึ้นหลังจากที่หันมาด้วยความยากลำบาก ไม่เป็นไร! จริงๆแล้วฉันเองก็คิดถึงเรื่องนี้มานานแล้วล่ะ ตอนนี้ ถึงตายฉันก็พอใจแล้ว! เอาล่ะ ในเมื่อตอนนี้คำขอของฉันถูกเติมเต็มแล้ว มันก็ไม่มีอะไรคาใจอีกแล้ว ต่อไป ถึงตาฉันถามนายแล้วว่…
ไม่ต้องพูดก็รู้!
ฟังคำพูดของหลินหยงเจี่ยนหลินเฉิงก็มองและรีบพูดขึ้นมาก่อนเลย เราตกลงกันมาก่อนแล้ว ฉันจะเลี้ยงนายดีๆมื้อนึง แลกกับนายต้องบอกเกี่ยวกับสิ่งที่นายรู้ทุกอย่างมา รู้ทั้งรู้ทำไมถึงเอาเรื่องความเป็นความตายมาชิงพูดก่อนอีกน่ะ… มองหลินเฉิงที่ดูเหมือนเข้าใจเขาผิดหลินหยงเจี่ยนก็รีบโบกมือแล้วพูด นาย–เอิ๊ก!— ไม่ต้องกังวล ฉันจะค่อยๆพูด มื้อนี้น่ะ ถือเป็นมื้อที่ฉันพอใจที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ ที่รีบๆกินก็เพราะจะได้มีแรงในการตอบนายไง! เอาล่ะ ฉันจะบอกนาย เกี่ยวกับข้อมูลที่ฉันรู้ทุกอย่าง ข้อมูลที่ฉันสู้มาตลอดเพื่อให้ได้มันมาด้วยชีวิตถูกๆนี้!