ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1247+1248

บทที่ 1247+1248

บทที่ 1247 เธอก้าวข้ามอุปสรรคภายในใจต่อไปไม่ได้แล้ว

ในสถานการณ์ที่โลหิตอุ่นร้อนพวยพุ่งสู่ยอดศีรษะเช่นนี้ เธอจะทำเรื่องที่ไม่มีเหตุผลออกมาได้ง่ายนัก

เธอนั่งอยู่ตรงนั้นตากลมเย็นๆ อยู่พักหนึ่ง หลังจากโทสะขุ่นเคืองในตอนแรกสุดผ่านพ้นไป เธอก็ค่อยๆ ใคร่ครวญตามปกติอีกครั้ง

ตี้ฝูอีมีความรู้สึกต่อเธอ และเป็นความรู้สึกที่ลึกล้ำนัก นี่ไม่ใช่เรื่องไม่อาจปฏิเสธได้

มิเช่นนั้นตอนที่เธอถูก ‘เย่หงเฟิง’ แทงจนวิญญาณออกจากร่าง สังขารนั้นฝึกฝนถึงขั้นแปดแล้ว นับว่าบรรลุตามความประสงค์ของตี้ฝูอีแล้ว

และตอนที่เธอถูกขังไว้ในวังใต้พิภพของหลงฟั่น ถ้าหากเขาไร้เยื่อใยกับเธอ ก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายที่หนักหนาถึงเพียงนั้นเพื่อไปช่วยเลย สถานการณ์เช่นนั้นมีโอกาสตายมากกว่ารอดจริงๆ ไม่ใช่การเล่นละคร

ถ้าหากเขาไม่ชอบเธอ ก็คงไม่สมัครใจแต่งกับเธอ ให้เธอเป็นนายหญิงของวังค้ำนภา ซ้ำยังตอบรับข้อเรียกร้องสารพัดของเธอ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกรักใคร่เอ็นดูเทียมฟ้า

เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าการกระทำเช่นนี้ของเขาเป็นเพราะชอบเธอจริงๆ หรือเป็นเพราะรู้สึกผิดที่ใช้ประโยชน์จากเธอ ดังนั้นจึงใช้สิ่งนี้มาชดเชยให้ใช่ไหม? หรือเป็นเพราะทั้งสองอย่างเลย?

ไม่แน่เขาอาจจะรักเธอด้วยใจจริงเหมือนกันกระมัง?

หักใจทำร้ายเธอไม่ลง ด้วยเหตุนี้ถึงให้โอสถล้ำค่ากับเธอมากมายถึงเพียงนั้น บังคับให้เธอฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง ก็เพื่อให้ร่างนี้เข้ากับดวงวิญญาณของเธออย่างแท้จริง นี่ก็เป็นการชดเชยอย่างหนึ่งจริงๆ ชดเชยหนึ่งได้ถึงสอง

ไม่แน่ในใจเขาอาจจะอยากเก็บไว้ทั้งสองคนเลยก็ได้ หาร่างคืนชีพให้อดีตคู่หมันของเขา และทำให้กู้ซีจิ่วมีร่างกายเป็นของตัวเอง

จะคนไหนก็ไม่สูญเสียไปทั้งนั้น เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ!

ไอแสบเคืองพวยพุ่งออกมา โจมตีจมูกเธอให้แสบร้อนอยู่บ้าง กระบอกตาร้อนผะผ่าว

เธอยกมือนวดดวงตา เงยหน้ามองฟ้า

คืนนี้เป็นวันชูอู่[1] มีเพียงจันทร์เสี้ยวสลัวเลือนรางแขวนอยู่ตรงขอบฟ้า

เธอนวดดวงตาอีกครั้ง อยากจะนวดเอาความแสบเคืองนั้นทิ้งไป เธอรู้สึกว่าทรวงอกของตนไม่กว้างขวางเลยสักนิด ตี้ฝูอีอยากเก็บเอาไว้ทั้งสองคนเช่นนี้ทำให้เธอไม่อาจโอนอ่อนผ่อนตามได้ ถึงขั้นที่รับไม่ได้เลยด้วย!

เธอรู้สึกว่าเธอต้องค่อยเป็นค่อยไป ต้องพิจารณาให้ดีๆ ว่าควรจะทำยังไงต่อไป

ตอนที่เธอโกรธเคืองขึ้นมาเมื่อครู่นี้ ปฏิกิริยาแรกก็คืออยากพุ่งออกไปทำลายร่างเดิมทิ้งซะ! ต่อให้เธอใช้ไม่ได้ก็ไม่คิดจะผู้อื่นได้ไปง่ายๆ อีก! เธออยากทำให้ตี้ฝูอีรวมถึงชาวเงือกสองตนนั้นคว้าน้ำเหลวทั้งสองทาง…

คิดจะหลอกใช้เธอเป็นตัวฟาร์มเวลใช่ไหม? พอฝึกฝนจนบรรลุขั้นสูงแล้วก็คิดจะถีบหัวส่งเธอใช่ไหม? ในเมื่อไม่มีหนทางแล้ว งั้นเธอจะกำจัดทิ้งซะ!

แต่หลังจากใจเย็นลง เธอก็นึกถึงเรื่องที่ตี้ฝูอีปฏิบัติต่เธอเป็นอย่างดี เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายสารพัดเพื่อเธอ หลายครั้งที่ช่วยเธอกลับมาจากประตูยมโลก ถึงขั้นที่อยากแต่งกับเธอ…

ถึงแม้เขาจะใช้เธอเป็นตัวฟาร์มเวล แต่ก็ชดใช้ให้เธอไปด้วยในขณะเดียวกัน เมื่อพบว่าเธอมีไอดีรอง[2] แถมไอดีรองนี้ยังมีศักยภาพสูงด้วย ดังนั้นเขาจึงทุ่มเทกายใจช่วยเธอฝึกฝนไอดีรองอันนี้ให้กลายเป็นไอดีที่เก่งกาจ ไม่ด้อยไปกว่าไอดีเก่าเลย ดูเหมือนจะปฏิบัติเธออย่างเหมาะสมยิ่งนัก

หากมิใช่เพราะเขา ไม่แน่ว่าเธออาจจะผสมผสานเข้ากับเกมนี้ไม่ได้เลย ตอนนี้ที่เธอสามารถใช้ชีวิตอย่างราบรื่นถึงเพียงนี้ได้ เป็นความดีความชอบของเขาไปแล้วกว่าครึ่ง…

เขาทุ่มเทอย่างหนักกว่าจะสร้างสังขารที่น่าพอใจเช่นนั้นออกมาได้ หากว่าเธอทำลายทิ้งไปเช่นนี้ดูเหมือนจะใจแคบไปหน่อย…

เธอหลับตาลงเล็กน้อย หัวเราะขื่นๆ คราหนึ่ง เอาเถอะ!

อันที่จริงก็นับว่าเขาไม่ลืมบุญคุณของเธอแล้ว เช่นนั้นเธอก็ไม่ควรจะทำเกินเหตุไป เธอจะประเคนสังขารนั้นให้ผู้อื่นก็แล้วกัน! เป็นการชดใช้หนี้น้ำใจของเขา

เพียงแต่งานแต่งนี้เธอรู้สึกว่าไม่อาจจัดได้แล้ว…

วินาทีที่ได้รู้ความจริง เธอก็ก้าวข้ามอุปสรรคภายในใจต่อไปไม่ได้แล้ว

เธอนวดคลึงหว่างคิ้ว รู้สึกว่าตนน่าสมเพชยิ่งนักจริงๆ

ชาติก่อนเป็นแหล่งสำรองอวัยวะของผู้อื่น เป็นอาวุธสังหาร หลงซีเข้าใกล้เธอเพื่อเย่หงเฟิง

————————————————————————————-

บทที่ 1248 น่าจะถือเป็นการชดเชยที่ล้นเหลือแล้วกระมัง?

ชาตินี้ก็เป็นตัวช่วยผู้อื่นฝึกฝนยกระดับสังขารอีก ตี้ฝูอีให้ความสำคัญกับเธอเพราะประมุขหญิงเผ่าเงือก…

ดูเหมือนเธอจะต้องตัดชุดวิวาห์ให้ผู้อื่นอยู่ร่ำไปสิน่า!

เธอตบแก้มตัวเองเบาๆ ใบหน้านี้ของตนเหมือนเหลยเฟิงหรือไง?

….

นั่งตากลมเย็นๆ อยู่ในพุ่มไม้กว่าครึ่งชั่วยาม ถึงได้ลุกขึ้นมา ใช้วิชาเคลื่อนย้ายตรงไปที่ตำหนักน้ำแข็งหลังนั้น

จากนั้นก็พบว่าตำหนักน้ำแข็งมีข้าวของเพิ่มขึ้นจากเมื่อไม่กี่วันก่อนเล็กน้อย

สี่ทิศของตำหนักน้ำแข็งมีรูปสลักน้ำแข็งสี่ชิ้น มังกรเขียว พยัคฆ์ขาว หงส์แดง เต่าดำ

รูปสลักน้ำแข็งสี่ชิ้นเสมือนเทพเฝ้าประตู ตั้งอยู่รอบโลงแก้วผลึก ก่อตัวเป็นค่ายกลอย่างหนึ่งตามธรรมชาติ

ร่างเดิมของเธอนอนสงบนิ่งอยู่ในโลงตรงนั้น สีหน้าดุจยังมีชีวิตอยู่ ในปากคาบไข่มุกที่เจือแสงสุกสกาวไว้ จะต้องเป็น ‘มุกคงโฉม’ ที่ประมุขเผ่าเงือกพูดถึงก่อนหน้านี้เป็นแน่ มีมุกเม็ดนี้อยู่ร่างนี้จะคงสภาพทุกอย่างไว้เหมือนมีชีวิตอยู่ ไม่จำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณของพวกเจ้าหอยยักษ์คุ้มครองแล้ว…

กู้ซีจิ่วเคลื่อนย้ายเข้ามกะทันหัน ทำให้พวกเจ้าหอยยักษ์สะดุ้งโหยง เมื่อเห็นชัดเจนว่าเป็นกู้ซีจิ่ว เจ้าสามตัวนี้ก็ถลาเข้ามาพร้อมกัน “เจ้านาย!”

“เจ้านาย ท่านมาได้ยังไง? มิใช่ว่าท่านต้องออกเรือนกับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหรอกหรือ? มิใช่ว่าต้องแยกกับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายครึ่งเดือนหรอกหรือ? ในวันแต่งงานถึงจะพบหน้ากันได้มิใช่หรือ? ทำไมจู่ๆ ถึงวิ่งมาได้ล่ะ? คิดถึงเขาสินะ? หรือว่าคิดถึงพวกเรา?” เจ้าหอยยักษ์พ่นคำถามออกมาประหนึ่งกระสุนปืนใหญ่ก็มิปาน

กู้ซีจิ่วตบหัวเจ้าหอยยักษ์เบาๆ “มาเยี่ยมพวกเจ้า”

เจ้าหอยยักษ์เอ่ยอย่างเสียดายว่า “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเพิ่งจากไปเมื่อครู่เอง หากท่านมาเร็วกว่านี้อีกนิดก็จะได้พบเขาแล้ว”

กู้ซีจิ่วยิ้มแวบหนึ่ง “เจ้าโง่ ข้ามาที่นี่เพื่อมาเยี่ยมพวกเจ้าเท่านั้น”

เมื่อเห็นลู่อู๋หมอบอยู่บนแขนตนอย่างแนบชิดสนิทสนม จึงลูบไล้ขนบนร่างมัน “ไม่เจอกันไม่กี่วัน อ้วนขึ้นไม่น้อยเลยนะ”

ลู่อู๋ร้องออกมาสองครา เลียฝ่ามือเธอ

เจ้าหอยยักษ์เป็นจอมพูดมากตัวหนึ่ง พูดจ้ออยู่ด้านข้าง “เจ้านาย ท่านเห็นไหมร่างเดิมของท่านงดงามและมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม? นี่เป้นมุกคงโฉมที่ประมุขเผ่าเงือกนำมาส่งให้ด้วยตัวเองเมื่อกี้เลย! นี่เป็นสมบัติล้ำค่า สามารถรักษาร่างกายไว้นสภาพเดิมได้ ซ้ำยังชำระล้างเส้นเอ็นได้ รักษาพลังวิญญาณให้โคจรตามปกติได้ เสมือนนั่งสมาธิ ไม่ต้องใช้พลังวิญญาณของพวกข้าหล่อเลี้ยงแล้ว”

จากนั้นก็ใช้ฝาหอยหนีบกระโปรงกู้ซีจิ่วไว้แล้วดึงไปที่ด้านหน้ารูปปั้นพวกนั้น “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายบอกว่านี่เป็นสัตว์เทพที่มีประโยชน์ในการชักนำพลังวิญญาณจากรอบข้างมา สุดท้ายแล้วทั้งหมดก็จะถูกหล่อเลี้ยงให้โลงแก้วผลึกใบนี้”

กู้ซีจิ่วมองรูปปั้นเหล่านั้น ทราบว่าสัตว์ทั้งสี่เป็นตัวแทนของสี่ทิศ ถึงแม้เธอจะไม่เคยเห็นค่ายกลชนิดนี้มาก่อน แต่ก็สัมผัสได้ว่าตอนนี้พลังวิญญาณภายในตำหนักหนาแน่นขึ้น เพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย

มุกคงโฉม ค่ายกลรูปปั้น…

ดุเหมือนตี้ฝูอีจะให้ความสำคัญกับร่างกายนี้ยิ่งนักจริงๆ ทว่าน่าเสียดายที่ไม่ได้เตรียมไว้เพื่อเธอ แต่เตรียมไว้ให้ผู้หยิงอีกคนหนึ่ง อดีตคู่หมั้นของเขา…

กู้ซีจิ่วปฏิเสธไม่ให้ตัวเองคิดต่อไปอีก เธอไม่อยากแย่งชิงความโปรดปรานกับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว หากความรักมีลำดับก่อนหลังจริงดังว่า อดีตประมุขเผ่าเงือกผู้นั้นก็มาก่อน คนที่สมควรหึงหวงก็คืออดีตประมุขเผ่าเงือก ไม่ใช่ตัวเธอกู้ซีจิ่ว…

ในสนามรักนี้ เธอน่าจะนับได้ว่าเป็นมือที่สาม เพียงแต่ตัวเธอไม่เคยทราบมาก่อนก็เท่านั้น

ตี้ฝูอีชอบเธอ เธอรู้ดี

แต่เขาก็ชอบอดีตประมุขเผ่าเงือกเหมือนกัน บางทีนั่นสิถึงจะเป็นรักแท้ มิเช่นนั้นคงไม่มุมานะเสาะหาร่างกายที่เข้ากันได้มาหลายพันปีเพื่อคืนชีพให้นางหรอก…

เขาชอบพวกเธอทั้งสองคน เสมือนกุหลาบขาวกับกุหลาบแดง เขาล้วนชมชอบทั้งนั้น ไม่แน่ในใจของเขาตำแหน่งของพวกเธอทั้งคู่อาจจะไม่แตกต่างกันเลย

ดังนั้นเขาถึงรู้สึกว่าผิดต่อเธอ อยากแต่งกับเธอด้วยใจจริง น่าจะถือเป็นการชดเชยที่ล้นเหลือแล้วกระมัง?

————————————————————————————-

[1] วันชูอู่ วันที่ห้าของเทศกาลตรุษจีน จะเริ่มผ่อนคลายกฎต้องห้ามต่างๆ ที่ห้ามทำในช่วงตรุษจีน สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติทำงานทำการหุงหาอาหารได้แล้ว

[2] ไอดีรอง มีที่มาจากเวลาสมัครเล่นเกมส์ออนไลน์ แอคเคาท์หลักที่แอคทีฟอยู่ตลอดจะเรียกว่าไอดีหลัก ส่วนไอดีรองก็คือแอคเคาท์ที่มีไว้แก้ขัด เผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้ไม่ได้เล่นจริงจังอะไร

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

Status: Ongoing
   เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท