บทที่ 670. เรื่องราวที่ไม่ควรมีอยู่จริง (11)
[4 เมษายน – สถานีพอร์ทัล]
เรเชลมาถึงเกาหลีผ่านทางพอร์ทัลระหว่างประเทศ อีเวนเดลก็ตามมากับเธอด้วยเช่นกัน
เรเชลแต่งกายด้วยชุดธุรกิจธรรมดา แต่อีเวนเดลสวมหมวกและไม้เท้าของนักเวทย์ แฟชั่นของเธอประกาศอย่างชัดเจนว่า “ ฉันเป็นนักเวทย์!”
อาจเป็นเพราะเหตุนี้ ทุกคนถึงจ้องมองมาเมื่อพวกเขาออกจากช่องทางวีไอพี พลเมืองที่จำเรเชลได้เริ่มใช้สมาร์ทวอทชถ่ายรูป
แต่ก่อนที่พวกเขาจะถ่ายรูปได้มากกว่าหนึ่งหรือสองภาพ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของช่องแคบก็ปรากฏตัวขึ้น พวกเขานำเรเชลและอีเวนเดลไปยังรถลีมูซีนอย่างรวดเร็ว
“ เราหวังว่าคุณจะเดินทางอย่างปลอดภัยครับ”
“ขอบคุณ.”
เรเชลขึ้นรถลีมูซีนหลังจากได้รับคำทักทายอันอบอุ่นจากเจ้าหน้าที่ แต่เธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบกับใครบางคนในรถ
เรเชลถึงกับสะดุ้งเมื่อพบกับดวงตาของบุคคลนี้
จริงๆแล้วเธอคาดหวังว่ายูยอนฮาจะมาพบเธอ อย่างไรก็ตาม บุคคลนั้นคือ แชนายอน
“โย่ว”
แชนายอนพูดด้วยรอยยิ้ม เรเชลพยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไรมาก แต่อีเวนเดลสั่นเทาทันทีที่เธอเห็นแชนายอน
เธอเกือบจะมีอาการชัก
“ อีเวนเดล วันนี้เธอดูน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ”
แชนายอนมอบยิ้มอย่างน่าสะพรึงกลัวไปหาอีเวนเดล
“ ยังไงก็เถอะ มีสิ่งสำคัญที่ฉันต้องบอกเธอ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เรเชลหันไปมองอีเวนเดลและเห็นความลังเลของเธอ ขณะนั้นแชนายอนเอื้อมมือไปข้างหน้าและดึงข้อมือเล็ก ๆของอีเวนเดล
“ ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่ทำอะไรไม่ดี”
“อื้อออ!”
การต่อต้านของอีเวนเดลไม่ได้มีผลกับแชนายอน เมื่อจับอีเวนเดลด้วยความแข็งแกร่งเหนือธรรมชาติของเธอเอาไว้ แชนายอนจึงหันกลับไปพูดกับเรเชล
“ เธอได้รับจดหมายเชิญไปงานเลี้ยงใช่ไหม?”
เรเชลพยักหน้า
“ อย่าพาอีเวนเดลไปด้วย”
“… ?”
เรเชลเงยศีรษะของเธอ เหตุผลที่เธอพาอีเวนเดลมาที่เกาหลีไม่ใช่เพื่อไปที่แกนช่องแคบใต้ดิน แต่เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ท้ายที่สุด อีเวนเดลต้องการทรัพยากรทางการเงินในระดับที่สูงขึ้นเพื่อพัฒนาเวทมนตร์ของสัตว์วิเศษของเธอ
“ เราตัดสินใจลงทุนในฐานที่มั่นและค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยของอีเวนเดล ดังนั้นไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้”
แชนายอนพูดราวกับว่าเธอรู้ว่าเรเชลกังวลอะไร
แต่ในเวลานั้น จู่ ๆ แชนายอนก็ชี้ไปที่เท้าของเรเชล
“ เดี๋ยวก่อน นกตัวนั้น มันมาจากที่ไหน?”
สายตาของเรเชลมองติดตามแชนายอนและลงมาบนเท้าของเธอ นกนอนตัวหนึ่งนอนหลับสนิทเหมือนงูกำลังขดตัว
‘เขาตามฉันมาตลอดทางเลยหรอ?’ เรเชลยิ้มอย่างแผ่วเบาและตอบ
“ นี่คือสปาร์ตัน”
“ …โอ้ สปาร์ตันใช่ไหม?”
“อื้ม”
“ เธอพบเขาที่ไหน เขาดูเหมือนนกอินทรี”
“ ฉันไม่แน่ใจ แต่ฉันก็อยากรู้ อีเวนเดลก็เช่นกัน”
“… ?”
เรเชลจ้องมองสปาร์ตันด้วยสายตาอ่อนโยน เมื่อมองดูเขาเธอรู้สึกถึงความอบอุ่นลึกลับจากใจของเธอ เธอก็ไม่แน่ใจว่าทำไม แต่เธอก็ไม่ได้เกลียดมัน ในความเป็นจริงความรู้สึกนี้ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและสบายใจเกือบเหมือนการพบของมีค่าที่หายไป
“ …คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?”
แชนายอนขมวดคิ้วขณะที่เธอมองไปมาระหว่างสปาร์ตันกับเรเชล อย่างไรก็ตาม เรเชลไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม
อีเวนเดลคว้าสปาร์ตันขึ้นมาและกอดเขาไว้ในอ้อมแขนของเธอ
“สปาร์ตัน ระวังตัวเอาไว้….”
“ เธอพูดอะไร เขาไม่มีอะไรต้องกังวล เธอต้องการให้ฉันกอดเธอแน่นขึ้นไหม?”
“ อ๊ะ ไม่ ไม่!”
**
ผมนั่งลงในเทือกเขาแอลป์สวิส ฉากที่ผมเห็นในภาพยนตร์นั้นสวยงามกว่าที่ผมจินตนาการไว้เสียอีก ผมแทบไม่สามารถละสายตาไปจากทิวทัศน์นี้ได้
เทือกเขาเผยให้เห็นธรรมชาติที่ชัดเจนกว่าที่อื่นใดในโลก ผมเรียกสถานที่แห่งนี้ว่าบ้านมาเป็นเวลาสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ท่ามกล่างท้องฟ้า ทุ่งหญ้าเขียวขจีและภูเขาหิมะสีขาว
ผมสร้างกระท่อมเล็ก ๆ สำหรับตัวเองที่นี่ด้วยความช่วยเหลือของอีเธอร์ แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่อีเธอร์ก็ทำให้กว้างขวางพอสำหรับคนคนหนึ่งที่จะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสะดวกสบาย
ผมเริ่มเดินทางไปทั่วเทือกเขาแอลป์โดยใช้กระท่อมนี้ที่ปลายหน้าผาเป็นฐานบ้านของตัวเอง ผมพบสมุนไพรมากมายเพื่อบันทึกเอาไว้ และทุก ๆ วันผมจะสร้างเม็ดยาออกมาและเก็บไว้ในขวด
เมื่อผมใช้เวลามากขึ้นเเบบนี้ จำนวนผู้ที่พบกระท่อมของผมก็เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว นักเดินทางไกล ศิลปินศิลปะการต่อสู้หรือนักสำรวจ
ตอนแรกพวกเขาเพียงมองกระท่อมจากระยะไกลเท่านั้น แต่หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งเดือนกลุ่มผู้กล้ากลุ่มหนึ่งก็เคาะประตูห้องของผมในที่สุด
ผมเปิดประตูและทักทายพวกเขา พวกเขาได้รับบาดเจ็บขณะปีนเขา มีใครคนหนึ่งถูกงูพิษกัดตอนนี้เนื้อร้ายกำลังลุกลามขาของเขา อีกคนมีอาการแย่ กระดูกไหล่ของเขาแหลกละเอียด
ในขณะที่พูดคุยกับพวกเขา ผมแนะนำตัวเองว่าเป็น ‘เภสัชกร’ พวกเขาขอความช่วยเหลือและผมก็ให้ยาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
วันรุ่งขึ้น พวกเขาก็ออกจากกระท่อมและหายดีแล้วเป็นที่เรียบร้อย
หลังจากนั้น ข่าวลือเกี่ยวกับเภสัชกรบนหน้าผาแห่งจุดจบได้แพร่กระจายออกไป
แต่มีผู้เข้าชมไม่มากนัก การมาที่นี่ค่อนข้างอันตราย … พวกเขาหลายคนอาจยอมแพ้ในการเดินทาง
“ …มันจะช่วยให้คุณดีขึ้น”
อย่างไรก็ตาม เด็กน้อยมาเยี่ยมผมวันนี้ เด็กคนนี้มีความฝันที่จะเป็นฮีโร่ เขาบอกผมว่าน้องสาวของเขาป่วย เมื่อผมถามว่าอาการของเธอคืออะไร เขาบอกว่ามันเป็นมะเร็งกระดูกออสทีโอซาร์โคมาซึ่งเป็นมะเร็งชนิดหนึ่งที่ผลิตกระดูกอ่อนผิดปกติ
ผมให้ยาเม็ดแก่เขาเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็ง ยาเม็ดนี้มีชื่อว่าสัมผัสเมฆา เมื่อกินเข้าไป พลังเวทย์มนตร์ภายในเม็ดจะวิ่งผ่านหลอดเลือดดำและกำจัดเซลล์มะเร็งทั้งหมด
“ขอบคุณมากครับ!”
เด็กคนนั้นพูดขอบคุณในภาษาเกาหลีและจากไป
เขาให้กริชเล่มหนึ่งแก่ผมเพื่อจ่ายค่ายาด้วย เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสมบัติที่สืบทอดมาในครอบครัวของเขา ผมเก็บมันไว้ในที่เก็บของตัวเองโดยไม่ได้ตรวจสอบอะไร
สำหรับบันทึก ผมกำลังคิดเกี่ยวกับหนึ่งพันล้านวอนซึ่งจะเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับยาทั้งหมดที่ผมผลิตขึ้นมา แม้ว่าผมจะไม่เคยขอค่าชดเชย แต่มีข่าวลือแปลก ๆ แพร่กระจายว่า “เภสัชกรบนหน้าผาแห่งจุดจบรับสิ่งมีค่าเป็นของตอบแทน”
ผู้ป่วยที่มาเยือนผมเป็นครั้งคราวมักจะร่ำรวย โดยธรรมชาติแล้ว ของมีค่าของพวกเขามีราคาแพงอย่างน่าทึ่ง
“เฮ้อ….”
ไม่ว่าในกรณีใดๆ ผมก็กลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้ง ผมถอนหายใจและมองออกไปนอกหน้าต่าง
ทิวทัศน์ของเทือกเขาแอลป์นั้นสวยงามเช่นเคย อย่างไรก็ตาม ผมค่อยๆคุ้นเคยกับความงามนี้
ในที่สุด หนึ่งปีจะผ่านไป จากนั้นก็สอง สาม …
ถ้าเช่นนั้นผมจะทำอะไรต่อ?
ผมจะค้นหาอะไรในชีวิต?
ความรู้สึกท้อแท้โผล่ขึ้นมาอย่างฉับพลัน ผมเปิดสมาร์ตวอทช์ของตัวเอง หลังจากตรวจสอบฟอรัมชุมชนทั่วไป ผมก็เข้าห้องจัดเลี้ยงสีม่วง ด้วยเวลาที่มีอยู่มากมายในมือการท่องอินเทอร์เน็ตกลายเป็นกิจวัตรที่เต็มไปด้วยความสุขของผม
[คุณคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่จะมีคนแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มวีไอพี?]
[มันจะง่ายกว่าถ้าคุณซื้อตั๋วด้วยเงิน … ]
ห้องจัดเลี้ยงสีม่วงเต็มไปด้วยโพสต์เกี่ยวกับปาร์ตี้วีไอพีที่ยูยอนฮากำลังเป็นเจ้าภาพ คนที่พยายามสร้างจดหมายเชิญปลอม คนที่พยายามซื้อจดหมายเชิญ คนที่กำลังคาดเดาว่ามันจะมีค่าใช้จ่ายมากแค่ไหนในการเป็นแขกรับเชิญจากผู้รับเชิญ ฯลฯ …
“…เฮ้อออ”
เมื่อมองดูสิ่งนี้ทำให้ผมผิดหวังมากยิ่งขึ้น ถ้าผมสามารถเข้าร่วมปาร์ตี้นี้ … หากพวกเขาเห็นหน้าผม… พวกเขาจะจำผมได้ไหมนะ
… ณ ตอนนี้ มันเป็นเพียงความหวังผิดเท่านั้น
ผมจะไม่สามารถพูดอะไรต่อหน้าพวกเขาได้ และพวกเขาก็ไม่สามารถจดจำผมได้เช่นกัน
สิ่งที่ผมต้องทำมันชัดเจนอยู่แล้ว
ผมต้อง “ลืม” เหมือนพวกเขา
ก็อก ก็อก-
“หืม?”
ผมได้ยินเสียงเคาะประตู การมีผู้มาเยือนมากกว่าหนึ่งคนต่อวันนั้นผิดปกติ