ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1085+1086

บทที่ 1085+1086

บทที่ 1085 หยั่งเชิง 1

นับตั้งแต่กู้ซีจิ่วฟื้นขึ้นมาถึงแม้ปฏิกิริยาตอบสนองที่แสดงออกมาจะไม่ใกล้เคียงกับนิสัยของมนุษย์ แต่เธอก็มีปฏิกิริยาอย่างที่ควรจะมีจริงๆ ด้วยฐานะของนักฆ่ามือฉมัง หากเชื่อใจคนอื่นง่ายๆ เช่นนั้นก็โง่เง่าเกินไปแล้ว!

วิธีพิสูจน์ถึงพลังวิญญาณของท่านเจ้าผมเงินนั้นง่ายมาก เขาให้คนเปิดประตูกรงเหล็กออก จากนั้นก็ให้ลูกน้องที่เฝ้าอยู่ด้านข้างมาสู้กับสัตว์ร้ายที่พุ่งออกมาจากกรงเหล่านี้

วิชายุทธ์ที่ลูกน้องเหล่านั้นของเขาใช้ย่อมเป็นวิชายุทธ์ที่ใช้พลังวิญญาณขับเคลื่อนออกมา แม้แต่สัตว์ร้ายเหล่านั้นก็มีระดับสูงเช่นกัน และสามารถใช้พลังวิญญาณได้ ผ่านไปชั่วระยะหนึ่ง ทั่วทั้งลานก็มีแสงพลังวิญญาณธาตุต่างๆ สับสนอลหม่าน…

สัตว์ร้ายร้องคำรามกระโจนเข้าโจมตี เงามนุษย์เหินฉวัดเฉวียนไปมา ประกายแสงจากเคล็ดวิชาต่างๆ ระเบิดออกอย่างต่อเนื่องปะหนึ่งดอกไม้ไฟ ผลิบานอยู่เสมอ

กู้ซีจิ่วยืนกอดอกดูอยู่ตรงนั้น ดวงหน้าเฉิดฉันมองไม่เห็นอารมณ์ใดๆ

“ซีจิ่ว ตอนนี้เชื่อแล้วใช่ไหม?” หลงฟั่นถามเธอ

กู้ซีจิ่วเม้มปาก ไม่อาจปฏิเสธได้ “ดูเหมือนจะเป็นความจริง…”

หลงฟั่นยิ้มน้อย ถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูเหมือนเขาจะนึกเรื่องอะไรขึ้นมาได้ “ถ้างั้นเธอดูอยู่ที่นี่ก่อนนะ ระวังอย่าเข้าใกล้สัตว์ร้ายพวกนี้ พวกมันล้วนเป็นสัตว์ปีศาจขั้นหก เธอในตอนนี้ยังสู้ไม่ได้” หลังจากกำชับสองสามประโยค เขาก็จากไปเลย

กู้ซีจิ่วยืนจนค่อนข้างเหนื่อยล้าแล้ว จึงเดินไปยังจุดที่อยู่ไม่ไกลนัก นั่งลงบนม้านั่งหินตรงมุมห้องโถง ชมการต่อสู้ต่อไป

และเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันขึ้นในวินาทีนี้เอง มีสัตว์ปีศาจสองตัวที่จู่ๆ ก็คลั่งขึ้นมา พละกำลังเหมือจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในทันใด กัดมนุษย์สองคนที่ต่อสู้กับพวกมันอยู่จนตาย จากนั้นก็กระโจนพรวดออกมา โผเข้าโจมตีกู้ซีจิ่ว!

สายลมกรรโชกปะทะหน้า กลิ่นคาวหืนโชยเข้าจมูก กู้ซีจิ่วตกตะลึง รับตั้งรับเป็นการด่วน!

บนร่างเธอมีเพียงพลังวิญญาณขั้นหกเท่านั้น และใช้ไม่เป็นเลย ทำให้เพียงใช้วิชายุทธ์ที่มีแต่เดิมหลบหลีกเท่านั้น ออกกระบวนอย่างยากลำบาก เกือบจะถูกกรงเล็บของสัตว์ปีศาจเกี่ยวอาภรณ์ขาดหลายครั้งแล้ว!

เวลานี้ไม่ทราบว่าท่านเผมเงินผู้นั้นถูกสิ่งใดดึงดูดความสนใจ กำลังมองไปทางอื่นอยู่ ไม่สนใจกู้ซีจิ่วที่อยู่ทางนี้เลย

ยามนี้หากว่ากู้ซีจิ่วใช้กระบวนท่าพลังวิญณาณตามที่ตี้ฝูอีสอนให้เธอ ต่อให้มีพลังวิญญาณขั้นหกก็สามารถซัดสัตว์ร้ายสองตัวนี้ให้กระเด็นออกไป และท่านเจาผมเงินก็ไม่ได้มองมาทางนี้ด้วย ต่อให้เธอสำแดงกระบวนท่าออกมาก็คงไม่มีผู้ใดเห็น…

‘แคว่ก!’ ชุดกระโปรงของกู้ซีจิ่วถูกสัตว์ร้ายตัวหนึ่งเกี่ยวเข้า ดึงรั้งลงมาทันที

และตัวเธอก็ถูกสัตว์ร้ายตัวนั้นดึงจนโซซัดโซเซเหมือนกัน เกือบจะล้มคว่ำแล้ว ส่วนสัตว์ร้ายทั้งสองตัวก็ถือโอกาสคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวออกมา ตวัดกรงเล็บที่ใหญ่เหมือนพลั่วตะปบไปทางกู้ซีจิ่ว!

รอบข้างมีผู้คนร้องออกมาด้วยความตกใจแล้ว จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็เอนกายลงบนพื้นแล้วกลิ้งตัวอย่างรวดเร็ว ฉวยโอกาสใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตา!

เห็นได้ชัดว่าเธอตื่นตระหนกจนหลงทิศหลงทางแล้ว อีกทั้งความเร็วของวิชาเคลื่อนย้ายก็อยากจะคาดเดาได้ หนนี้จึงพุ่งเข้าชนท่านเจ้าผมเงินผู้นั้นโดยตรง!

บนโลกนี้ไม่มีผุ้ใดสามารถหลบหลีกวิชาเคลื่อนย้ายของกู้ซีจิ่วได้ ท่านเจ้าผมเงินผู้นั้นก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นเช่นกัน ร่างของกู้ซีจิ่วที่พุ่งทะยานปานกระสุนปืนใหญ่เข้าไปในอ้อมอกเขาที่เพิ่งจะหันกายมา…

จากนั้นก็พุ่งทะลุอ้อมอกของเขาไป ยืนโงนเงนอยู่บนพื้น

ไม่น่าเชื่อว่าร่างของเขาเป็นร่างจิต!

มองเผินๆ เหมือนร่างจริงชัดๆ นึกไม่ถึงว่ายามที่พุ่งเข้าไปราวกับพุ่งผ่านหมอกควันหนาทึบ ทะลุผ่านด้านในไป กู้ซีจิ่วถึงขั้นสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นยามที่ทะลุผ่านร่างเขา…

กู้ซีจิ่วหันกลับไปมองอย่างประหลาดใจ มองเห็นสัตว์ร้ายสองตัวนั้นไล่ตามร่องรอยการหลบหนีของเธอมาพอดี ถูกท่านเจ้าผมเงินผู้นั้นใช้เวทวิชาสกัดไว้ หลังจากลำแสงห้าสีสองสายฟาดเข้าไป สัตว์ร้ายสองตัวนั้นก็ถูกผ่าจนกลายเป็นเศษซากทันที

————————————————————————————-

บทที่ 1086 หยั่งเชิง 2

“ทำให้ตกใจเสียแล้ว” ท่านเจ้าผมเงินหันกลับมามองเธอ ในดวงตาทรงเสน่ห์คล้ายจะเจือรอยยิ้มอ่อนโยนไว้ “ข้าไม่ได้สังเกตไปชั่วขณะ เกือบทำให้เจ้าเป็นอันตรายแล้ว ไม่เป็นไรกระมัง?”

ริมฝีปากน้อยๆ ของกู้ซีจิ่วเม้มแน่น “ไม่เป็นไร!” สามคำนี้กล่าวอย่างแข็งกร้าว ชัดเจนว่าเธอได้รับความตกใจแล้ว ซ้ำในใจยังมีความขุ่นเคืองด้วย

ท่านเจ้าผมเงินถอนหายใจเบาๆ “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ ไปหารือเรื่องการร่วมมือกัน”

มุมปากของกู้ซีจิ่วยกขึ้นนิดๆ “ท่านเจ้ามีฝีมือถึงเพียงนี้ ซีจิ่วคงมิกล้าอาจเอื้อมไปร่วมมือด้วย” พลางหมุนกายจากไป

ท่านเจ้าผมเงินเงียบงัน น่าจะเป็นครั้งแรกที่เขาถูกผู้อื่นทิ้งไว้ที่นี่เช่นนี้ จึงมองเงาหลังของนางอย่างตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

เขารู้ดี ถึงแม้นางสูญเสียความทรงจำของชาตินี้ไปแล้ว แต่ความเฉลียวฉลาดของนางมิได้ต่ำลงเลย ยามนี้นางคงจะมองออกแล้วว่าที่สัตว์ร้ายสองตัวนั้นคุ้มคลั่งขึ้นมาเป็นเพราะเขาแอบเล่นลูกไม้ลับหลัง ดังนั้นการที่นางขุ่นเคืองก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว

“ท่านเจ้า เด็กสาวผู้นี้สามหาวเกินไปแล้ว! ควรมอบบทเรียนให้นางเสียบ้างนะขอรับ!” สาวกคนหนึ่งเข้ามาประจบประแจงเขา คิดจะฉวยโอกาสสร้างความประทับใจแก่เขาสักหน่อย

ท่านเจ้าผมเงินหันไปมองเขาแวบหนึ่ง ยิ้มนิดๆ

รูปโฉมของเขาชดช้อยทรงเสน่ห์ของสตรีเพศ แต่บุคลิกยามปกติกลับเป็นเช่นคุณชายผู้งามสง่า ปฏิบัติต่อลูกน้องเหล่านี้ด้วยสีหน้าอ่อนโยน ดูเป็นกันเองยิ่งนัก

ส่วนสาวกคนนี้ความจริงแล้วเป็นคนของหลงฟั่น ยามปกติยากจะได้พบท่านเจ้าผมเงินผู้นี้ จึงไม่ทราบนิสัยใจคอของเขา ด้วยเหตุนี้ถึงกล้าเข้ามาพูดจาในยามนี้

ท่านเจ้าผมเงินรูปโฉมงามสง่า ยิ้มนี้ของเขาล่มบ้านล่มเมืองยิ่งนัก สาวกผู้นั้นเป็นคนเจ้าชู้คนหนึ่ง ตาแทบค้างแล้ว “ทะ…ท่านเจ้า?”

ท่านเจ้าผมเงินเอ่ยอย่างเฉยชา “เรื่องของข้ามีที่ให้เจ้าสอดปากหรือ?” น้ำเสียงนุ่มนวลเยียบเย็นเข้าไปถึงกระดูก

สาวกคนนั้นแข็งทื่อทันที ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ท่านเจ้าผมเงินก็สะบัดแขนเสื้อใส่แล้ว

เป็นการสะบัดที่อ่อนโยนยิ่งนัก สายลมที่ปะทะหน้าถึงขั้นแฝงความอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิไว้ จากนั้น…จากนั้นสาวกที่เพิ่งต่อสู้กับสัตว์ร้ายสามตัวอย่างทรงพลังคนนั้นก็ละลายเป็นน้ำทันที…

สาวกคนอื่นๆ ยังคงอยู่ในลานแห่งนี้ด้วย ยามนี้ทุกคนเงียบกริบแล้ว ไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ

ปกติแล้วท่านเจ้าผู้นี้ไม่ค่อยเผยใบหน้าที่นี่ง่ายๆ ต่อให้เผยหน้าก็จะสวมชุดคลุมหน้าสีขาว มองไม่เห็นใบหน้าและมองรูปร่างไม่ออก อีกทั้งรั้งอยู่ครู่เดียวก็จากไปเสมอ ดังนั้นสาวกของที่นี่จึงคุ้นเคยกับหลงฟั่นมากกว่าเขา…

โดยส่วนตัวแล้วหลงฟั่นเป็นคนที่พวกเขาเคารพและยำเกรงที่สุด สำหรับท่านเจ้าผู้นี้เป็นความรู้สึกห่างเหินแปลกแยกชนิดหนึ่ง ครั้งนี้ระยะเวลาที่ท่านเจ้ารั้งอยู่ไม่สั้นเลย ผ่านไปสองวันแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะจากไปเลยสักนิด

ที่น่าประหลาดยิ่งกว่าคือครั้งนี้เขาเผยโฉมหน้าที่แท้จริงแล้ว…

หากมิใช่หลงฟั่นเคารพนบน้อบต่อเขาเรียกขานเขาว่าท่านเจ้า คนเหล่านี้แทบไม่กล้าเชื่อเลยว่าคุณชายผู้งามล่มบ้านล่มเมืองคนนี้คือท่านเจ้าของพวกเขา…

ยามนี้ในที่สุดพวกเขาก็เชื่อแล้ว และยำเกรงแล้วด้วย!

วิชายุทธ์นี้ของท่านเจ้าน่าหวัดหวั่นโดยแท้! และไม่อาจไปยั่วยุได้…

….

ท่านเจ้าคนนี้ที่แท้เป็นใครกันแน่?

กู้ซีจิ่วขบคิดปัญหาข้อนี้อยู่ตลอด

ร่างกายเป็นร่างจิตโดยสมบูรณ์ ร่างของเขาเป็นการควบแน่นของดวงวิญญาณงั้นหรือ?

วรยุทธ์ยามอยู่ในร่างจิตยังน่ากลัวถึงเพียงนี้ เห็นทีว่าจะเป็นตัวละครที่รับมือได้ยากคนหนึ่ง…

กู้ซีจิ่วถูกจัดให้อยู่ในห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง สถานที่ที่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเช่นนี้ยากจะจินตนาการนักว่าสามารถสร้างห้องพักเช่นนี้ขึ้นมาได้ แถมการตกแต่งภายในห้องยังเป็นรูปแบบอย่างที่กู้ซีจิ่วเคยชมชอบอีกด้วย

ตอนอยู่ที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เรือนพักของเธอก็มีรูปแบบเช่นนี้ แม้แต่รูปร่างและสีสันของเครื่องเรือนก็คล้ายคลึงกันทุกอย่าง

ยามที่หลงฟั่นพาเธอเข้ามายังเอ่ยถามประโยคหนึ่งด้วย “ชอบไหม?”

————————————————————————————-

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

Status: Ongoing
   เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท