ตอนที่ 12 จอมปลอม
“ชเยศ ขอโทษนะ ตอนนั้นฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ” เทคนิค การแสดงของจิดาภาไม่ต้องพูดถึงเลย เธอพูดออกมาแค่สองสาม ประโยค น้ำตาแห่งการไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ไหลรินออกมาจาก หางตาทั้งสองข้างของเธอ
ชเยศขมวดคิ้ว มองเธออย่างดุร้ายโกรธเคืองและซักถามอย่างจิก กัด “งั้นยัยพี่นัฏนั่นเป็นอะไร ถ้าไม่มีคำสั่งจากเธอยัยนั่นจะกล้ามา ทำแบบนี้กับฉันรีไง”
“ชเยศ เธอมาสงสัยฉันตอนนี้เหรอ ไม่นึกเลยว่าเธอจะไม่เชื่อใจฉัน งั้นฉันไปดีกว่า!”
จิดาภากัดริมฝีปากล่างแน่น เดินออกไปจากห้องทำงานของชเยศ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
แต่เธอถ้าไปแล้ว ใครจะมาเป็นแพะรับบาปแทนชนิศาล่ะ
พอจิดาภาพูดคำว่าจะไปแล้ว ชเยศก็รีบไปยืนขวางอยู่ข้างหน้า เธอด้วยท่าทางที่เหมือนจะจริงใจมาก “ฉันไม่ได้ไม่เชื่อเธอ! ฉันแค่ รีบร้อนเกินไปหน่อย! ตอนนี้ฉันต้องการความช่วยเหลือจากเธอ เธอ จะช่วยฉันใช่มั้ย
“ฉันต้องทำยังไงถึงจะช่วยเธอได้หล่ะ” เธอน้ำตาไหลพรากมองไป ชเยศ แล้วถามออกมาอย่างลังเลทันที
“ที่จริงเรื่องนี้มันง่ายมากเลยนะ” ชเยศดึงข้อมือของเธอแน่น “เธอก็แค่ไปอธิบายให้พวกผู้ถือหุ้นกับพวกผู้กำกับฟังว่าเรื่องทั้งหมดนี้ เธอทำเพราะอยากจะกลับมาเข้าวงการอีกครั้ง แค่นี้ปัญหาทุกอย่าง ก็คลี่คลายได้แล้วล่ะ!”
..เหรอ” จิดาภาฝืนยิ้มออกมา ในใจเธอก็รู้อยู่แล้วว่าเขาพุ่งเป้า มาที่เธอมาโดยตลอด เขาต้องการล้างมลทิน ให้ชนิศากลับมาใส สะอาดอีกครั้ง
กลัวเธอจะรู้อะไร ชเยศยืนกล่าวสาบานตรงหน้าเธอ “ภา ที่ฉันทำ ทุกอย่างนี้ก็เพื่ออนาคตของพวกเรานะ ถ้าบริษัทไม่เจริญละก็ ฉัน จะมีหน้าไปขอลูกสาวตระกูลวีรภัทรเมธีได้ยังไง ภาวางใจเถอะนะ รอให้เรื่องนี้ผ่านไปได้ด้วยดีแล้วฉันจะแต่งงานกับเธอทันที!”
ฉากตรงหน้าของจิดาภาช่างน่าขำสิ้นดี ทำไมเมื่อก่อนเธอโง่เขลา จนทำให้คำพวกพูดนั้นลวงตาเธอได้แบบนั้นนะ
จิดาภาพยักหน้าช้าๆ “ฉันยอมเธอก็ได้ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย
แล้วนะ”
“อืม ฉันจะรีบส่งคนไปจัดการทันที เธอพักอยู่ที่นี่ก่อนนะ ห้ามไป ไหนนะ” ชเยศกำชับเธอไว้สองสามประโยคจากนั้นก็ก้าวเท้าเร็วๆ เดินจากไปพร้อมกับผู้ช่วย
ในห้องทำงานที่กว้างขวาง จิดาภานำผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาอย่าง
ประณีต ตอนที่เพิ่งเช็ดคราบน้ำตาเสร็จ คนขับรถก็ผลักประตูห้องเข้ามา “คุณจิดาภาครับ คุณชเยศให้ผมพาคุณไปพักผ่อนที่โรงแรมครับ
เขาจัดการธระ ก็เสร็จจะไปหาคุณอีกทีครับ”
“เหรอคะ”
เขาจะต้องรีบไปบอกข่าวด่วนกับชนิศาอย่างแน่นอน
“ไม่เป็นไรค่ะ ให้เขาจัดการธุระไป เดี่ยวฉัน..”
จิดาภายังพูดไม่จบ คนขับรถก็พูดแทรกขึ้นมาขัดจังหวะ “ความ หมายของคุณชเยศก็คือ จะให้ผมพาคุณไปที่โรงแรมให้ได้น่ะครับ”
จิดาภาเข้าใจสถานการณ์ดี (3เยศแค่อยากหาคนมาเฝ้าเธอ แต่ว่า แผนของเธอทำสำเร็จไปนานแล้ว ถึงชเยศจะส่งคนมาเฝ้าหรือไม่ก็ ช่าง เพราะว่าเธอญาติดีกับพวกเขาอีกเป็นแน่ และก็จะไม่ยอมตก เป็นแพะรับบาปแทนพวกเขาอีก!
“ได้งั้นฉันไปรอเขาที่โรงแรมก็ได้”
พยายามที่จะเก็บอารมณ์ไว้ในสายตา จิดาภาจับกระเป๋าในมือ แน่น เธอเดินตามคนขับรถออกจากบริษัทs. jโดยแสร้งทำเหมือนกับ
ว่าเชื่อฟังคำพูดของชเยศ
รถที่ตามหลังรถของพวกเขามาตลอดคือรถของจิรภาสที่จิรภาส ขับเอง เขาวางใจให้จิดาภาจัดการเรื่องของเธอเองได้ แต่ก็ต้อง
รับรองความปลอดภัยของเธอด้วย
จิดาภาเห็นคนขับรถมองกระจกมองหลังหลายรอบ เธอจึงเปิด
หน้าต่างรถแล้วชะโงกไปดู
เธอเห็นป้ายทะเบียนรถคันนั้นก็รู้ทันทีว่าเป็นรถของใคร เธอจึงยิ้มมุมปากเล็กน้อย ทางเลือกของเธอทำให้ตัวเธอสบายใจมาก
จิดาภาเดินเข้าไปในโรงแรม ตอนที่คนขับรถกำลังเพิ่งกับการ เข้าไปในลิฟต์ พี่นัฏก็สวมหมวกแก้ปลิ้นเป็นเดินเข้ามา จากนั้น ก็ถอดหมวกออก ยิ้มแล้วพูดว่า “ชเยศน่าจะส่งคนมาเฝ้าเธอให้ มากกว่านี้หน่อยนะ”
“พี่นัฏ!” จิดาภาทั้งรู้สึกประทับใจและรู้สึกผิด “พี่ต้องลำบากเพราะ ฉันเลย”
“อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้สิ แล้วขั้นตอนต่อไปเราจะทำ ยังไง ดูเหมือนว่าชเยศคงไม่ปล่อยให้เธอเป็นอิสระแล้วแน่ๆ” พี่นัฏ กำลังวิเคราะห์
“ไม่เป็นไรหรอก ภามีพี่นัฏคอยช่วย และก็ยังมี…ยังไงก็ต้อง ตอบแทนให้พวกเขาอย่างสาสม” อยู่ดีๆ จิดาภาก็นึกถึงจิรภาสขึ้น มา มุมปากของเธอก็กระตุกขึ้นมาเล็กน้อย
พี่นัฏเห็นท่าทีของเธอก็เอียงคอแล้วเอ่ยถาม “รอยยิ้มของภาแบบ นี้แปลกจริง หรือว่ามีใครอีกคนคอยช่วยภาอยู่เบื้องหลังน่ะ!”