Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน – ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 35 เข้าสู่เกาะราชันย์เหยี่ยน

ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 35 เข้าสู่เกาะราชันย์เหยี่ยน

ตงป๋อเสวี่ยอิงรับปากอย่างสุขใจ จักรพรรดิวายุทิพย์ก็ยินดีจนล้นใจ แล้วเริ่มอธิบายแผนการของเขาโดยละเอียด

“เข้าใจแล้ว”

“ข้าเข้าใจแล้ว จักรพรรดิวางใจได้เต็มที่” ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังไปพลางพยักหน้าไปพลาง

จักรพรรดิวายุทิพย์เล่าแผนการให้ฟังรอบหนึ่ง จากนั้นก็กำชับว่า “สุดท้ายพี่หิมะเหินก็เก็บงำกลิ่นอายและแปลงโฉมเสียจะดีที่สุด ชื่อเสียงของท่านแพร่ไปในหมู่ผู้แกร่งกล้าที่แท้จริงของเผ่าชนพื้นเมืองแล้ว แม้ภายในเผ่ามรณะทมิฬจะมีการส่งสารภายในที่เชื่องช้ามาก แต่ถึงอย่างไรราชันย์เหยี่ยนก็เป็นหนึ่งในสิบสามราชันย์ ทั้งยังเป็นผู้ที่มีลูกมือมากที่สุดในบรรดาสิบสามราชันย์ด้วย เมื่อเทียบกันแล้ว ข่าวสารของเขาก็น่าจะค่อนข้างฉับไว อาจจะเคยได้ยินเรื่องของท่านมาบ้าง หากเขาจำท่านได้ในทันทีและเตรียมพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็จะยุ่งยากแล้ว!”

“ได้ เขาจะต้องจำข้ามิได้แน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงมั่นใจในตนเองเต็มเปี่ยม นับตั้งแต่คิดค้นท่าไม้ตายที่หนึ่งของเขตลวงโลกเทียมขึ้นมาได้ วิธีการปลอมแปลงกลิ่นอายของเขาก็ยิ่งสูงส่งลึกล้ำมากขึ้น ถึงขั้นที่ตนเป็นส่วนหนึ่งของเขตลวง วิธีการแปลงกายของเขา ก็เรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในดินแดนจิตโลกาเชนกัน

“ข้าเตรียมตัวไว้เล็กน้อยแล้ว พรุ่งนี้ก็สามารถออกเดินทางได้! ดีหรือไม่” นัยน์ตาทั้งสองของจักรพรรดิวายุทิพย์เป็นประกาย

“ข้าสามารถเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลา” ตงป๋อเสวี่ยอิงโพล่งออกมา

……

วันต่อมา

จักรพรรดิวายุทิพย์ก็พาแม่ทัพเทพทั้งห้าและตงป๋อเสวี่ยอิงออกเดินทางมุ่งหน้าไปยัง ‘เกาะราชันย์เหยี่ยน’ แม่ทัพเทพใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิวายุทิพย์มีน้อยเกินไปแล้ว ทั้งหมดเพียงแปดคนเท่านั้น! แม่ทัพเทพห้าคนที่เลือกมา นับได้ว่าเป็นผู้ที่มีพลังรบร้ายกาจที่สุดในจำนวนนั้นแล้ว จักรพรรดิเทพวายุทิพย์ก็ใช้ผลประโยชน์บางอย่างหรือไม่ก็ใช้บุญคุณมาล่อลวง ทำให้แม่ทัพเทพที่แข็งแกร่งบางคนยินยอมอุทิศตนเพื่อเขาได้

“เกาะราชันย์เหยี่ยน ถึงแล้ว”

หลังจากเคลื่อนที่ในพริบตา

จักรพรรดิวายุทิพย์ ตงป๋อเสวี่ยอิงและคนอื่นๆ รวมเจ็ดคนก็ยืนอยู่กลางอากาศ พลางมองดูเกาะลอยคว้างขนาดมหึมาที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก เหนือเกาะลอยคว้างมีกลิ่นอายดำมืดอันเยียบเย็นปกคลุมอยู่ ความใหญ่โตของเกาะแห่งนี้…ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบตกใจ เนื่องจากเป็นเกาะลอยคว้างที่ใหญ่โตที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา!

“หลังเข้าไปในเกาะราชันย์เหยี่ยนแล้ว ทั้งหมดก็ทำตามแผน” จักรพรรดิวายุทิพย์เอ่ยปาก แล้วมองแม่ทัพเทพใต้บังคับบัญชาทั้งห้าแวบหนึ่ง “พวกเราจะล้มเหลวไม่ได้ หากล้มเหลวครั้งหนึ่งแล้วเปิดเผยตัวตนของจ้าวหิมะเหินออกมา ทำให้ราชันย์เหยี่ยนระวังตัวขึ้นมา ครั้งหน้าต่อให้เชิญจ้าวหิมะเหินมาช่วยอีก ก็เกรงว่าคงยากที่จะทำสำเร็จได้แล้ว”

“องค์จักรพรรดิโปรดวางใจ”

“ทุกอย่างฟังบัญชาจากองค์จักรพรรดิ” ที่ผ่านมา แม่ทัพเทพทั้งห้าต่างก็ไม่เป็นโล้เป็นพายนัก แต่ยามนี้พวกเขาต่างก็เข้าใจถึงความสำคัญ ‘สมบัติล้ำค่า’ ที่จักรพรรดิวายุทิพย์ตั้งตารอคอยมานานแสนนาน เนื่องจากความรุ่งโรจน์ของจ้าวหิมะเหิน ครั้งนี้เขามีหวังจะได้มามากที่สุดแล้ว! หากล้มเหลว จักรพรรดิวายุทิพย์จะต้องโกรธจนแทบคลั่งอย่างแน่นอน

จักรพรรดิวายุทิพย์มองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง “อีกประเดี๋ยวก็ต้องพึ่งพี่หิมะเหินแล้ว”

“การต่อสู้หลักๆ ก็ยังขึ้นอยู่กับจักรพรรดิและแม่ทัพเทพทุกท่านอยู่ดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ

“หากไม่มีจ้าวหิมะเหิน พวกเรามาก็ต้องถูกผลักไสออกไป”

“มีจ้าวหิมะเหินอยู่ พวกเราถึงมั่นใจ”

แม่ทัพเทพทั้งห้าผลัดกันเอ่ยปากเมื่ออยู่ต่อหน้าจ้าวหิมะเหินผู้นี้ พวกเขาก็ไม่มีความหยิ่งผยองเลยแม้แต่น้อย ผู้ที่สามารถอาศัย ‘เส้นทางวิญญาณ’ มาจนถึงดินแดนจิตโลกาและหุบเขาเขี้ยวหักได้ ก็ย่อมต้องเป็นผู้แกร่งกล้าระดับยอดสุดอย่างไร้ข้อกังขา อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ต่อให้เป็นห้ายอดเคารพก็ยังต้องเหลียวแล! เพราะเมื่อเทียบกับวิธีการต่างๆ เช่นทางด้านกายหยาบแล้ว วิญญาณต่างหากจึงจะเป็นแก่นหลักของชีวิตอย่างแท้จริง!

“เคลื่อนไหว” จักรพรรดิวายุทิพย์พูดเสียงเบา

สวบๆๆๆๆๆๆ!!!!!

พวกเขาทั้งเจ็ดถลาลงไปเบื้องล่างแล้วตรงเข้าสู่เกาะราชันย์เหยี่ยน และได้สัมผัสกับกลิ่นอายดำมืดอันเยียบเย็นเหนือเกาะราชันย์เหยี่ยน เมื่อร่างกายสัมผัสเข้าไป ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ถึงกับบ่นอุบออกมาอย่างมิอาจควบคุมได้ นั่นเป็นความรู้สึกหนาวยะเยือกที่แทรกซึมเข้าไปทั่วทุกอณูของร่างกาย กายหยาบของเขาแข็งแกร่งพอแล้ว แต่ก็ยังคงรู้สึกว่าไม่ค่อยสบายนัก

“ไม่เสียทีที่เป็นเกาะราชันย์เหยี่ยน คงจะจัดอยู่ในสิบอันดับแรกของทั้งหุบเขาเขี้ยวหักได้กระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบคิด “เกาะระดับนี้มีโอกาสและผลประโยชน์แฝงเอาไว้มากมายยิ่งนัก แต่อันตรายก็ใหญ่หลวงมากเช่นกัน ในประวัติศาสตร์ของดินแดนจิตโลกา ไม่เคยมีผู้ใดสามารถแทรกซึมเข้าไปได้อย่างแท้จริง”

ในบรรดาสิบสามราชันย์ หากพูดถึงพลังแล้ว นับได้ว่าราชันย์เหยี่ยนเป็นระดับกลางๆ แต่หากพูดถึงขุมอำนาจกลับเป็นที่หนึ่ง! ผู้แกร่งกล้าใต้บังคับบัญชามีมากที่สุด! อาศัยยอดฝีมือใต้บังคับบัญชากลุ่มใหญ่ เกาะลอยคว้างที่ครอบครองแห่งหนึ่งก็มีสมบัติล้ำค่ามากมายยิ่งนัก ขณะเดียวกันก็มีการเตรียมการที่แน่นหนาอย่างยิ่ง เมื่อเข้าไป ไม่นานนักก็จะถูกจับได้ ด้วยพลังของผู้บำเพ็ญดินแดนจิตโลกา แม้แต่การป้องกันชั้นนอกสุด พวกจักรพรรดิเซี่ยก็ยังมิอาจทำลายได้

เมื่อทะลุผ่านกลิ่นอายดำมืดที่ราวกับหมอกพิศวง อากาศก็เปลี่ยนแปลงไป แล้วตัวพวกเขาก็ร่อนลงบนเกาะ

พืชพรรณบนเกาะราชันย์เหยี่ยนเป็นสีดำทั้งหมด ดูบิดเบี้ยวและแปลกประหลาดนัก!

“มุ่งหน้าไป”

จักรพรรดิวายุทิพย์ปลดปล่อยระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างออกมาปกคลุมพวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งหกคนเอาไว้โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ก่อนจะแปรเป็นลมอันไร้รูปร่าง ทะยานไปเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว

รวดเร็วเกินไปแล้ว! ความเร็วระดับจอมกระบี่นั้น มิอาจเทียบกับจักรพรรดิวายุทิพย์ได้เลย!

“ความเร็วนี่ช่าง…” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบอ้าปากค้าง ไม่เสียทีที่เป็นจักรพรรดิวายุทิพย์ ความเร็วของเขานับได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งหรือสองในบรรดาจักรพรรดิทั้งแปดแห่งเผ่าชนพื้นเมืองเลยทีเดียว ทว่าคู่ต่อสู้ในครั้งนี้อย่าง ‘ราชันย์เหยี่ยน’ ก็มีความเร็วเป็นอันดับหนึ่งหรือสองในบรรดาสิบสามราชันย์ด้วยเช่นเดียวกัน

พวกเขาทั้งเจ็ดคนถูกลมกลุ่มหนึ่งโอบล้อมเอาไว้

ลมกลุ่มนี้ คล้ายจะทะลุผ่านป่ามาโดยมิได้ถูกขัดขวางแต่อย่างใด

“มีผู้บุกรุก” การป้องกันของเกาะราชันย์เหยี่ยนแน่นหนายิ่งนัก พวกจักรพรรดิวายุทิพย์และตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งเจ็ดคนเกาะราชันย์เหยี่ยนเพิ่งจะเข้ามาได้ไม่กี่ชั่วลมหายใจ ก็ถูกทหารรักษาการณ์คนหนึ่งพบเข้าเสียแล้ว

“ผู้อาวุโส พบผู้บุกรุกขอรับ” ทหารรักษาการณ์รายงานขึ้นไป

……

พวกเขาถูกลมกลุ่มหนึ่งห่อหุ้มเอาไว้ ขณะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงจนน่าเหลือเชื่อ รวดเร็วเสียจนตงป๋อเสวี่ยอิงแทบจะมองเห็นภาพรอบด้านได้ไม่ชัดเจนแล้ว ทำได้เพียงอาศัยบริเวณตรวจสอบรอบด้านเท่านั้น

นี่คือพลังของจักรพรรดิ! เมื่อจักรพรรดิวายุทิพย์ที่มีชื่อเสียงด้านความเร็วปะทุพลังออกมาอย่างสิ้นเชิง ระดับอ๋องก็มองได้ไม่ชัดเลยจริงๆ!

“ตู้มมม…”

ระลอกคลื่นอันน่าหวาดหวั่นร่อนลงมา กระแสลมปะทุและโหมซัด ทำให้ต้นไม้ใหญ่ต้นแล้วต้นเล่าถูกทำลายจนแหลกละเอียด ทำให้บริเวณสิบล้านลี้รอบด้านถูกลูกหลงไปด้วย

ยักษ์ร่างสูงตระหง่านที่มีเกล็ดเต็มร่างยืนอยู่ตรงนั้น กุมค้อนเล่มมหึมาเอาไว้ในมือ ต้นไม้ทั่วๆ ไปสูงเพียงระดับเข่าของเขาเท่านั้น ยักษ์มีเกล็ดตนนี้อ้าปาก เผยให้เห็นฟันคมกริบเต็มปาก มุมปากเขายกยิ้ม พลางเปล่งเสียงหัวเราะดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วฟ้าดิน เสียงหัวเราะม้วนตัวราวกับเกลียวคลื่น ทำเอาฟ้าดินรอบด้านสั่นสะท้านไปหมด “ฮ่าฮ่าฮ่า นี่มิใช่จักรพรรดิวายุทิพย์หรอกหรือ ครั้งก่อนถูกพวกเราโจมตีเสียจนต้องหนีไปอย่างน่าอนาถ ไยความจำจึงสั้นนัก มาหาเรื่องอีกแล้วหรือ ข้าขอเตือนให้เจ้ารีบถอยกลับไปเสีย มิเช่นนั้นแล้วไม่ต้องให้บรรพชนเหยี่ยนของข้าลงมือหรอก ข้าและผู้อาวุโสทั้งกลุ่มจะโจมตีให้พวกเจ้าต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปเลย ข้าจำได้ว่าครั้งก่อนก้นเจ้าถูกพี่น้องของข้าถีบเข้าไปเต็มแรงเลยนี่ ฮ่าฮ่าฮ่า…”

ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นเข้าก็ลอบตกใจ

ยักษ์มีเกล็ดตนนี้ น่าจะเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ทำหน้าที่รักษาการณ์รอบนอกของเกาะราชันย์เหยี่ยน! หากพูดถึงพลังแล้ว รู้สึกว่าจะแข็งแกร่งกว่า ‘จักรพรรดิ’ ผู้นั้นที่ตนได้พบตอนมายังเกาะลอยคว้างแห่งแรกในหุบเขาเขี้ยวหักอยู่บ้าง ทว่าก็เป็นเรื่องปกตินัก เพราะถึงอย่างไรก็เป็นผู้อาวุโสใต้บังคับบัญชาของ ‘ราชันย์เหยี่ยน’ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบสามราชันย์

“บังอาจ!”

“โอหัง!”

ทันใดนั้นก็มีแม่ทัพเทพตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว!

ในบรรดาแม่ทัพเทพทั้งห้าที่จักรพรรดิวายุทิพย์พามาด้วยนั้น มีอยู่คนหนึ่งที่อ้าปากสำรอกออกมาทันที ตู้ม…

เปลวเพลิงสีดำแกมม่วงพลันถูกพ่นออกมา โหมซัดและหอบม้วนฟ้าดินเอาไว้ เมื่อต้นไม้รอบด้านปะทะถูกเปลวเพลิงนี้ก็พลันถูกแผดเผาจนกลายเป็นความว่างเปล่าไปในทันที เปลวเพลิงก็ปกคลุมผู้อาวุโสผู้นั้นเอาไว้ ยักษ์มีเกล็ดตนนั้นกวัดแกว่งค้อนมหึมาในมือด้วยความโมโหทันทีแต่เปลวเพลิงอันไร้รูปร่างได้โอบล้อมมันเอาไว้ก่อนแล้ว ก่อนจะแผดเผาเสียจนยักษ์มีเกล็ดต้องร้องคำรามออกมาด้วยความโมโห

“ให้พวกเจ้าไสหัวไป ก็ไม่ยอมไป เช่นนั้นก็คอยดูเถิด!” ยักษ์มีเกล็ดก็มิได้คิดว่า ลำพังแค่อาศัยผู้อาวุโสอย่างเขาคนหนึ่งก็ประมือกับจักรพรรดิวายุทิพย์ได้แล้ว เพียงแต่เดิมทีเขาคิดว่าจะข่มขู่ให้จักรพรรดิวายุทิพย์ผู้นี้ไสหัวไปเสีย! ในประวัติศาสตร์ แม้จักรพรรดิวายุทิพย์จะบุกมาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ต้องพ่ายแพ้จนจากไปในท้ายที่สุด

ยักษ์มีเกล็ดเคลื่อนที่ในพริบตาคราหนึ่งแล้วก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

……

ในเผ่าชนพื้นเมือง มีกฎเกณฑ์อันเข้มงวด

แต่ภายในเผ่ามรณะทมิฬกลับหย่อนกว่ามากทีเดียว ต่อให้เป็น ‘ราชันย์เหยี่ยน’ ซึ่งมีผู้แกร่งกล้าใต้บังคับบัญชาจำนวนมากที่สุดในบรรดาสิบสามราชันย์ ผู้อาวุโสใต้บังคับบัญชาทั้งหมด ไม่ว่าคนใดก็สามารถพบเขาได้โดยตรง

วังราชันย์เหยี่ยน

เป็นวังที่เลียนแบบการก่อสร้างวังของชนพื้นเมือง ที่สร้างแนบกับเทือกเขาอันสูงตระหง่าน ดูยิ่งใหญ่นัก

“ฟิ้ว”

ยักษ์มีเกล็ดเข้าไปในวัง แล้วสาวเท้าก้าวใหญ่ ไม่นานนักก็มาถึงโถงตำหนักมหึมาอันเยียบเย็นแห่งหนึ่ง เพียงแวบเดียวก็เห็นว่าบนเตียงหินหยกใสอันเย็นเยียบดุจน้ำแข็งในตำหนัก มีราชันย์เหยี่ยนนั่งขัดสมาธิอยู่! ราชันย์เหยี่ยนตัวเล็กจนออกจะผอมแห้งอยู่บ้าง ทั้งร่างมีแผ่นเกล็ดปกคลุมเอาไว้ชั้นหนึ่ง และมีปีกที่เต็มไปด้วยเกล็ดคู่หนึ่งด้วย มันนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหินหยกใสเช่นนั้น กรงเล็บคมกริบคู่หนึ่งพาดอยู่บนตัก เขาค้อมตัวก้มหลังลงเล็กน้อย ปีกหุ้มเกล็ดก็บดบังร่างกายกว่าครึ่งเอาไว้ เขาหลับตาลงราวกับกำลังอยู่ในห้วงนิทรา

“บรรพชนเหยี่ยน จักรพรรดิวายุทิพย์ผู้นั้นมาอีกแล้ว!” ยักษ์มีเกล็ดเข้าไปในโถงตำหนัก เสียงตะโกนดังก้องไปทั่ว ทำเอาทั้งโถงตำหนักสั่นสะท้านน้อยๆ

…………………………………….

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

Status: Ongoing
ในแคว้นอันหยางสิงแห่งชนเผ่าเซี่ย
มีดินแดนใต้อาณัติแห่งหนึ่งที่แสนจะเล็กและไม่สะดุดตา นามว่า ‘แดนอินทรีหิมะ’ เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจากที่แห่งนี้ เมื่ออายุได้แปดปี บุพการีทั้งสองถูกพรากไปต่อหน้าต่อตา เขายอมทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยบุคคลอันเป็นที่รักกลับมา ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนอย่างหนักวันแล้ววันเล่า หรือการผจญกับเหล่าสัตว์มารแสนอันตราย ล้วนมิอาจทำลายปณิธานอันแรงกล้านี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท