บทที่ 1231 ไม่เป็นไรหรอก
ถ้อยคำเยาะเย้ย ไม่เชื่อ เห็นเป็นเรื่องตลกต่างๆ นานา…
กู้ซีจิ่วไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ แสดงความเข้าใจถึงทัศนคติแบบนี้ของผู้คน
หากเป็นยุคสมัยใหม่ ก็เหมือนกับคนดังระดับซุปเปอร์สตาร์ร้องเพลงบนเวที แต่กู้ซีจิ่วก็เป็นผู้ชมด้านล่างที่ผ่านทางมา ยืนกรานจะขึ้นเวทีประชันกับเหล่าซูเปอร์สตาร์ เป็นธรรมดาที่จะถูกฝูงชนเย้ยหยัน
ท่ามกลาง ‘สายตาฝูงชนนับหมื่น’ กู้ซีจิ่วยิ้มออกมาอย่างเรียบเฉย จากนั้นเคลื่อนย้ายในพริบตาขึ้นเวที
ทักษะนี้เธอใช้ได้อย่างงดงาม ก่อนหน้านี้ฝูงชนยังเห็นเธอยืนอยู่ด้านล่างเวที ในพริบตาเดียว เธอก็ขึ้นไปอยู่บนเวทีประชันหน้ากับหลานเฝ่ยแล้ว
หลานเฝ่ยตกตะลึง ถอยหลังไปหนึ่งก้าว “วรยุทธ์แม่นางโดดเด่นยิ่งนัก!”
“มิได้”
“ดูจากวรยุทธ์ของแม่นางหากเป็นการแข่งขันประลองยุทธ์ เช่นนั้นควรค่าแก่การรับชมยิ่ง หากแต่น่าเสียดายว่านี่คือการแข่งขันร้องเพลง…หากร้องออกมาได้ไม่ดี จะถูกฝูงชนเยาะเย้ยเอาได้…”
“เข้าใจ ที่ข้าจะแสดงก็ไม่ใช่วรยุทธ์อันใดของข้า ข้ามาเพื่อแข่งขันร้องเพลง!” กู้ซีจิ่วพูดอย่างภาคภูมิใจ
หลานเฝ่ยกล่าวชื่นชมเบาๆ “ช่างน่าชื่นชมในความกล้าหาญของแม่นาง ข้าเลื่อมใสยิ่งนัก ความกล้าหาญของแม่นางนี้ ข้าควรชื่นชมเสียหน่อย น่าเสียดายที่ตำแหน่งการเรียงลำดับของเจ้านี่ไม่ค่อยดีนัก” เป็นลำดับต่อจากเขาพอดี มีไข่มุกเม็ดงามอย่างเขาก่อนหน้า ต่อให้กู้ซีจิ่วร้องจืดชืดแค่เพียงเล็กน้อยก็ถูกคนหัวเราะเยาะได้
ก็เหมือนกับผู้คนเพิ่งได้ลิ้มรสอาหารเลิศรส จู่ๆ จะให้มากินโจ๊กจืดชืดไม่มีราคา เกรงว่าทุกคนจะไม่เจริญอาหารงเสียแล้ว
กู้ซีจิ่วย่อมเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ของเขา ส่งยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไรหรอก”
แม่นางคนนี้ใจกว้างไม่ธรรมดา!
ดวงตาของหลานเฝ่ยฉายแววนับถือ ปรบมือก่อนจะเอ่ย “เช่นนี้แล้วกัน หากแม่นางร้องดีได้ครึ่งหนึ่งของข้า วันนี้รางวัลนี้ก็เป็นของแม่นางไปเลย!”
ฝูงชนด้านล่างเวทีเบิกตาโพลง คาดไม่ถึงว่าองค์ชายหลานเฝ่ยจะวางเดิมพันเยี่ยงนี้ ต้องรู้ก่อนว่าองค์ชายหลานเฝ่ยรอคอยการแข่งขันครั้งนี้มาถึงสองปีแล้ว!
ทว่าฝูงชนด้านล่างเวทีกลับไม่กังวลใจเท่าใด หลานเฝ่ยร้องเพลงดังเสียงสวรรค์ ต่อให้สู้ได้กึ่งหนึ่งของเขานั่นก็เป็นเสียงที่งดงามแล้ว นักร้องที่เพิ่งผ่านไปมาตั้งมากมายก็ไม่อาจทำได้ถึงขั้นนี้…
สตรีมนุษย์ผู้นี้ยิ่งไม่อาจถึงขั้นนั้นกระมัง?
คาดไม่ถึงว่ากู้ซีจิ่วยังคงยิ้มอย่างไม่ไยดี “ข้าไม่สนใจรางวัล หากทุกคนรู้สึกว่าข้าร้องได้ไม่เลว ก็โยนไข่มุกให้ข้าหน่อย ไม่ต้องมากนัก หนึ่งพันเม็ดก็พอ” จำนวนนี้เป็นจำนวนที่เธอต้องการใช้ซื้อสมุนไพร เธอไม่ละโมบ
คนด้านล่างเวทีตะโกนขึ้นมา “แม่นางช่างรู้ตัวเองดี รู้ว่าแม้แต่ครึ่งหนึ่งขององค์ชายหลานก็สู้ไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่แย่งชิงรางวัลนี้ แต่เงินของพวกข้าก็ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ ในเมื่อเจ้ากล้าขึ้นเวที อย่างไรก็ต้องร้องออกมีให้พวกข้ารื่นหู เทียบเท่าได้กับองค์ชายหลานสักหนึ่งถึงสองส่วนก็ดีแล้ว”
กู้ซีจิ่วกวาดสายตาลงที่ฝูงชนด้านล่างเวที ใบหน้างดงามเผยให้เห็นลักยิ้มบางๆ “ข้าเชื่อว่าทุกท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญ ย่อมฟังออกว่าดีหรือไม่ดี ซีจิ่วเชื่อว่าทุกท่านจะตัดสินด้วยความยุติธรรม”
คำพูดนี้ของเธอใช้การได้กับฝูงชนด้านล่างเวที เดิมที คนที่คิดว่า ‘ไม่ว่ากู้ซีจิ่วจะร้องได้ดีแค่ไหนก็จะฮาป่าปาไข่เต่า’ เหล่านั้นก็ต้องเก็บพับความคิดนั้นไป ตัดสินอย่างยุติธรรมสักครั้ง
ร้องดีก็ให้เงิน ร้องไม่ดีก็ปาไข่เต่า!
“แม่นางกู้จะร้องเพลงอะไร? ต้องการคนบรรเลงทำนองเพลงคลอไปด้วยหรือไม่?”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่จำเป็น ข้านำเครื่องดนตรีมาเอง” หยิบผีผาตัวหนึ่งออกมา “ใช้มันก็ได้แล้ว”
กู้ซีจิ่วคิดเพียงแต่จะรีบหาเงินไปซื้อสมุนไพร จากนั้นจะกลับไปที่วังเงือกนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ราชวงศ์และชาวเงือกเหล่านั้นคิดว่าเธอหลีกหนีอาญา
————————————————————————————-
บทที่ 1232 โลกมนุษย์ไหนเลยจะมีโอกาสได้ยิน
เธออยู่ด้านล่างเวทีฟังไปสี่ห้าเพลงแล้ว พอรู้ความชื่นชอบของชาวเผ่าเงือกคร่าวๆ ดังนั้น เธอจึงเลือกเพลง ‘รักนี้เป็นนิรันดร์’
“เวลาล่วงเลยมิอาจย้อนกลับ
กลีบแดงใบผลัดกลบฝังใต้ฝุ่นผง
เริ่มต้นสิ้นสุดมิอาจแปรผัน
ลอยบนผืนฟ้านอกเมฆาขาว…
รักชังเวียนวนในห้วงสมุทรอันขมขื่น
โลกนี้มิอาจหลีกหนีชะตากรรม
รักกันแต่มิอาจชิดใกล้…”
เสียงของผีผาเธอประสานเข้าด้วยกัน เดิมที ด้านล่างเวทีที่ค่อนข้างจอแจก็ค่อยๆ สงบลง ยามบทเพลงที่มีเสียงค่อนข้างทุ้มต่ำดังขึ้น ราวกับลมภูเขาพัด กลิ่นอายของความอ้างว้าง พัดปกคลุมไปทั่วแดนดิน…
เมื่อคนด้านล่างได้ฟังเสียงร้องดังเสียงสวรรค์เช่นนี้ กลั้นลมหายใจ ทุกคนเบิกตาโพลงจ้องมองบนเวที
กู้ซีจิ่วไม่ได้ยืนร้องเพลงอย่างเดียวอยู่ตรงนั้น เธอยังถือผีผาตัวนั้นร่ายรำตามจังหวะเพลงเล็กน้อย
จันทราเจิดจรัสบนท้องนภา เมฆาขาวลอยล่อง
เมื่อเธอร่ายรำสะบัดกระโปรงดังเทพธิดาจันทราลอยล่องมากับแสงจันทร์ ไร้เสียงอื้ออึงของโลกมนุษย์
บทเพลงไพเราะ ร่ายรำงดงาม!
ชาวเงือกล้วนเป็นผู้ชำนาญการร้องรำ ยามนี้ได้เห็นการร้องรำเยี่ยงนี้แต่ละคนจิตใจล่องลอย ลุ่มหลงเสน่ห์ ลึกๆ รู้สึกว่าไม่เสียเที่ยวที่มางานชุมนุมบุปผาครั้งนี้แล้ว! และยังได้ชื่นชมการร้องรำที่งดงามเยี่ยงนี้!
พวกคนที่เดิมทีตั้งใจเตรียมฮาป่าปาไข่เต่าเมื่อกู้ซีจิ่วเริ่มร้องไม่กี่คำก็ลืมความตั้งใจแรกไปแล้ว มองดูหญิงสาวร้องรำอยู่บนเวทีอย่างตื่นตาตื่นใจ แม้แต่กระแอมเสียงหนึ่งยังไม่กล้า!
หลานเฝ่ยท่านนั้นยืนอยู่หลังเวที สายตาที่มองดูกู้ซีจิ่วฉายแววร้อนผ่าว…
เสียงร้องค่อยๆ หยุดลง ผู้ชมด้านล่างเวทียังคงลุ่มหลงอยู่กับเสียงเพลงที่หลงเหลือ มองอย่างตื่นตาตื่นใจอยู่ตรงนั้น ลืมแม้แต่ส่งกำลังใจ พื้นที่อันโล่งกว้างพลันเงียบสงัด
นิ้วมือกู้ซีจิ่ววางลงบนสายผีผา กวาดตามองด้านล่าง
เป็นไปไม่ได้มั้ง? พวกเขาไม่โยนไข่มุกมาให้สักเม็ดจริงๆ?!
เธอยังไม่ทันได้ประมวลความคิด คนด้านล่างเวทีก็รู้สึกตัว ส่งเสียงปรบมือดังสนั่น!
ไข่มุกมากมายนับไม่ถ้วนร่อนลงบนเวทีดังลูกเห็บร่วงหล่น…
บนเวทีมีคนเก็บไข่มุกโดยเฉพาะ โดยปกติเมื่อคนหนึ่งร้องจบก็จะมีคนมาเก็บไข่มุกอย่างรวดเร็ว เมื่อนักร้องลงเวทีไปก็ส่งมอบให้กับนักร้อง
อย่างหลานเฝ่ย เขาเพิ่งร้องจบไปก็ได้รับไข่มุกไปทั้งหมดหนึ่งหมื่นเม็ด ทั้งหมดตั้งหลายโตว
ข้ารับใช้ที่เก็บไข่มุกนั้นเพิ่งได้นั่งพักครู่หนึ่ง คาดไม่ถึงว่าพอกู้ซีจิ่วร้องจบ ก็มีไข่มุกเต็มเวทีอีกแล้ว ไข่มุกที่ได้รับยังมากกว่าของหลานเฝ่ยอีกด้วย!
เห็นได้ชัดว่าผู้คนด้านล่างเวทียังอยากฟังต่อ ต่างทยอยกันเรียกร้อง “เอาอีก!”
“โอ้ สวรรค์ ช่างไพเราะเหลือเกิน! บทเพลงบนสรวงสวรรค์ โลกมนุษย์ไหนเลยจะมีโอกาสได้ยิน!”
“กู้ซีจิ่ว ร้องอีกเพลงเถิด! ท่านร้องอีกเพลง ท่านอยากได้ไข่มุกเท่าใดก็มีเท่านั้น!”
เสียงดังระเบ็งเซ็งแซ่ เกือบจะทะลุชั้นฟ้า
กู้ซีจิ่วกลับไม่มีความทะเยอทะยานจะหาเงินอีก สำหรับเธอแล้ว เงินไม่ต้องมากมาย แค่พอใช้ก็พอแล้ว เพลงที่ร้องเมื่อสักครู่ก็ได้เงินมามากพอจะซื้อของที่เธออยากได้แล้ว
ดังนั้นเธอจึงยิ้ม ขณะที่กำลังจะลงจากเวที
“กู้ซีจิ่ว ประเดี๋ยวก่อน!” หลานเฝ่ยผายมือออกสองข้างหยุดยั้งฝีเท้าของเธอ
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “เจ้ายังมีธุระอันใด?”
“กู้ซีจิ่ว ท่านร้องอีกสักเพลงเถิด ขอแค่ท่านร้องอีกเพลง รางวัลใหญ่นั้นก็เป็นของท่านแล้ว!” หลานเฝ่ยยื่นข้อเสนอ
คนด้านล่างต่างเรียกร้อง
กู้ซีจิ่วกลับส่ายหน้า “ไม่สนใจ”
“แม่นาง ไข่มุกราตรีเม็ดนั้นมีค่านับล้าน หากนำขึ้นไปบนบกสามารถแลกทรัพย์สมบัติได้มากมายนับไม่ถ้วน…”
กู้ซีจิ่วยังคงไม่ไหวติง “ขอโทษด้วย ข้าไม่นิยมของหายาก”
“เช่นนั้นแม่นางสนใจสิ่งใด? ขอเพียงแค่ท่านพูดออกมา ข้าจะทำทุกวิถีทางให้สำเร็จ! ขอเพียงท่านร้องอีกเพลง” หลานเฝ่ยไม่ยอมลดละ
—————————————————————————–