ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1430+1431

บทที่ 1430+1431

บทที่ 1430 ล่อนจ้อน 2

สีหน้าของสตรีชุดขาวพลันแปรเปลี่ยน หลังจากร้องอุทานก็รีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ออกไปได้เอ่ยทิ้งไว้ประโยคหนึ่ง “ใส่เสื้อซะ!”

สตรีชุดขาวผู้นี้ย่อมเป็นเซียนหญิงลี่หวาง

ใบหน้าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมแดงก่ำดั่งเลือดนก ไม่สนใจอะไรแล้ว เพิ่งจะสอดแขนเสื้อได้ข้างเดียว มู่อวิ๋น มู่เหล่ยก็พุ่งเข้ามาทันที “นายท่านถูกโจมตีหรือขอรับ?!”

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายพูดอะไรไม่ออก…

เขารู้สึกว่าหน้าตาทั้งชีวิตนี้ของเขาล้วนมาขายขี้หน้าอยู่ที่นี่หมดแล้ว!

โชคดีที่ดวงตาทั้งสองคู่ของมู่อวิ๋นกับมู่เหล่ยกวาดผ่านเขาไปแค่แวบเดียวเท่านั้น จากนั้นก็เข้าร่วมการต่อสู้เลย ไม่ได้อุทานด้วยความตกใจอันใด

ยามนี้มองออกเลยว่าวรยุทธ์ของพวกมู่เฟิงทั้งสี่แข็งแกร่งนัก

ร่วมงานกันมาหลายร้อยปีแล้วทำให้การต่อสู้ประสานกันของพวกเขาน่าหวาดผวาเอาการ สาวใช้สี่คนนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย…

“จับเป็น! จับเป็นให้ได้!” เพลิงโทสะของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมพวยพุ่งสูงสามพันจั้ง

“ขอรับ!” พวกมู่เฟิงทั้งสี่ขานรับอย่างพร้อมเพรียง

แต่พวกเมิ่งเถียนเอ๋อร์ทั้งสี่คงจะตระหนักได้แล้วว่าไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ให้สำเร็จได้อีกต่อไป อีกทั้งไม่ว่าจะหนีสักกี่ครั้งล้วนถูกสี่ผู้คุ้มกันโจมตีขัดขวางปานห่าพายุ จึงสบตากันแวบหนึ่ง ไม่ทราบเช่นกันว่ากัดสิ่งใดเข้า จู่ๆ ก็ล้มลงไปพร้อมกัน ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีดำด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า…

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมตะลึง

เขาถลาเข้าไป ยื่นมือหมายจะบีบคางของเมิ่งเถียนเอ๋อร์ มู่เฟิงรีบเข้ามาสกัด “นายท่าน พวกนางถูกพิษแล้ว! สัมผัสไม่ได้ขอรับ!”

อันที่จริงทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมก็มึนงงแล้วจริงๆ พอได้ยินเสียงมู่เฟิงถึงได้สติกลับมา หลุบตามองแวบหนึ่ง เห็นเพียงว่าสาวใช้ทั้งสี่ไม่เพียงแต่เลือดออกเจ็ดทวารเท่านั้น แม้แต่ซากศพก็เสมือนถูกน้ำกรดเข้า หลอมละลายอย่างรวดเร็ว…

แทบจะเป็นเวลาชั่วพริบตาเท่านั้น ก็ละลายเป็นน้ำสีเหลืองเหม็นๆ สี่แอ่ง

หน้าผากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมแทบจะมีหยาดเหงื่อเย็นๆ ผุดออกมาแล้ว ระหว่างนี้ในที่สุดเซียนหญิงลี่หวางก็ก้าวเข้ามาพอดี มองทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมก่อนคราหนึ่ง “เจ้าไม่เป็นไรกระมัง?”

มุมปากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมยกขึ้นแวบหนึ่ง “ด้วยบารมีของท่านเซียน ข้าจึงได้รับความตกใจเท่านั้น”

สีหน้าของเซียนหญิงลี่หวางไม่สู้ดีนัก นางครองตนเป็นหญิงพรหมจรรย์เสมอมา กลับได้เห็นร่างกายเปลือยเปล่าของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมผู้นี้เข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ…

นางมองน้ำสีเหลืองที่เหลืออยู่บนพื้น “เหตุใดไม่เหลือชีวิตไว้?”

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมว่าอย่างเยียบเย็น “ข้าก็อยากเหลือชีวิตไว้ จนปัญญาที่พวกนางเป็นหน่วยกล้าตาย ยอมตายไม่ยอมโดนจับ เพียงแต่พระหนีอย่างไรก็ไม่พ้นวัด[1] ท่านเซียนเป็นวิชาเรียกวิญญาณ สามารถเรียกวิญญาณของพวกนางมาไต่สวนได้”

เซียนหญิงลี่หวางเงียบงัน จรดนิ้วร่ายคาถาทันที ผ่านไปครู่หนึ่งนางก็เก็บมือ เอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ไม่มีประโยชน์ วิญญาณของพวกนางแตกสลายไปแล้ว”

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมนิ่งงัน

มือที่อยู่ในแขนเสื้อของเขากำแน่น ยิ้มแวบหนึ่ง “ที่แท้บนโลกนี้ยังมีพิษที่สามารถทำให้ดวงวิญญาณคนแตกสลายได้ทันทีอยู่ด้วย”

เซียนหญิงลี่หวางขมวดคิ้ว “วาจานี้ของเจ้าหมายความว่าอย่างไร? พิษชนิดนี้พวกเราเองก็มีอยู่”

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมหน้ายิ้มใจไม่ยิ้ม “คงจะเป็นเซียนหญิงลี่หวางเท่านั้นที่มีพิษชนิดนี้ ตัวข้าไม่มีสิ่งนี้”

เซียนหญิงลี่หวางโกรธเกรี้ยวในทันใด “เจ้าหมายความยังไง? หรือสงสัยว่าเปิ่นกงปองร้ายเจ้าไม่สำเร็จ?!”

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมกล่าวอย่างเฉยเมย “มิกล้า ข้าเพียงว่าไปตามจริงเท่านั้น”

เซียนหญิงลี่หวางพลันอึดอัดคับข้อง ไปต่อก็ไม่ได้ถอยกลับก็ไม่ได้ จึงข่มกลั้นไว้พลางเอ่ย “เจ้ากับข้าเป็นพวกเดียวกัน เปิ่นกงจะทำร้ายเจ้าไปทำไม? ต้องมีคนคิดสร้างความร้าวฉานระหว่างพวกเราสองคนเป็นแน่ เจ้าเฉลียวฉลาดถึงเพียงนี้จะติดกับดักที่ตื้นเขินเช่นนี้ด้วยหรือไง?”

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมไม่พูดอะไร หันกลับไปนั่งหน้าโต๊ะสั่งการสี่ผู้คุ้มกัน “พวกเจ้าสี่คนไปตรวจสอบฐานะและประวัติของนังตัวแสบสี่คนนี้มา นำบรรพบุรุษแปดชั่วโคตรทั้งหมดของพวกนางมารายงานข้าให้ชัดเจน! ห้ามตกหล่นแม้แต่น้อย!”

—————————————————————

บทที่ 1431 ล่อนจ้อน 3

“ขอรับนายท่าน!”

พวกมู่เฟิงทั้งสี่ตอบรับ หมุนกายจากไป

เซียนหญิงลี่หวางมองแผ่นหลังสี่ผู้คุ้มหายลับไป ค่อนข้างคลางแคลง “เหตุใดพวกเขาทั้งสี่ถึงมาได้ทันเวลาปานนี้? บางทีพวกเขาสี่คนอาจจะมีปัญหาเหมือนกัน…”

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมหัวราะเบาๆ มุมปากหยักยิ้มถากถางอยู่บ้าง “หากว่าพวกเขาสี่คนมีปัญหาดังว่า ครั้งนี้ข้าคงสิ้นท่าไปแล้ว!”

เซียนหญิงลี่หวางขมวดคิ้ว “แต่พวกเขาสี่คนมาได้ทันเวลาเกินไปหน่อยแล้ว!”

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมคงรอยยิ้มตรงมุมปากไว้ไม่อยู่แล้ว เอ่ยอย่างอึมครึม “ความหมายของท่านเซียนคือรังเกียจที่พวกเขามาได้ทันเวลางั้นหรือ? ข้าต้องถูกสังหารไปเสียแล้วพวกเขาสี่คนค่อยมาท่านเซียนถึงจะพอใจใช่ไหม?”

“เปิ่นกงไม่ได้หมายความว่าแบบนี้! เปิ่นกงรู้สึกอยู่ตลอดว่าเรื่องนี้มีลับลมคมในอยู่ เดิมทีเปิ่นกงก็พักผ่อนไปแล้ว ทว่าได้ยินเสียงประหลาดดังออกขึ้นนอกเรือน ดังนั้นถึงออกมาดู และถูกล่อให้มาถึงที่นี่ เป็นสี่ผู้คุ้มกันที่จงใจล่อเปิ่นกงมาหรือไม่เล่า?”

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมเกิดความแคลงใจในเซียนหญิงลี่หวางผู้นี้แล้ว ย่อมหยามหยันในถ้อยคำของนาง หากมิใช่ว่าไม่อาจล่วงเกินสตรีผู้นี้ได้ในยามนี้ เขาคงเมินหน้าหนีไปหน้าแล้ว!

สาวใช้สี่นางนี้เมื่อก่อนล้วนเคยได้รับการตรวจสอบจากเซียนหญิงลี่หวางแล้วทั้งสิ้น ผ่านการจับเท็จแล้ว และเคยมอบให้เซียนหญิงลี่หวางปรับเปลี่ยนอย่างสมบูรณ์ ถึงถูกส่งมารับใช้ข้างกายเขา อีกทั้งยาพิษที่ทำให้คนสิ้นชีพวิญญาณแตกสลายได้ในชั่วพริบตาก็มีเพียงเซียนหญิงลี่หวางเท่านั้นที่มี…

ถึงยามนี้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมก็ตระหนักได้แล้วเช่นกันว่าคนในความฝันผู้นั้นมิได้ปรารถนาดีต่อเขา มิเช่นนั้นคงไม่สอนวิชาครึ่งๆ กลางๆ เช่นนี้ให้ ไม่เพียงแต่ไม่พัฒนาระดับพลังวิญญาณนั้น กลับทำให้วรยุทธ์ของเขาถดถอยลงไปเกือบครึ่งในชั่วพริบตา…

เขาไม่เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของคนในฝันชัดๆ เลย แต่เท่าที่เขารู้ ผู้ที่สามารถเข้าฝันคนอื่นได้มีเพียงสามคน คนหนึ่งคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวจริง คนหนึ่งคือเซียนหญิงลี่หวาง อีกคนคือท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน…

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวจริงไม่น่าเป็นไปได้ เขาไม่เหตุผลออะไรที่ต้องสอนวรยุทธ์แก่เขาให้เขาทำลายชื่อเสียงของตน ส่วนเทพศักดิ์สิทธิ์…ดูเหมือนเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำแบบนี้เช่นกัน เทพศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ควบคุมโลกใบนี้ เขาไม่จำเป็นต้องชุบเลี้ยงคนผู้หนึ่งให้มาทำลายวัฏจักรของโลกนี้…

เช่นนั้นผู้ต้องสงสัยเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ก็คือเซียนหญิงลี่หวางผู้นี้

เซียนหญิงลี่หวางมาจากดินแดนเบื้องบน บางทีนางอาจได้รับคำสั่งจากดินแดนเบื้องบนให้ยืมมือเขาสร้างความโกลาหลให้โลกใบนี้ จากนั้นคนของดินแดนเบื้องค่อยฉวยโอกาสเข้ายึดครอง…

มิเช่นนั้นเมื่อสองปีก่อนนางคงไม่มาหาเขาอย่างน่าพิศวงหรอก จากนั้นก็ทุ่มเทกายใจอบรมบ่มเพาะเขามาโดยตลอด บอกว่าจะช่วยให้เขาได้เป็นอับดับหนึ่งของโลกนี้ จู่ๆ นางจะช่วยเหลือเขาถึงเพียงนี้โดยไม่มีปจุดประสงค์ได้อย่างไร? บางทีตอนนี้เขาคงใกล้จะถึงตำแหน่งสูงสุดของโลกใบนี้แล้ว เป็นหนึ่งมิมีสอง บรรลุความต้องการขั้นพื้นฐานของพวกเซียนหญิงลี่หวางที่โลกนั้นแล้ว ดังนั้นเมื่อพวกเขาโม่แป้งเสร็จจึงต้องการสังหารลา!

หลักฐานทั้งหมดในยามนี้บ่งชี้ว่าเซียนหญิงลี่หวางคือผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง…

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมก็หาใช้ตะเกียงขาดน้ำมัน ระลอกความสงสัยกระเพื่อมอยู่ในใจของเขาแล้ว ทว่าสีหน้ากลับราบเรียบ เอ่ยอย่างเฉยชาว่า “เรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้ละเอียด! ข้าจะควานหาตัวผู้บงการเบื้องหลังมาสับเป็นพันชิ้นให้ได้!”

เซียนหญิงลี่หวางพยักหน้า “ย่อมต้องตรวจสอบอยู่แล้ว…”

นางชะงักไปเล็กน้อย “เจ้าว่าจะใช้คนที่กู้ซีจิ่วผู้นั้นส่งมาหรือไม่? ระยะนี้ลือกันว่านางออกจากการกักตนแล้ว…”

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมขมวดคิ้ว “นางหายสาบสูญไปแปดปีแล้ว หากไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย นางน่าจะตายไปนานแล้ว! มิใช่ว่าท่านก็เคยเรียกวิญญาณนางแล้วหรอกหรือ ไม่เห็นจะเรียกอะไรมาได้เลย…”

“เป็นเพราะเรียกมาไม่ได้นี่แหละเปิ่นกงถึงได้สงสัยว่านางยังมีชีวิตอยู่! บางทีนางจะค้นพบแล้วว่าเจ้าเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอม ขุ่นเคืองที่เจ้าทำลายชื่อเสียงของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ด้วยเหตุนี้จึง…”

————————————————————————

[1] พระหนีอย่างไรก็ไม่พ้นวัด หมายถึง ต่อให้หนีได้ก็ไม่อาจหนีพ้นไปได้ตลอดรอดฝั่ง

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

Status: Ongoing
   เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท