ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1371+1372

บทที่ 1371+1372

บทที่ 1371 มีผู้ใดสมัครใจอยู่ต่อ

เขานอนหนุนมือ ดูท่าทางสบายยิ่งนัก “เหตุใดไม่ทำต่อเล่า?”

“ช่างเถิด!” กู้ซีจิ่วดึงมือเขา ผุดลุกขึ้นมา กำลังจะใช้วิชาเรียกชุดคลุมมาแต่งตัวให้เรียบร้อย ทว่าเธอเพิ่งจะใช้วิชานี้ได้เพียงกึ่งหนึ่งก็ถูกเขาขัดจังหวะ “ในเมื่อให้ผลประโยชน์แก่เจ้า เจ้าไม่อยากได้ เช่นนั้นข้าก็จะเอาคืน…”

ดังนั้น เธอจึงถูกเขาทาบทับอีกแล้ว…

กู้ซีจิ่วกระชับนิ้วมือ ยามนี้เธอฝึกฝนถึงขั้นสิบแล้ว ทว่าด้านสมรรถภาพร่างกายยังคงสู้เขามิได้ หากไม่ระวังเพียงนิดก็จะถูกเขาทับเข้า…

อีกทั้งเขายังชอบอยู่ด้านบน หลายต่อหลายครั้งที่กู้ซีจิ่วอยากพลิกกายล้วนถูกเขาหยุดไว้ ตามที่เขากล่าว เรื่องแบบนี้จะคว้าชัยชนะหรือพ่ายแพ้ก็ต้อง pk[1] กันแล้ว ทุกคนใช้ความแข็งแกร่งมาตัดสินบนล่างกัน…

เขายังบอกว่าเรื่องอื่นนั้นพูดง่าย ทำให้เธออยู่เหนือเขาได้อย่างภาคภูมิใจ ถึงแม้จะมาแทนที่เขาก็ไม่สนใจ ทว่าในเรื่อง ‘การใช้ชีวิตคู่’ เขาไม่อาจออมมือได้!

กู้ซีจิ่วตอบโต้อยู่หลายครั้งล้วนล้มเหลวทั้งนั้น ครั้งนี้ไม่ง่ายเลยที่เขาจะเชื่อฟังสักครั้ง เธอกลับยอมปล่อยมันให้เสียเปล่า!

ในช่วงที่อารมณ์พุ่งพล่านสูงสุด เธอกัดหัวไหล่เขาอย่างแรง “ช้าเร็วอย่างไรข้าก็ต้องพลิกกาย! จับท่านพลิกไว้ข้างล่างให้ได้!”

“ตั้งตารอคอย!” ลมหายใจอันเร่าร้อนของตี้ฝูอีรินรดข้างหูนาง “ข้าจะรอคอยวันนั้น! ตอนนี้จงรับรู้ความรู้สึกข้าเสีย…”

วันนี้อากาศบริสุทธิ์แจ่มใส ภายใต้ต้นถันภังคี ทุกคนต่างมารวมตัวกันที่นี่

วันที่เก้าเดือนเก้า นี่คือวันที่ตี้ฝูอีตีความว่าเป็นวันที่จะออกจากที่นี่ได้

เพราะมีอาจารย์ดีอย่างตี้ฝูอีคอยชี้แนะคน ความเร็วในการฝึกฝนของคนที่นี่จึงรวดเร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า วันนี้หลังจากผ่านไปแปดปี มีทั้งหมดสิบเอ็ดคนที่ทะลวงขั้นเก้าได้!

กู้ซีจิ่ว ตี้ฝูอี หลัวจั่นอวี่ ไป๋หลี่เช่อ เมิ่งซู่เหยียน พี่เหลิ่งเอ้อร์ เมียเหลิ่งเอ้อร์ ยังมีผู้ชายอีกสี่คน สองคนไร้คู่ อีกสองคนมีคู่

บรรยากาศค่อนข้างประหลาด ตื่นเต้น โศกเศร้า พลัดพราก สุขใจ กระวนกระวาย…อารมณ์ทั้งหลายผสมปนเปอยู่ในใจผู้คน ทุกคนกำลังตั้งตารอให้กู้ซีจิ่วเลือก…

ความจริง แปดปีมานี้มีผู้มาใหม่เข้ามาสองคน ผู้มาใหม่ทั้งสองคนนี้ยังคงเป็นคนที่ไม่ใช่สานุศิษย์สวรรค์ถูกโยนเข้ามาในป่าทมิฬ ทว่าพวกเขาโชคดีกว่าคนอื่น ไม่ได้ถูกทำลายพลังวิญญาณ ดังนั้นหลังจากรักษาตัวหายแล้วก็เป็นทหารกล้าสองนาย มีความสัมพันธ์อันดีกับทุกคนในช่วงนี้ แต่ระดับพวกเขาต่ำต้อย ยามนี้ยังไม่ถึงขั้นเจ็ด ย่อมไม่มีความหวังแม้เพียงน้อย จึงยืนชมความครึกครื้นอยู่ท่ามกลางผู้คน

ไม่มีผู้ใดไม่โหยหาอิสรภาพ แม้แต่ในดินแดนสุขาวดีก็ยังมีวันที่ทุกข์ใจ

โดยเฉพาะชายหนุ่มที่หยิ่งทะนงตนเหล่านั้น ยิ่งต้องการออกไปทำการทำงานด้านนอก

ช่วงเวลาแปดปี ทำให้คนเหล่านี้ยอมศิโรราบต่อกู้ซีจิ่ว คนเหล่านี้ก็เคยชินกับการที่มีกู้ซีจิ่วเป็นผู้นำ เคยชินกับการเชื่อฟังคำสั่งเธอ

ส่วนตี้ฝูอี เนื่องจากแปดปีนี้เขาแทบไม่สนใจเรื่องราวอันใด ถึงแม้สนใจก็ทำไปเพราะช่วยเหลือกู้ซีจิ่วเท่านั้น แรกเริ่มทุกคนยังถามไถ่ความคิดเห็นเขาเป็นประจำ แต่เขากลับผลักปัญหาไปที่กู้ซีจิ่ว ให้นางแก้ไข วันเวลาล่วงเลยผ่านไป ทุกคนเลยไม่คาดหวังในตัวทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้แล้ว เพียงมองเขาเป็นผู้ช่วยกู้ซีจิ่วเท่านั้น

กู้ซีจิ่วกวาดตามองคนที่มีคุณสมบัติเพียงพอตามเงื่อนไขทั้งหลาย ถามอีกรอบหนึ่งว่า “ยามนี้พวกเจ้ามีเก้าคน แต่ข้าเลือกได้เพียงเจ็ดคน มีผู้ใดสมัครใจอยู่ต่อหรือไม่?”

ทั้งเจ็ดคนเจ้ามองข้าข้ามองเจ้า ไม่มีผู้ใดส่งเสียง เห็นได้ชัดว่าทุกคนอยากออกไป

สายตากู้ซีจิ่วร่อนลงบนร่างของบุรุษที่แต่งงานแล้วสองคน “โจวเทียนชื่อ หวังอวิ่นหยวน เจ้าทั้งสองก็อยากออกไปหรือ? ภรรยาของพวกเจ้าจะทำอย่างไร?”

ทั้งสองคนชะงักงัน ต่างคนต่างเหลือบมองไปที่ภรรยาของตนเอง

————————————————————————————-

บทที่ 1372 ไม่เสียใจภายหลัง!

ทั้งสองคนชะงักงัน ต่างคนต่างเหลือบมองไปที่ภรรยาของตนเอง

ใบหน้าภรรยาของพวกเขาค่อนข้างซีดเผือด ขบเม้มริมฝีปากแน่น ไม่พูดจาอันใด

โจวเทียนชื่อกลับตอบอย่างตรงไปตรงมา “เดิมทีข้ากับภรรยาก็อยู่ด้วยกันอย่างไม่มีทางเลือก ความจริงพวกเราไปกันไม่ได้ตั้งนานแล้ว เพียงเห็นแก่กฎของหัวหน้าหลัวจึงไม่ได้เลิกรา อยู่ด้วยกันมานานหลายปี ข้าทำหนังสือหย่าร้างไว้แล้ว หลังจากข้าออกไป ภรรยาของข้าก็แต่งงานใหม่กับคนอื่นได้อีกครั้ง…”

กู้ซีจิ่วเคลื่อนสายตาร่อนลงบนร่างภรรยาโจว “พี่สะใภ้โจว เจ้าว่าอย่างไร?”

ริมฝีปากแดงระเรื่อของนางโจวสั่นเครือ หลุบตาลง “ข้าเต็ม…ข้าเต็มใจช่วยให้เขาสมหวัง

กู้ซีจิ่วยิ้ม “เจ้าเต็มใจช่วยให้เขาสมหวังเป็นเรื่องของเจ้า ข้าถามว่าที่เขาพูดมาเป็นความจริงหรือไม่?”

นางโจวนิ่งงัน เป็นใบ้อยู่นาน ในที่สุดก็หลับตาลง “จะ…จริง”

กู้ซีจิ่วถอนใจเบาๆ “เจ้าบอกว่าพวกเจ้าไปกันไม่ได้ตั้งนานแล้ว? ไม่มีความรู้สึกอันใดแล้ว เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด?”

นางโจวตกตะลึง เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่โจวเทียนชื่อกลับแย่งพูดเสียก่อน “เมื่อยี่สิบปีก่อน ข้ากับนางสนิทสนมกันแค่เพียงภายนอก”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “ยี่สิบปีก่อน? ข้าจำได้ว่าตอนที่ข้ามา ยังได้ยินคนที่นี่พูดกันว่าพวกเจ้าทั้งสองรักใคร่กันเป็นที่สุด เจ้ากลับบ้านดึกหน่อย นางก็ยืนพิงประตูรอ เจ้าขึ้นไปเก็บผลไม้บนต้นไม้ ไม่ว่ากลับมาดึกแค่ไหน นางก็จะรอเจ้า ล้างเท้าให้เจ้า บีบนวดให้เจ้า ส่วนเจ้าหากมีสิ่งใดดีงามก็ชอบมอบให้นาง ผู้ใดยักคิ้วหลิ่วตาให้นางเพียงเล็กน้อย เจ้าก็ต้องบังคับคนผู้นั้นให้มาขอโทษนาง ข้าเห็นมากับตาข้าเองหนึ่งครั้ง นี่คือสนิทสนมกันแค่เพียงภายนอกหรือ?”

โจวเทียนชื่อนิ่งอึ้ง เขานึกไม่ถึงว่ากู้ซีจิ่วจำเรื่องราวได้ชัดเจนถึงเพียงนี้!

เขาจำต้องแก้ตัว “ข้าจำผิดไปแล้ว เมื่อเจ็ดปีก่อน…”

ใบหน้างดงามของกู้ซีจิ่วเย็นชาขึ้น “เจ็ดปีก่อน ตอนนั้นได้ป่าวประกาศเงื่อนไขไปแล้ว ดูเหมือนเพื่อบรรลุเงื่อนไขการออกไปจากที่นี่ เจ้าก็เริ่มไม่แยแสนางตั้งแต่ตอนนั้น!”

โจวเทียนชื่อกล่าวไม่ออก

กู้ซีจิ่วพูดไม่มีผิด เขาเริ่มไม่แยแสภรรยาตั้งแต่ตอนนั้นจริง เขาไม่ทำร้าย ไม่ด่าทอ เพียงแต่เฉยชาใส่ภรรยาราวกับก้อนน้ำแข็ง ไม่ถามไม่ไถ่ ทำเป็นมองไม่เห็นท่าทีที่ภรรยาแสดงออกให้เขา…

วันเวลาล่วงเลยผ่านไป นางโจวก็รู้ความคิดของเขาเช่นกัน นางรักเขา ดังนั้นจึงไม่อยากเหนี่ยวรั้งเขาไว้ ทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทนเงียบๆ เพราะโจวเทียนชื่อไม่แยแสนาง นางก็ไม่มีทางไปเรียกร้องความยุติธรรมจากผู้อื่นได้…

เมื่อคืนเขาคุกเข่าลงต่อหน้านาง ขอร้องให้นางปล่อยให้เขาได้สมหวัง นางถูกเฉยชาใส่มาเกือบเจ็ดปี จิตใจด้านชาไปจนหมดสิ้น จึงเลือกที่จะปล่อยให้เขาสมหวัง…

คำพูดกู้ซีจิ่วทำให้ดวงตาของนางโจวแดงก่ำ เมื่อมาถึงจุดนี้ ถึงแม้เป็นสตรีก็ต้องยืนหยัดจนถึงที่สุด ดังนั้นนางจึงยิ้ม “ซีจิ่ว แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน ข้าหย่าร้างกับเขาแล้วจริงๆ นับจากนี้ บุรุษแต่งงานสตรีออกเรือน ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป ข้าหมดใจให้เขาแล้ว หากเขามีคุณสมบัติเพียงพอตามเงื่อนไขก็ให้เขาเข้าร่วมการคัดเลือกเถิด”

กู้ซีจิ่วมองไปทางโจวเทียนชื่อ “เจ้าไม่เสียใจภายหลังหรือ? ตอนแรกนางไม่สนใจเจ้าแม้แต่น้อย เป็นเจ้าที่คอยเกี้ยวพานางอย่างไม่ลดละอยู่หกปี เคยบาดเจ็บเจียนตายเพื่อนาง นางถึงได้ประทับใจในตัวเจ้า ยอมแต่งงานกับเจ้า…”

นิ้วมือของโจวเทียนชื่อภายใต้แขนเสื้อกระชับแน่น กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่เสียใจภายหลัง!”

คนสมัยก่อนฆ่าภรรยาเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ เขาเพียงแค่ทอดทิ้งภรรยา ไม่ถือว่าทำการร้ายแรงอะไร

กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขาอีก มองไปทางอีกคู่หนึ่ง “หวังอวิ่นหยวน เจ้าว่าอย่างไร?”

หวังอวิ่นหยวนมองไปที่ภรรยาของเขา นางหวังก้าวไปด้านหน้า “ซีจิ่ว ไม่ต้องถามหรอก ข้าเต็มใจช่วยให้เขาสมหวัง เขาเกิดในตระกูลสูงส่งและเป็นลูกชายคนโต หากเขาได้ออกไปจะมีอนาคตสดใสรออยู่ ความจริงเขาก็อยากออกไปมาตลอด”

————————————————————————————-

[1] pk (Player Kill) ในที่นี่เป็นคำศัพท์เฉพาะของคนเล่นเกม ความหมาย คือ การกำจัดผู้เล่นในเกม

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

Status: Ongoing
   เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท