บทที่ 591 ชิงหยา
SC:บทที่591 ชิงหยา
หลังจากที่เดินมากับหลินเฉิงพักหนึ่งเหม็งหยี่ก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธ รู้สึกดังนั้นเธอก็ไม่รอช้า หยิบบัตรโลหะสีดำขึ้นมาจากกระเป๋า มองไปรอบๆเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีใครมองมาที่พวกเธอก่อนจะสอดการ์ดเข้าไปที่ช่องด้านล่างที่จับประตู จากนั้นเธอก็รีบเข้าไปพร้อมหลินเฉิงทันที!
ทันทีที่เข้ามายังห้องนั้นหลินเฉิงก็รู้สึกได้ถึงความมืดมิดที่อยู่ตรงหน้า หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็เริ่มปรับสภาพได้ เขาพบว่าภายในห้องนั้นต่างกับแล็บอื่นๆ มันล้อมรอบไปด้วยกำแพงเหล็กสีดำ มีเพียงดวงไฟเล็กๆจากด้านบนที่ซึ่งส่องแสงแวบวับอยู่ และด้วยห้องที่รูปแบบแปลกๆนี้ เขาไม่สามารถมองเห็นนิ้วได้ครบ 5 นิ้วด้วยซ้ำ
นี่เธอจะพาฉันมาดูร่างทดลองหรือผีกันแน่? ด้วยตาที่เบิกโตนั้นมันมาพร้อมกับการบ่นอยู่หลายครั้งเกี่ยวกับห้องนี่
ในตอนที่หลินเฉิงกำลังบ่นเหม็งหยี่ก็พูดขึ้น นายคิดว่าฉันรักห้องนี้หรือไง? ถ้าไม่ใช่ว่า B001 นั้นแพ้แสงเราก็คงไม่ต้องสร้างห้องที่มืดขนาดนี้หรอก…
แล้วB001 ล่ะ?
เมื่อได้ยินว่าB001 เกลียดแสง หลินเฉิงก็ขมวดคิ้วก่อนจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจเกี่ยวกับความลึกลับของ B001 นี้
ไม่ต้องกังวลมันยังไม่อยู่ที่นี่ตอนนี้
เหม็งหยี่ส่ายหน้าก่อนจะก้าวเท้านำเมื่อเธอเดินไปถึงกำแพงที่ลึกที่สุดในห้อง เธอก็หยิบบัตรสีดำขึ้นมาและแตะไปที่ตรงหน้าเธออีกครั้ง เสียง *ติ๊ด* ดังขึ้นพร้อมกับประตูเหล็กที่กำแพงนั้นค่อยๆเปิดออกมา
น่าสนใจจริงๆ!
เมื่อเห็นประตูลับนั้นหลินเฉิงก็เข้าใจได้ทันทีว่าเหม็งหยี่นั้นไม่ได้หลอกเขา B001 นี้สำคัญมากๆ อย่างน้อยๆก็สำคัญกว่าร่างทดลองตัวอื่นที่ผ่านๆมา!
หลังจากที่เดินตามหลังเหม็งหยี่มาติดๆเมื่อเหม็งหยี่ซ่อนประตูด้านหลังเขา ความตื่นเต้นของหลินเฉิงก็ประทุขึ้นอีก เขาต้องการที่จะเห็นเจ้า B001 ที่ค่อนข้างจะลึกลับนี้ เขาก้าวเดินได้เพียง 2 ก้าว แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียง *ปัง!* และในจังหวะเดียวกัน หลินเฉิงก็รู้สึกปวดเข้าที่หัว มันชัดเจนเลยว่าเขากระแทกเข้ากับอะไรบางอย่าง!
ฉันบอกนายไปแล้วว่าให้เดินตามมาแบบติดๆเป็นไงล่ะ?
เสียงกระแทกอะไรบางอย่างที่มาจากด้านหลังของเธอนั้นทำให้เหม็งหยี่รีบหันกลับไปมองยังหลินเฉิง และเมื่อพบว่าเขากำลังกุมหัวไว้ด้วยมือที่ประสานกัน เธอก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาไปมา
เมื่อมองดีๆหลินเฉิงก็พบว่ามันมีกระจกที่ใสมากๆอยู่ตรงหน้าเขา และนั่นทำให้เขาเริ่มจะบ่นออกมาอีก ใครจะไปรู้ว่ามันมีกระจกอยู่ตรงนี้เล่า! เธอจะบ้าหรือไง? มันไม่มีทางเข้าไหนที่จะมีกระจกอยู่ถัดจากทางเข้าเพียง 2 ก้าวหรอกนะ! แล้วยิ่งในทีที่แสงน้อยแบบนี้อีก!
โฮ่ะๆ…
ในขณะที่หลินเฉิงและเหม็งหยี่กำลังเตรียมที่จะทะเลาะกันมันก็มีเสียงหัวเราะผสมผสานมากับทื่อและแหบพร่า ซึ่งเสียงนั้นดังมาจากจุดที่อยู่ด้านหลังกระจกนั้น เมื่อได้ยินเสียงดังกล่าว หลินเฉิงก็รีบส่งสัญญาณให้เหม็งหยี่หยุด จากนั้นเขาก็หรี่ตามองไปยังมุมที่ถูกทาสีดำไว้!
หือ!?
หลังจากปรับให้ความสามารถมองเห็นในที่มืดนั้นเข้าสู่ระดับสูงสุด หลินเฉิงก็สามารถมองเห็นสถานการณ์ ณ จุดนั้นได้ แต่เป็นเพราะนี่ หลังจากที่ได้ยินเสียง หัวใจของหลินเฉิงก็แทบจะหยุดลง และรีบวิ่งเข้าไปหาเหม็งหยี่ในทันทีเพื่อถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง บอกฉันว่านั่นใช่ร่างทดลอง B001 ที่เธอพูดถึงหรือเปล่า!?
ใช่…
มองปฏิกริยาของหลินเฉิงเหม็งหยี่ก็ทำได้แค่ยิ้ม ฉันรู้อยู่แล้วว่านายจะต้องแสดงปฏิกริยาแบบนี้ออกมา มันไม่ใช่แค่นาย แต่ทุกคนที่ได้เห็นต่างก็เป็นเหมือนนายหมดในตอนแรก…
แต่กระนั้นหลินเฉิงที่เพิ่งจะโดนตัดสินจากเหม็งหยี่เมื่อครู่ก็ไม่ได้อะไรนักเขาหันกลับไปจ้องมองยังจุดนั้นอีกครั้ง และเมื่อมั่นใจแล้วว่าเขามองไม่ผิด เขาก็อดไม่ได้ที่จะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจากกระเป๋าและจุดไฟ หลังจากที่สูบบุหรี่เพื่อให้จิตใจสงบไปแล้ว เขาก็ถามเหม็งหยี่อีกครั้ง ในเมื่อมันชื่อ B001 นั่นหมายถึงมันก็ถูกฉีด สารประกอบ X เข้าไปด้วยหรือเปล่า?
ใช่…
เธอพยักหน้าเป็นการยืนยันอีกครั้งจากนั้นก็พยายามทำให้หลินเฉิงนั้นใจเย็นลงและพูดกับเขา ฉันรู้ว่านายอยากจะถาม แต่ตอนนี้ฉันสามารถบอกนายได้แบบมั่นใจเลยว่า B001 นั้นเป็นแค่ ‘มนุษย์’ ที่ได้รับสารประกอบ X และอยู่รอดได้โดยไม่มีอาการติดเชื้อใดๆทั้งสิ้นเท่านั้น!
เป็นไปได้อย่างไรน่ะ…
ได้ฟังคำพูดของเหม็งหยี่หลินเฉิงก็รู้สึกว่านี่มันเป็นเรื่องไร้สาระขึ้นมาทันที จากวันแรกที่เขาเริ่มผจญภัยในวันสิ้นโลก เขาก็รู้ได้ทันทีว่ามนุษย์ที่โดนกัดโดยพวกนักล่าพวกนั้นหรือไม่ก็ซอมบี้ ไม่ว่าจะยังไงก็ตามยังไงก็จะติด เชื้อโรคแห่งวันสิ้นโลก กันหมด และจะมีจุดจบเพียง 2 อย่าง คือตายลง ณ ตรงนั้น หรือไม่ก็กลายเป็นซอมบี้ตัวใหม่!
ทฤษฏีนี้ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่ยอมรับหากแต่เป็นมนุษย์ทุกคนที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ในโลกใบนี้ แม้แต่ศาสตราจารย์ฟ่างซิ่วเฉิงเองก็เช่นกัน นั่นก็เพราะตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาหลังจากวันสิ้นโลกเกิดขึ้น มนุษย์มากมายนับไม่ถ้วนนั้นติดเชื้อเหล่านี้หลังจากถูกนักล่าเข้าโจมตี และไม่มีมนุษย์คนใดที่โดนนักล่ากัดไปแล้วจะไม่มีอาการใดๆทั้งสิ้นรวมถึงไม่ตายเช่นนี้!
แต่ตอนนี้B001 นั้นได้ฉีกทฤษฏีที่มนุษย์ทุกคนยอมรับกันทิ้งไปแล้ว หลินเฉิงนั้นสงสัยว่าเหม็งหยี่อาจจะโกหกเขาแต่เขาก็เลือกที่จะลืมความน่าจะเป็นทุกอย่างหลังจากที่ได้คิดถึงสิ่งนี้ การมีอยู่ของ B001 นั้นไม่เหมือนกับสิ่งที่เหม็งหยี่สร้างขึ้นมาเสียเท่าไหร่… เพราะหลังจากที่พวกกองทัพกับนักวิจัย 2 คนที่พบในแล็บชีวภาพนั้นได้คุยกันเรื่อง B001 มันชัดเจนเลยว่าการมีอยู่ของ B001 ไม่ได้มีแค่เหม็งหยี่ที่รู้ ในกรณีที่เธอกล้าที่จะโกหกเขามันคงจะเป็นไปได้ยากเว้นซะแต่ในหัวของเธอนั้นมีแต่น้ำจนไม่คิดให้ดีก่อนจะทำแล้ว
เธอคือใคร?
มองไปยังB001 ที่มุดตัวอยู่กับแขนของตัวเองที่มุมหองนั้นมีผมยาวสีดำสยายออกมาจากทั้งสองฝั่ง นอกนั้นก็ไม่เจออะไรที่ดูโดดเด่น หลินเฉิงสูดหายใจเข้าไปลึกๆก่อนจะเอ่ยถามกับเหม็งหยี่อีกครั้ง
เมื่อได้ยินหลินเฉิงถามเหม็งหยี่ก็กัดริมฝีปากตัวเองเบาๆก่อนจะเดินไปยังโต๊ะเหล็กที่อยู่ทางด้านซ้าย หยิบบัตรสีดำออกมาและมันก็ส่องสว่างขึ้นเมื่อวางบนโต๊ะ จากนั้นเสียง *กิ๊ก* ก็ดังขึ้นพร้อมๆกับลิ้นชักของโต๊ะก็เปิดออกมา
หลังจากที่คุ้ยลิ้นชักนั้นอยู่ครู่หนึ่งเหม็งหยี่ก็มาหาหลินเฉิงพร้อมกับชิ้นส่วนของเอกสาร เธอส่งมันให้เขาและพูด ดูด้วยตัวนายเอง
เขารับเอกสารนั้นมาจากเหม็งหยี่จากนั้นก็มองไปยังB001 ที่ยังคงอยู่ที่มุมห้องนั้นแล้วค่อยก้มลงมาอ่านเอกสารบางๆบนมือ
ชิงหยาเพศหญิง อายุ 19 ปี มหาวิทยาลัยหยานหนาน!?
ทันทีที่เห็นคำว่าชิงหยา จากมหาวิทยาลัยหยานหนาน โดยเฉพาะคำว่า นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยหยานหนาน หลินเฉิงก็ขมวดคิ้วและคิดกับตัวเอง ทำไมเขาถึงเจอกับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยหยานหนานที่กำลังโชคร้ายขนาดนี้ เขาส่ายหัวก่อนจะมองลงไปเรื่อยๆตามข้อมูลนั้นและพบว่าเธอยินยอมที่จะเป็นอาสาสมัครเพื่อจะเป็นร่างทดลองเองภายใต้รหัส B001 และเป็นของกลุ่ม A…
เนื้อหาบนกระดาษนั้นมีแค่นี้เขาส่งมันคือเหม็งหยี่จากนั้นก็เหยียบบุหรี่ที่สูบเสร็จแล้วก่อนจะเอ่ยถาม จากข้อมูลที่บันทึกนี่ เด็กสาวคนนี้ชื่อ ชิงหยา และเธออยากจะเป็นร่างทดลองด้วยตัวเอง? ทำไม? หรือว่าครอบครัวเธอขายเธอเพื่อเอาเงินไปซื้อข้าวซื้อน้ำกิน?