บทที่ 1003 ข้าก็ช่วยคนตายไม่ได้เช่นกัน
ผ่านไปสองปี ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ได้พบหน้าหรงเจียหลัวอีกครั้ง ทว่าเกือบจะจำเขาไม่ได้แล้ว!
เด็กหนุ่มที่เคยหล่อเหลาไร้ใดเทียม บัดนี้หน้าเขียวปากคล้ำ เบ้าตาลึกโหล อาภรณ์บนร่างถูกทึ้งจนขาดรุ่งริ่ง แทบจะปกปิดร่างกายไม่ได้
เขาถูกโซ่เหล็กมัดขึงไว้บนเตียงอย่างแน่นหนา กระดุกกระดิกไม่ได้สักนิด
แต่ดวงตาสองข้างกลับเบิกกว้าง หากมิใช่โซ่เหล็กรัดรึงเขาไว้ คงจะกระโดดขึ้นมาฉีกทิ้งผู้คนแล้ว
นิ้วมือกู้ซีจิ่วกำแน่นทันที หรงเจียหลัวกลายเป็นผีดิบอย่างสมบูรณ์แล้ว! ไม่รู้ว่ายังมีสติสัมปชัญญะของตนอยู่หรือไม่..
สายตาของตี้ฝูอีที่อยู่ข้างกายเธอก็ตกลงบนร่างของหรงเจียหลัวเช่นกัน ม่านตาหดตัวเล็กน้อย!
หลงซือเย่ก็ขมวดคิ้วทันทีเช่นกัน!
หรงเช่อที่อยู่ด้านข้างถอนหายใจพลางเอ่ยขึ้นว่า “เสด็จพี่ไม่มีสติแล้ว พบสิ่งใดกัดสิ่งนั้น องครักษ์ก็ถูกเขากัดตายไปหลายคนแล้ว ต่อให้สกัดจุดก็ควบคุมไว้ไม่ได้ ข้าทำได้เพียงใช้วิธีนี้…เจ้าสำนักหลงตรวจหน่อยเถิดว่าหนทางรักษาหรือไม่?”
หลงซือเย่เม้มริมฝีปากบาง ก้าวเข้าไป จับชีพจรหรงเจียหลัวที่ถูกมัดไว้ตรงนั้น
หรงเจียหลัวได้กลิ่นอายของคนเป็น จึงครางฮือๆ ออกมา มือพยายามไขว่คว้าอุตลุดสุดชีวิต ด้วยถูกมัดไว้จะทำอย่างไรก็คว้าไม่ถึงตัวคน
เมื่อหลงซือเย่จับชีพจรเขาเสร็จ ก็พลิกเปลือกตาเขาดู ก่อนแตะชีพจรตรงคอเขา
จิ้งจอกดำกลั้นหายใจมอง และไม่กล้าหายใจแรงเลย
ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดหลงซือเย่ก็ยืดกายขึ้น หรงเช่อรีบถามทันที “เจ้าสำนักหลง เสด็จพี่ยังมีททางช่วยเหลือหรือไม่?”
หลงซือเย่ส่ายหน้านิดๆ “พิษที่เขาถูกเป็นพิษชนิดพิเศษ พิษชนิดนี้ข้าไม่อาจหาวิธีแก้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ และหัวใจของเขาก็หยุดเต้นแล้ว เดิมทีตายไปเรียบร้อย ยามนี้เพียงถูกพิษควบคุมให้ตอบสนองไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น”
เบื้องหน้าจิ้งจอกดำพลันมืดมิด เกือบจะเป็นลมไปแล้ว!
หลงซือเย่คือความสุดท้ายในการรักษาองค์รัชทายาท หากแม้แต่เขาก็ไม่มีวิธีเช่นกัน เช่นนั้นองค์รัชทายาทมิใช่ต้องสิ้นชีพแน่นอนหรอกหรือ?!
เขาคุกเข่าลงตรงหน้าหลงซือเย่เสียงดังตึง “เจ้าสำนักหลง บางที…บางทีอาจยังมีวิธีอื่นอยู่ ท่าน…ท่านช่วยตรวจอีกหนเถิด องค์รัชทายาทของพวกเราไม่อาจสิ้นชีพได้…” ทั้งยังโขกศีรษะอยู่ตรงนั้นเสียงดังปึกๆ
หลงซือเย่ส่ายหน้าถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ข้าก็ช่วยคนตายไม่ได้เช่นกัน…พวกเจ้าเตรียมจัดพิธีให้เขาเถอะ”
เขามองออกว่าพิษที่หรงเจียหลัวโดนคือเชื้อผีดิบ เชื้อชนิดนี้คือสิ่งที่กำลังถูกศึกษาค้นคว้าในสถาบันวิจัยชีวเคมีขั้นสูงของยุคปัจจุบัน
เท่าที่เขารู้ ผู้ที่เขาเรียกว่าพ่อคนนั้นคืออัจฉริยะผู้บุกเบิกการศึกค้นคว้าเชื้อชนิดนี้ และใกล้จะสำเร็จแล้ว ต่อมาจู่ๆ นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นก็หายตัวไป…
จวบจนวินาทีที่หลงซีตาย เขาก็ไม่รู้ว่าสรุปแล้วหลงฟั่นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคนนั้นเป็นหรือตาย
จนกระทั่งหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมาได้พบหุ่นชุดม่วงที่สวมรอยเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวนั้น ถึงได้ทราบจากกู้ซีจิ่วว่าหลงฟั่นก็คือปรมาจารย์กู่คนนั้น และข้ามมิติมายุคนี้ด้วยเช่นกัน ซ้ำยังก่อภัยพิบัติใหญ่หลวงขึ้น…
ดูเหมือนที่ตี้ฝูอีพูดไว้จะไม่ผิด หลงฟั่นยังมีชีวิตอยู่ แถมยังสร้างเรื่องก่อกวนอีก ผู้บงการอยู่เบื้องหลังในครั้งนี้มีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนว่าจะเป็นเขา…
ถึงแม้หลงซือเย่จะอยู่บนเขา แต่ยังคงรับรู้ข่าวสารได้ฉับไวยิ่ง เพียงแต่เขาคร้านจะใส่ใจมาโดยตลอดเท่านั้น
บัดนี้เมื่อเห็นหรงเจียหลัวเป็นเช่นนี้ ต่อให้เขาไม่อยากเผชิญหน้าเพียงใดก็คงทำไม่ได้แล้ว
พิษชนิดนี้เขายังไม่เคยประสบพบพานมาก่อน จะเอาอะไรไปรักษา?
หากหรงเจียหลัวยังมีลมหายใจหัวใจเต้น เขายังสามารถค่อยๆ ทดลองดูได้ แต่หรงเจียหลัวในยามนี้เห็นได้ชัดว่าสังขารสิ้นชีพไปแล้ว และสิ่งสุดท้ายที่ไวรัสชนิดนี้เข้าโจมตีก็คือสมอง ทำให้คนเกิดอาการสมองตาย เหลือไว้เพียงร่างกายที่ถูกบังคับให้เคลื่อนไหวไปตามความต้องการของเชื้อไวรัส
————————————————————————————-
บทที่ 1004 แม่นางกู้ ขอฝากทุกอย่างไว้ด้วย!
ใบหน้าหล่อเหลาของหรงเช่อเศร้าหมอง “ที่แท้เจ้าสำนักหลงก็ไม่มีวิธีเช่นกัน”
“ขออภัยด้วย” หลงซือเย่กล่าว “เขาเป็นเช่นนี้เกรงว่าไม่อาจประกอบพิธีฝังศพได้ จะต้องหักคอเขา ไม่ให้เขาไปทำร้ายผู้อื่นได้อีก”
หรงเช่อกำหมัด “เสด็จพี่น่าเวทนามากพอแล้ว องค์ชายอย่างข้าจะหักใจหัก…หักคอเขาได้อย่างไร?”
หลงซือเย่กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ข้าบอกไปแล้วไง อันที่จริงเขาตายไปนานแล้ว เป็นเพียงพิษอันโหดร้ายที่ควบคุมเขาไว้เท่านั้น พิษชนิดนี้จะถ่ายทอดผ่านการกัดและข่วนของผู้ป่วย เมื่อเวลาเกรงว่าจะเกิดภัยร้ายขึ้น หากท่านหักใจไม่ลง ข้าจัดการให้ก็ได้” เขาเป็นหมอ ย่อมไม่ยอมหลงเหลือรากเหง้าแห่งหายนะเช่นนี้ไว้เด็ดขาด ทำได้เพียงสังหารเพื่อตัดปัญหาที่จะตามในภายหลัง
จิ้งจอกดำโง่งมไปแล้ว!
เขาทึ่มทื่ออยู่ครู่หนึ่งค่อยกระโดดผลุงขึ้นมา ปกป้องอยู่หน้าเตียงของหรงเจียหลัวอย่างควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ตะเบ็งเสียงจนหน้ำหน้าแดง “ผู้ใดก็อย่าหมายจะได้ทำร้ายองค์รัชทายาท!”
หลงซือเย่ไม่พูดอะไร เพียงมองหรงเช่อแวบหนึ่ง
ท้ายที่สุดหรงเช่อยังคงมีสติเข้าใจเหตุผลอยู่ ถอนหายใจยาวๆ เฮือกหนึ่ง “จิ้งจอกดำ หลีกทางเถอะ บัดนี้เขามิใช่องค์รัชทายาทแล้ว เป็นเพียงซากพิษร่างหนึ่ง คาดว่าเสด็จพี่รัชทายาทที่อยู่ในปรโลกก็คงไม่อยากเห็นสังขารตนถูกพิษควบคุมจนไปทำร้ายผู้อื่นเช่นกัน…ยังคง…ยังคงต้องขอให้เจ้าสำนักหลงช่วยปลดปล่อยเขาอย่างสมบูรณ์ด้วยเถิด”
จิ้งจอกดำน้ำตาไหลอาบหน้า เขายังคงซื่อสัตย์ภักดีต่อผู้เป็นนายอยู่ ทว่ายามนี้ไม่มีหนทางแล้ว เมื่อทึ่มทื่ออยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง ก็เปิดทางให้ ก้าวหลบไปด้วยร่างกายที่ส่ายโงนเงน
หลงซือเย่ก้าวเข้าไป หลุบตามองหรงเจียหลัวที่อยู่บนเตียง ถอนหายใจเบาๆ “องค์รัชทายาท ข้าจะปลดปล่อยท่านแล้ว” ขณะที่กำลังจะลงมือ จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็ส่งเสียงขึ้นมา “ช้าก่อน!”
หลงซือเย่หยุดการเคลื่อนไหว เหลียวมองเธอ กู้ซีจิ่วสูดลมหายใจเข้าไปเล็กน้อย ก้าวเข้าไปสองก้าว “หางตาเขามีน้ำตา บางทีสมองอาจยังไม่ตาย ข้ามองเห็น”
หลงซือเย่หลุบตามองแวบหนึ่ง เห็นว่าตรงหางตาของหรงเจียหลัวมีคราบน้ำตาอยู่จริงๆ…
เขาขมวดคิ้วนิดๆ “คราบน้ำตาไม่อาจแสดงให้เห็นสิ่งใดได้…”
กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้นว่า “ข้าเห็นว่าคราบน้ำตานี้ของเขาคล้ายเพิ่งหลั่งออกมาไม่นาน ตรงจอนผมเขายังค่อนข้างชื้นอยู่ บางทีเขาอาจหลงเหลือสติสัมปชัญญะอยู่บ้าง ไม่แน่อาจยังมีทางช่วยอยู่…”
หลงซือเย่กล่าวด้วยเสียงหนัก “ซีจิ่ว ข้าและเจ้าล้วนทราบดี ผู้ที่ถูกพิษชนิดนี้โดยทั่วไปไม่มีหนทางช่วยเหลือแล้ว…พวกเราไม่มียาแก้ ต่อให้เขายังมีสติครบถ้วนก็ยังไม่แน่ว่าจะมีวิธีช่วยชีวิตเขา นับประสาอะไรกับเขาที่ใกล้เข้าขั้นสมองตายแล้วแบบนี้ บางทีน้ำตาของเขาอาจไหลออกมาตามสัญชาตญาณภายใต้การควบคุมของพิษก็ได้”
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเฮือกหนึ่ง “ถ้าเขายังมีสติอยู่ ไม่แน่ข้าอาจช่วยชีวิตเขาได้ ข้ามีหนทางรักษาพิษผีดิบชนิดนี้”
หลงซือเย่นิ่งงัน
หรงเช่อที่อยู่ด้านข้างก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจเช่นกัน
มุมปากตี้ฝูอีหยักเป็นรอยยิ้มบางๆ แวบหนึ่ง เขารู้ว่าเสี่ยวซีจิ่วของเขาทำให้ผู้อื่นประหลาดใจได้เสมอ!
จิ้งจอกดำที่สูญเสียจิตวิญญาณไปแล้วปานถูกฉีดด้วยเลือดไก่ ดวงตาเปล่งประกายทันที!
เขาถลาเข้ามาอีกครั้ง โขกศีรษะให้หลงซือเย่กับหรงหรงเช่อในทันใด “เจ้าสำนักหลง องค์ชายแปด ให้แม่นางกู้ลองดูเถอะ! ให้นางลองหน่อยเถิด!”
เขามองหน้ากู้ซีจิ่วด้วยสายตาอันแรงกล้า “แม่นางกู้ ขอฝากทุกอย่างไว้ด้วย!”
จากนั้นก็โขกศีรษะกับพื้นอีกครั้ง เลือดไหลออกมาจากหน้าผากที่แตก น้ำเสียงก็ค่อนข้างสั่น
ถึงยามนี้หลงซือเย่กับหรงเช่อย่อมมิอาจกล่าวเป็นอื่นได้ ทว่าเย่หงเฟิงที่อยู่ด้านข้างกลับทนไม่ได้อยู่บ้าง “นี่แม่นางกู้เจตนาจะประชันกับอาจารย์ของข้าหรือ? อาจารย์ของข้าเป็นแพทย์อันดับหนึ่งของแผ่นดินนี้ แม้แต่เขายังไม่มีวิธีเลย แล้วเจ้าจะมีได้อย่างไร?! วิชาแพทย์ของเจ้าเหนือล้ำกว่าเขางั้นหรือ? หรือว่าเจ้าทำเช่นนี้เพียงเพราะอยากได้ความสนใจจากผู้อื่นเท่านั้น?”