ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1195+1196

บทที่ 1195+1196

บทที่ 1195 ความเสียหายหนึ่งหมื่นแต้ม!

หลีเมิ่งซย่ามองเจ้านายของบ้านตนอย่างเห็นอกเห็นใจยิ่งนักแวบหนึ่ง รู้สึกว่าเงาร่างของนายท่านเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างยิ่งนัก…

ขับขี่เรือประเภทนี้ไม่อาจใจลอยได้ พอหลีเมิ่งซย่าใจลอยไปเล็กน้อยก็ทำให้เรือที่ขับประหนึ่งเรือไวกิ้งก็มิปาน ส่ายโคลงเคลงต่อเนื่องกันหลายที…

เดิมทีที่ว่างในเรือลำนี้ก็ไม่ใหญ่นัก เมื่อส่ายโคลงเคลง ร่างของตี้ฝูอีไหลไปตามการโคลง ถลาตรงเข้าใส่ร่างกู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วไม่ได้ตั้งตัว ถูกเขาถลาใส่จนล้มลงบนพื้น เป็นเบาะรองเนื้อให้เขา…

เรือนกายเขาสูงใหญ่ เรือนกายเธอบอบบางอ้อนแอ้น กู้ซีจิ่วถูกเขาทับไว้ด้านล่าง แทบจะมุดเข้าไปในอ้อมอกของเขาแล้ว กลิ่นอายบนร่างเขาปกคลุมไปทั่วตัวเธอในชั่วพริบตา หัวใจกู้ซีจิ่วเต้นรัว ใบหน้าแดงปลั่งดั่งแสงอาทิตย์อุทัย

ถึงแม้ยามนี้เธอจะโหยหาอ้อมอกของเขา แต่ที่นี่มีคนอื่นอยู่ด้วย! ยังมีสายตาอีกสองคู่มองอยู่!

จึงรีบผลักเขาออกไป “ท่านลุกขึ้น…”

ตี้ฝูอีก็ไม่มีท่าทีอื่นใด รีบลุกขึ้นนั่ง “โคลงเคลงเกินไป ไม่ทันระวัง…” ตำหนิคนผิดโดยตรง “หลีเมิ่งซย่า เจ้ารนหาที่ตายใช่ไหม? ขับเรือก็สามารถขับอย่างเลิศล้ำได้ถึงเพียงนี้เชียว? กลับไปจะตัดเบี้ยหวัดเจ้า!”

ร่างหลีเมิ่งซย่าสะท้านคราหนึ่ง กล่าวอย่างหวาดผวา “นายท่าน อย่านะเจ้าคะ…ข้าน้อยยากจนข้นแค้นจนแม้แต่กระโปรงก็ซื้อไม่ได้แล้ว กระโปรงนี้ยังต้องซื้อเชื่อเลย…”

ตี้ฝูอีเอ่ยหน้าตาย “ข้าไม่สน เว้นแต่ว่าแม่นางกู้จะไม่เอาความเจ้า มิเช่นนั้นเงินเจ้าจะถูกหักแน่นอน!”

หลีเมิ่งซย่ารีบขอความเมตตาจากกู้ซีจิ่ว “แม่นางกู้เจ้าขา ละเว้นด้วยเถิดเจ้าค่ะๆ ขอท่านและนายท่านโปรดเมตตาด้วย อย่าให้นายท่านหักเงินของข้าน้อยเลย ข้าน้อยเบื้องบนมีผู้เฒ่าผู้แก่ เบื้องล่างมีลูกหลานเยาว์วัย ทนรับการหักเงินของเขาไม่ไหวหรอกเจ้าค่ะ”

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก

กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าตัวเองนอนๆ อยู่ก็ถูกยิงเสียได้ เธอถือโทษอะไรกับหลีเมิ่งซย่ากัน? เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเจ้าตี้ฝูอีผู้นี้ฉวยโอกาสเอาเปรียบเธอไม่ใช่หรือไง?!

หลีเมิ่งซย่าพูดอยู่ไม่หยุดจนใจลอย จึงขับเรือลำนั้นไม่เข้าท่ายิ่งกว่าเดิม เห็นได้ว่ายกระดับจากโหมดเรือไวกิ้งเป็นโหมดรถไฟเหาะแล้ว กู้ซีจิ่วลุกพรวดขึ้นมา “ข้าขับเอง!”

บีบหลีเมิ่งซย่าออกไป เธอเข้าบังคับโดยตรง

เห็นได้ชัดว่าเธอบังคับเรือลำนี้ได้ชำนาญกว่าหลีเมิ่งซย่า เรือมั่นคงรวดเร็วนัก หลีเมิ่งซย่ามองอย่างประหลาดใจ “แม่นางกู้ ท่านขับได้ชำนาญเหลือเกิน! โม่เจ้าเคยสอนท่านขับเรือใช่หรือไม่?”

“ไม่ ข้าเรียนรู้จากการมองกะลาสีเรือคนนั้นตอนหนีออกไปคราวก่อน”

หลีเมิ่งซย่ารู้สึกว่าตนได้รับความเสียหายหนึ่งหมื่นแต้ม!

นางเรียนรู้การขับเจ้าของเล่นชิ้นนี้อยู่ทั้งวัน ตอนที่นางเรียนอยู่ กะลาสีที่ถูกนางควบคุมคนนั้นยังประจบประแจงอยู่เลยว่านางเฉลียวฉลาด นางหลงนึกว่าตัวเองเรียนรู้สิ่งนี้ได้รวดเร็วที่สุดแล้ว กลับนึกไม่ถึงเลยว่า…

เหนือคนยังมีคนอยู่จริงๆ น่าโมโหเหลือเกิน!

แม่นางกู้ผู้นี้พิเศษกว่าคนทั่วไปจริงๆ ไม่แปลกเลยที่นายท่านของบ้านตนจะชอบนาง เพื่อนางแล้วแม้กระทั่งศักดิ์ศรีหรือชีวิตก็ไม่ต้องการแล้ว…

เดิมทีหลีเมิ่งซย่ายังรู้สึกคับข้องใจแทนเจ้านายของตนอยู่บ้าง รู้สึกว่ากู้ซีจิ่วไม่คู่ควรต่อความชอบของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เมื่อได้เห็นในยามนี้แล้ว อืม สองคนนี้ช่างเป็นกิ่งทองใบหยกโดยแท้!

หลีเมิ่งซย่ายังไม่ลืมที่จะขอความเมตตา “แม่นางกู้ ท่านอย่าถือสาข้าน้อยได้ไหมเจ้าคะ? ข้าน้อยยากจนมากจริงๆ…”

กู้ซีจิ่วอับจนวาจา มองหลีเมิ่งซย่าแวบหนึ่ง “ประมุขหอเงาราตรีผู้สูงส่งไฉนเลยจะยากจนได้? เจ้ายังคิดจะบอกว่าเบื้องบนเจ้ามีบุพการีวัยแปดสิบ เบื้องล่างมีลูกน้อยอายุสามขวบต้องเลี้ยงดูอยู่กะมัง?”

หลีเมิ่งซย่าหน้าแดง “สิ่งเหล่านี้ไม่มีเจ้าค่ะ ปีนี้ข้าน้อยเพิ่งอายุยี่สิบสาม เป็นเด็กกำพร้า ไม่มีบุพการี เมิ่งซย่ายังมิได้ออกเรือน จึงไม่มีลูกน้อย”

“เช่นนั้นที่เจ้าบอกว่าเบื้องบนมีผู้เฒ่าผู้แก่ เบื้องล่างมีลูกหลานเยาว์วัยเล่า?”

“ผู้อาวุโสแต่ละท่านของหอเงาราตรีล้วนเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ มีความสามารถในการถลุงเงินยิ่งนัก หอเงาราตรียังรับศิษย์ใหม่เข้ามาอีกกลุ่มหนึ่ง ล้วนเป็นเด็กน้อยเยาว์วัยทั้งสิ้น นั่นก็ต้องการเงินเช่นกัน…ผู้ที่น่าเวทนาคือประมุขอย่างข้าแม้แต่กระโปรงสำรองสักตัวก็ไม่มี…” หลีเมิ่งซย่ากำหมัดอย่างขุ่นเคือง

—————————————————————–

บทที่ 1196 รับบท ‘แม่นางหลิน’ จนติดเป็นนิสัยแล้วหรือไง?

กู้ซีจิ่วเห็นใจนาง “เช่นนั้นปกติแล้วนายท่านของพวกเจ้าหักเงินเท่าใด?”

หลีเมิ่งซย่าเผยสีหน้าโศกหมองปานญาติเสีย “ทุกครั้งล้วนหักเป็นเวลาครึ่งปี เป็นเงินห้าหมื่นตำลึง!”

จำนวนที่หักมากมายจริงๆ

มิน่าเล่าประมุขหลีผู้นี้ถึงมีทีท่าปานฟ้าจะถล่ม

กู้ซีจิ่วคิดแวบหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เธอจึงออกตั๋วเงินเปล่าใบหนึ่ง “ข้าไม่โทษเจ้า แต่ข้าโทษเขา…หากว่าเขาตัดเงินเจ้าด้วยสาเหตุนี้ ข้าก็ทนดูไม่ได้อยู่บ้าง เอาเช่นนี้เถิด รอข้ากลับไปจะมอบเงินห้าหมื่นตำลึงให้เจ้าเป็นการด่วน”

ตั๋วเงินของเธอมีมากมายนัก ห้าหมื่นตำลึงน่ะเรื่องจิ๊บจ๊อย!

ดวงตาของหลีเมิ่งซย่าส่องประกายแล้ว รีบคล้อยตามผลประโยชน์ที่ได้รับทันที แทบจะยืดอกตอบรับแล้ว “ขอบคุณแม่นางกู้ยิ่งนักเจ้าค่ะ! ต่อไปนี้หอเงาราตรีจะติดตามเพียงแม่นางเท่านั้น!”

กู้ซีจิ่วเงียบงัน

ตี้ฝูอีก็เงียบงันเช่นกัน…

ไม่กี่คนคุยเล่นกันอยู่พักหนึ่ง ไม่นานนัก ในที่สุดเรือก็โผล่ขึ้นมาจากลาวา เข้าเทียบฝั่งแล้ว

ตี้ฝูอียื่นมือให้กู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว พยุงข้าหน่อยสิ พวกเราออกไปกันเถอะ”

เจ้าคนผู้นี้รับบท ‘แม่นางหลิน’ จนติดเป็นนิสัยแล้วหรือไง?

กู้ซีจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ไม่สนใจเขา กระโดดขึ้นฝั่งไปเสียดื้อๆ

“ตี้ฝูอี เจ้าเล่นบทอ่อนแอจนติดเป็นนิสัยไปแล้วสินะ? ซีจิ่วไม่ชอบพวกปวกเปียก ระวังการเสแสร้งของเจ้าจะถูกแขยงเอา!” พลางเหินขึ้นฝั่งไปเช่นกัน

เป็นหลีเมิ่งซย่าที่ยังคงมีความเป็นลูกน้องอยู่ เอ่ยอย่างเห็นใจ “นายท่าน ประเดี๋ยวข้าน้อยไปเรียกมู่เฟิงมาประคองท่านดีไหมเจ้าคะ?”

ตี้ฝูอีเลิกคิ้วมองนาง “ข้านึกว่าเจ้าจะแสดงความจงรักภักดีด้วยการเขามาประคองเองเสียอีก”

หลีเมิ่งซย่ารีบตอบทันที “ข้าน้อยมิกล้า ข้าน้อยไม่กล้าฝ่าฝืนกฏหรอกเจ้าค่ะ” นายท่านของนางมีนิสัยประหลาด ปกติแล้วไม่อนุญาตให้สตรีปรนนิบัติรับใช้อยู่ใกล้ตัว

ตี้ฝูอียิ้มแล้ว “นับว่าเจ้ายังรู้กฎอยู่ เดิมทีเห็นแก่ที่เจ้ารู้กฎเกณฑ์ ตะไม่หักเงินเจ้าแล้ว แต่เมื่อครู่นี้เจ้าเป็นฝ่ายคล้อยตามผลประโยชน์เอง ต่อไปนี้ข้าจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับเงินทองของเจ้าแล้ว”

ประโยคนี้มีความนัยยิ่งนัก หลีเมิ่งซย่าตระหนกทันที “นายท่าน ความหมายของท่านคือต่อไปนี้จะไม่ให้เงินข้าน้อยแล้วหรือเจ้าคะ?”

ตี้ฝูอีกล่าวอย่างเฉื่อยชา “ไปหานายใหม่ของเจ้าสิ!” เรือนกายพลันเหินขึ้น ร่อนลงบนฝั่ง ทิ้งให้หลีเมิ่งซย่ายืนตะลึงอยู่บนเรือและอากาศร้อนระอุที่แสนวิเวกวังเวง…

….

ลมเย็นโบกพลิ้ว เมฆาขาวลอยล่อง

กู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีนั่งอยู่ในรถม้าคันหนึ่ง

รถเป็นรถม้าไม้ลายทองที่แข็งแรงยิ่งนัก เป็นบรรณาการจากหลีเมิ่งซย่า

หลีเมิ่งซย่าเพื่อจะทำให้ตี้ฝูอียอมเก็บนางกลับไปอีกครั้งจึงทุ่มเทสุดชีวิต นำรถไม้ลายทองที่นางเพิ่งสร้างเสร็จยังไม่ทันได้ใช้ออกมาส่งมอบให้ จากนั้นก็กล่าวอำลาส่งพวกเขาทั้งน้ำตา

สัตว์ที่ลากรถก็คืออาชาเวหาพิเศษตัวนั้นของตี้ฝูอี เหินบินว่องไว ไปมาดั่งสายลม

ด้านนอกรถม้าคือสี่ทูต อยู่ด้านหน้าสองคน ด้านหลังอีกสองคน

เนื่องจากรถม้าคันนี้เป็นพาหะขนาดใหญ่โต ดังนั้นสี่ทูตจึงยืนอยู่นอกรถได้ไม่แออัด มู่อวิ๋นถึงขั้นนอนเอกเขนกอยู่หน้ารถม้า เกลือกกลิ้งอย่างเป็นสุข รู้สึกสบายอุรายิ่งนัก

ส่วนหลงซือเย่หลังจากออกจากภูเขาไฟแล้วก็ตรงกลับเขาถามสวรรค์ไปเลย ยามที่จะจากไปตี้ฝูอีไม่ถือสาความบาดหมางแต่หนหลังมอบแผนที่ค่ายกลฉบับหนึ่งให้เขา บนนั้นแจกแจงไว้ว่าค่ายกลต่างรอบหุบเขาถามสวรรค์มีวิธีทำลายอย่างไรบ้าง เขียนไว้ละเอียดนัก ทำให้สีหน้าหลงซือเย่ทะมึนแล้วทะมึนอีก ตัดสินใจว่าหลังจากกลับไปแล้วจะรีบปฏิรูปทันที ไม่อาจปล่อยให้ตี้ฝูอีมาเตร็ดเตร่ที่เขาถามสวรรค์ของเขาประหนึ่งเป็นสวนหลังบ้านของตนได้อีก

ยามที่ต้องจากกัน หลงซือเย่นิ่งไปครู่หนึ่ง เอ่ยประโยคหนึ่งกับกู้ซีจิ่วอย่างหนักแน่นจริงใจ “ซีจิ่ว ร่างโคลนนิ่งร่างนี้ของเธอถึงแม้จะสมบูรณ์แบบ แต่ยังไงซะก็เป็นของที่สร้างขึ้น ไม่ถือว่ามีเลือดเนื้อเชื้อไขของบุพการี ถ้าหากว่าเธอยังเปลี่ยนได้ก็เปลี่ยนกลับร่างเดิมเถอะ!”

—————————————————————-

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

Status: Ongoing
   เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท