บทที่ 574 กลิ่น
SC:บทที่574 กลิ่น
เพียงแค่เดินตามผอ.เหม็งไปอย่างช้าๆ หลินเฉิงก็สังเกตสถานการณ์รอบๆภายในแล็บที่อยู่ทั้งสองฝั่งทางไปด้วยพร้อมกับจดจบทุกอย่างไ้วในหัว
ถึงแม้ว่าจุดประสงค์ที่เข้ามาในนี้ตั้งแต่ต้นนั้นก็เพื่อหาร่องรอยของเฉินเจี่ยเจี้ยแต่หลังจากที่ได้คุยกับหลี่เฉิน เขาก็เข้าใจแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่เฉินเจี่ยเจี้ยจะอยู่ภายในสถาบันแห่งนี้ ชายคนนั้นถูกเก็บไปตั้งแต่ต้นเหมือนเป็นตะกร้าข้อมูลที่สำคัญ ในตอนนี้เขาน่าจะต้องหนาวเหน็บและถูกกักขังไว้อย่างลับๆเพื่อรอวันตายแน่ๆ
หลังจากที่เข้ามายังชั้นใต้ดินของสถาบันวิจัยได้แล้วโดยเฉพาะเมื่อได้เข้ามายังเส้นทางที่เต็มไปด้วยห้องกระจกตอนนี้ เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าเขาไม่จำเป็นต้องพยายามเพื่อหาตัวเฉินเจี่ยเจี้ยอีกแล้ว ตราบดก็ตามที่เขาปกปิดตัวตนอยู่อย่างนี้ เขาจะสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างเพียงพอแบบอัตโนมัติเลย
*ก็อกก็อก*
ในหัวของหลินเฉิงนั้นกำลังวางแผนที่จะทำต่อจากนี้แต่ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูจากตรงหน้า เมื่อมองตรงไปก็พบว่าผอ.เหม็ง ผู้ที่เดินอยู่ตรงหน้าเขานั้นก็ได้หยุดและยืนอยู่ตรงหน้าประตูกระจกฝ้าตรงหน้าและกำลังเคาะประตูนั้นอย่างหนักหน่วงอยู่
ผอ.เหม็งนั่นคุณเหรอ?
ทันทีที่เสียงเคาะประตูหยุดลงประตูกระจกฝ้านั้นก็เปิดออกทันที จากนั้นนักวิจัยวัยกลางคนทั้ง 3 ที่สวมโค้ทสีขาวก็ออกมายืนที่ประตู มองดดูผอ.เหม็งอย่างใจจดใจจ่อ
เขาพยักหน้าในตอนนี้ ผอ.เหม็งนั้นไม่มีความคิดที่จะพูดอะไรไร้สาระกับพวกเขา เธอพาหลินเฉิงเข้าไปในห้อง
ให้ฉันดูE001 หน่อย!
หลังจากเข้ามาในห้องแล้วผอ.เหม็งก็ไม่ได้หยุดเดิน เธอยังเดินตรงไปยังประตูเหล็กที่ปิดอยู่ซึ่งมันอยู่ด้านในสุดของห้อง ระหว่างที่เดินนั้นก็สั่งการแบบรวดเร็วด้วย
ได้ยินผอ.เหม็งสั่งการทั้งสามก็ไม่กล้าเมินเฉย เขารีบวิ่งไปที่ประตูเหล็กนั้นจากนั้น นักวิจัยหญิงคนหนึ่งก็หยิบเอากุญแจสีเงินขึ้นมาและเสียบเข้าไปที่รูกุญแจบริเวณมุมล่างขวาของประตูเหล็กนี้
*ติ๊ด*
*ครืน…*
เสียง*ติ๊ด* นั้นดังขึ้นก่อนที่ประตูจะเปิด เขายืนมองประตูเหล็กบานนั้นเปิดช่องว่างออกมาทีละนิดตรงหน้า ผอ.เหม็งก็เปิดประตูต่อเองและเดินเข้าไปด้านใน
หลินเฉิงนั้นตามผอ.เหม็งแบบใกล้ชิดตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้และในตอนนี้ หลังจากที่เห็น ผอ.เหม็งเข้าไปด้านใน พวกเขาก็ตามเข้าไปเช่นกัน ถึงแม้ว่านักวิจัยทั้ง 3 จะไม่รู้จักหลินเฉิง แต่เมื่อเห็นว่าเป็นคนที่ ผอ.เหม็งพาเข้ามาด้วยก็เลยไม่ได้คิดอะไรรวมถึงไม่กล้าถามอะไรมากด้วย พวกเขาเพียงแค่มองหลินเฉิงเดินเข้าไปยังห้องทดลองลับที่ซึ่งไม่เคยมีคนนอกเข้ามาถึงจุดนี้ได้นอกจาก ผอ.เหม็ง
ทันทีที่เขาเข้าไปภายในห้องที่ซึ่งห้อมล้อมด้วยกำแพงเหล็กและแสงริบหรี่หลินเฉิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมาในชั่วพริบตา!
กลิ่นที่คุ้นเคยวิ่งเข้ามาสัมผัสที่จมูกตั้งแต่ที่เข้ามาในห้องและเมื่อเขาได้กลิ่นนี้จิตใต้สำนึกของเขาก็แทบอยากจะสั่งให้นำดาบยาวออกมาตั้งการ์ดเลย!
มันจะเป็นกลิ่นของอย่างอื่นไปไม่ได้นี่คือกลิ่นที่พวกนักล่าระดับสูงปล่อยออกมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ก่อนหน้านี้มีเพียงโคล่าเท่านั้นที่ได้กลิ่นนี้ นั่นจึงทำให้โคล่าสามารถหาตัวนักล่าระดับสูงได้อย่างง่ายดาย
หลินเฉิงที่ได้รับยาเพิ่มสมรรถนะรูปแบบC เองก็เริ่มที่จะมีความสามารถนี้ตื่นขึ้นมาเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงได้กลิ่นของมันไปด้วย อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นที่พลังมันเพิ่งจะเริ่มตื่น เขานั้นยังคงวางใจโคล่าอยู่ซึ่งมันเชี่ยวชาญด้านนี้มากกว่า เขาปล่อยให้มันหาเหยื่อให้เขาในเวลานั้น
แต่กลิ่นในห้องนี้มันแรงมากๆแรงขนาดที่หลินเฉิงเองยังสามารถได้กลิ่นง่ายๆเลย และนี่ทำให้เขาสับสน เมื่อคิดตามกลิ่นที่ได้รับในห้องนี้แล้ว นักล่านั้นอาจจะเป็นได้ทั้งระดับ 2 และระดับ 3 เลยก็ได้ หรืออาจจะมีระดับ 3 หลายตัว หรือที่แย่สุดคือระดับที่สูงกว่านั้น แต่ถ้าเกิดมันมีนักล่าระดับสูงกว่าหลายตัว พวกนักวิจัยสามารถควบคุมมันได้ยังไงกันล่ะ?
ดูเหมือนว่าไอ้ตัวควบคุมสเถียรภาพนี่จะเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์สินะ…
เมื่อคิดถึงตัวควบคุมสเถียรภาพที่เหมือนจะเป็นตัวยาที่ผอ.เหม็งพูดถึงในบทสนทนาก่อนหน้ากับชายวัยกลางคนที่เข้ามารายงานสถานการณ์หลินเฉิงก็ขมวดคิ้วช้าๆ ก่อนจะรู้สึกว่าเขาประเมินพลังของนักวิจัยพวกนี้ต่ำไป!
กรรรรร!!
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดว่าจะเอายารักษาสเถียรภาพนั้นมาจากพวกนักวิจัยได้อย่างไร เสียงคำรามก็ดังกึกก้องมาจากด้านในที่ลึกสุด หลินเฉิงนั้นเลิกคิดถึงเรื่องอื่นก่อนเลย จากนั้นเขาก็รีบตามผอ.เหม็งเข้าไปยังจุดที่ได้ยินเสียงทันที
ที่นี่…
เมื่อเข้าใกล้มุมนั้นมากขึ้นหลินเฉิงก็มองไปอย่างใกล้ชิด จากนั้นเขาก็เห็นคนที่เกือบจะเหมือนกับร่างทดลองที่อยู่ด้านบนนั้น ในตอนนั้นมันถูกยึดติดไว้กับเตียงเหล็กกว้างพร้อมกับที่ล็อคเหล็กกล้าหลายตัว แขนลกขาของมันนั้นไม่ไหวติใดๆ มีเพียงหัวที่กำลังส่ายไปมาอย่างบ้าคลั่งเท่านั้น เขาเข้าไปดูมันใกล้อีกนิดหน่อย และทันใดนั้นเขี้ยวในปากของมันก็ออกมาเพื่อที่จะกัดเขา!
ถอยออกมา!อย่าเข้าไปใกล้มัน!
ผอ.เหม็งที่เห็นว่าหลินเฉิงนั้นเผลอแตะเตียงโดยไม่ทันระวังเธอก็รีบตะโกนบอกทันที!
อ๊ะข-ขอโทษ! ฉันแค่… หลังจากที่ถูกผอ.เหม็งดุแล้วหลินเฉิงก็บ่นเบาๆก่อนที่จะสังเกตสถานการณ์อย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็รีบถอยกลับไปพร้อมเอ่ยขอโทษขณะที่ถอยกลับไปด้วย
เธอมองท่าทีหวาดกลัวที่ปรากฏขึ้นของหลินเฉิงหลังโดนเธอดุไปจากนั้นก็ขมวดคิ้วช้าๆ เธอไม่ค่อยพอใจกับความกล้าของเขาเสียเท่าไหร่ แต่เพราะมีน้อยคนนักที่รู้เรื่องนี้ ทางที่ดี เธอจึงทำได้แค่คิดว่าตัวเองโชคไม่ดีไปแทน
ถึงแม้ว่าเราจะมีการใช้ยาควบคุมความสเถียรอย่างสม่ำเสมอแต่ร่างทดลองนี่ยังไงก็คือสัตว์ประหลาดวันยันค่ำ การฆ่าคือสัญชาติญาณของมัน ถ้านายสนใจเจ้าสิ่งนี้จริงๆ ฉันสามารถพานายไปยังแล็บชีวภาพเพื่อดูพวกมันดีๆหลังจบงานนี้ได้ แต่ตอนนี้ ฉันหวังว่านายจะควบคุมตัวเองได้ดีกว่านี้ ไม่งั้นนายได้พาตัวเองไปเจอปัญหาใหญ่เพราะความกระโตกกระตากของนายแน่ เข้าใจนะ?
เมื่ออธิบายให้หลินเฉิงฟังด้วยน้ำเสียงจริงจังแล้วเธอก็ไม่ได้ใส่ใจหลินเฉิงอีก กลับกัน เธอหันหน้ากลับไปถามนักวิจัยทั้ง 4 คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแทน นี่คือที่พวกนายพูดเหรอ? ที่ว่าร่างทดลองเกิดคุ้มคลั่งจนไม่สามารถควบคุมได้น่ะ?
เอ่อ…
ไม่…
ผ-ผมขอโทษครับผอ.เหม็ง!
หลังจากถูกผอ.เหม็งกวาดตามองอย่างเยือกเย็นแล้วนักวิจัยทั้ง 4 ก็รู้สึกหนาวขึ้นมาในใจ จากนั้นเขาก็รีบเตรียมที่จะอธิบาย หากแต่เธอนั้นไม่สนใจที่จะฟังพวกเขาอีกต่อไป ในตอนนี้เธอก็ได้ยินคำถามชุดใหญ่กลับไปอีกด้วย ฉันเข้าใจว่าร่างทดลองนี่บางครั้งก็เกิดคุ้มคลั่งขึ้นมาบ้าง พวกนายจะกลัวมันก็ได้แต่นายต้องเข้าใจด้วยว่าที่นี่ แล็บทดลอง ไม่ได้มีแค่พวกนาย อย่าลืมว่ามันยังมีคนอื่นอยู่อีก ถ้านายกลัวกันซะขนาดนี้ไม่ใช่ว่าคนอื่น…