ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1277+1278

บทที่ 1277+1278

บทที่ 1277 ข้ารู้สึกว่าท่านเหมือนพี่ชายของข้าเลย!

หลัวจั่นอวี่ส่ายหน้าถอนหายใจเบาๆ “นี่ก็ช่วยไม่ได้เช่นกัน สตรีที่เข้ามามีน้อยเกินไป และพวกเราก็ฝ่าออกไปไม่ได้ ใช่แล้ว เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?”

“พี่ไง” กู้ซีจิ่วยิ้มน้อยๆ “ข้ารู้สึกว่าท่านเหมือนพี่ชายของข้าเลย!”

สายตาที่หลัวจั่นอวี่มองเธอทอแววซับซ้อนเล็กน้อย “แปลก…”

“แปลกอะไร?”

หลัวจั่นอวี่มองเธออยู่พักหนึ่ง เม้มริมฝีปากบางนิดๆ “ตอนที่เจ้าพูดถึงแม่ทัพกู้ ไม่รู้เหตุใดข้าถึงรู้สึกต่อต้านอยู่บ้าง จิตใต้สำนักไม่ต้องการได้ยินชื่อของคนผู้นี้ แต่กับเจ้าแล้วกลับมีความรู้สึกใกล้ชิดอย่างน่าประหลาด คล้ายกับว่าตอนเจ้ายังเล็กข้าเคยโอ๋เคยกล่อมเจ้า…”

ในใจของกู้ซีจิ่วเศร้าหมอง ตอนที่กู้เทียนนั่วหายไปกู้ซีจิ่วเพิ่งอายุขวบกว่าๆ เท่านั้น บางทีพี่ชายอย่างเขาอาจจะเคยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูน้องสาวตัวน้อยจริงๆ

ทันใดนั้นในสมองเธอพลันมีภาพหนึ่งแวบขึ้นมา ทารกน้อยคนหนึ่งนอนอยู่ในเปลหัดพูดอ้อๆ แอ้ๆ เด็กชายตัวน้อยที่อายุประมาณสิบขวบคนหนึ่งวิ่งมาที่ข้างเปล ใช้มือน้อยๆ สัมผัสใบหน้านุ่มนิ่มของทารกน้อย “น้องสาว อย่ากลัวนะ พี่ชายจะปกป้องเจ้าเอง จะไม่ปล่อยให้เจ้าถูกคนอื่นรังแก”

ทารกน้อยถูกเขาหยอกจนหัวเราะคิกๆ เด็กชายตัวน้อยอุ้มนางขึ้นมาอย่างกินแรงอยู่บ้าง “น้องสาว เรียกพี่ชายสิ มา เรียกพี่ชายนะ เรียกพี่ชาย แล้วพี่ชายจะพาเจ้าออกไปเล่น”

ด้วยเหตุนี้ทารกน้อยจึงเรียกออกมาจริงๆ “พี่ชาย!” ด้วยออกเสียงไม่ชัด จึงฟังดูคล้ายคำว่า ‘จิ้งหรีด’[1] แทน

แต่เด็กชายคนนั้นยังคงยินดีปรีดาขึ้นมา อุ้มทารกน้อยออกไปข้างนอก “เด็กดี พี่ชายจะพาเจ้าไปดูดอกไม้!”

เด็กชายวางทารกน้อยลงบนสนามหญ้า เขาอยู่ที่นั่นออกหมัดฝึกฝนให้นางดู

เด็กชายตัวน้อยน่าจะปวดเบาขึ้นมา จึงเข้ามาเจรจากับน้องสาว “น้องสาว เจ้านั่งอยู่ตรงนี้ก่อนนะ ห้ามคลานซุกซน เดี๋ยวพี่ชายจะรีบกลับมา เจ้าเป็นเด็กดีว่าง่ายเถอะนะ”

จากนั้นเด็กชายก็รีบวิ่งออกไป เขาเพิ่งจะวิ่งจากไป ก็มีเด็กชายอายุประมาณเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งกับเด็กผู้หญิงอีกไม่กี่คนวิ่งมาเล่นที่สนามหญ้าแห่งนี้ มองเห็นทารกน้อยที่กำลังนั่งรออยู่บนสนามหญ้าอย่างเชื่อฟังอยู่ ในใจเกิดความคิดพิเรนท์ขึ้นมา ภายใต้การนำของเด็กชายวัยเจ็ดแปดขวบคนนั้น เด็กๆ สองสามคนจึงพากันปาดินใส่ทารกน้อย ดึงเปียน้อยๆ ของนาง ทึ้งเสื้อผ้าของนาง หนูน้อยที่เดิมทีขาวผ่องดั่งก้อนแป้งถูกปาดินใส่ทั่วหัวทั่วหน้า นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ตรงนั้น

เด็กชายวัยสิบกว่าขวบคนเดิมวิ่งฉิวกลับมาปานกระสุนปืนใหญ่ พอเห็นน้องสาวสุดที่รักถูกกลั่นแกล้งจนกลายเป็นเช่นนี้ ก็โกรธเกรี้ยวยิ่งนัก พุ่งหลาวเอาหัวชนเด็กชายวัยเจ็ดแปดขวบคนนั้นจนล้มลงพื้นไปก่อน จากนั้นก็ผลักศีรษะเด็กคนอื่นๆ แต่ละคนล้มกลิ้งเปื้อนดินโคลนไปทั้งร่าง…

จากนั้นก็อุ้มทารกน้อยขึ้นมา ตักเตือนเหล่าผีน้อยที่อยู่รอบๆ ด้วยน้ำเสียงขึงขัง “ผู้ใดกล้ารังแกน้องสาวของข้า ผู้นั้นจะได้เห็นดีกับข้าแน่!”

ด้วยเหตุนี้ ทารกน้อยที่ถูกเขาปลอบโอ๋จึงยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ส่วนผีน้อยไม่กี่คนก็ผนึกกำลังกันร้องไห้จ้า!

เสียงร้องไห้เรียกให้ผู้ใหญ่มา ในนั้นมีกู้เซี่ยเทียนอยู่ด้วย เหล่าเด็กน้อยพากันเข้าไปฟ้อง กู้เซี่ยเทียนรู้สึกปวดหัวแล้ว ตำหนิเด็กชายวัยสิบขวบ “เทียนนั่ว ทำไมเจ้าถึงรังแกพวกน้องชายน้องสาวล่ะ? พี่น้องต้องมีน้ำใจไมตรีต่อกัน ไม่อาจทะเลาะเบาะแว้ง…”

กู้เทียนนั่วคอแข็งใส่ “เป็นพวกเขาที่รังแกน้องสาวข้าก่อน! น้องสาวของข้าใครหน้าไหนก็ห้ามรังแก!”

กู้เซี่ยเทียนนวดหว่างคิ้ว “เทียนนั่ว พวกเขาก็เป็นน้องๆ ของเจ้าเหมือนกันนะ…”

กู้เทียนนั่วสะบัดหน้าทันที “ไม่ใช่! เทียนนั่วมีน้องสาวแค่คนเดียว คนอื่นล้วนไม่ใช่! ถ้าพวกเขากล้ามาหาเรื่องข้าอีก! ข้าจะทำให้พวกเขาเจอบทเรียนที่น่าดูชม!”

เห็นได้ชัดว่าประโยคนี้กระตุ้นอารมณ์ของกู้เซี่ยเทียนเข้า…

————————————————————————————-

บทที่ 1278 ต่อไปข้าเรียกท่านว่าพี่ได้ไหม

เห็นได้ชัดว่าประโยคนี้กระตุ้นอารมณ์ของกู้เซี่ยเทียนเข้า เขาเดือดดาลขึ้นมา “เจ้าสารเลวน้อย! พอกันที! ใครก็ได้มานี่สิ ส่งตัวสารเลวน้อยผู้นี้ไปคุกเข่าที่ศาลบรรพชน ถ้าไม่ยอมรับความผิดของตน ก็ไม่อนุญาตให้เขาลุกขึ้น!”

บางทีความเดือดดาลของกู้เซี่ยเทียนอาจทำให้ทารกตกใจเข้า ทารกน้อยที่เพิ่งหยุดร้องไห้ไปเมื่อครู่จึงร้องเสียงดังขึ้นมาอีก ร้องไปพลางกล่าวไปพลาง “ท่านพ่อไม่ดี…พี่ชาย เอาพี่ชาย…”

ภาพเหตุการณ์สิ้นสุดลงตรงนี้อย่างกะทันหัน

กู้ซีจิ่วตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง หลังจากเธอทะลุมิติมาเข้าร่าง ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมก็ถูกเธอดูดซับมาจริงๆ แต่นั่นอยู่บนพื้นฐานที่เธออยู่ในร่างเดิมเท่านั้น ร่างที่เธออยู่ในยามนี้เป็นร่างโคลนนิ่งที่หลังฟั่นสร้างขึ้น แล้วมีความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมผุดขึ้นมาอีกได้อย่างไร?

หรือว่าดวงวิญญาณเจ้าของร่างเดิมได้หลอมรวมเข้ากับเธออย่างสมบูรณ์แล้ว?

เธอใจลอยไปชั่วขณะ แม้กระทั่งหลัวจั่นอวี่จะพูดอะไรบางอย่างด้วยเธอก็ได้ฟังเลย

หลัวจั่นอวี่เอ่ยถามอีกครั้งหนึ่ง “ซีจิ่ว วรยุทธ์กับวิชาแพทย์ของเจ้าร่ำเรียนมาจากผู้ใดหรือ?”

เรื่องนี้…

อันที่จริงตราบจนยามนี้ วรยุทธ์และวิชาแพทย์ของกู้ซีจิ่วผสมปนเปกันยิ่งนัก ชาติก่อนหลักๆ แล้วเรียนมาจากหลงซี ในสนามรบจริงก็แอบครูพักลักจำจากยอดฝีมือคนอื่นๆ แถมยังเคยเรียนเพิ่มเติมกับหมอคนอื่นๆ ด้วยหลังจากทะลุมิติมา ความรู้ส่วนมากก็เป็นตี้ฝูอีที่สอนเธอ ในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ก็ได้ร่ำเรียนมาไม่น้อย…เพียงแต่หลักๆ แล้วยังคงเป็นการเรียนรู้มาจากตี้ฝูอี..

เมื่อนึกถึง ‘ตี้ฝูอี’ สามคำนี้ หัวใจเหมือนถูกทิ่มแทงเล็กน้อย รีบฝืนกดนามนี้ลงไปในส่วนลึกของความทรงจำทันที

แย้มยิ้มแวบหนึ่งแล้วเอ่ยตอบ “เคยเรียนรู้จากผู้คนมากมายนัก ค่อนข้างซับซ้อน ใช่แล้ว ต่อไปข้าเรียกท่านว่าพี่ได้ไหม?”

หลัวจั่นอวี่พยักหน้า “ได้ เช่นนั้นข้าก็จะเปลี่ยนไปเรียกชื่อเจ้าตรงๆ เลย”

กู้ซีจิ่วมองเขาแล้วกล่าวขึ้นว่า “พี่ ข้าได้ยินคนอื่นบอกว่าท่านไม่มีความจำก่อนที่จะมาที่นี่เลย จริงหรือเปล่า?”

หลั่วจั่นอวี่แข็งทื่อไปแวบหนึ่ง พยักหน้านิดๆ “จริง”

“ถ้างั้นท่านคิดจะฟื้นฟูความทรงจำในอดีตบ้างหรือไม่?”

หลัวจั่นอวี่ขมวดคิ้วนิดๆ ค่อยๆ ส่ายหน้า “ไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย” จิตใต้สำนึกของเขาต่อต้านเรื่องราวในอดีต

กู้ซีจิ่วนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ช่วงนั้นตอนที่เธอเสียความทรงจำไปได้พยายามสุดชีวิตเพื่อตามหาความทรงจำของตนกลับมา ปวดหัวมากถึงเพียงนี้ก็ยังต้องการตามหากลับมา…

เธอหลงนึกว่าหลัวจั่นอวี่ก็คงอยากฟื้นฟูความทรงจำเช่นเดียวกับเธอ เพียงแต่จนใจที่ไม่มีหนทางเท่านั้น ไม่นึกเลยว่า…

ทั้งสองเดินทางขึ้นเขาพลางพูดคุยกันไปด้วย หลัวจั่นอวี่นั่งอยู่ในรถเข็นเล็กๆ คันนั้นของเขาตลอด รถเข็นเล็กๆ คันนี้เปรียบเสมือนสองเท้าของเขา สามารถไต่ไปเส้นทางภูเขาที่ขรุขระพวกนั้นได้สาบายๆ…

ระหว่างที่พูดคุยกันกู้ซีจิ่วได้หว่านล้อมเขา บอกว่ามนุษย์ไม่อาจหลบเลี่ยงไปได้ จะต้องเผชิญหน้ากับอดีตทั้งหมดของตนอย่างกล้าหาญอะไรทำนองนั้น

เธอมีวาทศิลป์ยิ่งนัก หลัวจั่นอวี่ฟังไปสักพักก็หวั่นไหวขึ้นมาบ้างแล้ว เขาถอนหายใจเบาๆ “เจ้าพูดถูก ความทรงจำที่รู้สึกว่ารับไม่ไหวในวัยเด็กเมื่อนึกขึ้นมาในยามนี้อาจจะยอมรับได้ง่ายๆ แล้ว…หากว่าสามารถฟื้นฟูได้ข้าก็ไม่ขัดข้อง แต่ข้าไม่มีวิธี…”

กู้ซีจิ่วแย้มยิ้ม “ท่านไม่มีแต่ข้ามี! พี่ ข้าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคนี้!”

นัยน์ตาของเธอพราวระยับ อารมณ์ของหลัวจั่นอวี่ก็ถูกเธอฉุดขึ้นมาเช่นกัน ยิ้มอออกมาอย่างอดไว้ไม่อยู่ “เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญรึ? คงมิใช่ว่าเจ้าเคยความจำเสื่อมมาก่อนกระมัง?”

แพขนตากู้ซีจิ่วพลันหลุบลง “ใช่แล้ว ข้าเคยความจำเสื่อม…เพียงแต่ของข้าเป็นการถูกคนบังคับลบความทรงจำไป ต่อมาหลังจากข้าฟื้นฟูความทรงจำได้ ก็ปฏิญาณไว้แล้วไม่ว่าวันหน้าจะประสบพบเจอสิ่งใดก็จะไม่เสียความทรงจำไปอีก! ต่อให้ใช้ยาก็บังคับควบคุมข้าไม่ได้!”

วาจานี้คล้ายจะแฝงมรสุมความโหดร้ายเอาไว้ หลัวจั่วอวี่จึงโกรธขึ้งขึ้นมา “ไอ้สารเลวหน้าไหนที่ลบความทรงจำทั้งหมดของเจ้า?!” หากว่าเขามีโอกาสออกไปได้จะไปซ้อมไอ้คนผู้นั้นแน่นอน!

หัวใจของกู้ซีจิ่วพลันอุ่นวาบ กล่าวไปว่า “คนผู้นั้นถูกข้าสังหารแล้ว หนีไปก่อเรื่องไม่ได้อีกแล้ว…”

————————————————————————————-

[1] คำว่าพี่ชาย ในภาษาจีนออกเสียงว่า เกอเกอ (哥哥) ส่วนคำว่าจิ้งหรีดออกเสียงว่า กัวกัว (蝈蝈)

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

Status: Ongoing
   เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท