ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1171+1172

บทที่ 1171+1172

บทที่ 1171 พิธีสมรส

“แม่นางกู้ แม่นางกู้”

“แม่นางกู้ ท่านตื่นเถอะเจ้าค่ะ…”

“แม่นางกู้ วันนี้เป็นวันมงคลของท่านกับท่านเจ้า ต้องเตรียมตัวล่วงหน้า ท่านตื่นเถิด สมควรลุกจากเตียงได้แล้ว”

ภายในห้องนอนของกู้ซีจิ่ว มีสาวใช้สี่นางเข้ามา สาวใช่เหลานี้นำชุดวิวาห์มงกุฎหงส์มาด้วย คิดจะปลุกกู้ซีจิ่วให้ลุกมาแต่งหน้าแต่งตัว กลับนึกไม่ถึงว่าวันนี้แม่นางกู้ผู้นี้จะหลับเป็นตาย ไม่ว่าอย่างไรก็ปลุกไม่ตื่น

สาวใช้สี่นางนี้มองหน้ากันเหลอหลา ที่แท้แม่นางกู้ผู้นี้เป็นอะไรไป? สลบหรือ?

พวกนางอับจนหนทาง ทำได้เพียงส่งคนหนึ่งไปเชิญท่านหลงฟั่นมา

หลงฟั่นมาถึงอย่างรวดเร็ว ด้านหลังเขามีโม่เจ้าติดตามมาด้วย…

เหล่าสาวใช้นิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ว่ากันตามเหตุผลแล้ว วันพิธีเช่นวันนี้ก่อนที่เจ้าสาวจะแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จไม่อนุญาตให้เจ้าบ่าวพบหน้า…

เพียงแต่ในเมื่อท่านเจ้าผู้นี้มาแล้ว ทุกคนจึงไม่กล้าพูดเป็นอื่น…

ทั้งสองเดินมาถึงหน้าเตียง เห็นกู้ซีจิ่วหลับอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเฉิดฉันเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด ลมหายใจสงบมั่นคง ท่าทางเหมือนหลับลึกเท่านั้น

หลงฟั่นกำลังจะยื่นมือไปเขย่าตัวเธอดู ถูกโม่เจ้ามองแวบหนึ่งจึงถอยหลังไปอีกครั้ง เปิดทางให้

โม่เจ้าเรียกู้ซีจิ่วอยู่สองครา นางไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด เขาขมวดคิ้ว กุมมือนางไว้ทันที หมายจะแผ่พลังวิญญาณเข้าไป ปลุกนางให้ตื่น

กลัคาดไม่ถึงว่ายังไม่ทันได้แผ่ถ่ายทอดพลังวิญญาณเข้าไป กู้ซีจิ่วก็ขยับตัวเล็กน้อย แพขนตาไหวระริก ในที่สุดก็ลืมตาขึ้นมา

เหล่าสาวใช้ถอนหายใจอย่างโล่งอก สายตาของโม่เจ้าประสานกับดวงตาของกู้ซีจิ่ว

นัยน์ตาของนางมืดมิดดั่งบึงลึก ตอนที่เพิ่งตื่นขึ้นมาคล้ายจะสับสนเลื่อนลอยอยู่ครู่หนึ่ง ทั่งสองสบตากันอยู่ชั่วครู่ ดวงตาของกู้ซีจิ่วฉายแววประหลาดใจแวบหนึ่ง “พี่โม่ ท่านมาได้ยังไง?”

โม่เจ้าลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ประเสริฐ นางยังคงเป็นกู้ซีจิ่วของเขา…

“ซีจิ่ว เหตุใดถึงหลับไปนานถึงเพียงนี้? สาวใช้ปลุกเจ้าไม่ตื่นเลย…” เขาสอบถามอย่างอ่อนโยน

กู้ซีจิ่วกะพริบตาปริบๆ “ปลุกไม่ตื่น? ข้าหลับมาตลอดจนถึงยามนี้…”

โม่เจ้ามองสีหน้าของนางอีกครา นางดูแข็งแรงดี นอกจากมีเหงื่อเล็กน้อยที่ปลายจมูกแล้ว ก็ไม่มีอะไรผิดปกติเลย

เขายังไม่วางใจ ครานี้เรียกให้หลงฟั่นเข้ามา ให้เขาตรวจอาการนางดูอีกครั้ง

หลังจากหลงฟั่นจับชีพจรเธอก็ส่ายหน้า “นางสบายดี ไม่มีอะไรผิดปกติ เด็กน้อยขี้เซา ปลุกไม่ตื่นในชั่วขณะก็มีอยู่บ้าง” เขากวาดตามองสาวใช้สี่คนนั้นแวบหนึ่ง “อีกอย่างท่านเจ้าได้สั่งไว้ ว่าไม่อนุญาตให้ผุ้ใดแตะต้องกู้ซีจิ่ว ดังนั้นพวกนางทั้งสี่คงจะเรียกปลุกดู เมื่อเรียกแล้วไม่ตื่นก็ตระหนกตื่นตูมจนไปเรียกคนมา…”

โม่เจ้ายกมือลูบศีรษะกู้ซีจิ่ว มองตานาง “ซีจิ่ว วันนี้เป็นวันมงคลของพวกเรา เจ้าดีใจไหม?”

กู้ซีจิ่วหน้าแดงก่ำ แพขนตาหลุบลง ไม่ได้ตอบโต้ประโยคนี้ของโม่เจ้า ท่าทางดั่งสาวน้อยที่ขวยอาย

ยากนักที่จะได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง จิตใจโม่เจ้าจึงสั่นไหวเล็กน้อย เขยิบไปใกล้ๆ ริมหูนาง “แต่งตัวให้ดีๆ เถอะ เจ้าจะต้องเป็นเจ้าสาวที่งดงามที่สุด”

ใบหูของกู้ซีจิ่วก็แดงเถือกเช่นกัน กระซิบว่า ‘อืม’ คำหนึ่ง ถึงแม้เสียงนี้จะแผ่วหวิวจนแทบไม่ได้ยิน โม่เจ้าก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน มวลบุปผาบานสะพรั่งในใจเขา ในที่สุดก็วางใจแล้ว ถึงได้ออกไป

ตอนที่เขาออกไปก็เรียกหลงฟั่นออกไปด้วยกัน บอกว่าจะให้เขาไปจัดการโถงพิธี

สาวใช้ทั้งสี่นางปรนนิบัติกู้ซีจิ่วให้ลุกขึ้น แต่งองค์ทรงเครื่องให้เธอ

กู้ซีจิ่วนั่งอยู่บนเก้าอี้ เบื้องหน้าคือกระจกโต๊ะเครื่องแป้งบานหนึ่ง สาวใช้สี่นางนั้นห้อมล้อมยุ่งง่วนอยู่รอบตัวเธอ…

ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดเจ้าสาวที่งดงามเฉิดฉายก็เผยโฉมออกมาแล้ว

————————————————————————————-

บทที่ 1172 แทะโลม

กู้ซีจิ่วเพ่งพิศตัวเองในกระจก ในกระจกคือสาวน้อยที่งดงามยิ่งนัก เป็นความงามที่ไม่แฝงกลิ่นอายโลกีย์เลยสักนิด

สาวใช้สี่นางที่อยู่ด้านข้างเอ่ยแสดงความยินดีชมเชยป้อยอว่าเธองดงาม เรียวปากจิ้มลิ้มของกู้ซีจิ่วหยักขึ้นน้อยๆ ดีใจยิ่งนักเช่นกัน

เธอรับคำยินดีของสาวใช้ทั้งสี่ไว้ ฟังพวกนางชื่นชมความงามของเธอ เธอยังลุกขึ้นมาหมุนตัวรอบหนึ่งด้วย กระโปรงแผ่พลิ้ว ปานดอกห้อมช้างที่แย้มบานต้อนรับสายลม ชุดกระโปรงบนร่างเธอสลับซับซ้อนเกินไปและยาวเกินไป ในการหมุนครั้งนี้ของเธอเท้าไปเหยียบชายกระโปรงเข้า จึงสะดุดล้ม พุ่งไปด้านหน้า ถลาใส่ร่างสาวใช้นางหนึ่ง…

สาวใช้คนนั้นไม่ทันตั้งตัว ถูกเธอถลาใส่ทั้งตัว กลายเป็นเบาะรองเนื้อของเธอ ทั้งสองกลิ้งจนกลายเป็นก้อนเดียวกัน

สาวใช้อีกสามนางทั้งกลัวทั้งขำ รีบพยุงเธอลุกขึ้นมา ทว่าเครื่องประดับศีรษะบนหัวของกู้ซีจิ่ว เกี่ยวเข้ากับเส้นผมของสาวใช้คนนั้นแล้ว ลุกไม่ขึ้นชั่วขณะ

ไม่ง่ายเลยกว่าจะแกะออกได้ เครื่องหัวของกู้ซีจิ่วก็ยุ่งเหยิ่งไปหมดแล้ว ต้องจัดการใหม่อีกครั้ง

ขณะที่ยุ่งง่วนอยู่ ด้านนอกก็มีเสียงดนตรีประโคมขึ้นมาแว่วๆ โม่เจ้าก้าวเข้ามาพร้อมกับเสียงดนตรี…

ในวังใต้พิภพแห่งนี้มีโถงที่ใหญ่ที่สุดอยู่ห้องหนึ่ง สัดส่วนเทียบได้กับพระตำหนักจินหลวนเตี้ยนของวังต้องห้าม บัดนี้โถงใหญ่แห่งนี้ถูกประดับด้วยสีแดง ตกแต่งด้วยข้าวของสีทองอร่าม เต็มไปด้วยความรื่นรมย์ยินดี

ถึงอย่างไรโม่เจ้าก็เป็นองค์ชายของโลกมนุษย์มาเนิ่นนานปี กลิ่นอายของโลกมนุษย์แฝงอยู่ในกระดูกแล้ว ดังนั้นการจัดแต่งโถงพิธีของเขาจึงเป็นไปตามกฎเกณฑ์การอภิเษกของจักรพรรดิและฮองเฮาของโลกมนุษย์

ที่แตกต่างกันคือ ยามที่จักรพรรดิของแดนมนุย์อภิเษกสมรสพสกนิกรจะห้อมล้อมอยู่สองข้างทาง เหล่าข้าราชบริพารแซ่ซ้องอวยพร เหล่าเชื้อพระวงศ์มาร่วมยินดี

แต่พิธีสมรสของโม่เจ้าผู้ที่ยืนเรียงรายอยู่สองข้างทางก็คือลูกน้องกว่าสามร้อยคนของเขา มีอาคันตุกะจากภายนอกเพียงคนเดียวคือ…ตี้ฝูอี!

ตี้ฝูอีถูกจัดให้มาอยู่ที่โถงพิธีตั้งแต่เช้าแล้ว ทางด้านซ้ายของโถงพิธีจัดวางเก้าอี้พิเศษตัวหนึ่งไว้ บนร่างตี้ฝูอีล่ามโซ่สลายวิญญาณไว้หกเส้น โซ่สลายวิญญาณนั้นเชื่อมเข้ากับเก้าอี้พิเศษตัวนั้น ส่วนเก้าอี้ตัวนั้นก็เชื่อมเป็นเนื้อเดียวกับพื้น…

ในห้องโถงผู้คนยุ่งวุ่นวายไม่น้อย ยามที่ผ่านมาแทบทุกคนล้วนมองเขาแวบหนึ่ง บ้างก็ก้าวเข้ามาเยาะเย้ยเหยียดหยามเขาอยู่สองสามประโยค

หมอหลี่ที่หลอมโอสถให้โม่เจ้าคนนั้นระยะนี้ได้รับความชื่นชมจากท่านเจ้าอย่างยิ่ง และดูเหมือนเขาจะเคยมีความหลังกับตี้ฝูอีมาก่อน ดังนั้นเขาจึงเข้าไปเยาะเย้ยถากถางตี้ฝูอี คล้ายว่าจะยังไม่สาแก่ใจ ยืนมือไปเขย่าตรวนสลายวิญญาณบนร่างของตี้ฝูอีด้วย ทำให้ความเจ็บปวดจนเหงื่อท่วมร่างได้สำเร็จ ทำให้ฝูงชนหัวเราะฮ่าๆ ดังลั่นออกมา

ตี้ฝูอีมองด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว เขาก็ก้มหน้ามองตี้ฝูอีเช่นกัน “ตี้ฝูอี เจ้าก็มีวันนี้เช่นกันรึ! เป็นอย่างไรเล่า? ไม่พอใจหรือ? ถ้าไม่พอใจเจ้าลุกขึ้นมาตีข้าดีไหมล่ะ?”

ตี้ฝูอีย่อมไม่มีทางลุกขึ้นขึ้นมาตีเขาได้ เขาทำได้เพียงหลับตาเมินเฉยเสีย

คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในที่นี้เป็นอัจฉริยะจากทั่วสารทิศของทวีปนี้ ล้วนเป็นเพราะสาเหตุนั้นบ้างสาเหตุนี้บ้างถูกคนของฝ่ายธรรมะไล่ล่าสังหารถึงได้มารวมตัวอยู่ในสังกัดของหลงฟั่น เดิมทีคนเหล่านี้ล้วนชั่วช้าสามานย์ยิ่งนักกันอยู่แล้ว ปกติยามที่อยู่ด้านนอกอย่าว่าแต่ตี้ฝูอีเลย ขอเพียงพบคนที่อยู่ใต้สังกัดของตี้ฝูอีเหล่านั้นก็ตกใจจนเผ่นหนียิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก!

ปกติแล้วพวกเขาเห็นตี้ฝูอีเป็นตัวตนที่สูงส่งจนต้องแหงนคอมอง เสมือนมองเทพเซียนที่อยู่บนเมฆา ไม่มีแม้แต่โอกาสจะเข้าใกล้

ยามนี้ ‘เทพเซียน’ ผู้นี้กลับถูกสอยร่วงลงสู่แดนมนุษย์ บัดนี้ถูกล่ามไว้ที่นี่ ขยับเขยื้อนไม่ได้แล้ว การตกอับเช่นนี้ทำให้คนเหล่านี้ปรีดายิ่งนัก พวกปากเสียบางส่วนก็ยืนด่าทอเยาะเย้ยอยู่ตรงนั้น

“ตี้ฝูอี ที่แท้ยามที่ถูกล่ามไว้ที่นี่เจ้าก็เหมือนสุนัขไม่มีผิด!”

“ฮ่าๆ เหมือนสุนัขตกน้ำตัวหนึ่งจริงๆ ด้วย! ดูใบหน้าน้อยๆ ที่ซีดเซียวของเขาสิ”

“รูปโฉมเขาหล่อเหลานัก! งดงามกว่าพวกสาวใหญ่อนุภรรยาตัวน้อยเสียอีก”

————————————————————————————-

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

Status: Ongoing
   เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท