ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1505.2 (2)

บทที่ 1505.2 (2)

บทที่ 1505 ผู้ใดจะตบหน้าผู้ใด (2)

ตี้ฝูอีมองเขาอีกแวบหนึ่ง โบกแขนเสื้อคราหนึ่ง โซ่ตรวนหนักอึ้งบนร่างกู้เซี่ยเทียนพลันสลายเป็นฝุ่นผงด้วยตัวเอง เขาชะงักไปครู่หนึ่งหมายจะลุกขึ้นมา แต่ท้ายที่สุดแล้วสองขาก็คุกเข่าอยู่นานเกินไป เหน็บชายิ่งนักไปนานแล้ว ส่ายโงนเงน กลายเป็นคุกเข่าลงบนพื้นอีกครั้ง คุกเข่าลงตรงแทบเท้าของบุรุษชุดเขียวที่อยู่ข้างกายตี้ฝูอีคนนั้นพอดี

บุรุษชุดเขียวผู้นั้นตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อย นัยน์ตามีแววมืดมนพาดผ่านแวบหนึ่ง ยกแขนเสื้อพยุงกู้เซี่ยเทียนขึ้นมา

“คุณชายท่านนี้ขอบคุณยิ่งนัก” กู้เซี่ยเทียนเอ่ยขอบคุณ

น้ำเสียงบุรุษชุดเขียวผู้นั้นเฉยชา “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ” รอจนกู้เซี่ยเทียนยืนมั่นแล้ว เขาก็ปล่อยมือทันที ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่อยากอยู่ใกล้กู้เซี่ยเทียนแม้แต่ก้าวเดียว

กู้เซี่ยเทียนกลับอดไม่ได้ที่จะจ้องมองคุณชายผู้นี้อีกหลายครา “คุณท่านนี้คือ?”

บุรุษชุดเขียวผู้นั้นไม่สนใจเขาเลย หันหน้าไปคุยกับสหายร่วมกลุ่มที่อยู่ข้างกายเสีย

กู้เซี่ยเทียนรู้สึกเสียหน้า ไม่เข้าหาอย่างไร้ยางอายอีก อีกอย่างยามนี้ก็ไม่ใช่เวลามาตีสนิทกับผู้อื่น จึงหันไปกล่าวขอบคุณตี้ฝูอี

“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ช่วยพวกเราด้วย”

“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ช่วยชีวิตด้วย!”

“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ช่วยลูกของข้าด้วย…”

“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย พวกเราได้รับความอยุติธรรม…”

คนตระกูลกู้ที่ยังคงถูกมัดไว้เหล่านั้นก็พากันตะโกนร่ำร้องขึ้นมา

ตี้ฝูอีสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง คนข้างกายเขาลงมือทันที ไปแก้เชือกชนิดพิเศษที่บนร่างคนที่ถูดมัดติดเสาเพื่อรอการประหารออกก่อน

เพชฌฆาตที่อยู่ด้านข้างล้วนเป็นคนของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอม เป็นคนที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมผลักดันขึ้นมา ยามนี้ก็ไม่รู้เช่นกันว่าควรขัดขวางหรือไม่ ค่อนข้างทึ่มทื่อไปชั่วขณะ

แน่นอนว่ามีคนที่จงรักภักดีต่อทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมอยู่เช่นกัน ยามนี้จึงลงมือขัดขวาง

พวกที่ไม่ขัดขวางยังดีหน่อย คนที่ขัดขวางกลับเคราะห์ร้ายกว่า

ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นแค่เพชฌฆาต วรยุทธ์จะสูงจะแค่ไหนก็ไม่สูงถึงปานนั้น ขั้นที่สูงที่สุดก็คือพลังวิญญาณขั้นเจ็ดเท่านั้น ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของยอดฝีมือขั้นเก้าฝ่ายตี้ฝูอีเหล่านั้นได้? เพิ่งจะลงมือขัดขวางก็ถูกผู้อื่นซัดจนปลิวออกไปแล้ว!

ส่วนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้ปริปากเลย ดังนั้นเมื่อเพชฌฆาตที่เหลือเห็นเช่นนี้ จึงไม่คิดจะเข้าไปขัดขวางอีก

ท่าทางของคนตระกูลกู้ที่ถูกมัดไว้บนเสาเหล่านั้นค่อนข้างพิกล ถูกมัดด้วยเชือกที่ดูคล้ายเอ็นหนังวัวชนิดหนึ่งขยับเขยื้อนไม่ได้เลยสักนิด เชือกเหล่านั้นแข็งแรงอย่างยิ่ง รัดเข้าไปในเนื้อ ไม่สามารถตัดให้ขาดได้ ทำได้เพียงแกะออกเท่านั้น

เงื่อนเชือกนั้นพิสดารนัก แม้แต่หลัวจั่นอวี่ก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเช่นกัน

หลัวจั่นอวี่ไปแกะเชือกบนร่างของเด็กคนหนึ่งก่อน เด็กคนนั้นอายุเพียงสามขวบ ร้องไห้อยู่ตลอด ร้องจนเสียงแหบแห้ง คล้ายว่าจะหายใจแทบไม่ออกแล้ว

ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะแก้เงื่อนตายนั้นได้ ขณะที่กำลังคลายเชือกออกมาจากตัวเด็กทีละเส้นๆ

จู่ๆ ตี้ฝูอีก็เอ่ยขึ้นมา “หยุดมือ!”

หลัวจั่นอวี่สะดุ้งโหยง หยุดมือแล้วมองเขา

คนอื่นๆ ที่กำลังแก้เชือกอยู่ก็หยุดมือด้วย

เรือนกายตี้ฝูอีไหววูบ ปรากฏตัวข้างกายหลัวจั่นอวี่ทันที สายตาร่อนลงบนเชือกเหล่านั้น หรี่ตานิดๆ “เชือกนี้ประหลาด!”

ฝ่ามือเขาวางลงบนเชือกเส้นนั้น คล้ายกำลังจับสัมผัสอะไรอยู่ ผ่านไปครู่หนึ่งจู่ๆ ก็แกะสายคาดเอวของเด็กคนนั้นออก…

หลัวจั่นอวี่มองดูตามสัญชาตญาณ พลันแข็งทื่อไป!

เชือกเหล่านั้นพันเข้ากับสะดือของเด็กน้อย และบนสะดือมีวัตถุสีดำชิ้นหนึ่งติดอยู่ รูปร่างคล้ายแผ่นยา ทว่ามีไอชั่วร้ายแผ่ออกมารางๆ

“นี่คือ?” หลัวจั่นอวี่ยังคงสับสนงุนงง

ตี้ฝูอีเอ่ยออกมาเบาๆ สองคำ “ระเบิด!”

สิ่งที่ติดอยู่บนสะดือของเด็กน้อยมิใช่อื่นใด แต่เป็นระเบิดแบบพิเศษชนิดหนึ่ง! หากว่าไม่แก้เชือกออกมาตามขั้นตอนพิเศษที่กำหนดไว้ ระเบิดนี้จะปะทุขึ้นมา แม้แต่คนที่ช่วยแกะให้เด็กน้อยก็จะระเบิดเป็นชิ้นๆ ไปพร้อมกับเขาด้วย! สู้ไม่ได้เลย!

หลังจากหลัวจั่นอวี่ได้ยินคำอธิบายจากตี้ฝูอี ทั่วร่างก็หลั่งเหงื่อเย็นเฉียบ มองไปที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมด้วยความโกรธแค้น “แผนการของเจ้าต่ำช้าเหลือเกิน!”

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมนึกไม่ถึงว่าตี้ฝูอีจะมองแวบเดียวก็ดูสิ่งนี้ออกแล้ว นัยน์ตาโชนแสงวาบ

สิ่งที่เรียกว่าระเบิดนี้เป็นยอดฝีมือคนหนึ่งชี้แนะให้เขาสร้างขึ้นมา เรียกว่าระเบิดเวลาอะไรสักอย่าง บอกว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ในโลกใบนี้ และไม่มีผู้ใดรู้จัก

กลับนึกไม่ถึงว่าในสถานการณ์คับขันที่สุดตี้ฝูอีจะรู้จักด้วย!

เขาค่อนข้างเสียใจอยู่บ้าง เดิมทีเขาคิดจะฉวยโอกาสตอนคนที่ถูกมัดไว้เหล่านั้นระเบิดตี้ฝูอีดูแลตัวเองแทบไม่รอดหลบหนีไป นึกไม่ถึงเลยว่า…

เขาถอยหลังไปอีกก้าวหนึ่ง จู่ๆ ก็หัวเราะฮ่าๆ ออกมา “ตี้ฝูอี นับว่าเจ้าทราบทะลุปรุโปร่ง! เพียงแต่ ต่อให้เจ้ายืนยันสถานะของตัวได้ ก็อย่าได้หมายว่าจะรอดจากร่างแหของข้าได้! เจ้าดูสิว่ารอบกายของเจ้าคืออะไร?!”

ตี้ฝูอีเหลียวมองรอบข้างแวบหนึ่ง รอบข้างนอกจากประชาชนและคนของเขาแล้ว ก็คือกองทหารทมิฬเหล่านั้น

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมกล่าวต่อว่า “รู้หรือไม่ว่าเกาทัณฑ์ในมือของพวกเขาเป็นเกาทัณฑ์ชนิดใด? เกาทัณฑ์เลือนวิญญาณ! เมื่อยิงถูกแล้วไม่ว่าเจ้าจะมีความสามารถมากแค่ไหนก็ต้องกลายเป็นเนื้อเน่ากองหนึ่ง! ไม่เพียงแต่สามารถสังหารคนของเจ้าได้ ยังสามารถปลิดดวงวิญญาณของเจ้าได้ด้วย ทำให้เจ้าไม่อาจกลับชาติมาเกิดได้!”

เขาหมุนแหวนวงใหญ่บนนิ้วมือ ยิ้มเยียบเย็นอีกครั้ง “พวกเขาเชื่อฟังเพียงคำสั่งข้า ขอเพียงข้าสั่งการเรื่องนี้ไป พวกเขาก็จะยิงเกาทัณฑ์นับหมื่นออกไป เมื่อถึงเวลานั้นพวกก็หนีไม่รอดสักคนแล้ว!”

กู้เซี่ยเทียนหน้าเปลี่ยนสีแล้ว

คนอื่นไม่ทราบความร้ายกาจของกองทหารทมิฬเหล่านี้ ทว่าเขาทราบดี ถึงอย่างเขาก็เคยบัญชาการกองทหารนี้สู้รบมาก่อน…

“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย พวกเขาไม่ใช่มนุษย์! ตอนนี้พวกเขาไม่มีสตินึกคิดแบบมนุษย์แล้ว รู้จักเพียงเชื่อฟังคำสั่งและเข่นฆ่าสังหาร! หลังจากพวกเขายิงศรเลือนวิญญาณออกไปแล้วศพของคนจะกลายเป็นไอพิษ พิษที่ทำร้ายคนได้มากยิ่งขึ้น!”

เมื่อกู้เซี่ยเทียนตะโกนวาจานี้ออกมา หัวใจของคนมากมายล้วนเต้นโครมคราม!

กองทหารทมิฬเหล่านี้มีอยู่หลายพันคน แต่คนที่ตี้ฝูอีพามาผนวกกับคนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แล้วเต็มที่ก็แค่ไม่กี่สิบคนเท่านั้น ถึงแม้ไม่กี่สิบคนนี้ล้วนเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือทั้งสิ้น แต่ถ้าคิดจะกำจัดกองทหารทมิฬเกาทัณฑ์ยาวเหล่านี้ในคราวเดียวก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่ดี

พวกตี้ฝูอีเป็นยอดฝีมือ บางทีอาจจะหลบเลี่ยงเกาทัณฑ์เลือนวิญญาณเหล่านี้ได้ แต่บนแท่นนี้มีเหล่าขุนนาง มีคนตระกูลกู้ที่ถูกมัดไว้ ด้านล่างมีประชาชนผู้บริสุทธิ์มากมาย หากเกาทัณฑ์นับหมื่นยิงออกมา คนเหล่านี้ล้วนต้องตกตายด้วยเกาทัณฑ์นี้…

เหล่าประชาราษฎร์เพิ่งได้รับแสงแห่งความหวัง นึกไม่ถึงว่าพริบตาเดียวก็ถูกผลักเข้าสู่ความตายอีกแล้ว อดไม่ได้ที่จะร้อนรนอยู่บ้าง สายตานับไม่ถ้วนมองไปยังทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่อยู่บนแท่น

ไม่มีอะไรที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ทำไม่ได้ บางทีเขาอาจจะมีวิธีกระมัง?

ตี้ฝูอีไม่ได้แสดงอาการใดๆ เพียงมองทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมแวบหนึ่ง “ตัวเตรียมการได้รอบคอบยิ่งนัก”

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมหัวเราะดังฮ่าๆ “นั่นมันแน่อยู่แล้ว! จะต่อกรกับคนพิเศษย่อมต้องใช้วิธีการพิเศษ! ตี้ฝูอี ต่อให้เจ้าจะปราดเปรื่องสักแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือของข้า!” เขากวาดตามองประชาชนด้านล่างแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเยียบเย็น “พวกเจ้าในยามนี้ใครยังติดตามเขาต่อเล่า?!”

ปวงชนเงียบงัน

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมแหงนหน้าหัวเราะคราหนึ่ง “ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกสักครั้ง ขอเพียงพวกเจ้าเอ่ยปฏิญาณว่าจะติดตามข้า ยอมรับข้าเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวจริง ข้าก็จะปล่อยพวกเจ้าไป!”

เงื่อนไขข้อนี้กล่าวได้ว่าเย้ายวนโดยแท้

ด้านหนึ่งคือทางรอด ด้านหนึ่งเป็นไปได้ว่าจะต้องตาย…

มนุษย์ล้วนมีสัญชาตญาณในการแสวงประโยชน์เลี่ยงโทษ ยามที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมเอ่ยวาจานี้ออกมา ในใจมั่นใจเต็มร้อยว่าชาวบ้านโง่เง่าพวกนี้ต้องเลือกปฏิญาณว่าจะติดตามเขาเป็นแน่…

เขาจะใช้วิธีการนี้มาตบหน้าตี้ฝูอีซะ!

ที่เขานึกไม่ถึงคือ เขาจะผิดพลาดไปอย่างสิ้นเชิง!

หลังจากราษฎรเหล่านี้พูดคุยหารือกันอยู่ครู่หนึ่ง ไม่น่าเชื่อจะว่าเอ่ยด่าทอเขา!

————————————————————————————-

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

Status: Ongoing
   เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท