บทที่ 1362 พูดไปพูดมาไม่พ้นร่วมหอ (2)
จ้อกแจ้กจอแจ วาจาเร่งรัดต่างๆ นานาล้วนมีทั้งสิ้น
หลัวจั่นอวี่ถลึงตามองตี้ฝูอีอย่างดุดันแวบหนึ่ง เขายังคงไม่อยากรีบร้อนสุกเอาเผากินเช่นนี้ “งานวิวาห์เป็นเรื่องใหญ่ใช่การเล่นขายของเสียที่ไหน? อย่างไรก็ต้องเตรียมกันหลายวัน ทุกคนยังต้องตระเตรียมโถงพิธีให้พวกเขามิใช่หรือ?”
“โถงพิธีจัดเตรียมได้ง่ายยิ่งนัก พวกเราที่นี่มีกันมากมายขนาดนี้ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ภายในครึ่งชั่วยามก็จัดการได้แล้ว”
“ใช่แล้วๆ การกราบไหว้ฟ้าดินแท้จริงแล้วเป็นพิธีการอย่างหนึ่งเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกเขาต่างรักกันทั้งสองฝ่าย แยกคู่หนุ่มสาวจากกันก็ออกจะไร้คุณธรรมเกินไปหน่อย”
“วางใจเถอะน่า หัวหน้า ขอเพียงท่านสั่งการ พวกเราก็สามารถตกแต่งโถงพิธีการออกมาได้ทันที!”
“ใช่ๆ เดิมทีเนื่องจากเรื่องในงานชุมนุมคราวก่อนทำให้งานชุมนุมวันนี้กร่อยไป หากว่าใช้เรื่องมงคลมาลบล้างหน่อยก็ไม่เลวเลย”
คนเหล่านี้ต่างคนต่างพูด กล่าวมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าหลัวจั่นอวี่ยังไม่เห็นด้วยอีกเช่นนั้นก็จะทำให้ผู้คนขุ่นเคืองแล้ว เขากระแอมคราหนึ่ง “โถงพิธีการจัดเตรียมได้ไม่ยาก แต่เรือนหอ..”
กู้ซีจิ่วที่เงียบงันไร้วาจามาโดยตลอดพลันเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง “เรือนนั้นของข้าเดิมทีก็เป็นเรือนหออยู่แล้ว”
หลัวจั่นอวี่พูดไม่ออกแล้ว
เอาเถอะ ดูท่าน้องสาวก็คงเต็มใจออกเรือนกับผู้อื่นในทันที เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นคนเลวแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจตอบรับ เพียงแต่เขาก็มีเงื่อนไขเช่นกัน ภายหน้าถ้าออกไปจากที่นี่ได้ ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายต้องจัดงานวิวาห์ที่ยิ่งใหญ่อลังการชดเชยให้อีกครั้ง มอบฐานะอย่างเป็นทางการแก่น้องสาว
ตี้ฝูอีย่อมรับปาก ด้วยเหตุนี้เรื่องวิวาห์ครานี้จึงถูกกำหนดเช่นนี้แล
ทุกคนล้วนเป็นจำพวกที่บอกว่าจะทำก็ทำเลย รีบยกขบวนไปจัดแต่งโถงพิธีการทันที
เนื่องจากเมื่อก่อนเคยจัดงานวิวาห์มาหลายคู่แล้ว ทุกคนยังคงชำนาญการตกแต่งเช่นนี้ยิ่งนัก ยิ่งไปกว่านั้นคือตี้ฝูอีเตรียมการไว้หมดแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะพกข้าวของทั้งหมดที่ต้องใช้ในพิธีมาด้วย เช่นนี้การตกแต่งย่อมเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนพวกผู้หญิงก็ลากกู้ซีจิ่วไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเบิกบาน อย่างไรเสียชุดแต่งงานของเธอก็มีพร้อมแล้ว
ด้วยเหตุนี้หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม กู้ซีจิ่วก็สวมชุดวิวาห์มงกุฎหงส์ยืนอยู่หน้าโถงพิธีที่เพิ่งตกแต่งเสร็จสดๆ ร้อนๆ ตี้ฝูอีก็สวมชุดเจ้าบ่าวของเขาเช่นกัน ยืนเคียงข้างเธอ
ถึงแม้รอบข้างจะมีแขกเหรื่ออยู่ไม่กี่สิบคน ทว่าคึกคักยิ่งกว่าหลายร้อยคนเสียอีก
โถงพิธีใช้โถงหารือมาดัดแปลงชั่วคราว ไม่น่าเชื่อว่าจะงดงามโอ่อ่าได้เช่นกัน ทุกแห่งเต็มไปด้วยการเฉลิมฉลองยินดี
กู้ซีจิ่วมองอักษรคำว่า ‘ฟ้า’ ตัวใหญ่ที่ติดไว้เหนือโถงพิธี รู้สึกเหมือนมิใช่ความจริง
อักษรตัวใหญ่สองคำนี้เป็นลายมือของตี้ฝูอี ตวัดโค้งเฉียบคมปานตะขอเหล็ก มีอำนาจยิ่งนัก
อันที่จริงตามความคิดของคนส่วนใหญ่แล้ว สิ่งที่ติดไว้ในห้องโถงน่าจะเป็นอักษรมงคลคู่ตัวใหญ่ๆ กราบไหว้ฟ้าดินเป็นเพียงชื่อพิธีอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่ผู้ที่ติดอักษรตัวเดียวเช่นนี้เช่นตี้ฝูอีเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งไม่มีสอง
กู้ซีจิ่วทราบตัวตนที่แท้จริงของตี้ฝูอี เทพของทวีปนี้ และมีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่สามารถรับการคารวะจากเขาได้ อย่างอื่นล้วนไม่มีคุณสมบัติพอ
ตนจะได้ออกเรือนกับคนผู้นี้อย่างแท้จริงแล้ว!
ถึงแม้คืนฝนพรำวันนั้นเขาก็สวมชุดเจ้าสาวให้เธอเหมือนกัน และตกแต่งเรือนหอด้วย แต่นั่นก็เสมือนสวมชุดงามสง่าย่ำราตรีมืดมิด คนอื่นไม่รับรู้เลย การอยู่ร่วมกันของพวกเธอเหมือนการหนีตามกัน แต่ตอนนี้เธอยืนอยู่ตรงนี้เข้าพิธีกับเขา นั่นก็คือขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาอย่างเป็นทางการแล้ว แตกต่างจากที่ผ่านมา
ขณะที่เธอค่อนข้างใจลอย มือก็ถูกตี้ฝูอีกุมไว้
ฝ่ามือของเขาอุ่นร้อน เป็นอุณหภูมิที่เธอโหยหาตลอดมา
และนี่เป็นครั้งที่เขาได้กุมมือเธอ นับตั้งแต่ต้องแยกห่างกันหนก่อน ทำให้หัวใจเธอเต้นแรง
การกุมมือนี้ราวกับจำกุมกันไปชั่วชีวิต ความอบอุ่นจากฝ่ามือของเขาถ่ายทอดเข้ามา เคลื่อนขึ้นมาจากฝ่ามือเธอ ราวกับจะแทรกซึมเข้าไปถึงส่วนลึกในจิตใจ ทำให้ทั้งกายและใจของเธออบอุ่นขึ้นมา
————————————————————–
บทที่ 1362 พูดไปพูดมาไม่พ้นร่วมหอ (3)
นี่คือก็คือความสุขกระมัง? จูงมือกับคนรักไปชั่วชีวิต ไม่พรากไม่จาก
ทุกอย่างหลังจากนั้นเสมือนความฝัน กราบไหว้ฟ้าดินท่ามกลางคำอวยพรจากฝูงชน จากนั้นเธอก็กลับมาที่เรือนหอของเธออีกครั้ง
อันนี้ที่จริงเธอไม่เคยโยกย้ายการตกแต่งภายในเรือนนี้อีกเลย นับตั้งแต่คืนนั้น เมื่อเขาแยกออกไปเธอก็นอนในห้องนี้เพียงลำพัง ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาเรื่องแรกที่ทำก็คือปัดกวาดเช็ดถูทุกอย่างในห้องนี้อย่างละเอียด ดังนั้นทุกอย่างในห้องจึงยังดูใหม่เอี่ยมอยู่
ตี้ฝูอีจูงมือเธอไว้ตลอด หลังจากส่งตัวเธอเข้าห้องหอ เขาก็ยังจับไว้ตลอด
ถึงแม้จะอยู่ในสถานที่แห่งเดียวกัน แต่ถึงอย่างไรทั้งสองก็ไม่ได้พบปะกันมาครึ่งเดือนแล้ว ความคิดคำนึงแทรกลึกถึงกระดูก
ตลอดเวลาที่เขาจับมือเธอไว้ ความจริงกู้ซีจิ่วฝืนข่มความคิดที่อยากโผเข้าสู่อ้อมอกของเขาเอาไว้
ตามธรรมเนียม หลังจากเจ้าบ่าวส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอแล้ว สมควรออกไปดื่มสุราขอบคุณแขกเหรื่อในห้องโถงตามมารยาท
ดังนั้นหลังจากกู้ซีจิ่วนั่งลงก็เร่งเขาทันที ให้เขาออกไปสังสรรค์กับแขก
ตี้ฝูอีแย้มยิ้ม มือพลันออกแรง รั้งเธอเข้าสู่อ้อมแขน สบตากับเธอ “เด็กน้อย ยามนี้แล้วเจ้ายังจะไล่ข้าอยู่หรือ?”
อ้อมกอดนั้นอบอุ่น เธอฝืนข่มความปรารถนาจะกอดเอวของเขาเอาไว้ “ข้าไม่ได้ไล่ท่าน นี่เป็นกฎ…”
“ช่างหัวกฎสิ! ข้าเกลียดมัน!”
กู้ซีจิ่วร้องฮึคราหนึ่ง “มิใช่ว่าท่านเคารพกฎเกณฑ์ยิ่งนักเสมอมาหรอกหรือ?” ให้เขาอย่ามาพบหน้าเธอก่อนแต่งเขาก็ปฏิบัติได้หมดจดถึงเพียงนี้ ไม่โผล่หน้ามาเลยสักแวบจริงๆ
อันที่จริงครึ่งเดือนมานี้กู้ซีจิ่วก็เคยแอบไปหาเขาเช่นกัน ผลคือเขาไปมาไร้ร่องรอย เธอไม่รู้เลยว่าเขาอยู่ที่ไหน ย่อมไม่ได้พบกัน หากมิใช่ว่าเห็นสำรับอาหารที่เขาจัดเตรียมให้ทุกวัน เธอคงนึกว่าเขาเผ่นหนีไปแล้ว!
ดูเหมือนตี้ฝูอีจะเข้าใจอะไรแล้ว “ก่อนหน้านี้จ้าโกรธข้าเพราะเรื่องนี้หรือ? เลยจงใจแยกไปจากข้างกายข้าสินะ?”
กู้ซีจิ่วเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้มทีหนึ่ง “ในเมื่อท่านรักษากฎถึงเพียงนี้ข้าย่อมต้องรักษากฎด้วย นี่มิใช่ช่วยให้ท่านสมปรารถนาหรอกหรือ?”
เห็นได้ชัดว่านี่คืออารมณ์ฉุนเฉียวเล็กๆ น้อยๆ ทำให้ตี้ฝูอีอดนึกขำไม่ได้
ที่แท้เด็กสาวที่สงบเยือกเย็นเฉลียวฉลาดต่อหน้าผู้อื่นอยู่ตลอดก็มีช่วงเวลาที่เจ้าอารมณ์ และมีช่วงที่เป็นเด็กน้อยเช่นนี้เหมือนกัน
และในประโยคนี้ของนางมีความขุ่นเคืองแฝงอยู่ ขุ่นเคืองที่เขาไม่แอบมาพบนาง อันที่จริงก็คือคิดถึงเขานั่นแหละ
เนื่องจากคิดถึงยิ่งนักทว่าไม่ได้พบหน้า ย่อมทีความขุ่นเคือง ดังนั้นการที่เขาถูกเด็กสาวอารมณ์เสียใส่ก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ ความขุ่นเคืองนี้เป็นความขุ่นเคืองที่ทำให้ในใจของเขาหวานชื่น
เขาแย้มยิ้ม “ที่แท้ก็คิดถึงข้า! เจ้าคงมิใช่ว่าไม่ได้พบหน้าหนึ่งวันเสมือนผ่านผันไปสามปีกระมัง?”
“ชิ ไม่ใช่สิ หลายวันมานี้ข้ายุ่งมาก ยุ่งจนใกล้จะลืมไปแล้วว่าท่านเป็นใคร” กู้ซีจิ่วไม่ยอมรับว่าตัวเองคิดถึงเขาจริงๆ
“โอ้…ใช่หรือ? เช่นนั้นข้าจะย้ำความทรงจำให้เจ้าอีกหน่อยแล้วกัน! ให้เจ้าจำได้ขึ้นใจว่าข้าเป็นใคร!” ไม่พูดพร่ำทำเพลงอันใดอีก ประทับจูบลงมาทันที!
จูบนั้นร้อนแรง เผด็จการ แฝงความคิดคะนึงอย่างลึกล้ำไว้ จุดชนวนความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายได้ในชั่วพริบตา…
เดิมทีกู้ซีจิ่วเม้มปากน้อยๆ ไว้ไม่ตอบสนอง แต่ก็เพียงฝืนตัวเองไม่ให้ตอบสนองเท่านั้น เลี่ยงไม่ให้เจ้าคนผู้นี้หลงระเริงได้ใจ
กลับถูกเขาเขาบังคับง้างปาก รุกรานเข้ามาอย่างดุดัน บีบให้เธอร่วมเคล้าคลอไปกับเขา ไปๆ มาๆ เช่นนี้อยู่ไม่กี่ครั้ง ในที่สุดเธอก็แตกพ่ายไม่เป็นท่า สองแขนที่คยแข็งทื่ออยู่ข้างกายมาตลอดยกขึ้นโอบคอเขา ดุจเถาวัลย์พันพฤกษา คลอเคลียแนบชิด เริ่มตอบสนองเขา
คิดถึงเขามากจริงๆ!
คิดถึงอ้อมกอดของเขา คิดถึงจุมพิตของเขา คิดถึงรสชาติของเขา…คิดถึงทุกสิ่งที่เป็นเขา
เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าตัวเองจะติดใครสักคนได้ถึงเพียงนี้ เธอเข้มแข็งเยือกเย็นเสมอมา แต่เมื่ออยู่ข้างกายเขากลับเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง อยากอยู่แค่กับเขา ไม่อยากพรากจากกันอีก…
จุมพิตเร่าร้อนจุดไฟปรารถนาได้ง่ายดายนัก ตี้ฝูอีอุ้มเธอขึ้นมาทันที ก้าวไปที่ริมเตียง
นัยน์ตาของกู้ซีจิ่วพร่าเลือนแวบหนึ่ง ถูกเขาทับไว้บนเตียงแล้ว…
อย่าดูแคลนคู่แต่งงานใหม่ นับประสาอะไรกับพวกเขาที่เพิ่งได้ลิ้มชิมความหวานล้ำในเชิงนี้ก็ถูกบังคับให้แยกกันอยู่แล้วเล่า?
ร่างกายร้อนรุ่มของเขาทาบทับอยู่บนตัวเธอ ไม่หนักทว่าสามารถควบคุมเธอไว้ใต้ร่างอย่างเบ็ดเสร็จได้ สายตาเขาจับจ้องตราตรึงอยู่ที่เธอ “ซีจิ่ว คืนนี้สิถึงจะเป็นคืนวิวาห์ของพวกเราอย่างแท้จริง เจ้าชอบไหม?”
————————————————————–