ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1362 (4)+(5)

บทที่ 1362 (4)+(5)

บทที่ 1362 พูดไปพูดมาไม่พ้นร่วมหอ (4)

สายตาของเขามีรูปธรรมจับต้องได้เกินไป กู้ซีจิ่วถูกเขาจ้องจนรู้สึกคล้ายว่าหน้าร้อนฉ่าเจียนไหม้แล้ว “ชุดแต่งงานนี้ข้าสวมมาสองหนแล้ว…”

ลมหายใจร้อนผ่าวของตี้ฝูอีรินรดข้างหูเธอ “ครั้งก่อนนับว่าเป็นการลองชุด ครั้งนี้สิถึงจะเป็นของจริง ไม่ว่าเจ้าจะสวมในยามไหนล้วนน่ามองยิ่งนัก”

“แต่ว่า…” กู้ซีจิ่วยื่นมือไปยับยั้งมือของเขาที่แกะสาบเสื้อเธออยู่

“แต่อะไร?” ตี้ฝูอีไม่เข้าใจ เขาต้องการนาง ต้องการเดี๋ยวนี้!

กู้ซีจิ่วอยากขบริมฝีปาก เธอค่อนข้างกระดากอาย “แต่ว่า…แต่ว่าข้ายังไม่ได้อาบน้ำ…”

ทุกคืนก่อนนอนเธอจะอาบน้ำเป็นประจำ

จะอย่างไรเธอก็คาดไม่ถึงว่าคืนนี้จะกลายเป็นคืนวิวาห์ ก่อนหน้านี้หลังจากที่ทุกคนตัดสินใจได้แล้ว ก็ลากเธอไปเปลี่ยนชุดแต่งตัวทันที ไม่มีเวลาให้อาบน้ำเลย…

เร่งด่วนเกินไป! เร่งด่วนเกินไปจริงๆ! แทบจะอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเธออย่างสมบูรณ์

ตี้ฝูอีตะลึงไปครู่หนึ่ง หัวเราะออกมาอย่างอดไว้ไม่อยู่

กู้ซีจิ่วถูกเขาหัวเราะ ใบหน้าจึงแดงก่ำยิ่งขึ้น ยื่นมือไปทุบไหล่เขา “ท่านยังจะหัวเราะอีก! ล้วนต้องโทษท่าน รีบร้อนแต่งงานถึงเพียงนี้…”

ตี้ฝูอีปล่อยให้นางทุบ ตอนนี้นางทุบเขาด้วยเรี่ยวแรงเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าหักใจลงมือกับเขาอย่างแท้จริงไม่ได้ ทำให้เขาคันยุบยิบเท่านั้น

กู้ซีจิ่วทุบเขาต่อเนื่องกันเจ็ดแปดทีถึงได้สติกลับมา ดูเหมือนท่าทางเช่นนี้ของตนจะค่อนข้างเหมือนเด็กน้อยยิ่งนัก…

เธอผงะไปนิด หยุดมืออย่างเก้อเขิน คิดไม่ถึงเช่นกันว่าตนจะมีช่วงที่มีอารมณ์เด็กน้อยเช่นนี้ด้วย

ตี้ฝูอีรอจนนางหยุดมือ ถึงได้กุมมือของนางไว้ ประสานมือกับนาง โน้มลงไปจุมพิตติ่งหูนางเบาๆ คราหนึ่ง มองติ่งหูข้างนั้นแดงก่ำขึ้นมาอย่างรวดเร็วปานมะเขือเทศราชินี ลมหายใจเขาร้อนผ่านยิ่งนัก “เด็กน้อย เจ้าอยากอาบน้ำหรือ? เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไปยังที่แห่งหนึ่ง มาเถอะ หลับตาลงก่อน”

ในน้ำเสียงอบอุ่นของเขาเปี่ยมด้วยอำนาจ เธอราวกับถูกสะกดจิต หลับตาลงจริงๆ จากนั้นก็รู้สึกได้ว่าตี้ฝูอีอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน จากนั้นฟ้าดินพลันพลิกหมุน เสียงลมหวีดหวิว

เธอสนใจใคร่รู้อยู่ในใจ ถึงแม้สถานที่แห่งนี้จะมีพื้นที่กว้างขวาง แต่ก็เหมือนแอ่งกระทะ พวกเขาอยู่ในกระทะไม่มีทางออกไปได้ แล้วเขาจะพาเธอไปไหนกัน?

เธออาศัยอยู่ที่นี่มากกว่าหนึ่งเดือนแล้ว กล่าวได้ว่าย่างกรายไปทั่วทุกซอกทุกมุม ไม่รู้สึกว่าจะมีสถานที่ไหนที่ทำให้ธอประหลาดใจได้

ดำเนินอยู่เช่นนี้กว่าสิบนาที กู้ซีจิ่วคาดการณ์จากฝีเท้าเช่นนี้ของตี้ฝูอีดูแล้ว น่าจะเดินทางออกมาหลายร้อยลี้ ทว่ายังคงไม่มีทีท่านว่าจะหยุดลง

คงมิใช่ว่าออกมาจากเขตแดนแห่งนั้นแล้วกระมัง?

เธอรู้สึกว่าจากเขตแดนด้านนี้จรดถึงเขตแดนด้านนั้นก็ยังไม่ห่างไกลกันถึงเพียงนี้เลย

….

ผ่านไปอีกสักครู่ ในที่สุดเขาก็หยุด จุมพิตแพขนตาของเธอที่อยู่ในอ้อมแขน “เอาล่ะ ลืมตาได้แล้ว”

กู้ซีจิ่วลืมตาขึ้นจริงๆ จากนั้นก็ตะลึงอยู่ตรงนั้น

นี่เธอเข้ามาในแดนเซียนแล้วใช่ไหม?

รอบข้างล้วนเป็นวัตถุคล้ายผลึกกึ่งโปร่งแสง วัตถุเหล่านี้มีหนามีบาง มีกว้างมีแคบ บางอันก็คล้ายผนังด้านหนึ่ง บางอันก็เหมือนเสาที่ไม่ตรงตามแบบแผนต้นหนึ่ง บางอันก็เหมือนเขากวาง…หลากหลายพิลึกพิลั่น ไม่เพียงเท่านั้น ที่ยิ่งประหลาดกว่านั้นก็คือวัตถุเหล่านี้คล้ายว่าจะกลวงเปล่าทั้งสิ้น ด้านในมีฟองอากาศเหมือนคลื่นน้ำผุดพรายอยู่

สิ่งนี้คืออะไร?

กู้ซีจิ่วพนันได้เลยว่าชั่วชีวิตนี้เธอไม่เคยพบเห็นสิ่งนี้มาก่อน จึงอดไม่ได้ยื่นมือไปลูบคลำดู มือสัมผัสถึงความอุณหภูมิเย็นๆ เสมือนหยก ไม่นับว่าแข็งเกินไปและไม่นับว่าอ่อนเกินไป หากว่าเธอออกแรงกดอีกสักหน่อย ไม่แน่ว่าอาจกดสิ่งเหล่านี้ให้แตกได้

“นี่คืออะไร? แล้วที่นี่คือที่ไหน?” กู้ซีจิ่วสนใจใคร่รู้

“ที่นี่อยู่ใต้ดินลึกสามสิบลี้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นรากเหง้าของต้นถันภังคี” ตี้ฝูอีอธิบายแก่เธอ

กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง โพล่งออกไปประโยคหนึ่ง “ข้ามาที่นี่ได้หรือ?”

เจ้าหอยยักษ์กล่าวไว้ว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่ตี้ฝูอีใช้ฝึกฝน ลึกลับยิ่งนักมิใช่หรือ?

มีเพียงตี้ฝูอีที่สามารถมาที่นี่ได้ แม้แต่เจ้าหอยยักษ์ที่มาที่นี่ได้ก็เป็นเพราะตอนนั้นตี้ฝูอีบาดเจ็บสาหัสจนมาที่นี่ด้วยตัวเองไม่ได้จริงๆ ดังนั้นถึงต้องโดยสารเจ้าหอยยักษ์เข้ามา

ส่วนเจ้าหอยยักษ์ที่ได้เข้ามาหนนั้น ต่อมามันโหยหาพลังวิญญาณที่เข้มข้นยิ่งนักของที่แห่งนี้ คิดจะแอบเข้ามาเงียบๆ ตัวเดียว ผลคือคว้าน้ำเหลว เนื่องจากถ้าไม่มีตี้ฝูอีนำทางก็ไม่อาจเข้ามาได้เลย

————————————————————–

บทที่ 1362 พูดไปพูดมาไม่พ้นร่วมหอ (5)

ตี้ฝูอีดึงมือเธอให้ออกเดินไปด้านหน้า “ต่อไปนี้สถานที่ที่ข้าไปเจ้าสามารถไปได้ทั้งหมด”

หากกล่าวกันว่าพลังวิญญาณในตาค่ายแห่งนี้คิดเป็นสองเท่าของโลกภายนอก เช่นนั้นจุดที่กู้ซีจิ่วอยู่ในยามนี้มีพลังวิญญาณไหลเวียนอยู่เกือบสิบเท่าของโลกภายนอกแล้ว!

พลังวิญญาณที่เข้มข้นของที่นี่แปรเปลี่ยนเป็นกระแสลมไหลเวียน กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าสูดหายใจที่นี่เฮือกหนึ่ง ก็สัมผัสถึงชีพจรของพลังวิญญาณในร่างกายได้แล้ว

“เจ้าหอยยักษ์บอกว่าที่นี่ไม่มีอากาศหายใจ คนทั่วไปเข้ามาแล้วต้องตาย ที่แท้เจ้านั่นก็หลอกข้า!”

“ก็มิได้หลอกเจ้าไปเสียทั้งหมดหรอก หากว่าเจ้าไม่ใช่คนของข้า เจ้าไม่มีทางเข้ามาในเขตแดนรอบๆ รากต้นไม้ยักษ์ได้ และรอบนอกของเขตแดนก็ไม่มีอากาศอันใดเลยจริงๆ”

กู้ซีจิ่วบรรลุได้ในทันใด “ความหมายที่ท่านจะบอกคือ เป็นเพราะข้ากับท่าน…มีความสัมพันธ์ขั้นนั้นกันแล้ว บนร่างมีกลิ่นอายของท่านอยู่ ดังนั้นจึงสามารถเข้ามาได้ใช่หรือไม่?”

ตี้ฝูอีหมุนแหวนบนนิ้วเธอเล่น “ฉลาดมาก! เพียงแต่ยังมีผลงานของแหวนวงนี้ด้วย”

ไม่คิดเลยว่าการเล่นพลิกผ้าห่มกับเขามีข้อดีเช่นนี้อยู่ด้วย

กู้ซีจิ่วทราบว่าสถานที่บางแห่งมีเพียงเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่เข้าไปได้ เปิดทางให้เพียงเทพศักดิ์สิทธิ์ นึกไม่ถึงว่าพอกลายเป็นภรรยาของเทพศักดิ์สิทธิ์แล้วก็ทำได้เหมือนกัน กู้ซีจิ่วมีความรู้สึกเหมือนได้พึ่งพาวาสนาของผู้มีบารมี

ตี้ฝูอีจูงเธอเดินไปอีกประมาณครึ่งลี้ เบื้องหน้าพลันปรากฏสระน้ำแห่งหนึ่ง น้ำในสระเขียวคราม ราวกับหยกเนื้อแข็งที่โปร่งใส มีไอร้อนสีเขียวจางๆ ลอยขึ้นมาจากสระ ลอยอ้อยอิ่งปานไอเซียน

สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือเตียงเมฆาสีแดงอ่อนหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากริมสระ ม่านเตียงสีแดงห้อยย้อยลงมาดั่งละอองหมอก เตียงที่ตั้งไว้ในสถานที่เช่นนี้ก็เปรียบเสมือนบุปผาแดงที่โดดเด่นออกมาท่ามกลางใบไม้เขียวขจี งดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ

กู้ซีจิ่วนิ่งงัน

ไม่จำเป็นต้องถามเลย นี่เป็นเตียงที่ตี้ฝูอีจัดเตรียมไว้ เห็นทีว่าเขาจะเตรียมการทุกอย่างไว้นานแล้ว

กู้ซีจิ่วมองเตียงนั้นด้วยความตะลึง

“เด็กน้อย ชอบที่นี่หรือไม่? คืนนี้พวกเราจะร่วมหอกันที่นี่ ที่นี่สิถึงจะเป็นเรือนหอที่ข้าตกแต่งไว้ให้เจ้า” ตี้ฝูอีจูงเธอก้าวไปทางสระนั้น “เจ้าอยากแช่น้ำก็แช่ที่นี่ได้ พวกเราแช่ด้วยกัน”

ใบหน้ากู้ซีจิ่วเห่อแดงอีกครั้งอย่างไม่อาจควบคุมได้ เธอพบว่ายามนี้ตี้ฝูอีพูดกับเธออ่างเปิดเผยยิ่งนัก พูดไปพูดมาไม่พ้นร่วมหอ เจ้าคนผู้นี้มักมากยิ่ง…

ถึงอย่างไรก็เพิ่งมาเป็นครั้งแรก เธอสนใจในสถานที่แห่งนี้มาก สลัดมือตี้ฝูอีออก เริ่มสำรวจดูรอบบริเวณนี้

ตี้ฝูอีหยิบเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมาแล้วนั่งลงไปทันที มองนางวนสำรวจ บางคราเมื่อเห็นนางรั้งอยู่จุดไหนนานหน่อย เขาก็จะอธิบายให้นางฟัง

อย่างเช่นฝึกฝนอยู่ที่นี่ต้องให้ความสำคัญกับอะไร พลังวิญญาณตรงไหนที่มีประโยชน์ต่อการฝึกฝนของเธอที่สุด เพิ่มพูนความรู้ให้กู้ซีจิ่วไม่น้อยเลย

สถานที่แห่งนี้ไม่นับว่าใหญ่มาก มีขนาดเท่าสนามฟุตบอลแห่งหนึ่งเท่านั้น เพียงครู่เดียวเธอก็วนรอบแล้ว เธออดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ

สายตาของตี้ฝูอีหันเหตามเธออยู่ตลอด “ถอนหายใจด้วยเหตุใดเล่า?”

“สถานที่แห่งนี้เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับบำเพ็ญโดยแท้ เมื่อก่อนท่านเข้าฌานอยู่ด้านนอกเนิ่นนานถึงเพียงนั้น ก็ยังฟื้นฟูพลังวิญญาณกลับมาไม่ได้ แต่หลังจากมาที่นี่ ภายในระเวลาสั้นๆ เพียงแปดวันท่านก็สามารถฟื้นฟูพลังยุทธ์ทั้งหมดคืนมาได้แล้ว ตอนที่ท่านโผล่ออกมาตอนนั้นข้าตกใจแทบแย่…” กู้ซีจิ่วปลงอนิจจัง เธอกล่าวยังติดตลก “ถ้ารู้อย่างนี้แต่แรก คงให้ท่านมาที่นี่แต่แรกแล้ว”

นัยน์ตาตี้ฝูอีวูบไหวเล็กน้อย ยิ้มแวบหนึ่ง “ดังนั้นกล่าวได้ว่านี่เป็นโชคในคราวเคราะห์ของข้ากระมัง?”

กู้ซีจิ่วเม้มปากนิดๆ “อันที่จริงหลายวันมานี้ข้าสำนึกเสียใจยิ่งนักมาโดยตลอด เสียใจที่หนีงานแต่งครั้งนั้น ทำให้ท่านต้องบาดเจ็บสาหัสจนหวิดสิ้นชีพ…”

————————————————————–

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

Status: Ongoing
   เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท