บทที่ 547 รุ่งอรุณ
SC:บทที่547 รุ่งอรุณ
เพราะเหตุนั้นแล้วหลินเฉิงจึงเดาว่าหลินหยงเจี่ยนั้นน่าจะรู้ถึงเรื่องที่เฉินเจี่ยเจี้ยพูดและไปไล่ถามจากคนอื่นถึงรายละเอียดของสถานการณ์ต่างๆ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าคนๆนี้สามารถหาข้อมูลระดับนี้ได้จากไหนในฐานะไก่อ่อนเช่นนี้ แต่มันก็ชัดเจนว่าชายคนนี้รู้หลายอย่างเกี่ยวกับเฉินเจี่ยเจี้ยมากกว่าที่บอกเขาแน่ๆ!
อย่างไรก็ตามบางทีอาจจะเป็นเพราะหนทางกว่าที่จะมาถึงจุดนี้ได้ของเขานั้นมันโดนกดขี่มาโดยตลอด ซึ่งนั่นทำให้เขาประหลาดใจกับหลินหยงเจี่ยขึ้นมา ในสถานการณ์เช่นนี้ ในฐานะคนฉลาด หลินหยงเจี่ยนต้องเข้าใจแน่ๆว่าความรู้ที่เขาได้รับมาอย่างยากลำบากในหัวเขาซึ่งเกี่ยวกับเฉินเจี่ยเจี้ยนั้นคือสิ่งสำคัญที่ทำให้เขาสามารถมีชีวิตอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ตามธรรมชาติ เขาต้องไม่ยอมบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ง่ายๆอยู่แล้ว
หลังจากที่เดาความคิดของอีกฝ่ายไปพักใหญ่หลินเฉิงก็อดที่จะหัวเราะเบาๆไม่ได้ หลังจากที่ผ่านการฆ่าฟันมาอย่างเลือดเย็นตั้งแต่วันโลกาวินาศเริ่มต้นขึ้น และการที่เขาฝึกฝนและพัฒนาคนเองตั้งแต่ที่ถึงฐานสมุทรสีครามจนกระทั่งตอนนี้ เขากลายเป็นคนที่ไม่ทำร้ายคนอื่นแม้ความคิดจะไม่ลงรอยกันไปแล้ว นั่นเพราะเขาได้พบขึ้นมาอย่างกระทันหันว่า บางครั้งความรุนแรงก็ไม่ใช่ทางออกของทุกปัญหา ตั้งแต่ที่โลกอยู่ในสภาพนี้มา เขาต้องเจอกับเด็กหัวแข็งที่ชีวิตไม่มีความสุขและอยากตายมามากมาย เจอแบบนี้ไม่ช่วยได้เหรอ?
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเด็กหัวแข็งหรือความวุ่นวาย เขาไม่สามารถพูด ไม่ช่วย กับวัตถุดิบที่ต้องการอย่างเร่งด่วนได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดในใจของหลินเฉิงนั้นก็คือวัตถุดิบทั้งหมดสำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างเดียวเขาก็มีกว่า 10 ตันในคลังเก็บแคปซูลแล้ว!
เพียงแค่เอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมานิดหน่อยซึ่งตัวเขาเองก็กินยากอยู่แล้วบวกกับใช้พลังของเขาเป็นตัวยับยั้ง เขาสามารถเปลี่ยนของล้ำหน้าได้นับไม่ถ้วนเท่าที่ต้องการ โดยที่ไม่ต้องใช้มีด ปืน หรือการทรมาณเลย เพียงแค่ใช้ใจและเครื่องทุ่นแรงนิดหน่อยเท่านั้น!
ขอถามนอกเรื่องหน่อย…
เมื่อเห็นใบหน้าลังเลของหลินหยงเจี่ยนแล้วหลินเฉิงก็ไม่ได้เลือกที่จะถามต่อในเรื่องเดิม แต่ถามเป็นเรื่องอื่นแทน ฉันเพิ่งเห็นว่าพวกผู้รอดชีวิตในห้องพวกนั้นดูจะหิวกันมาก? แล้วนายล่ะ? ในเมื่อคนอื่นๆหิว ทำไมนายยังดูแข็งแรงได้เหมือนวัวหนุ่มกลัดมันเลย?
อ๋า?
ทันทีที่โดนหลินเฉิงถามเช่นนั้นหลินหยงเจี่ยนก็งุนงงไปเลย เขาเกาหลังหัวด้วยความตื่นเต้นก่อนจะอธิบาย นี่…นี่เป็นปัญหาด้านกายภาพของฉัน! ฉันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว กินมากเท่าผู้หญิง แต่ตราบใดที่กินก็จะแข็งแรงอยู่ตลอด ความจริงฉันน่าจะผอมลงจากเมื่อก่อนแล้ว ถ้านายเห็นรูปในบัตรนักศึุกษาของฉันล่ะก็นะ นายน่าจะเห็น
ฟังคำอธิบายของอีกฝ่ายหลินเฉิงก็หยิบบัตรนักศึกษาของเขาขึ้นมาดูอีกครั้งจริงๆด้วยความไม่เชื่อ
หลังจากมองด้วยความรอบคอบแล้วเขาก็พบว่าคนที่อยู่ในภาพนั้นดูแข็งแกร่งกว่าตอนนี้จริงๆ เพราะงั้นเข้าจึงไม่สามารถอดที่จะคิดได้ว่า บนโลกนี้มีอะไรแปลกๆอยู่เรื่อยเลย
หลังจากที่แก้ปัญหาที่ค้างคาอยู่ในจิตใจของเขาเสร็จแล้วหลินเฉิงก็เหลือบมองไปยังหลินหยงเจี่ยนด้วยความประหลาด จากนั้นก็เอ่ยขึ้น ลืมมันไป แต่นายเองก็คงจะไม่มีอาหารเพียงพอสำหรับระยะยาวสินะ?
ใช่ๆ!
ได้ยินดังนั้นหลินหยงเจี่ยนก็พยักหน้าแบบฝืนเขาไม่ได้อึดอัดหรือเขินอายอะไร เพราะพวกสัตว์ประหลาดที่แผลงฤทธิ์อยู่ข้างนอกนั่น หลังจากผ่านมากว่าครึ่งปี พวกเขามีอาหารลดลงๆเรื่อยๆ แต่ว่านั่นมันยังไม่ได้แย่นัก เพราะมันยังเพียงพอหากบริหารการกินกันดีๆ แต่เพราะวิธีนี้สุขภาพและความแข็งแกร่งของผู้รอดชีวิตคนอื่นๆจึงไม่ค่อยดีนัก พวกเขานั้นกินได้แค่กันไม่ให้ตัวเองเป็นผีเท่านั้น
เมื่อเห็นหลินหยงเจี่ยนพยักหน้าหลินเฉิงก็พยักหน้าด้วย ดี นี่เพิ่งจะเที่ยง จะเป็นยังไงถ้าฉันชวนพวกนายมากินข้าวเที่ยงด้วย? จริงๆก็ว่าจะบอกนายตรงๆนั่นแหละ ฉันสนใจเรื่องของเฉินเจี่ยเจี้ยมากๆ เพราะงั้นแล้วฉันหวังว่านายจะยอมบอกเรื่องนี้ระหว่างกินด้วยนะ แบบนี้เป็นไง?
จ-จริงเหรอ!?
ความตรงไปตรงมาของหลินเฉิงทำเอาหัวใจของหลินหยงเจี่ยเต้นแรงจนแทบจะกลายเป็นก้อนพายเลยสิ่งที่เขากลัวที่สุดนั้นก็คือ กลัวว่าอีกฝ่ายจะใช้กำลังเพื่อข่มขู่เขา เขายังคิดต่อด้วยว่า ถ้าหลินเฉิงทำแบบนั้นจริงๆเขาจะชิงฆ่าตัวตายก่อน! แต่อย่างไรก็ตามเขาพอกับชีวิตนี้แล้วไม่ว่าจะโดนกลุ่มอื่นมาฆ่าหรือตายเพราะอากาศเย็นระลอกสอง เขาปลงมันหมดแล้วทั้งสิ้น
แน่นอน!
มองนัยน์ตาของหลินหยงเจี่ยนที่เต้นเป็นไม้กลองหลินเฉิงก็พยักหน้านิดหน่อยด้วยความสนุกและพูด แต่สัญญาก่อนนะว่านายต้องให้ข้อมูลที่มีรายละเอียดเยอะที่สุดรวมถึงมันต้องเป็นความจริงด้วย!
ได้ยินดังนั้นหลินหยงเจี่ยนก็ยืนยันด้วยการตีอกตัวเองและให้คำมั่น รายละเอียดเป๊ะๆเลย! รวมไปถึงพานายไป ‘ตรวจสอบ’ ด้วย!
ตรวจสอบ?
หลินเฉิงที่กำลังจะลุกออกไปหยุดขาตัวเองไว้ก่อนเลยเขาจับไหล่อีกฝ่ายและตามด้วยเสียงเบา นายหมายถึง นายรู้เลยว่าเฉินเจี่ยเจี้ยอยู่ที่ไหนตอนนี้?
อั่ก—เจ็บนะ! ไหล่ของเขาถูกจับโดยมือที่แข็งเหมือนเหล็กกล้าของหลินเฉิงในทันทีแม้จะคิดว่าหลินเหยงเจี่ยนจะแข็งแรงมากๆ แต่เขาก็ไม่สามารถต้านความเจ็บปวดที่หัวไหล่นั้นได้ เพราะงั้นเขาจึงสั่นไปหมดและตะโกนออกมา
ขอโทษ!
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของหลินหยงเจี่ยนดูไม่ดีหลินเฉิงก็รีบปล่อยมือจากไหล่ของอีกฝ่ายและพยายามถามต่อเลย บอกฉัน นายรู้ใช่มั้ยว่าเขาอยู่ไหน!?
จะให้ฉันบอกยังไงล่ะ…
เห็นหลินเฉิงดูร้อนรนขนาดนั้นหลินหยงเจี่ยนก็ไม่กล้าที่จะถ่วงเวลา
เขาพูด ฉันได้ยินมาจากคนอื่นเกี่ยวกับสถาบันวิจัยที่เฉินเจี่ยเจี้ยทำงานอยู่ตอนนี้ แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาจะยังอยู่ที่นั่นหรือเปล่า ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็เคยไปที่นั่นแค่ครั้งเดียวก่อนวันโลกาวินาศจะมา ตัวฉันเองก็ไม่คิดว่าจะมีโอกาสที่จะได้ไปที่นั่นอีกในช่วงหลังวันสิ้นโลกเช่นนี้… ดีมาก!
ถึงแม้ว่าหลินหยงจี่จะรู้ถึงที่ตั้งของสถาบันวิจัยที่เฉินเจี่ยเจี้ยเคยทำงานอยู่แต่เขาก็ไม่รู้อะไรมากกว่านี้ แต่นี่ก็พอแล้วสำหรับหลินเฉิง สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดก็คือการต้องบินวนไปรอบเมืองแบบไม่มีจุดหมายเหมือนปลาหมึกที่ลอยไปวันๆ ตอนนี้จุดมุ่งหมายเขาชัดเจนแล้ว เขาต้องไปตามคำแนะนำนี้เพื่อหาพวกมันทั้งหมดให้ได้!
มากับฉันนายมีข้อมูลเยอะกว่าที่ฉันคิดซะอีก เพราะงั้นฉันตัดสินใจแล้วว่าจะเพิ่มเนื้อให้นายมากกว่าเดิมอีกในมื้อนี้!
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขาทันทีหลินเฉิงลูบหัวโคล่าก่อนจะโบกมือเรียนหลินหยงเจี่ยน
แต่หลินหยงเจี่ยนก็ไม่ได้ตามไปในทันทีเขาเพียงแต่ยืนอยู่ในจุดที่กำลังตัดสินใจ ถ้ายังไงฉันขอไปบอกเพื่อนๆของฉันก่อนได้ไหม? ไม่งั้นพวกเขาอาจจะคิดว่าฉัน…
ไปเลยให้ 5 นาที ถึงแม้ว่าหลินเฉิงจะรีบร้อนอยู่นิดๆหน่อยๆแต่เขาก็ไม่ได้แคร์มันมากขนาดนั้นและหยิบเอาบุหรี่ออกมาจากในกระเป๋าอย่างระมัดระวังก่อนจะจุดไฟและพยักหน้าให้อีกฝ่าย
หลินหยงเจี่ยนนั้นดีใจมากๆที่หลินเฉิงคุยง่ายกว่าที่เขาคิดแต่เขาก็รู้แหละว่าทำไมหลินเฉิงถึงสุภาพและทำดีต่อเขา นั่นก็เพราะว่าสิ่งที่อยู่ในหัวเขานั่นแหละ! ถ้าเขาไม่อยากจะถูกฆ่า เขาต้องระวังคำพูดและการกระทำและคำพูดให้ดี จะให้หลุดไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว!